Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2013 ผมต้องขอตัวก่อน!
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2013 ผมต้องขอตัวก่อน!
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2013 ผมต้องขอตัวก่อน!
จางเซวียนยังไม่ได้เป็นศิษย์สายตรงก็จริง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าคงไม่เหมาะสมอย่างมากที่จะมอบตำแหน่งศิษย์สายตรงฝ่ายในหรือศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดให้เขา เพราะในฐานะนักรบที่เอาชนะ 5 ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักดาบเมฆเหินได้ คงไม่มีใครที่มีคุณสมบัติเพียงพอจะถ่ายทอดศิลปะเพลงดาบให้เขา
ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ก็ควรมอบตำแหน่งผู้อาวุโสขั้นสูงสุดให้ชายหนุ่มจะดีกว่า ด้วยสถานภาพนี้ การที่อีกฝ่ายจะก้าวขึ้นเป็นเจ้าสำนักในอนาคตก็ย่อมง่ายขึ้นมาก
“ผู้อาวุโสขั้นสูงสุด?” จางเซวียนถึงกับผงะ
เรากลายเป็นผู้อาวุโสขั้นสูงสุดของสำนักดาบเมฆเหินได้ง่ายๆแบบนี้หรือ?
“ใช่แล้ว แต่เพื่อความปลอดภัย ในเวลานี้จะเป็นเพียงตำแหน่งกิตติมศักดิ์เท่านั้น เราจะยังไม่ประกาศตำแหน่งของคุณอย่างเป็นทางการจนกว่าคุณจะสำเร็จวรยุทธเป็นนักรบอมตะขั้นสูงเสียก่อน” หานเจี้ยนชิวตอบ
เมื่อครู่นี้เองที่เรื่องราวเพิ่งคลี่คลายว่ามีอัจฉริยะผู้หนึ่งทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบได้สำเร็จ ซึ่งหากจู่ๆนักรบขั้นเสมือนอมตะคนหนึ่งได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสขั้นสูงสุดอย่างปุบปับ จะไม่เท่ากับประกาศให้ทั้งโลกรู้ว่าเขาคืออัจฉริยะผู้นั้นหรือ?
ดังนั้น ถึงจะขลุกขลักอยู่บ้าง แต่ก็ดีที่สุดที่ในระหว่างนี้จะเก็บตัวเงียบไว้ก่อน
“ถ้าอย่างนั้น ผมเข้าหอสมุดของผู้อาวุโสได้ไหม?” จางเซวียนตั้งคำถาม
เขาพึงพอใจกับข้อตกลงนี้เพราะไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตาของใคร ตราบใดที่เขาได้ในสิ่งที่ต้องการ ที่เหลือก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
“ได้แน่นอน” หานเจี้ยนชิวตอบ “นี่คือตราสัญลักษณ์ผู้อาวุโสของคุณ ชื่อของคุณยังไม่ได้ถูกจารึกลงไป แต่ผมถ่ายทอดรังสีของผมเข้าไปแล้ว เพราะฉะนั้นคุณจะสามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆของผู้อาวุโสขั้นสูงสุดได้ และในเวลาเดียวกัน ก็ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในสำนักได้อย่างอิสระด้วย แต่ผมคงต้องขอร้องคุณว่ากรุณาอย่าใช้มันอย่างฟุ่มเฟือย!”
“ขอบคุณมาก เจ้าสำนักหาน” จางเซวียนรับตราสัญลักษณ์ผู้อาวุโสมาอย่างลิงโลด
ด้วยสิ่งนี้ เขาจะสามารถรวบรวมหนังสือเทคนิควรยุทธขั้นอมตะตัวจริงและฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ ขอแค่เขาสำเร็จวรยุทธขั้นนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ ก็จะสามารถรับมือได้แม้แต่กับนักรบอมตะขั้นสูง สิ่งนี้จะช่วยรับประกันความปลอดภัยของเขาได้มาก
“อ้อ โดยปกติผู้อาวุโสทุกคนมีบ้านพักส่วนตัว แต่เพื่อความปลอดภัยของคุณ ผมคงต้องขอให้คุณพักที่เดิมไปก่อน” หานเจี้ยนชิวพูดอย่างลำบากใจเล็กน้อย
ในเมื่อชายผู้นี้คือว่าที่เจ้าสำนักคนต่อไปของพวกเขา การจะดูแลอีกฝ่ายแบบนี้จึงถือว่าไม่เหมาะไม่ควรนัก
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก” จางเซวียนตอบอย่างสบายใจ ไม่ได้ยี่หระเรื่องนั้นสักนิด
หากเขาพักอยู่ในบ้านพักของผู้อาวุโส ก็ไม่ต่างอะไรกับการเปิดเผยตัวตนของตัวเอง ยากที่จะไม่ตกเป็นเป้าสายตาของใครๆ
หลังจากจัดการเรื่องต่างๆแล้ว หานเจี้ยนชิวลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ในเมื่อคุณเป็นผู้อาวุโสขั้นสูงสุดคนหนึ่ง ผมก็หวังว่าคุณจะไม่เข้าสู่หอนิรันดร์ของศิษย์สายตรงฝ่ายในและศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดบ่อยครั้งเกินไปนัก…”
จางเซวียนตอบรับด้วยการพยักหน้าอย่างหนักแน่น
ด้วยตราสัญลักษณ์ที่ปรมาจารย์ขงมอบให้ เขาจะไม่ขาดแคลนทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธอีกต่อไป เพราะฉะนั้นก็ไม่จำเป็นต้องหาเงินจากบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายในและศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดพวกนั้น
“ผมต้องขอตัวก่อน!”
