Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1926
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1926
ตอนที่ 1926 คุณใช้ดาบของคุณหรือเปล่า?
“เป็นไปไม่ได้!”
ศิษย์พี่ที่กำลังยืนพิงเสารีบยืดตัวตรง
เขารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติทันทีที่ดาบถูกโยนออกมา รู้สึกได้ถึง
ร่องรอยของเจตจำนงเพลงดาบที่อยู่เบื้องหลังการโยนดาบนั้น ซึ่ง
หมายความว่ามันคือเทคนิคการใช้ดาบรูปแบบหนึ่ง
แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นไปได้จริง ๆ หรือที่จะสังหารหวงเทาได้
ง่ายดายเพียงแค่ใช้การโยนดาบ?
ศิษย์พี่พยายามทบทวนพละกำลังที่อยู่เบื้องหลังการโยนดาบ แต่ยิ่ง
ครุ่นคิดมากขึ้นเท่าไหร่ เหงื่อก็ผุดออกมาจากหน้าผาก
เขาต้องประหลาดใจที่พบว่าไม่อาจวิเคราะห์พละกำลังของการโยน
ดาบนั้นได้ ดูเหมือนทุกอย่าง เกิดขึ้นอย่างง่ายดาย หัวสมองของเขา
ประมวลได้เฉพาะตอนต้นและตอนจบ ส่วนเรื่องราวระหว่างทาง
ล้วนแต่ว่างเปล่า
แม้ด้วยความสามารถในการหยั่งรู้ของเขา เขาก็ยังบอกไม่ได้ว่าชาย
หนุ่มเอาชนะหวงเทาได้อย่างไรด้วยการโยนดาบเพียงครั้งเดียว!
“หรือว่าเราต้องสู้กับเขา ถึงจะได้รู้?” ศิษย์พี่พึมพำขณะกำหมัดแน่น
ผู้ฝึกฝนศิลปะเพลงดาบที่เก่งกาจมักอยากหาคนมาประลองด้วย เพื่อ
จะได้รู้ว่าศิลปะเพลงดาบของตัวเองทรงพลังแค่ไหน เป็นไปได้ว่า
กระบวนท่านี้จะเข้าถึงระดับนั้น
เมื่อเกิดความคิดขึ้นมา ศิษย์พี่เดินตรงไปยังเคาน์เตอร์รับรองอย่างไม่
ลังเล แล้วลงชื่อเข้าร่วมการดวล ครู่ต่อมาเขาก็ปรากฏตัวบนสังเวียน
ประลอง
“เมฆผงาด?” จางเซวียนอ่านฉายาจากจอภาพที่อยู่ไม่ห่างออกไปนัก
เขาเห็นคู่ต่อสู้คนล่าสุดถือดาบไว้ในมือ…เขาเพิ่งกำจัดนักดาบไปคน
หนึ่งเมื่อครู่ก่อน แล้วอีกคนหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้า นี่เขาบังเอิญไป
เหยียบรังแตนเข้าหรืออย่างไร?
“ผมคือเมฆผงาด (อวิ๋นเฟยหยาง) เป็นทั้งฉายาและชื่อจริงของผม”
อวิ๋นเฟยหยางพยักหน้า
เขาชักดาบออกมาโดยไม่ลังเล ประกายเย็นวาบปรากฏบนผิวหน้า
ของดาบ “ชักอาวุธของคุณออกมา!”
เมื่อเห็นคู่ต่อสู้ของเขาหลงตัวเองไม่ต่างจากคนก่อน จางเซวียนชัก
ดาบที่เขาใช้ในการดวลเมื่อครู่ออกจากรางอาวุธอีกครั้งก่อนจะมองคู่
ต่อสู้ของเขา
อวิ๋นเฟยหยางประสานมือและร้องขอ “กรุณาใช้ศิลปะเพลงดาบแบบ
การดวลคราวก่อน!”
