Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1975
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1975
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1975 แล้วเราควรทำอย่างไร?
“น่าสนใจจริงๆ!”
“ต่อให้เขาทรงพลัง ก็แล้วอย่างไรล่ะ ถ้าเราเล่นงานเขาทีละคนๆ ไม่ช้าไม่นานพลังปราณของเขาก็ต้องหมด”
“จริงด้วย ไม่เห็นต้องกลัวเขาเลย อย่างมากที่สุดพวกเราก็แค่สูญเสียตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล”
“ค่อยๆเล่นงานเขาไป ผมไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะยังปากดีอยู่ได้เมื่อเจอกับพวกเราจำนวนหนึ่งแล้ว”
ฝูงชนค่อยๆหายตกตะลึงจากการเสียชีวิตของอู๋เฟิง ไม่ช้าก็มีเสียงคำรามก้อง ผู้รับคำท้าคนใหม่กระโจนขึ้นไปบนสังเวียนประลอง
ถ้าพวกเขาต้องเสี่ยงชีวิต หลายคนคงลังเล แต่ในเมื่อการดวลเกิดขึ้นในหอนิรันดร์ อย่างมากที่สุดก็แค่สูญเสียตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลเท่านั้น ขอแค่พวกเขาสังหารหมอนั่นได้ ทุกการสูญเสียก็จัดว่าคุ้มค่า
ต่อให้ต้องมีอีกหลายศพที่ถูกสังหาร แต่ทุกคนก็ตั้งใจจะเล่นงานผมน่ะถ่อมตัวให้ได้!
“ผมคือ…”
ศิษย์สายตรงที่เพิ่งกระโจนขึ้นสู่สังเวียนประลองเงื้อดาบขึ้นขณะเริ่มแนะนำตัว แต่ยังพูดไม่จบ ก็รู้สึกคันคะเยอขึ้นมาที่ลำคอ ยังไม่ทันจะรู้ตัว ก็พบว่ากำลังจ้องมองเท้าของตัวเอง
ศีรษะของเขาถูกตัดออกไปแล้วเช่นกัน
“พวกคุณที่เหลือน่ะ จะว่าอย่างไร?” จางเซวียนขมวดคิ้วอย่างขัดใจ “พูดตามตรงนะ พวกคุณขึ้นมาทีละคนน่ะเสียเวลามาก ผมจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนถ้าต้องสังหารพวกคุณทีละคนสองคนแบบนี้? เข้ามาพร้อมๆกันให้หมดเลย!”
ถึงเขาจะดีใจที่มีคนจำนวนมากรับคำท้า แต่ทำแบบนี้ก็ใช้เวลานานเกินไป หากต้องฆ่าทีละคน กว่าจะเสร็จภารกิจก็หมดวัน มันเรื่องอะไรคนพวกนี้ถึงอ้อยอิ่งจนทำให้เขาต้องเสียเวลา?
“แก ไอ้สารเลว รนหาที่เองนะ!”
ฝูงชนที่อยู่ด้านล่างโมโหเดือดจนลืมตัว
เพราะอยากให้การดวลเป็นไปอย่างยุติธรรม พวกเขาจึงตัดสินใจกระโจนขึ้นไปบนสังเวียนทีละคน แต่หมอนี่เรียกร้องต้องการให้ทุกคนเข้าไปเล่นงานเขาพร้อมกันทีเดียว อยากถูกรุมใช่ไหม!
“งั้นก็ไปพร้อมกันเลย!”
ฟึ่บ!
ในชั่วพริบตา ศิษย์สายตรง 5 คนก็กระโจนขึ้นสู่สังเวียนประลอง
ทั้ง 5 ไม่ใช่นักรบที่อ่อนด้อย พวกเขาอยู่ใน 300 อันดับแรกของการประลองศิษย์สายตรงฝ่ายใน
หัวหน้ากลุ่มคำราม “วางใจเถอะ พวกเราจะไม่ใช้ค่ายกลผนึกกำลังเล่นงานคุณหรอก!”
