Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1948
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1948
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1948 ทุกอย่างจบเห่
ถ้อยคำที่ปรากฏกลางอากาศทำให้ฝูงชนส่งเสียงอื้ออึงเซ็งแซ่
เฉว่เหยาให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของเขามาก ยอมทำทุกอย่างเพื่อสร้างชื่อให้กับตัวเอง จนกลายเป็นผู้ที่ได้รับความเคารพยกย่องอย่างสูงในเมืองชวนเจียง แต่เมื่อทุกการกระทำของเขาถูกเปิดโปง ทุกคนก็ถึงกับขนลุกขนชัน
ทุกสิ่งที่พวกเขาเคยเชื่อมาตลอดกลับกลายเป็นเรื่องโกหก!
“คุณมีอะไรจะแก้ตัวอีก?” ตั้นเฉี่ยวเทียนชำเลืองมองเฉว่เหยา
เขาย่างสามขุมเข้าหาเฉว่เหยาที่ยอมจำนนและจ่อดาบเข้าที่อีกฝ่าย ขอแค่ออกแรงอีกนิดเดียว ก็จะเชือดคอหอยของเฉว่เหยาและล้างแค้นให้สมาชิกในครอบครัวของเขาได้!
“ผม…” เฉว่เหยาตัวสั่นด้วยความพรั่นพรึง
แม้เขาจะได้ทำอะไรมากมายเพื่อกลบเกลื่อนหลักฐาน แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีทางทำลายหลักฐานทั้งหมดได้ หากฝูงชนสืบเสาะเรื่องเหล่านี้อย่างถี่ถ้วน ก็แน่นอนว่าจะต้องปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆได้สำเร็จ
ถ้าตั้นเฉี่ยวเทียนเป็นแค่นักรบธรรมดาสามัญ เขาก็สามารถใช้มาตรการตัดตอนอีกฝ่ายและข่มขู่ฝูงชนให้หวาดกลัวจนต้องปิดปากเงียบได้ แต่เมื่อตั้นเฉี่ยวเทียนกลายเป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในของสำนักดาบเมฆเหินแล้ว ก็ไม่มีทางที่เขาจะทำอะไรได้อีก
ทุกอย่างจบเห่
“มะ-ไม่นะ! คุณจะฆ่าท่านพ่อของฉันไม่ได้!”
ขณะที่เฉว่เหยาหลับตา ถอดใจต่อชะตากรรมของตัวเอง เฉว่ชิงก็รี่เข้ามาและกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
“คุณอยากลองไหม?” ตั้นเฉี่ยวเทียนหรี่ตาข่มขู่
“คุณฆ่าเขาไม่ได้นะ! คุณไม่มีคุณสมบัติเพียงพอจะได้เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในของสำนักดาบเมฆเหิน เพราะฉะนั้นก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินท่านพ่อของฉัน!” เฉว่ชิงร้องออกมาอย่างเสียขวัญ
“คุณหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าเขามีคุณสมบัติไม่เพียงพอจะได้เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายใน คุณสงสัยอำนาจของผมในฐานะผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักหรือ?” ยังไม่ทันที่ตั้นเฉี่ยวเทียนจะได้ตอบโต้ ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นขัดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เขาคือผู้ตัดสินผลแพ้ชนะของการดวลต่อหน้าฝูงชนมากมาย เห็นกันชัดๆว่าหัวเจียงเหอก็ใช้พละกำลังสูงสุดแล้ว เฉว่ชิงไม่มีสิทธิ์ตั้งข้อสงสัยในการตัดสินของเขา!
“มะ-ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น!” รู้ดีว่าตัวเองพูดผิดไป เฉว่ชิงรีบยกมือขึ้นแล้วตอบอย่างร้อนรน “ผู้อาวุโสลู่ เมื่อครู่นี้คุณพูดว่ามีเงื่อนไข 2 ข้อสำหรับการที่ตั้นเฉี่ยวเทียนจะได้เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายใน…การทดสอบเมื่อครู่นี้เป็นกลางและชอบธรรมแล้ว ฉันไม่กล้าตั้งคำถามอะไร แต่ฉันไม่ยอมรับเงื่อนไขข้อแรกที่บอกว่าตั้นเฉี่ยวเทียนจะต้องได้เป็นนักปราชญ์โบราณก่อนอายุครบ 17 ปี!”