เขาต้องการสัมผัสศิลปะเพลงดาบที่สังหารศิษย์น้องของเขาได้ในชั่ว
พริบตา เพื่อจะได้หาทางทำความเข้าใจมัน ในฐานะผู้ฝึกฝนศิลปะ
เพลงดาบ เขาทำใจไม่ได้ที่พบว่ายังมีเทคนิคเพลงดาบในโลกนี้ที่ตัว
เขายังเข้าไม่ถึง
“ศิลปะเพลงดาบที่ผมใช้คราวก่อน?” จางเซวียนขมวดคิ้ว
“ใช่”
“เอ่อ…อย่างนั้นก็ได้” จางเซวียนถอนหายใจอย่างจนปัญญา
เขาไม่คิดว่าการโยนดาบที่ทำไปเมื่อครู่จะเรียกได้ว่าเป็นศิลปะเพลง
ดาบ มันเป็นแค่การโยนดาบออกไปส่ง ๆ ไม่มีทักษะหรือแนวคิดล้ำ
ลึกอะไรอยู่เบื้องหลัง
แต่ก็นั่นแหละ มันคือการโยนดาบที่บรรจุแก่นสารของศิลปะเพลง
ดาบเทียบฟ้าเอาไว้ และนั่นคือเหตุผลที่มันเล่นงานศีรษะของนักดาบ
มหากาฬได้อย่างแม่นยำไร้ที่ติ
หมอนี่อยากลองแบบเดียวกันหรือ?
เขาคิดว่าหัวของตัวเองแข็งพอจะเอาชีวิตรอดได้หรือไง?
ไม่ว่าเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังคำขอของคู่ต่อสู้ของเขาจะเป็นอะไร
สำหรับจางเซวียนก็ไม่แตกต่าง
จางเซวียนกวัดแกว่งดาบในมือเล็กน้อยเพื่อขยับให้ถนัดมือ ก่อนจะชี้
ดาบไปที่เมฆผงาด
ฟึ่บ!
เขาสะบัดข้อมือ แล้วดาบก็หลุดจากมือของเขา
“มาแล้ว!” อวิ๋นเฟยหยางหรี่ตาขณะรีบชักดาบออกมา
ในชั่วพริบตา ด้วยเสียงลมคำรามและภาพติดตาที่เกิดจากคมดาบ
ร่างของเขาถูกดาบโอบล้อมไว้ ป้องกันไม่ให้แม้แต่น้ำสักหยดแตะ
ต้องตัวเขาได้
“เป็นศิลปะเพลงดาบที่ไร้เทียมทานอะไรอย่างนั้น!”
“เขากวัดแกว่งดาบเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร?”
“ผมมองตามกระบวนท่าเพลงดาบของเขาไม่ทันด้วยซ้ำ คนแบบ
ไหนกันที่จะเจาะการป้องกันตัวแบบนี้ได้?”
ฝูงชนที่อยู่ด้านล่างพากันตื่นตะลึงกับการป้องกันตัวของอวิ๋นเฟย
หยาง ศิลปะเพลงดาบของเขา ว่องไวจนดูเหมือนกับมีวงกลมแสงที่
มีรัศมีราว 2 เมตรก่อตัวอยู่รอบตัวเขา
ภายใต้การป้องกันตัวอย่างแน่นหนาขนาดนั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลย
ที่เขาจะบาดเจ็บ
ต่อหน้าสายตาตกตะลึงของฝูงชน ดาบที่ถูกโยนออกไปลอยผ่าน
อากาศอย่างช้า ๆ ก่อนจะไปหยุดที่ระยะ 3 เมตรจากอวิ๋นเฟยหยาง
ฟิ้วววววว!
เกิดเสียงลมโหมกระหน่ำ ดาบนั้นหายลับไปจากสายตา และตั้งแต่
เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่มันจ้วงแทงทะลุ ปราการแสงรูปทรงกลมที่เกิดจาก
การกวัดแกว่งดาบของอวิ๋นเฟยหยาง
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เขาตั้งใจยับยั้งมัน แต่ทำไม่สำเร็จ”
ฝูงชนพากันชะงักที่เห็นดาบหายไป แต่ปราการแสงรูปทรงกลม
ยังคงโอบล้อมอวิ๋นเฟยหยางอยู่
ด้วยความสามารถในการหยั่งรู้ของพวกเขา พวกเขาบอกไม่ได้ว่าเกิด
อะไรขึ้นบนสังเวียน
ยังไม่ทันที่ฝูงชนจะพูดจบ ปราการแสงรูปทรงกลมก็ระเบิดออก
อย่างกะทันหัน เผยให้เห็นภาพชายหนุ่มที่ถูกดาบแทงเข้าที่ศีรษะ
ชายผู้นั้นหมดลมหายใจเฮือกสุดท้ายไปแล้ว
ตุ้บ!