หลังจากได้สอบถามในทุกสิ่งที่อยากรู้ จางเซวียนก็หันหลังกลับและเดินออกจากสภาผู้อาวุโส ผู้อาวุโสไป๋เย่รีบตามไปติดๆเพื่อส่งจางเซวียนกลับที่พัก
ทันทีที่จางเซวียนออกจากห้อง บริเวณนั้นก็เงียบกริบ ไม่มีใครพูดหรือขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว
เวลาล่วงไประยะหนึ่งกว่าผู้อาวุโสเหอจะหันไปพูดกับหานเจี้ยนชิว “ท่านเจ้าสำนักหาน ในเมื่อจางเซวียนทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จ ก็น่าจะดีที่สุดหากจะพาเขาเข้าสู่ ตำหนักเจตจำนงเพลงดาบเพื่อฝึกฝนวรยุทธ ด้วยวิธีนี้ เขาจะยกระดับวรยุทธของตัวเองได้เร็วขึ้น เขาบรรลุเงื่อนไขพื้นฐานต่างๆที่จำเป็นหมดแล้ว ทำไมคุณถึง…”
ตำหนักเจตจำนงเพลงดาบคือสถานที่ที่ลึกลับซับซ้อนที่สุดของสำนักดาบเมฆเหิน เจ้าสำนักรุ่นแล้วรุ่นเล่าจะบ่มเพาะเจตจำนงเพลงดาบของพวกเขาที่นั่นเพื่อฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์
ในเมื่อจางเซวียนทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จ ก็ชัดเจนว่าเขาจะได้เป็นเจ้าสำนักคนต่อไป ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาควรปฏิบัติโดยเร็วก็คือช่วยเหลือชายหนุ่มให้ยกระดับวรยุทธให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งวิธีการที่ลัดตัดตรงที่สุดในการฝ่าด่านวรยุทธก็คือการเข้าสู่ตำหนักเจตจำนงเพลงดาบ แล้วทำไมหานเจี้ยนชิวถึงไม่พูดเรื่องนี้?
“สิ่งที่ถูกเก็บรักษาไว้ในตำหนักเจตจำนงเพลงดาบคือเจตจำนงเพลงดาบอันล้ำค่าของเจ้าสำนักคนก่อนๆ เจตจำนงเหล่านั้นมีไว้ให้เจ้าสำนักรุ่นหลังศึกษาและบ่มเพาะตัวเอง มันจะช่วยพัฒนาศักยภาพของนักรบโดยทั่วไปได้มาก แต่…”
หานเจี้ยนชิวยิ้มเจื่อนๆขณะพูดต่อ “จางเซวียนทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จแล้ว ซึ่งนั่นหมายความว่าแนวคิดเรื่องศิลปะเพลงดาบของเขาเข้าถึงระดับที่สูงกว่าบรรพบุรุษคนก่อนๆของพวกเรา ผมเกรงว่าหากเขาเข้าสู่ตำหนักเจตจำนงเพลงดาบ ไม่เพียงแต่จะไม่ได้เรียนรู้อะไรเพิ่ม ยังอาจลงเอยด้วยการสร้างความเสียหายให้ตำหนักโดยไม่ได้ตั้งใจด้วย ดูจากพฤติกรรมที่ผ่านๆมาของเขา ผมคิดว่ารักษาเกียรติยศศักดิ์ศรีของบรรพบุรุษของเราเอาไว้จะดีกว่า…”
“…” ผู้อาวุโสเหอเลิกคิ้ว
สิ่งที่หานเจี้ยนชิวพูดก็มีเหตุผล
เจ้าหนุ่มคนนั้นเที่ยวท้าทายใครต่อใครไปทั่ว หากเขาเข้าสู่ตำหนักเจตจำนงเพลงดาบและท้าทายเหล่าบรรพบุรุษแทนที่จะศึกษาหาความรู้ แล้วเกียรติยศศักดิ์ศรีของเหล่าบรรพบุรุษของพวกเขาจะเหลืออะไร?
