Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1882
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1882
ตอนที่ 1882 ผ่านการทดสอบ
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
หลังจากเล่นงานและกำจัดผู้เข้าทดสอบไปได้มากกว่า 12 คนใน
คราวเดียว ฟ่ านเฉี่ยวชิงก็ตาแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น
เขาเพิ่งตั้งต้นร่ำเรียนจากเฉี่ยวฉูได้ไม่ถึง 2 ชั่วโมง แต่กำจัดผู้เข้า
ทดสอบไปได้อย่างน้อย 300 คนแล้ว!
การพัฒนาตัวเองในระดับนี้คือสิ่งที่เขาไม่เคยกล้าฝันถึง เนิ่นนาน
มาแล้วที่เขาคิดว่าการฝึกฝนวรยุทธคือกระบวนการที่เชื่องช้าแสน
สาหัสและต้องอาศัยการเพิ่มพละกำลังทีละน้อย แต่แนวคิดนั้นแตก
สลายไปจากสมองของเขาจนหมดสิ้น
แต่ถึงเขาจะก้าวหน้าขึ้นมาก ก็ยังห่างไกลกับฟ่ านเฉี่ยวเฟิง หมอนั่น
กำจัดผู้เข้าทดสอบไปได้อย่างน้อย 700 คน!
ส่วนเฉี่ยวฉูก็เดินไปพร้อม ๆ กับพวกเขา แต่ไม่ได้ปล่อยการโจมตี
แต่ถึงอย่างนั้น ทันทีที่พวกเขาทั้งคู่ทำอะไรผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย
ก็จะถูกเชือดเฉือนด้วยสายตาและการวิพากษ์วิจารณ์อันเย็นชาอย่าง
น่าสะพรึง เพราะสิ่งนี้ พวกเขาจึงพัฒนาได้อย่างรวดเร็วภายใน
ระยะเวลาอันสั้น
“ต้องแบบนี้สิ บ่มเพาะร่างกายของคุณอีกหน่อยและรักษาวรยุทธให้
มั่นคง ไม่ช้าก็จะฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ…”
หลังจากทั้งสองฝ่าฟันคลื่นของผู้เข้าทดสอบระลอกสุดท้ายได้สำเร็จ
จางเซวียนก็พยักหน้าเป็นเชิงยอมรับ
แม้ทั้งคู่จะหัวทื่อไปบ้าง แต่เพราะความอดทนเกินพิกัดของจางเซวียน
เขาจึงยกระดับความสามารถของทั้งคู่ได้ไม่น้อย
ต่อให้ผ่านพ้นการทดสอบไปแล้ว พวกเขาก็จะยังคงได้รับประโยชน์
จากการยกระดับสภาวะจิตและประสิทธิภาพการต่อสู้ แต่แน่นอนว่า
ในอนาคตจะไปได้ไกลแค่ไหนนั้น ก็ไม่ใช่กงการอะไรของเขา
“เหลือผู้เข้าทดสอบอยู่เพียง 100 คนบนภูเขา ผมขอประกาศว่าการ
ทดสอบเสร็จสิ้นก่อนเวลา!”
พร้อม ๆ กันกับเสียงที่ดังกึกก้อง ฝูงชนรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานที่
โอบล้อมพวกเขา พริบตาต่อมา ทุกคนก็ถูกส่งทะลุมิติมายังจัตุรัสที่
อยู่ด้านหน้าภูเขา
จางเซวียนมองไปรอบ ๆ และเห็นว่ามีผู้เข้าทดสอบอยู่ 100 คนพอดี
ในจัตุรัสนั้น ซึ่งนอกจากพวกเขาทั้งสามคนแล้ว คนอื่น ๆ ที่เหลือดู
จะยับเยินเพราะพลังงานอะไรสักอย่างและอยู่ในสภาพไม่น่าดูนัก
แม้ผู้เข้าทดสอบส่วนใหญ่จะดูไม่โดดเด่นอะไร แต่ข้อเท็จจริงที่ว่า
พวกเขาเอาตัวรอดมาได้จนสิ้นสุดการทดสอบจากจำนวนผู้เข้า
แข่งขันถึง 2000 คน ก็หมายความว่าพวกเขาจะต้องมีวิถีทางอันน่า
ทึ่ง และที่สำคัญกว่านั้น ยังโชคดีมากอีกด้วยที่ไม่ได้ปะทะกับพวก
เขาทั้งสาม!