การที่ศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหินผู้หยิ่งผยองอย่างพวกเขาจะมะรุมมะตุ้มเล่นงานคู่ต่อสู้เพียงคนเดียวนั้นเป็นเรื่องไร้ศักดิ์ศรี พวกเขาจะไม่มีวันลดตัวลงไปทำอะไรอย่างการใช้ค่ายกลผนึกกำลังเด็ดขาด
“แล้วแต่เลย” จางเซวียนเงื้อดาบขึ้นแล้วฟาดฟันกลางอากาศ จากนั้นก็หันไปตะโกนใส่ฝูงชน “คนต่อไป!”
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ทันทีที่สิ้นเสียง ศีรษะของศิษย์สายตรงฝ่ายในทั้ง 5 ก็กลิ้งหลุนๆไปกับพื้นก่อนที่ร่างของพวกเขาจะแหลกสลาย
จางเซวียนรู้ขีดจำกัดของพลังชีวิตและพลังปราณของเขาเป็นอย่างดี ถ้าเป็นกายเนื้อของเขาที่ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทียบฟ้าและผ่านการทดสอบสถาปนาเซียนและอื่นๆมาแล้ว เขาคงไม่กังวลเรื่องการต้องสูญเสียพลังปราณ แต่ด้วยร่างกายที่เขาได้รับอนุญาตให้ใช้ในหอนิรันดร์ จึงไม่อาจใช้พลังปราณโดยฟุ่มเฟือยแบบนั้นได้
เขาจึงตัดสินใจสังหารคนพวกนี้ให้เสร็จสิ้นภายในกระบวนท่าเดียว ไม่เปิดโอกาสให้ใครได้ตอบโต้ สิ่งนี้จะช่วยเขาประหยัดพลังปราณและพลังชีวิตได้มาก
“คนต่อไป!”
“ศิลปะเพลงดาบของหมอนั่นไวจริงๆ เราจะต้องไม่มัวเสียเวลาพูดจากับเขา ต้องสำแดงศิลปะเพลงดาบที่แข็งแกร่งของเราออกมาให้เร็วที่สุดทันทีที่ก้าวขึ้นสู่สังเวียนประลอง!”
“จริงด้วย ทุกคนห้ามยั้งมือ ปลดปล่อยกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของคุณออกมา ต่อให้สังหารเขาไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดก็พยายามบั่นทอนพลังชีวิตและพลังปราณของเขาให้ได้มากที่สุด!”
นึกไม่ถึงว่าศิษย์สายตรงทั้ง 5 จะถูกสังหารตั้งแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร ฝูงชนส่งเสียงอื้ออึงเซ็งแซ่
ทุกคนตัดสินใจจะไม่ให้จางเซวียนมีโอกาสหยุดพัก ศิษย์สายตรงฝ่ายในอีก 5 คนกระโจนขึ้นสู่สังเวียนประลองทันที
ตอนนี้ ไม่มีใครกล้าสบประมาทผมน่ะถ่อมตัวอีกแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะเอาชนะทุกคนได้ด้วยพละกำลังของเขาเพียงคนเดียว ถ้าทุกคนผนึกกำลังกันแล้วยังเอาชนะหมอนั่นไม่ได้ ใครๆจะคิดอย่างไร? ศักดิ์ศรีของพวกเขาคงป่นปี้ไม่มีเหลือ คงบากหน้ากลับมาที่นี่ไม่ได้อีก!