“อ้อ?” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นมองหน้าเฉว่ชิง รอคำอธิบาย
“ฉันหมั้นหมายกับตั้นเฉี่ยวเทียน จึงรู้วันเกิดของเขา วันเกิดของเขาคือชั่วโมงเสิ่นของวันนี้ นั่นหมายความว่าเขาจะอายุครบ 17 ปีเมื่อชั่วโมงเสิ่นผ่านไป!” เฉว่ชิงพูดพร้อมกับกำหมัดแน่น
“อีกชั่วโมงเดียวเท่านั้นก็จะถึงชั่วโมงเสิ่น แต่ตอนนี้เขาเป็นแค่นักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 3 โลกจารึก แล้วจะได้เป็นนักปราชญ์โบราณก่อนอายุ 17 ปีได้อย่างไร ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ฉันจึงเชื่อว่าเขามีคุณสมบัติไม่เพียงพอจะได้เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในของสำนักดาบเมฆเหิน!”
“เอ่อ…” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นชะงัก
เขาหันไปมองตั้นเฉี่ยวเทียน เห็นอีกฝ่ายหน้าแดงก่ำ
“วันเกิดของผมคือชั่วโมงเสิ่นของวันนี้จริงๆ…” ตั้นเฉี่ยวเทียนพูดอย่างกระอักกระอ่วน
เขาตั้งใจจะบอกตั้งแต่ก่อนหน้านี้ แต่ถูกผู้อาวุโสลู่ขัดเสียก่อน
ดังนั้นจึงได้แต่เดินหน้าต่อไปเพื่อจะได้ล้างแค้น อย่างมากที่สุดเขาก็แค่ต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อทำมันให้สำเร็จต่อไป ไม่คิดว่าเฉว่ชิงจะจำวันเกิดของเขาได้
เห็นตั้นเฉี่ยวเทียนยอมรับ ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นมองดวงอาทิตย์ที่ขอบฟ้าและรู้ได้ว่ามันใกล้จะตกเต็มที ตอนนี้ก็ล่วงเข้าบ่ายคล้อย ซึ่งหมายความว่าอีกเพียงไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็จะถึงวันครบรอบอายุ 17 ปีของตั้นเฉี่ยวเทียน
ยกระดับวรยุทธจากนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 3 โลกจารึกไปเป็นนักปราชญ์โบราณภายในระยะเวลาเพียงเท่านี้…
ในทางปฏิบัติย่อมเป็นไปไม่ได้!
ถ้าตั้นเฉี่ยวเทียนไม่สามารถยกระดับวรยุทธเป็นนักปราชญ์โบราณได้ภายในวันคล้ายวันเกิดครบ 17 ปีของเขา ก็จะไม่ผ่านเงื่อนไขของการเป็นศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหิน
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเขาไม่มีสิทธิ์พิพากษาเฉว่เหยา!
การล้างแค้นของเขาจะล้มเหลว
“ดูเหมือนนี่จะเป็นลิขิตสวรรค์…” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นส่ายหน้าและถอนหายใจ
เขาคิดว่าในที่สุดตัวเขาก็ได้พบศิษย์สายตรงฝ่ายในคนหนึ่งและได้สร้างความดีความชอบใหญ่หลวงต่อสำนัก ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดเหตุสะดุดครั้งใหญ่แบบนี้
“แต่คุณไม่ต้องกังวลนะ ต่อให้คุณไม่ได้เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายใน ก็ยังมีทางเลือกอื่น ขอแค่คุณหมั่นเพียรฝึกฝนวรยุทธจนได้เป็นนักปราชญ์โบราณขั้น 4 ผู้ทำลายล้างมิติก่อนอายุ 30 ปี ก็ยังมีโอกาสจะได้เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายใน”
มีหลายวิธีที่นักรบผู้หนึ่งจะได้การยอมรับให้เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายใน เพราะถึงอย่างไรก็มีนักรบบางส่วนที่เพิ่งสำแดงศักยภาพอันน่าสะพรึงออกมาได้เมื่ออายุล่วงเลยไประดับหนึ่ง ซึ่งถ้าไม่ใช่แบบนี้ หัวเจียงเหอกับคนอื่นๆก็ย่อมไม่มีโอกาส
แต่ถ้าตั้นเฉี่ยวเทียนเลือกเดินตามเส้นทางนั้น ก็ไม่อาจดำเนินการล้างแค้นได้
แน่นอนว่าในฐานะผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักดาบเมฆเหิน เขาสามารถรายงานเรื่องนี้ขึ้นสู่เบื้องบนได้ แต่กว่าทีมสืบสวนจะถูกส่งมา เวลาก็จะล่วงเลยไประยะหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นเฉว่เหยาก็น่าจะเผ่นหนีไปแล้ว
“ผมเข้าใจ…” ตั้นเฉี่ยวเทียนกำหมัดแน่น นัยน์ตาแดงก่ำด้วยความเสียใจ
ลงท้าย เขาก็ไม่อาจล้างแค้นให้สมาชิกในครอบครัวของเขาได้ ทุกอย่างจะต้องจบลงเท่านี้หรือ?