โชคดีที่เจ้าสำนักหานใคร่ครวญเรื่องนี้อย่างรอบคอบ ไม่อย่างนั้น หากทำอะไรผิดพลาดไป เมื่อพวกเขาตายไปแล้วคงเผชิญหน้ากับเหล่าบรรพบุรุษไม่ไหวแน่
“ผู้อาวุโสเหอกับผู้อาวุโสโฉว ในเวลานี้ แม้แต่สำนักดาบของพวกเราก็อาจไม่ปลอดภัยอีกต่อไป ผมขอรบกวนให้คุณทั้งคู่ตรวจตราและปกป้องจางเซวียนด้วย เขาทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จตั้งแต่มาถึงได้เพียงวันเดียว ผมจึงเชื่อว่าเขาน่าจะเป็นกุญแจที่นำไปสู่การเรียกคืนความรุ่งโรจน์กลับคืนสู่สำนักของเรา ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามนั้นจริงๆ เราจะมีอำนาจทัดเทียมกับหอนิรันดร์เลยทีเดียว เหนือชั้นกว่าอีก 5 สำนักที่เหลือด้วย!” หานเจี้ยนชิวพูดอย่างตื่นเต้น
ถึงจางเซวียนจะดูเอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้ แต่พละกำลังของเขาจัดว่าไร้เทียมทาน ความเชี่ยวชาญในศิลปะเพลงดาบของอีกฝ่ายเหนือชั้นกว่าเหล่าผู้อาวุโสและและทุกคนในทวีปที่ถูกลืม ขอแค่เขายกระดับวรยุทธให้ทัดเทียมกับเหล่าผู้อาวุโสได้ ก็มีโอกาสสูงที่สำนักดาบเมฆเหินจะสามารถฉกฉวยตัวอักษรคำว่า ‘เทพเจ้า’ อีกครึ่งหนึ่งที่เหลือมาจากหอเทพเจ้า และผงาดขึ้นเป็นที่หนึ่งของหกสำนักใหญ่ คงไม่ต้องพูดว่าเหนือชั้นกว่าแม้แต่หอนิรันดร์และหอเทพเจ้า
ความเป็นไปได้ทุกอย่างนั้นไม่มีที่สิ้นสุด!
“วางใจได้เลย เจ้าสำนักหาน” ผู้อาวุโสเหอกับผู้อาวุโสโฉวตอบรับพร้อมกับพยักหน้า
เพื่อสำนักดาบเมฆเหิน พวกเขาจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยเหลือและปกป้องจางเซวียน
…..
หลังจากกลับถึงบ้านพักของตั้นเฉี่ยวเทียน จางเซวียนตรวจดูการฝึกฝนศิลปะเพลงดาบของตั้นเฉี่ยวเทียนกับไป๋เหรินชิง จากนั้นก็ให้คำชี้แนะทั้งคู่ก่อนจะกลับห้องของเขา
เขาสร้างปราการเพื่อปิดกั้นพื้นที่นั้นจากโลกภายนอกก่อนจะนำตราสัญลักษณ์ของปรมาจารย์ขงออกมาด้วยการสะบัดข้อมือ จางเซวียนหยดเลือดหยดหนึ่งลงไปบนตราสัญลักษณ์เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ไม่ช้าก็พบวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของตราสัญลักษณ์อันนั้น
ไม่เหมือนกับที่เขาคิดไว้ ตราสัญลักษณ์นี้ไม่ใช่ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล จึงไม่อาจใช้มันเข้าสู่หอนิรันดร์ได้ ดูเหมือนมันจะเป็นตราเกียรติยศชนิดหนึ่ง
ด้วยสิ่งนี้ หากเขาเข้าสู่บริเวณรอบนอกของหอนิรันดร์ ก็จะสามารถซื้อหาทรัพยากรทุกชนิดจากหอนิรันดร์ได้โดยไม่ต้องใช้เงินสักเหรียญเดียว
พูดอีกอย่างก็คือ มันเหมือนบัตรทองที่เขารูดได้ครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่ต้องเสียเงินสักแดง!