ศิษย์สายตรงฝ่ายในทั้ง 5 ที่เพิ่งกระโจนขึ้นสู่สังเวียนปลดปล่อยมหาสมุทรของกระแสดาบฉีออกมาทันที พวกเขาขับเคลื่อนพลังปราณจนเต็มพิกัด จากนั้นก็สำแดงกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่แต่ละคนรู้จัก
สิ่งนี้ทำให้ทั้ง 5 คนไม่อาจผนึกกำลังกันสร้างค่ายกลได้ แต่ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ พวกเขายังคงสามารถควบคุมการโจมตีไม่ให้พลาดพลั้งไปทำร้ายพวกเดียวกัน กระแสการโจมตีพุ่งเข้าใส่จางเซวียนทุกทิศทาง จนเขาหมดโอกาสหลบหนี
เห็นคู่ต่อสู้กลุ่มนี้ออกจะเก่งกาจกว่ากลุ่มที่แล้ว จางเซวียนยิ้ม เขาก้าวออกไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง
ควั่บ! ควั่บ!
ไม่มีใครเห็นว่าเขาขยับดาบอย่างไร แต่สองศีรษะก็กลิ้งหลุนๆไปกับพื้น
จางเซวียนถอยกลับมาก้าวหนึ่ง อีกศีรษะหนึ่งร่วงลงกับพื้น
นักรบอีก 2 คนที่เหลือก็ไม่ต่างอะไรกับหมู 2 ตัว ด้วยการกวัดแกว่งดาบอย่างรวดเร็ว พวกเขาก็หายวับไปจากสังเวียนประลองภายในไม่ถึงอึดใจ
“เฮ้ย…” เห็นภาพนั้น หลิวลู่จี่ตัวสั่นด้วยความตกตะลึง “หมอนั่นดูออกว่าการผนึกกำลังของทั้ง 5 คนไม่สมบูรณ์แบบ จึงปลดปล่อยการโจมตีที่พุ่งเข้าสังหารโดยตรง!”
“นี่ทำให้เขาประหยัดพลังปราณได้มาก ลดการใช้พลังงานลงไปจนถึงระดับต่ำสุด” หวังเจี้ยนตงตาโต
สิ่งที่ผมน่ะถ่อมตัวทำลงไปคือการใช้พละกำลังเพียงเล็กน้อยพุ่งเข้าโจมตีศิษย์สายตรงทั้ง 5 ทีละคน แม้ทั้ง 5 คนพยายามจะผนึกกำลังกัน แต่ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะรักษาเสถียรภาพของทั้งกระบวนท่าและการโจมตีไว้ได้ นั่นคือจุดอ่อนที่ทำให้ผมน่ะถ่อมตัวเล่นงานคนทั้ง 5 ได้อย่างง่ายดาย
แม้จะฟังดูง่าย แต่การปฏิบัติจริงยากกว่านั้นมาก
อันดับแรก ผมน่ะถ่อมตัวจะต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในกระบวนท่าของทั้ง 5 คน เช่นแรงโน้มถ่วงในการโจมตีและกระบวนท่าต่อไปที่พวกเขาจะใช้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางที่จะฝ่าวงล้อมเข้าไปได้โดยมั่นใจว่าตัวเขาจะไม่เป็นอันตราย
อันดับที่ 2, การคำนวณของเขาจะต้องแม่นยำมาก ท่ามกลางกระแสการโจมตีอย่างไม่ลดละของทั้ง 5 ผมน่ะถ่อมตัวจะต้องอ่านเกมขาดและตัดสินใจได้อย่างแม่นยำว่าควรปลดปล่อยกระบวนท่าไหนออกไป
อันดับที่ 3 เขาจะต้องมั่นใจเต็มเปี่ยมในความเก่งกาจของตัวเอง การลังเลเพียงเล็กน้อยจะส่งผลให้เกิดความผิดพลาดใหญ่หลวง และผู้ที่ถูกสังหารย่อมเป็นเขา !
3 ประเด็นนี้ทำให้เขาเอาชนะได้สำเร็จ
หวังเจี้ยนตงมั่นใจว่าเขาเองก็สามารถเอาชนะศิษย์สายตรง 5 คนนั้นได้ แต่ไม่มีทางที่จะทำได้อย่างง่ายดายแบบนี้!
เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหลิวลู่จี่ อยากรู้ว่าผู้เชี่ยวชาญหมายเลข 1 ของศิษย์สายตรงฝ่ายในคนนี้ จะปฏิบัติภารกิจนี้ได้สำเร็จหรือไม่
“ผมทำไม่ได้หรอก…” หลิวลู่จี่ส่ายหน้า “หมอนั่นสังหาร 5 คนนั้นด้วยการใช้กระแสพลังปราณเพียงสายเดียว แต่ผมต้องใช้อย่างน้อยก็ 5 สาย…”
เขาอาจพุ่งเข้าใส่และโจมตีศิษย์สายตรงทั้ง 5 ให้พ่ายแพ้ได้ในชั่วพริบตา แต่หากจะให้ปล่อยการโจมตีที่พุ่งเข้าใส่ทีละคนๆอย่างแม่นยำแล้วทำให้พวกนั้นพ่ายแพ้โดยแทบไม่ต้องทำอะไรเลย…นั่นถือว่าเหนือความสามารถของเขา
เห็นได้ชัดว่าสไตล์การต่อสู้ของใครที่เหนือชั้นกว่า
หลิวลู่จี่อึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดเสริม “การควบคุมที่แม่นยำ การอ่านเกมการต่อสู้ได้ขาด และศิลปะเพลงดาบของเขาที่ไร้เทียมทานล้วนแต่เป็นของจริง ขอแค่ผมได้รู้ว่าเทคนิคขั้นสุดยอดและไม้ตายของเขาคืออะไร ผมก็จะใช้พละกำลังเต็มพิกัดของผมสังหารเขาได้!”
แน่นอนว่ากระบวนท่าของอีกฝ่ายทั้งรวดเร็วและไม่ธรรมดา แต่เขาก็ทำได้เหมือนกัน ในแง่ของ ทักษะเพลงดาบ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะอ่อนด้อยกว่าผมน่ะถ่อมตัว
ขอแค่เขาค้นพบว่ากระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของอีกฝ่ายคืออะไรและหามาตรการป้องกัน ด้วยพละกำลังของเขา การจะเอาชนะอีกฝ่ายได้ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป
นักรบคนอื่นๆเริ่มมองเห็นแก่นสารของกระบวนท่าของจางเซวียน พวกเขาอุทานอย่างพรั่นพรึง
“ทุกคน ระวังตัวนะ! อย่าใช้ค่ายกลผนึกกำลังหรือเข้าไปหาเขาพร้อมกันทีละหลายๆคน ไม่อย่างนั้น เขาจะเล่นงานพวกคุณให้ร่วงทีละคนเลยทีเดียว!”
หากพวกเขารวมกลุ่มเข้ารุมหมอนั่น แทนที่จะทำให้อีกฝ่ายต้องสิ้นเปลืองพลังปราณและอ่อนแรง ก็มีแต่จะกลายเป็นเหยื่อให้เขาสังหาร
“แล้วเราควรทำอย่างไร?”
ถ้าไม่เข้าไปรุม ก็คงตายอย่างน่าสมเพชไปทีละคน”
ในตอนนั้น บริเวณรอบสังเวียนประลองเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าขึ้นสู่สังเวียน
สู้กันตัวต่อตัวก็ไม่ได้ผล เข้าไปรุมก็มีแต่จะต้องตายเหมือนใบไม้ร่วง ดูเหมือนพวกเขากำลังหมดหนทาง ไม่ว่าจะเลือกทางไหน ผลที่ได้ก็น่าหดหู่พอๆกัน!
เห็นทุกคนไม่เคลื่อนไหว หวังเจี้ยนตงชำเลืองมองหลิวลู่จี่ก่อนจะก้าวยาวๆขึ้นไปบนสังเวียนประลอง “ผมเอง!”
