Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1917
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1917
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1917 ความสับสนของตั้นเฉี่ยวเทียน
เมื่อไหร่ที่เรื่องนี้กระฉ่อนไปทั่ว เกียรติยศศักดิ์ศรีของเขาย่อมป่นปี้ไม่มีเหลือ เขาจะไม่มีวันเชิดหน้า มองใครต่อใครได้อีก จะกลายเป็นที่ซุบซิบนินทาของคนทั้งเมือง และความอับอายครั้งนี้จะทำลาย ชื่อเสียงเกียรติยศที่ตระกูลตั้นสั่งสมมาตลอดระยะเวลาหลายร้อยปี
ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายทางสังคม
“ลงนามในเอกสารซะ” เฉว่ชิงพูดด้วยน้ำเสียงกดดันและเย็นชา
“นายน้อยที่ 3, อย่าลงนามในเอกสารนะ! คุณลงนามเมื่อไหร่ ชื่อเสียงของตระกูลตั้นป่นปี้ไม่มีเหลือแน่!” ผู้อาวุโสอี้ได้อ่านรายละเอียดของเอกสารจากด้านหลังตั้นเฉี่ยวเทียน เขารีบทรุดตัวลงคุกเข่าและร้องร่ำเพื่อทักท้วง
แม้แต่ความตายยังไม่น่าสะพรึงเท่ากับการเห็นตระกูลที่เขาอุทิศตัวรับใช้ต้องถูกหยามเกียรติแบบนี้
“ผม…” ตั้นเฉี่ยวเทียนไม่รู้จะทำอย่างไร
เขารู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากลงนามในเอกสาร แต่ถ้าไม่ลงนาม ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ยังยกเลิกการแต่งงานอยู่ดี และผลที่ออกมาย่อมเลวร้ายกว่านี้
เขาจนมุมแล้ว ไม่มีอะไรที่ทำได้อีก
ในตอนนั้น แม้แต่การฆ่าตัวตายก็ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกหนึ่งของเขา ตั้นเฉี่ยวเทียนไม่เคยปรารถนาจะจบชีวิตและปล่อยให้ทุกอย่างจบลงแบบนี้ แต่ขณะที่กำลังสิ้นหวัง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ถ้าคุณไม่อยากลงนามในเอกสารนั่น ก็ไม่ต้องลง”
ทุกคนรีบหันขวับไปมอง เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีผ้าพันแผลพันไว้ทั้งตัวราวกับมัมมี่กำลังยืนพิงประตู เขาจ้องมองมาพร้อมกับยิ้มให้
ชายหนุ่มคนนี้ดูจะไม่มีวรยุทธใดๆ แต่ดวงตาของเขาปราศจากความหวาดหวั่นอย่างสิ้นเชิงแม้จะยืนอยู่ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญระดับเฉว่เฉิน ราวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขาเป็นเพียงละครบทหนึ่ง
“คุณเป็นใคร? ถ้าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณล่ะก็ ปิดปากเงียบไว้จะดีกว่า ไม่เคยได้ยินสุภาษิตที่ว่าปากพาจนหรือ?” เฉว่เฉินจ้องหน้าจางเซวียนอย่างข่มขู่
ถ้าเป็นไปได้ พวกเขาก็อยากแก้ปัญหาเรื่องนี้กับตั้นเฉี่ยวเทียนโดยไม่ทำอะไรรุนแรง เพราะเสี่ยงต่อการที่โลกจะรับรู้ ดังนั้น เฉว่เฉินจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยั้งมือไว้ไม่ให้เปิดการโจมตี
จางเซวียนพูดต่ออย่างไม่สะทกสะท้าน “ผมเป็นแค่คนไร้ค่าคนหนึ่งที่น้องตั้นช่วยชีวิตไว้ ผมไม่ได้อยากก้าวก่ายกิจธุระของคุณ แต่เกรงว่าน้องตั้นจะต้องเสียใจในการตัดสินใจของตัวเองหากลงนามในเอกสารฉบับนั้น ผมจึงอดแนะนำเขาไม่ได้”
“พี่จาง…” นัยน์ตาของตั้นเฉี่ยวเทียนเป็นประกายด้วยความสำนึกในบุญคุณ
แม้จางเซวียนจะไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเฉว่ชิงกับเฉว่เฉิน อีกทั้งอำนาจล้นฟ้าที่พวกเขามี แต่ก็น่าจะพอมองออกจากบทสนทนาว่าทั้งคู่ไม่ใช่บุคคลที่ควรจะต่อกรด้วย แต่ทั้งๆที่ต้องเสี่ยง อีกฝ่ายก็ยังเลือกที่จะโพล่งออกมา สิ่งนี้ทำให้เขาประทับใจไม่น้อย
“เสียใจ? ฮ่าฮ่าฮ่า! เขามีอะไรให้ต้องเสียใจ เจ้าหนุ่มนี่ยังคิดว่าระหว่างตัวเขากับนายหญิงน้อยที่ 2 นั้นยังพอมีหวังหรือ?” เฉว่เฉินคำราม “เลิกฝันกลางวันเสียเถอะ! ทำไมไม่ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาเสียก่อน? คางคกอย่างคุณกล้าใฝ่ฝันอยากเคียงคู่หงส์หรือไง? เจียมกะลาหัวด้วย!”
“ผมดีใจที่อย่างน้อยก็มีเรื่องหนึ่งที่เราทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน พวกเขาไม่ควรคู่กันจริงๆ” จางเซวียนพยักหน้าอย่างสุขุมเพื่อตอบโต้การดูถูกของอีกฝ่าย “เห็นได้ชัดเลยว่านายหญิงน้อยที่ 2 คนนี้ของคุณไม่คู่ควรกับน้องตั้น ไม่มีอะไรที่จะเป็นการดูถูกเหยียดหยามเขาอย่างร้ายแรงเท่ากับการที่เขาต้องแต่งงานกับคนอย่างเธออีกแล้ว!”
“คุณว่าอะไรนะ?”
เฉว่เฉินกำลังพยักหน้าอย่างพออกพอใจกับคำพูดท่อนแรกของจางเซวียน แต่เมื่อจางเซวียนพูดจบ นัยน์ตาของเขาก็เปล่งประกายของเจตนาสังหารออกมา
“คุณไม่เชื่อผมหรือ?” จางเซวียนมองเฉว่เฉินด้วยสีหน้าที่บ่งบอกความทึ่ง ราวกับไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจสิ่งที่เห็นกันชัดๆขนาดนี้ “ผมว่าคุณคงต้องดูด้วยตาตัวเองกระมังถึงจะรู้ความจริง ใช่ไหม? เอาล่ะ กลับมาในอีก 3 วันข้างหน้านะ แล้วเราจะได้เห็นกัน!”
“พูดกันมาตั้งมากมาย ลงท้ายคุณก็แค่พยายามถ่วงเวลา เสียเวลาสิ้นดี!” เฉว่เฉินคำราม “ตราบใดที่ตั้นเฉี่ยวเทียนยังไม่ลงนามในเอกสารนี้ ผมรับประกันได้เลยว่าสิ่งที่เขาจะต้องสูญเสียน่ะไม่ใช่เพียงแค่เกียรติยศศักดิ์ศรี แต่เป็นชีวิตของเขาด้วย!”
จางเซวียนยักไหล่อย่างไม่รู้สึกรู้สา “ถ้าจะต้องถึงขนาดนั้น ก็ตามนั้นเถอะ…คนอย่างน้องตั้นคงไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยแบบนี้หรอก!”
“ฮะ?” ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ตั้นเฉี่ยวเทียนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติในคำที่จางเซวียนเพิ่งพูดออกไป
ดูเหมือนพี่จางจะเป็นคนที่มีความคิดแน่วแน่…แต่ไอ้การที่คุณพูดว่า ‘ถ้าจะต้องถึงขนาดนั้น ก็ตามนั้นเถอะ’? นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะ ชีวิตของผมกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย!
เฉว่เฉินเบือนหน้าไปจากจางเซวียน เขาจ้องหน้าตั้นเฉี่ยวเทียนด้วยสายตาเย็นเยียบที่แทบจะทำให้นรกกลายเป็นน้ำแข็ง “นั่นคือการตัดสินใจของคุณใช่ไหม?”
ตั้นเฉี่ยวเทียนตัวสั่นเล็กน้อยภายใต้การจับจ้องของเฉว่เฉิน แต่ก็กัดฟันตอบ “คำพูดของพี่จางบ่งบอกเจตนาของผมแล้ว”
เขาไม่รู้ว่าทำไมพี่จางถึงคาดหวังในตัวเขาสูงนัก แต่ก็เห็นชัดว่าไม่มีหนทางให้ถอย
หากต้องเลือกระหว่างศักดิ์ศรีของตระกูลตั้นกับชีวิตของเขา เขาก็พร้อมเลือกศักดิ์ศรีของตระกูลตั้น ตระกูลตั้นไม่ได้เป็นของเขาคนเดียว มันถูกสร้างขึ้นด้วยความเหนื่อยยากของบรรพบุรุษมากมาย รวมถึงท่านปู่ ท่านพ่อ และบรรดาพี่ชายของเขาที่เสียชีวิตไปแล้วด้วย เขาไม่อาจทำลายความเหน็ดเหนื่อยพากเพียรของคนเหล่านั้นเพียงเพื่อให้ตัวเองได้มีชีวิตอยู่!
อีกอย่าง ทันทีที่ประกาศยกเลิกงานแต่งงานถูกเผยแพร่ออกไป ตัวเขาก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายแล้ว ด้วยสิ่งนี้ การตัดสินใจที่เขาควรเลือกก็ไม่อาจชัดเจนไปกว่านี้ได้อีก
“ดูเหมือนจะมีแบ็คดีนะ ใช่ไหม? รอดูก็แล้วกันว่าการตัดสินใจของคุณจะนำพาชีวิตคุณไปอย่างไร ตามนั้นก็แล้วกัน!” ได้ยินการตัดสินใจครั้งสุดท้ายของตั้นเฉี่ยวเทียน เฉว่เฉินสะบัดแขนเสื้ออย่างโกรธเกรี้ยว เขาหันไปพูดกับสาวน้อยที่อยู่ข้างๆ “นายหญิงน้อยที่ 2, ไปกันเถอะ!”
ส่วนเฉว่ชิงก็มองตั้นเฉี่ยวเทียนอย่างดูถูกขณะคำราม “ฉันหวังว่าเมื่อถึงเวลา คุณคงไม่มาร้องขอชีวิตกับฉันนะ!”
จากนั้นเธอก็หันหลังกลับแล้วจากไป ตลอดการสนทนาทั้งหมดนี้ เธอไม่ได้เหลือบมองจางเซวียนแม้แต่ครั้งเดียว ราวกับการมองคนธรรมดาสามัญจะทำให้ดวงตาของเธอระคายเคือง
ทันทีที่ทั้งคู่ออกมาพ้นลานบ้าน…
“ท่านอาจารย์…” เฉว่ชิงมองเฉว่เฉินอย่างร้อนใจ
เฉว่เฉินรีบสำรวจโดยรอบเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ก่อนจะให้ความมั่นใจกับสาวน้อย “อย่าห่วงเลย เราไม่ต้องการเวลาถึง 3 วันเพื่อแก้ปัญหานี้หรอก ตระกูลตั้นน่ะไม่เหลืออะไรแล้ว รอดูก็แล้วกันว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดพ้นคืนนี้หรือเปล่า!”
คำพูดนี้ทำให้เฉว่ชิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ตอนแรกฉันก็ประทับใจในตัวเขา แต่ใครจะไปคิดว่าเขาจะกลับกลายเป็นคนหยิ่งผยองน่ารังเกียจ? ปล่อยให้เขาตายไปเถอะ คนอย่างเขาไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้!”
ทั้งสองขึ้นเกี้ยว ไม่ช้าก็หายลับไป
…..
หลังจากเฉว่ชิงกับเฉว่เฉินออกจากบ้านพักไปได้ไม่นาน เกิดความเงียบงันครู่ใหญ่ก่อนที่ผู้อาวุโสอี้จะโพล่งออกมาอย่างร้อนใจ
“นายน้อยที่ 3, แบบนี้ไม่ได้การนะ เราจะนั่งรอนอนรอความตายไม่ได้…ออกจากเมืองกันเถอะ!”
เขารู้ดีว่าท่านเจ้าเมืองไม่ได้ใจกว้างและมีเมตตาอย่างที่ดูเหมือนจะเป็น อันที่จริง เขาสงสัยด้วยซ้ำว่าการสังหารหมู่และเหตุร้ายที่นำมาซึ่งการล่มสลายของตระกูลตั้นน่าจะมีท่านเจ้าเมืองเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง
ในเมื่อพวกนั้นทำถึงขนาดนี้ ก็คงไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะส่งทีมลอบสังหารมาจัดการตั้นเฉี่ยวเทียน โดยเฉพาะหลังจากการตัดสินใจปฏิเสธของเขาเมื่อครู่ก่อน
อีกอย่าง ด้วยวิธีการของท่านเจ้าเมือง แน่นอนว่าพวกเขาคงกลบเกลื่อนร่องรอยของผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้จนไม่มีเหลือ
ในเมื่อเป็นอย่างนั้น สิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเขาทำได้ก็คือหนีไปให้ไกลจนสุดกำลัง
“หนี? คุณคิดว่าเรายังมีโอกาสหนีหรือ?” ตั้นเฉี่ยวเทียนส่ายหน้าอย่างขมขื่น
การที่นายหญิงน้อยที่ 2 มายกเลิกการแต่งงานด้วยตัวเองบ่งบอกถึงการตัดสินใจแน่วแน่ของอีกฝ่ายที่จะจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ดังนั้น จึงไม่มีทางที่ท่านเจ้าเมืองจะปล่อยให้พวกเขาหนีรอดไปได้
เพราะถ้าคนพวกนั้นไม่สามารถยกเลิกการแต่งงาน นายหญิงน้อยที่ 2 มิต้องใช้ชีวิตทั้งชีวิตของเธออย่างโดดเดี่ยวและรอคอยให้เขากลับมาหรือ?
“พี่จาง…” ตั้นเฉี่ยวเทียนหันไปมองจางเซวียน หวังจะขอคำแนะนำจากอีกฝ่ายว่าเขาควรทำอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้
ในเมื่อพี่จางพูดจาเป็นมั่นเหมาะคำโต ‘กลับมาในอีก 3 วันข้างหน้านะ แล้วเราจะได้เห็นกัน’ บางทีเขาอาจมีความคิดในใจแล้วก็ได้
“ผมอยากให้คุณยืนยันความตั้งใจของคุณเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อครู่นี้คุณเต็มใจจะลงนามในสัญญานั่นหรือเปล่า?”
“แน่นอนว่าไม่!” ตั้นเฉี่ยวเทียนส่ายหน้า “ถ้าผมลงนามในกระดาษบ้าบอนั่น จะมีหน้าไปมองบรรพบุรุษของผมได้อย่างไรหลังจากที่ผมตายไปแล้ว?”
ถ้าเขาทำลายศักดิ์ศรีของตระกูลตั้นแบบนั้น ต่อให้ความตายก็ไม่เพียงพอจะชดใช้ความผิดบาปของเขา
“คุณกลัวความเจ็บปวดไหม?” จางเซวียนถาม
“ตอนนี้น่ะ ต่อให้ความตายผมก็ไม่กลัว แล้วเจ็บปวดแค่นิดหน่อยจะสำคัญอะไร?” ตั้นเฉี่ยวเทียนไม่รู้ว่าจางเซวียนคิดอะไรอยู่ แต่ก็ตอบคำถามตามตรง
“คุณอยากล้างแค้นที่ถูกหยามหน้าในวันนี้ไหม?”
“แน่นอน! ไม่ใช่เฉพาะวันนี้นะ ถ้าทำได้ ผมอยากล้างแค้นสำหรับการดูถูกทั้งหมดที่ผมได้รับมานับตั้งแต่ท่านพ่อท่านแม่ของผมเสียชีวิตไป แต่…” ตั้นเฉี่ยวเทียนมองขาของเขาด้วยสีหน้าสลด
เขาจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยได้อย่างไรเมื่อโดนดูถูกเหยียดหยามขนาดนั้น?
แต่ด้วยขาของเขาที่อยู่ในสภาพนี้ อีกทั้งไม่สามารถฝึกฝนวรยุทธได้ ความตั้งใจของเขาก็คงเป็นได้แค่ความตั้งใจที่อยู่ในสมอง ไม่มีวันกลายเป็นความจริง
ถ้าเขายังคงเป็นเด็กวัยรุ่นที่ปราดเปรื่องและเก่งกาจ คงไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างยอมจำนนแบบนี้…
“ดี! ในเมื่อคุณตัดสินใจแล้ว สิ่งสุดท้ายที่คุณต้องทำตอนนี้ก็คือยอมรับผมเป็นอาจารย์ของคุณ!” จางเซวียนพูด
“ยอมรับคุณเป็นอาจารย์ของผม?”
หัวสมองของพี่จางถูกกระทบกระเทือนตอนเกิดอุบัติเหตุหรือเปล่า?
เราจะเรียนรู้อะไรจากมนุษย์ธรรมดาสามัญคนหนึ่งได้?
หรือว่าคำสัญญาของคุณที่พูดว่า ‘กลับมาในอีก 3 วัน’…หมายถึงสิ่งนี้?
ตั้นเฉี่ยวเทียนอ้าปากค้างขณะรู้สึกทันทีว่าเขาถูกหลอก