ปรมาจารย์ขงช่างใจกว้างจริงๆ!
เดี๋ยวจะต้องลองดู จางเซวียนคิดขณะเก็บตราสัญลักษณ์เข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ
เขาสามารถเข้าสู่บริเวณรอบนอกของหอนิรันดร์ได้เมื่ออยู่ในสำนักดาบเมฆเหิน จึงควรจะไปรื่นรมย์กับสิทธิพิเศษอันไม่จำกัดนี้เสียหน่อย
หลังจากเก็บตราสัญลักษณ์เข้าไปในแหวนเก็บสมบัติแล้ว จางเซวียนก็สะบัดข้อมืออีกครั้งและนำดาบถงซังที่หานเจี้ยนชิวมอบให้ออกมา ทันทีที่ดาบปรากฏ รอยร้าวเล็กๆก็เกิดขึ้นโดยรอบ ราวกับพื้นผิวโลกไม่อาจต้านทานพลังงานมหาศาลที่ดาบแผ่ออกมาได้ ทำให้มันทำท่าจะแหลกสลาย
สมกับที่เป็นของล้ำค่าระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ ศักยภาพของมันช่างไร้เทียมทานจริงๆ
ดาบถงซังคำรามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าหนุ่ม เป็นเพราะคำสั่งของหานเจี้ยนชิวหรอกนะ ผมจึงยอมมากับคุณโดยไม่เต็มใจ คุณยังห่างไกลนักกับการที่จะทำให้ผมยอมจำนนได้ ขอแนะนำว่าอย่าเปลืองแรงจะดีกว่า อีกอย่าง คุณไม่ควรนำผมออกมาโดยปราศจากเหตุผล ไม่อย่างนั้น ผมเกรงว่าผมอาจจะอารมณ์เสียและซ้อมคุณก็ได้!”
มันรู้สึกว่าเป็นการเสียหน้าครั้งใหญ่ที่ของล้ำค่าระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์อย่างตัวมันต้องยอมรับเจ้าหนุ่มคนหนึ่งที่มีวรยุทธแค่ขั้นเสมือนอมตะเป็นเจ้านาย
“คุณจะซ้อมผมหรือ?” จางเซวียนหัวเราะลั่น เขาเคาะนิ้วเบาๆลงบนคมดาบถงซัง “ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด คุณถูกหลอมโดยโอวหยางชิงเฟิง ช่างตีเหล็กผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของทวีปที่ถูกลืม ใช่ไหม?”
“ใช่” ดาบถงซังตอบอย่างภาคภูมิใจ
โอวหยางชิงเฟิงคือช่างตีเหล็กผู้โด่งดังในทวีปที่ถูกลืม อาวุธที่เป็นผลงานของเขาเป็นที่ตามหากันในหมู่ชนชั้นสูง ตลอดชีวิตของโอวหยางชิงเฟิง เขาหลอมของล้ำค่าระดับอมตะขั้นสูง 7 ชิ้น และกลายเป็นตำนาน
ก็เพราะสิ่งนี้ ดาบถงซังจึงภาคภูมิใจในต้นกำเนิดของมันมาก
“เทคนิคการหลอมดาบของโอวหยางชิงเฟิงไร้เทียมทานจริงๆ เขาผสมโลหะชวนหยางที่หายากเข้ากับคริสตัลลูกปัดมหาสมุทรโดยใช้เทคนิคการหลอมที่ซับซ้อนเหนือชั้นเพื่อสร้างคุณขึ้นมา แต่ทั้งๆที่วัตถุดิบที่ใช้หลอมคุณมีมูลค่าสูงขนาดนี้ คุณไม่รู้สึกแย่บ้างหรือที่ตัวเองเป็นได้แค่ของล้ำค่าระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์?” จางเซวียนตั้งคำถาม
วัตถุดิบที่ใช้หลอมดาบเล่มนี้เป็นสิ่งล้ำค่าอย่างน่าทึ่งในทวีปที่ถูกลืม แถมกระบวนการหลอมก็เหนือชั้นมาก หากโชคดีพอ ก็มีโอกาสที่ของล้ำค่าชิ้นนี้จะเข้าถึงระดับกึ่งสรวงสวรรค์ พูดกันตามตรง น่าเสียดายมากที่มันเป็นได้แค่ของล้ำค่าระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์!