ศพทรุดฮวบลงกับพื้นและสลายตัวไป
อาการตกตะลึงกระจายตัวไปทั่วฝูงชน
ที่บ้านพักของเจ้าเมืองแสงดาว ชายหนุ่มสองคนพูดคุยกันขณะเดิน
ตรงไปยังลานบ้าน
“คราวนี้อวิ๋นเฟยหยางกับหวงเทาไปไหน?” ชายหนุ่มที่อยู่ทางซ้าย
คำราม “สองคนนั้นทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ มาสักพักแล้ว ไม่ยอมมารวม
กลุ่มกับพวกเรา ถ้ารู้ว่าก่อนหน้านี้มีสาว ๆ สวย ๆ อยู่เยอะขนาดไหน
ล่ะก็ คงได้เสียดายจนหน้าเหลืองหน้าเขียวแน่!”
เขามีรูปร่างผอมสูงราวกับไม้ไผ่ สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นเตะตาคือท่อนแขน
เรียวยาวที่อยู่ข้างลำตัว
“ทำไมจะต้องเสียดาย? สองคนนั้นน่ะซื้อตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล
สองอันทันทีที่มาถึง และใช้ฉายานักดาบมหากาฬกับเมฆผงาดเพื่อ
ท้าดวลกับชาวบ้าน!” ชายหนุ่มที่อยู่ทางขวาตอบอย่างหงุดหงิด
เขามีใบหน้ารูปสี่เหลี่ยมและน้ำเสียงหยาบกระด้าง จากน้ำเสียงของ
เขา เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับการกระทำของทั้งคู่
“ท้าดวลกับชาวบ้าน?” ไม้ไผ่หัวเราะลั่น “เป็นถึงศิษย์สายตรงของ
สำนักดาบเมฆเหิน แต่มาที่นี่เพื่อท้าดวลกับคนบ้านนอกพวกนั้น
ศักด์ิศรีหายไปไหนหมด? ต่อให้ชนะ แล้วมีเกียรติตรงไหน?”
“ผมก็ไม่รู้ว่าพวกนั้นคิดอะไร ทั้งเมืองนี้ ผมเชื่อว่ามีแต่ท่านเจ้าเมือง
แสงดาวเท่านั้นที่คู่ควรกับพวกเราในการประลองศิลปะเพลงดาบ
แต่พวกนั้นกลับลดตัวลงไปท้าดวลกับชาวบ้าน เรียกร้องความสนใจ
ละมั้ง?”
ขณะที่กำลังส่ายหน้า ทั้งหน้าเหลี่ยมและไม้ไผ่ก็เดินมาถึงลานบ้าน
ทันทีที่เข้าไป ก็เห็นหนึ่งในผู้ที่พวกเขาเพิ่งพูดถึง, หวงเทา กำลังนั่ง
อยู่หน้าโต๊ะหินตัวหนึ่งด้วยแววตาเลื่อนลอย
“ไง? เล่นงานบรรดานักรบของเมืองแสงดาว…สนุกไหม? พวกนั้น
คุกเข่าร้องขอความเมตตาจากวีรบุรุษอย่างคุณหรือเปล่า?” ไม้ไผ่เดิน
เข้าไปเย้าแหย่หวงเทา
หน้าเหลี่ยมตบไหล่หวงเทาและตั้งคำถาม “คุณน่ะเป็นสุภาพบุรุษ
ตลอด ปล่อยให้พวกนั้นสำแดงกี่กระบวนท่าล่ะ?”
เมื่อเห็นทั้งคู่ หวงเทาก้มหน้าอย่างอับอายขณะใช้นิ้ววาดรูปวงกลม
บนโต๊ะ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาเองก็ไม่อยากเชื่อใน
สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น “ผมแพ้!”
ราวกับจะช่วยยืนยันความพ่ายแพ้ ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลที่แตก
เป็นเสี่ยง ๆ วางอยู่บนโต๊ะตัวนั้น
“คุณถูกสังหารในหอนิรันดร์หรือ?”