ในตอนนั้นเอง เสียงสุขุมเยือกเย็นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ยังเหลือเวลาอีก 1 ชั่วโมง คุณจะยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้หรือไง?”
ตั้นเฉี่ยวเทียนรีบเงยหน้า เห็นท่านอาจารย์ของเขาซึ่งดูเหมือนจะนิ่งเฉยมาตลอดลุกขึ้นยืน ยังมีกุญแจมืออยู่ที่ข้อมือของเขา แต่ใบหน้านั้นเผยรอยยิ้มที่บ่งบอกความสุขุมและมั่นใจเต็มเปี่ยม
1942 : ตั้นเฉี่ยวเทียนฝ่าด่านวรยุทธเป็นนักปราชญ์โบราณต้นฉบับ
“ท่านอา…”
ตั้นเฉี่ยวเทียนตื่นเต้นสุดขีด เขากำลังจะร้องเรียก ‘ท่านอาจารย์’ ก็พอดีกับที่เห็นอีกฝ่ายส่ายหน้า จึงรีบยั้งปากไว้
ก่อนหน้านี้ ท่านอาจารย์เคยบอกเขาว่าต้องการเก็บเนื้อเก็บตัวและไม่อยากทำอะไรโดดเด่น ดังนั้น แม้เขาจะเรียกท่านอาจารย์ได้ตามปกติในสถานที่ที่มีความเป็นส่วนตัว แต่หากมีคนนอกอยู่ ก็ควรจะเรียกขานอีกฝ่ายเป็นมิตรสหาย
เพราะทั้งคู่อายุต่างกันไม่มาก จึงไม่น่าจะมีใครสงสัย
“คารวะผู้อาวุโสลู่ ผมชื่อจางเซวียน สหายของตั้นเฉี่ยวเทียน” จางเซวียนพูดขณะก้าวออกไป
ในตอนนั้นเองที่หัวเจียงเหอได้เห็นหน้าของจางเซวียนชัดๆ สีหน้าของเขาดูจะเปลี่ยนไปทันที
ทั้งคู่เคยปะทะคารมกันที่ตลาดหงเหยียน แต่ตอนนั้นอีกฝ่ายมีผ้าพันแผลพันไว้ทั้งตัว เขาจึงจำไม่ได้เมื่อแรกเห็น แต่พอเข้ามาใกล้และได้ยินเสียง ก็แน่ใจว่าหมอนี่คือชายที่หยามหน้าเขาเมื่อครั้งอยู่ที่ตลาดหงเหยียน
“คุณถามตั้นเฉี่ยวเทียนว่าจะยอมแพ้หรือไม่ แล้วคุณคิดว่ามันเป็นไปได้หรือไงที่เขาจะกลายเป็นนักปราชญ์โบราณได้ภายในเวลาชั่วโมงเดียว?” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นตั้งคำถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ใช่” จางเซวียนตอบพร้อมกับพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ผมได้รับบาดเจ็บ เขาคือคนที่ช่วยชีวิตผมไว้ ผมจึงรู้พละกำลังที่แท้จริงของเขา อันที่จริงเขาสำเร็จวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณมานานแล้ว แต่เพราะใช้พละกำลังมากเกินไปตอนที่พยายามเยียวยาผม วรยุทธของเขาจึงตกฮวบลงมาเป็นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 3 ขอแค่เขาได้รับการเยียวยาที่ถูกวิธี ผมก็เชื่อว่าการที่เขาจะกลับคืนสู่วรยุทธขั้นเดิมได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมงก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป!”
“ที่แท้ตั้นเฉี่ยวเทียนเป็นนักปราชญ์โบราณหรือ?” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นงงงัน เขาหันกลับไปมองตั้นเฉี่ยวเทียนอีกครั้ง
คุณแน่ใจหรือว่านักปราชญ์โบราณควรมีลักษณะแบบนี้? ต่อให้อยากโกหก ก็ควรพูดอะไรที่น่าเชื่อถือกว่านี้หน่อย คิดว่าพูดจาเหลวไหลเลอะเทอะแบบนี้มันดีแล้วหรือไง?
ตั้นเฉี่ยวเทียนก็ไม่รู้เหนือรู้ใต้กับสิ่งที่จางเซวียนพูด
เมื่อวานนี้เขายังเป็นแค่นักรบระดับเซียนขั้น 6 และคิดว่าการที่ยกระดับวรยุทธมาเป็นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 3 ได้เมื่อหนอนกู้ในร่างของเขาถูกกำจัดออกไปก็ถือว่าน่าทึ่งแล้ว แต่ท่านอาจารย์กลับพูดว่าแท้ที่จริงเขาคือนักปราชญ์โบราณ?
ผมเป็นนักปราชญ์โบราณตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมไม่เห็นรู้เรื่องนั้นเลย?
“ขอเวลาผม 1 ชั่วโมง อย่าให้ใครมาขัดจังหวะ ผมรับประกันว่าผมจะทำให้เขากลับคืนสู่วรยุทธสูงสุดดังเดิมให้ได้!” จางเซวียนยืนกรานแม้จะมีสายตาข้องใจสงสัยจับจ้องเขาอยู่หลายคู่
เขารู้ดีว่าเรื่องนี้ฟังดูเหลวไหล โดยเฉพาะเมื่อแทบทุกคนที่นี่รู้ดีว่าตั้นเฉี่ยวเทียนเป็นแค่นักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 3 ซึ่งหากเขายืนยันออกไปว่าจะยกระดับวรยุทธของตั้นเฉี่ยวเทียนให้ได้ถึง 2 ขั้นภายใน 1 ชั่วโมง ก็จะยิ่งทำให้ทุกอย่างไม่น่าเชื่อถือ
แถมเรื่องนี้จะยิ่งเลวร้ายกว่าเดิมอีกหากเขาทำสำเร็จ เพราะความสำเร็จนี้จะทำให้ทุกคนพากันหันมาสนใจ อาจมีบางส่วนพยายามทำร้ายเขาและตั้นเฉี่ยวเทียนเพื่อเค้นให้คายความลับ
ดังนั้น หลังจากใคร่ครวญแล้ว จางเซวียนจึงตัดสินใจแต่งเรื่องว่าแท้ที่จริงแล้วตั้นเฉี่ยวเทียนเป็นนักปราชญ์โบราณ
เพราะถึงอย่างไร การที่คนคนหนึ่งจะฟื้นคืนพละกำลังได้ดังเดิมก็ไม่ได้น่าตกตะลึงเท่าไหร่
เฮ้อออ ไอ้การเก็บเนื้อเก็บตัวนี่มันยากเย็นจริงๆ แต่จะให้เราทำอย่างไร? เรา, จางเซวียน คือคนชนิดที่ชอบช่วยเหลือใครๆจากในเงามืด ไม่เคยคาดหวังอะไรตอบแทน!
“ไม่มีปัญหา” ถึงผู้อาวุโสลู่อวิ๋นจะรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่มีหวัง แต่ก็ตัดสินใจจะทำตามความต้องการของอีกฝ่ายในเมื่อเขาดูมั่นอกมั่นใจขนาดนั้น เขาหันไปพูดกับหัวเจียงเหอ “พาพวกเขาไปหาที่เงียบๆ ระหว่างนี้ผมจะทำการทดสอบผู้สมัครคนอื่นๆไปก่อน!”
“ขอรับ ผู้อาวุโสลู่” หัวเจียงเหอตอบก่อนจะพาจางเซวียนกับตั้นเฉี่ยวเทียนออกไป
เขาพักอยู่ในคฤหาสน์ของเจ้าเมืองแสงดาวมาหลายวันแล้ว จึงคุ้นเคยกับบริเวณนี้ดี บ้านพักที่เขาพำนักอยู่อยู่ในพื้นที่ค่อนข้างเงียบ แทบไม่มีใครเดินผ่าน เป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับจางเซวียน กับตั้นเฉี่ยวเทียน
เมื่อเข้าสู่ห้องของหัวเทียนเหอ จางเซวียนย้ำอีกครั้งว่าจะต้องไม่มีใครมารบกวนพวกเขา ก่อนจะส่งหัวเทียนเหอกลับไปแล้วปิดประตู ทันทีที่ประตูปิดลง ตั้นเฉี่ยวเทียนก็ทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าท่านอาจารย์ของเขาและทักท้วง “แต่ท่านอาจารย์, ผมไม่ได้เป็นนักปราชญ์โบราณ…”
“คุณจะบอกว่าเมื่อครู่นี้ผมโกหกหรือ?” จางเซวียนย้อนถาม
“คือ…” ตั้นเฉี่ยวเทียนหน้าแดงก่ำ
ถือเป็นความกระด้างกระเดื่องอย่างรุนแรงสำหรับศิษย์สายตรงคนหนึ่งที่จะกล่าวหาว่าอาจารย์ของเขากำลังโกหก แม้จะค่อนข้างชัดเจนว่าท่านอาจารย์กำลังโกหกจริงๆ!