“อันดับแรกสุด ผมขอแสดงความยินดีกับพวกคุณทุกคนอย่างเป็น
ทางการที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าเป็นนักเรียนของสำนักแห่งขงจื๊อในปี
นี้” จ้งฉิงประกาศอย่างวางมาด
ขณะที่กำลังพูด สายตาของเขาก็จับจ้องที่จางเซวียนกับพรรคพวก
ใบหน้าของเขากระตุกเล็กน้อย จ้งฉิงอยากรี่เข้าไปซ้อมคนเหล่านั้น
แต่สุดท้ายก็ได้แต่ยับยั้งตัวเองไว้
การที่เหล่าทายาทของเขาถูกคนเหล่านี้กำจัดก็แปลว่าพวกนั้นอ่อนแอ
เขาจะไม่ละทิ้งเกียรติยศศักด์ิศรีเพียงเพื่อทำให้อะไร ๆ ยุ่งยากกว่าเดิม
จ้งฉิงสูดหายใจลึกและพูดต่อ “หลังจากนี้ พวกคุณจะต้องนำตราหยก
มาแลกรับแหวนเก็บสมบัติไป ภายในแหวนเก็บสมบัติคือเส้นทาง
และกรรมวิธีในการเข้าสู่สำนักแห่งขงจื๊อ รวมทั้งหนังสือเทคนิค
วรยุทธขั้นการพักฟื้นภายในและทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธ
ด้วย พวกคุณมีเวลา 3 วันในการใช้ความสามารถของตัวเองเข้าสู่
สำนักแห่งขงจื๊อให้ได้ ต่อเมื่อคุณทำสำเร็จเท่านั้น ถึงจะได้เป็น
นักเรียนของสำนักแห่งขงจื๊ออย่างเต็มตัว”
“ผมรู้ว่าบททดสอบนี้คงไม่ยากเย็นอะไรสำหรับพวกคุณ แต่ขอให้
ผมได้แนะนำสักหน่อย ยิ่งคุณเข้าสู่สำนักแห่งขงจื๊อได้เร็วขึ้นเท่าไหร่
ก็มีโอกาสที่จะได้พบเจอครูบาอาจารย์ที่ดีขึ้นเท่านั้น คงไม่ต้องบอก
นะว่าสิ่งนี้จะช่วยแผ้วถางเส้นทางที่นำไปสู่การพัฒนาวรยุทธของ
คุณในอนาคต”
ก็เหมือนกับสถาบันการศึกษาอื่น ๆ การให้คำชี้แนะในสำนักแห่ง
ขงจื๊อเป็นความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่าย ขณะที่ลูกศิษย์มีสิทธ์ิเลือก
อาจารย์ อาจารย์ก็สามารถเลือกลูกศิษย์ของพวกเขาได้เช่นกัน
จำนวนลูกศิษย์ที่อาจารย์แต่ละคนรับได้นั้นมีจำกัด ดังนั้นผู้ที่เข้าถึง
สำนักแห่งขงจื๊อก่อนย่อมมีโอกาสดีกว่าที่จะได้เข้าหาครูบาอาจารย์ที่
พวกเขาต้องการ ในเวลาเดียวกัน ทรัพยากรที่จะได้รับก็แตกต่าง
ออกไปด้วย
“เอาล่ะ คืนตราหยกของคุณได้แล้ว!”
หลังจากพูดจบได้ไม่นาน ตราหยกที่อยู่บนหน้าอกของทุกคนก็ลอย
ขึ้นสู่กลางอากาศ แล้วแหวนเก็บสมบัติ 100 วงก็ลอยเข้าสู่มือของทุก
คนอย่างพร้อมเพรียง
จางเซวียนสวมแหวนอย่างแผ่วเบา ข้าวของที่อยู่ในนั้นปรากฏในหัว
สมองของเขา
อย่างที่ได้รับการบอกเล่าไว้ มีเทคนิควรยุทธขั้นการพักฟื้นภายใน
แม้จะไม่มีเทคนิควรยุทธทั่วไป ให้นักรบในระดับขั้นนี้ฝึกฝน แต่
หนังสือเทคนิควรยุทธที่อยู่ในแหวนเก็บสมบัติก็ชี้ทางที่ชัดเจนให้
การมีหนังสืออยู่ในมือจะช่วยผลักดันให้การฝ่าด่านวรยุทธเป็นไป
ได้ง่ายขึ้นมาก
นอกเหนือจากหนังสือเทคนิควรยุทธ ก็ยังมียาเม็ดเกรด 9 ที่ได้รับ
การขัดเกลารูปร่างมาเป็นอย่างดี
ยานี้มีอานุภาพชำระร่างกายและพลังปราณ รวมถึงกระบวนการเร่ง
ศักยภาพของการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นการพักฟื้นภายในด้วย ดังนั้น
มันจึงช่วยเพิ่มโอกาสของการฝ่าด่านวรยุทธได้อีกราว 10 เปอร์เซ็นต์
สุดท้ายก็คือตราหยกอีกอันหนึ่ง
จางเซวียนนำตราหยกออกมาแล้วแตะมันเบา ๆ แต่ก็ไม่รู้สึกอะไรเลย
เห็นทีท่าของจางเซวียน ฟ่านเฉี่ยวเฟิงรีบอธิบาย “มีค่ายกลอยู่บนตรา
หยก ถ้าเราอยากรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน ก็จะต้องถอดรหัสค่ายกลให้ได้
ก่อน นี่คือหนึ่งในบททดสอบของสำนักแห่งขงจื๊อ”
“มีบททดสอบแบบนี้ด้วย? แล้วคนที่ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องค่ายกลล่ะ
จะทำอย่างไร?” จางเซวียนตั้งคำถาม
อาจมีผู้เข้าทดสอบบางคนที่ไม่คุ้นเคยกับค่ายกล การใช้บททดสอบ
แบบนี้กับพวกเขาจึงออกจะไม่ค่อยยุติธรรม
“ค่ายกลที่อยู่บนตราหยกไม่ซับซ้อนเท่าไหร่ ดังนั้น จะคุ้นเคยกับค่าย
กลหรือไม่ก็ไม่ได้แตกต่าง ความยากอยู่ที่ความยุ่งเหยิงของมัน ผู้นั้น
จะต้องควบคุมพลังปราณให้ได้อย่างแม่นยำเพื่อถอดรหัสมันอย่าง
ระมัดระวัง แม้จะเป็นการทดสอบ แต่ก็เป็นเหมือนคำเตือนที่บอก
พวกเราว่าเราไม่ควรให้ความสนใจกับการสร้างรากฐานของพลัง
ปราณเพียงอย่างเดียว แต่การควบคุมมันให้ได้ถูกต้องแม่นยำก็ถือว่า
สำคัญมากเช่นกัน” ฟ่านเฉี่ยวเฟิงพูด
ได้ยินคำนั้น จางเซวียนพยักหน้า
วรยุทธของฟ่ านเฉี่ยวเฟิงกับฟ่ านเฉี่ยวชิงไม่ได้พัฒนามากนักนับตั้งแต่
เข้ามาในภูเขา แต่ประสิทธิภาพการต่อสู้ของทั้งคู่เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
ทำให้พวกเขาเล่นงานคู่ต่อสู้คนแล้วคนเล่าได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเหตุผล
หลักที่ทำได้ก็เพราะทั้งคู่ได้ร่ำเรียนวิธีการควบคุมและปลดปล่อย
พละกำลังอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยการเลือกสรรกระบวนท่าที่ใช้ประโยชน์ได้มากที่สุดผนวกกับ
การโจมตีจุดอ่อนใด ๆ ก็ตามอย่างตรงเป้า จึงเป็นธรรมดาที่
ประสิทธิภาพการต่อสู้ของทั้งคู่จะเพิ่มสูงขึ้นมาก
จางเซวียนตรวจสอบตราหยกอย่างรวดเร็ว เห็นอักษรจารึกมากมาย
นับไม่ถ้วนถูกสลักไว้บนนั้น ดูเหมือนเขาจะต้องควบคุมพลังปราณ
ให้ได้แม่นยำสูงสุดเพื่อถอดรหัสอักษรจารึกที่เห็น
แม้ภารกิจนี้จะสร้างความท้าทายไม่น้อยต่อผู้เข้าทดสอบคนอื่น ๆ แต่
กลับง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากสำหรับเขา จางเซวียนโบกมือเบา ๆ
เหนือตราหยกนั้น
วิ้งงงง!
ฉนวนเปิดออกทันที แล้วรายละเอียดภายในก็ลอยเข้าสู่หัวสมองของ
เขา
มันคือตำแหน่งที่ตั้งที่ชัดเจนของสำนักแห่งขงจื๊อและวิธีการเข้าไป
ในนั้น
เป็นอย่างที่จางเซวียนคาดไว้ สำนักแห่งขงจื๊อไม่ได้อยู่แถวนี้ แต่อยู่ที่
ใจกลางทะเลทรายซึ่งห่างออกไปราวหมื่นลี้ ในการจะไปถึงที่นั่นได้
เขาจะต้องไปตามเส้นทางพิเศษที่มีบอกไว้บนตราหยก
“เอาล่ะ พวกคุณเริ่มถอดรหัสค่ายกลที่อยู่บนตราหยกได้แล้ว!”
เมื่อเห็นทุกคนนำตราหยกที่อยู่ในแหวนเก็บสมบัติออกมา จ้งฉิงกวาด
สายตาไปโดยรอบก่อนจะพูดต่อ “ในประวัติศาสตร์ของสำนักแห่ง
ขงจื๊อ สถิติการถอดรหัสฉนวนที่เร็วที่สุดคือ 6 ชั่วโมง ซึ่งในช่วง 100
ปีที่ผ่านมา ผู้ที่เข้าใกล้สถิตินั้นมากที่สุดคือทายาทของปรมาจารย์ขง,
ขงซือเหยา โดยใช้เวลา 7 ชั่วโมง จากนั้นก็คือทายาทของนักปราชญ์
โบราณจื่อหยวน, เหยียนเฉว่ ใช้เวลา 8 ชั่วโมง สำหรับพวกคุณที่
เหลือ หากถอดรหัสฉนวนนี้ได้ภายในเวลา 1 วันก็ถือว่าน่าทึ่งแล้ว”
ถึงค่ายกลที่อยู่บนตราหยกจะดูเรียบง่าย แต่มันยุ่งยากกว่าที่เห็น หาก
ปราศจากจิตใจที่สงบและการควบคุมพลังปราณอย่างเฉียบคม ก็
แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะถอดรหัสสำเร็จ
ต่อให้อัจฉริยะชั้นยอดของสำนักแห่งขงจื๊อก็ยังต้องใช้เวลาถึง 7
ชั่วโมงในการถอดรหัสมัน!
“เอาล่ะ ให้ผมได้แนะนำอะไรพวกคุณสักหน่อย ความรีบร้อนและ
บุ่มบ่ามจะไม่ช่วยให้คุณได้อะไรขึ้นมา หากคุณปฏิบัติภารกิจนี้ไม่
สำเร็จภายในเวลา 3 วัน ถึงจะผ่านการทดสอบมาแล้ว แต่ก็จะไม่ได้
การยอมรับอย่างเป็นทางการให้เป็นนักเรียนของสำนักแห่งขงจื๊อ”
จ้งฉิงเตือนล่วงหน้าก่อนจะโบกมือเบา ๆ
ฟึ่บ!
ปราการที่มีหน้าตาเหมือนกระจกเงาปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกคน
“นี่คือค่ายกลทะลุมิติ ทันทีที่คุณถอดรหัสฉนวนบนตราหยกได้ ก็จะ
ถูกดูดเข้าไปในค่ายกล จากนั้น คุณจะต้องตามรอยเส้นทางที่บันทึก
ไว้บนตราหยกเพื่อเข้าสู่สำนักแห่งขงจื๊อ เอาล่ะ ได้เวลาถอดรหัส
ฉนวนแล้ว ผมอยากรู้เหลือเกินว่าสถิติที่เร็วที่สุดของพวกคุณคือ…”
จ้งฉิงพูด
แต่ยังพูดไม่ทันจบ เขาก็เห็นปราการที่มีหน้าตาเหมือนกระจกเงานั้น
สั่นสะเทือน
ร่างหนึ่งค่อย ๆ ลอยขึ้นสู่กลางอากาศก่อนจะดำดิ่งเข้าสู่ปราการนั้น
“อะไรกัน? เขา…ถอดรหัสค่ายกลเรียบร้อยแล้วหรือ?”
ทุกอย่างเงียบงันไปเป็นเวลานาน