หน้าเหลี่ยมกับไม้ไผ่ตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ
พวกเขาคือศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหิน ในแง่ของเทคนิค
ย่อมไม่มีทางพ่ายแพ้ให้กับนักรบคนไหน ทักษะการต่อสู้ของพวก
เขาสูงส่งพอจะทำให้นักรบบ้านนอกทุกคนยำเกรง แต่หวงเทากลับ
ลงเอยด้วยความตาย
เรื่องนี้เหลือเชื่อเสียจนแทบรับไม่ได้
“คุณใช้ดาบของคุณหรือเปล่า?” หน้าเหลี่ยมถาม
“ผมใช้! แต่ก็แพ้เพราะถูกดาบที่หมอนั่นโยนออกมาแทงเข้าที่หัว…
ผมยังไม่มีโอกาสสำแดงศิลปะเพลงดาบของผมเลยด้วยซ้ำ!” หวงเทา
แทบอยากจะมุดดินเพราะความอับอายขายหน้า
“คุณยังไม่ได้สำแดงสักกระบวนท่าก่อนจะถูกแทงที่หัว?”
ทั้งคู่รู้สึกเหมือนหูฝาด
เห็นอีกฝ่ายยังข้องใจ หวงเทาพูดต่อ “ศิษย์พี่อวิ๋นเฟยหยางก็อยู่กับผม
ตอนที่เกิดเหตุ แต่เขายังไม่ออกมาเลย ผมเชื่อว่าเขาคงท้าดวลกับ
หมอนั่น ไว้เขากลับมาเมื่อไหร่ คุณถามเขาก็ได้”
“เฟยหยางก็อยู่ด้วย? เขาคือหนึ่งในพวกเราสี่คนที่กำลังจะได้เป็น
ศิษย์สายตรงฝ่ายใน ด้วยทักษะเพลงดาบอันไร้เทียมทานของเขา เขา
คงเล่นงานนักรบทุกคนที่นี่ได้สบาย” ไม้ไผ่ปลอบ
จากนั้น ทั้งสามก็ลุกขึ้นและมุ่งหน้าไปยังลานบ้านบริเวณใกล้เคียง
เพื่อดูว่าอวิ๋นเฟยหยางเป็นอย่างไร ทันทีที่เดินเข้าไป ก็เห็นร่างหนึ่งที่
พวกเขาเคยยกย่องกำลังจับจ้องตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลที่แตกเป็น
เสี่ยง ๆ ตรงหน้า เหมือนอย่างที่หวงเทาเคยทำ สีหน้าของเขาบ่งบอก
ความตะลึงระคนสับสน ดูเหมือนเพิ่งได้รับความกระทบกระเทือน
ทางจิตใจอย่างรุนแรง
ทั้งสามอ้าปากค้างแล้วรีบเข้าไป “คงไม่ใช่ว่า…คุณก็ถูกสังหาร
เหมือนกันหรอกนะ?”
อวิ๋นเฟยหยางคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา หากแม้แต่อวิ๋น
เฟยหยางยังถูกสังหารได้ นักรบผู้นั้นจะต้องทรงพลังขนาดไหน?
“ผมสำแดงกระบวนท่าน้ำไหลไร้ขอบเขต แต่ก็ต้านทานการโยน
ดาบของเขาไม่ได้ กระบวนท่าเดียวนั่น…มันงดงามยิ่งกว่าทุกสิ่งที่
ผมเคยเห็น…” ความคิดของอวิ๋นเฟยหยางล่องลอยไปขณะหวนนึก
ถึงการโยนดาบที่เพิ่งเกิดขึ้น
“คุณสำแดงกระบวนท่าน้ำไหลไร้ขอบเขต?” ทั้งสามอุทานด้วยความ
ตกใจ
กระบวนท่านั้นเรียกได้ว่าเป็นศิลปะเพลงดาบสำหรับการป้องกันตัว
ขั้นสูงสุดที่ฝึกฝนกันในหมู่ศิษย์สายตรงฝ่ายนอกของสำนักดาบเมฆ
เหิน ศิลปะเพลงดาบนี้จะห่อหุ้มร่างของผู้สำแดงไว้ด้วยกระแสน้ำ
เข้มข้นหลายชั้น เกิดเป็นสายน้ำไหลเชี่ยว ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเล่น
งานหรือโจมตีอย่างไร กระแสน้ำที่ปกป้องอยู่จะสะท้อนการโจมตี
นั้นกลับไปทันที
เรียกได้ว่าเป็นกระบวนท่าที่ไม่มีนักรบคนไหนในระดับวรยุทธ
เดียวกันจะทำลายได้
ทั้ง ๆ ที่สำแดงกระบวนท่านั้น อวิ๋นเฟยหยางก็ยังพ่ายแพ้ด้วยการ
โจมตีเพียงครั้งเดียว คู่ต่อสู้เก่งกาจไร้เทียมทานขนาดนั้นเลยหรือ?