แต่ก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นไป ก็แอบส่งโทรจิตหาหลิวลู่จี่ “ผมจะพยายามบีบให้เขาสำแดงกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาให้ได้ ดูให้ดีล่ะ และพยายามทำความเข้าใจมันด้วย! เมื่อถึงตาของคุณ สังหารเขาให้ได้ภายในกระบวนท่าเดียว อย่าเปิดโอกาสให้เขาได้ตอบโต้!”
รู้ดีว่าหวังเจี้ยนตงคิดอะไร หลิวลู่จี่พยักหน้า “ได้!”
ผู้ที่รับคำท้าของผมน่ะถ่อมตัวก่อนหน้านี้ล้วนแต่ไม่แข็งแกร่งนัก ไม่มีสักคนที่อยู่ใน 50 อันดับแรกของการประลองศิษย์สายตรงฝ่ายใน
ส่วนหวังเจี้ยนตงคือผู้รั้งอันดับ 3, ด้วยพละกำลังของเขา เขาน่าจะบีบให้ผมน่ะถ่อมตัวเปิดเผยพละกำลังที่แท้จริงออกมาได้ ซึ่งจะทำให้หลิวลู่จี่ประเมินอีกฝ่ายได้ถี่ถ้วนมากขึ้น
ด้วยวิธีนี้ เมื่อถึงตาของหลิวลู่จี่ เขาก็จะมีโอกาสเอาชนะได้
“ผมคือหวังเจี้ยนตง ขอให้ผมได้เห็นกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของคุณด้วย” หวังเจี้ยนตงพูด
รังสีแผ่วๆที่ล้อมรอบตัวเขาหายวับไปทันทีที่ก้าวขึ้นสู่สังเวียนประลอง พลังปราณในร่างกายของหวังเจี้ยนตงพลุ่งพล่าน รังสีของเขาทะลุขึ้นสู่สวรรค์ ในชั่วพริบตา ก็ดูราวกับเขากลายร่างเป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม
ราวกับจะตอบสนองต่อเจตจำนงเพลงดาบของเขา ดาบของหวังเจี้ยนตงสั่นสะท้านอย่างตื่นเต้น คล้ายเสียงคำรามของมังกรตัวมหึมา
“นั่นคือศิษย์พี่หวังเจี้ยนตง!”
“เขามาแล้ว เยี่ยมจริงๆ!”
“เขารั้งอันดับ 3 ในหมู่ศิษย์สายตรงฝ่ายในใช่ไหม? ด้วยศิลปะเพลงดาบอันไร้เทียมทานของเขา คงเล่นงานหมอนั่นได้ในชั่วพริบตา”
“ใช่ ต่อให้ผมน่ะถ่อมตัวเกิดเอาชนะได้ขึ้นมา ก็ต้องเสียพลังปราณมากโขทีเดียวในการดวลครั้งนี้”
ได้ยินชื่อนั้น ฝูงชนส่งเสียงโห่ร้องอย่างตื่นเต้น
หลิวลู่จี่กับหวังเจี้ยนตงไม่ได้ปรากฏตัวในสังเวียนประลองบ่อยครั้งนัก อีกทั้งยังใช้ทั้งรูปลักษณ์และชื่อปลอม ด้วยเหตุนี้ หากไม่เอ่ยชื่อออกมา ก็ไม่มีใครจดจำพวกเขาได้
ได้ยินเสียงอื้ออึงเซ็งแซ่ของฝูงชน จางเซวียนถามหวังเจี้ยนตง “คุณรั้งอันดับ 3 ในหมู่ศิษย์สายตรงฝ่ายในหรือ?”
“ใช่ เราจะเริ่มกันได้หรือยัง?” หวังเจี้ยนตงถามกลับ
เขาปลดปล่อยกระแสดาบฉีเข้าสู่ดาบในมือ พร้อมจะเล่นงานคู่ต่อสู้ได้ทุกขณะ
“ไม่เลวนี่!” จางเซวียนออกความเห็น
เขาก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง
ตุ้บ!
ศีรษะของหวังเจี้ยนตงกลิ้งหลุนๆไปกับพื้น
เงียบกริบ