และที่อาการหนักกว่า…ขนาดถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ก็ยังคิดว่า
ศิลปะเพลงดาบนั้นช่างงดงาม สีหน้าปลื้มปริ่มของเขาดูราวกับกำลัง
พร่ำเพ้อละเมอถึงคนรัก!
“ผมอยากเห็นศิลปะเพลงดาบนั่นกับตา เฟยหยาง คุณยังมีตราสัญลักษณ์
นิรันดร์กาลอีกอันให้ผมใช้ไหม?”
หลังจากตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ไม้ไผ่กับหน้าเหลี่ยมก็พบว่าพวกเขา
กำลังตัวสั่นด้วยความอยากรู้ ทั้งคู่ อยากพบผู้ที่สามารถสำแดงศิลปะ
เพลงดาบที่เหนือชั้นกว่าแม้แต่หวงเทากับอวิ๋นเฟยหยาง
“ผมส่งคนไปซื้อตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลทันทีที่ผมฟื้น คงจะได้
เร็ว ๆ นี้แหละ” อวิ๋นเฟยหยางตอบ
หอนิรันดร์ทุกแห่งมีตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลของตัวเอง ด้วยการ
ใช้ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลเท่านั้นที่นักรบคนหนึ่งจะสามารถ
เชื่อมต่อกับ ‘โครงข่ายอาณาเขต’ ได้
ไม่ช้า คนรับใช้คนหนึ่งก็พรวดพราดเข้ามาพร้อมกับตราสัญลักษณ์นิ
รันดร์กาล 8 อัน แต่ละอันมีมูลค่าหลายหมื่นเหรียญนิรันดร์ แม้จะเป็น
เงินมหาศาลสำหรับตั้นเฉี่ยวเทียนและคนอื่น ๆ แต่ไม่ได้สลักสำคัญ
อะไรกับบรรดาศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหิน
วิ้ง!
ทั้งสี่รีบเชื่อมการติดต่อกับหอนิรันดร์ของเมืองแสงดาว ก่อนจะตรง
เข้าสู่สังเวียนประลอง
“รอบที่ 7, เจ้าโลกคือผู้ชนะ!”
“ผมอยากเข้าสู่รอบ 8”
ทันทีที่ทั้งสี่ไปถึง ก็เห็นว่าเจ้าโลกชนะการดวลนัดที่ 7 แล้ว
คู่ต่อสู้คนที่ 7 ของเขาเป็นนักสู้ผู้โด่งดังในสังเวียนประลอง, ราชา
สลาตัน
ราชาสลาตันขึ้นชื่อเรื่องการเคลื่อนไหวอันแผ่วเบาและว่องไวอย่าง
น่าทึ่งของเขา ทุกอย่างดูลื่นไหลราวกับสายลม ตั้งแต่เริ่มการดวล
ร่างของเขาก็หายวับไป ไม่มีผู้ชมคนไหนระบุตำแหน่งของเขาได้ แต่
ด้วยการเตะเสยกลางอากาศอย่างเต็มเหนี่ยว เจ้าโลกก็โจมตีหว่างขา
ของอีกฝ่ายได้อย่างจัง…
แน่นอนว่านั่นคือจุดจบของราชาสลาตัน
“มีใครอยากเข้าร่วมการดวลนัดที่ 8 ไหม?”
ไม่มีใครตอบรับสักคน
จริงอยู่ว่าการแลกหมัดกับผู้เชี่ยวชาญสักคนถือเป็นการบ่มเพาะทักษะ
ของนักรบผู้นั้น แต่มันจะเป็นอย่างนั้นได้ก็ต่อเมื่อช่องว่างของ
ประสิทธิภาพการต่อสู้ระหว่างทั้งคู่ไม่ได้ห่างกันเกินไป จะมีประโยชน์
อะไรหากพวกเขาต้องจบเห่ภายในวินาทีเดียวหลังจากก้าวขึ้นสู่
สังเวียน? ไม่มีใครมีเงินมากพอจะมาโยนทิ้งกับเรื่องสูญเปล่าแบบนี้
“ผมเอง!”
ไม้ไผ่รีบลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่สาว เพียงครู่เดียวเขาก็ปรากฏตัว
บนสังเวียนประลอง
เมื่อเห็นว่ายังมีคู่ต่อสู้ จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก