Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2035 เราต้องรีบหาตัวเขาให้พบ!
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2035 เราต้องรีบหาตัวเขาให้พบ!
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2035 เราต้องรีบหาตัวเขาให้พบ!
“แค่ก แค่ก…นายน้อย ผมเด็ดดอกไม้ได้ครบพันดอกแล้ว!” เฉาเฉิงลี่ตอบพร้อมกับเกาหัวแกรก จากนั้นก็แอบมองจางเซวียนด้วยความอยากรู้และถามอ้อมแอ้ม “ก็แค่อยากรู้หรอกนะนายน้อย แต่ว่าตอนนี้คุณเด็ดดอกไม้ได้กี่ดอกแล้วล่ะ…”
คำพูดนั้นทำให้จางเซวียนหน้าตึงขึ้นมาทันที หมอนี่ชักจะกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!
“ผมรู้มาว่าคุณเพิ่งกระโดดข้ามธรณีประตูใช่ไหม? ดูเอาเถอะว่าเดี๋ยวนี้มารยาทของคุณเป็นอย่างไร! ถ้าผมเจออีกครั้งว่าคุณทำตัวเหลวไหลอย่างนี้ล่ะก็ แน่ใจได้เลยว่าผมจะหักขาคุณ!”
“ผมกระโดดข้ามธรณีประตูก็ไม่ได้หรือ?” เฉาเฉิงลี่งงงัน
ใช้ขาซ้ายก็ไม่ได้ ขาขวาก็ไม่ได้เหมือนกัน…แถมตอนนี้กระโดดข้ามก็ไม่ได้ด้วย! นายน้อยคิดจะปล่อยเขาไว้นอกบ้านหรือขังเขาไว้ในบ้านชั่วชีวิตหรือไง?
จางเซวียนคำรามอีกครั้งและปล่อยให้เฉาเฉิงลี่ใคร่ครวญการทำความผิดของตัวเองก่อนจะออกจากบ้านพัก
เมื่อดวงอาทิตย์ลอยสูง เขาก็พ้นจากประตูขุนเขามาแล้ว จากนั้นก็หายตัวไปท่ามกลางความเวิ้งว้างอันกว้างใหญ่
ครู่เดียวหลังจากที่จางเซวียนหายตัวไป ผู้อาวุโส 2 คนก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยสีหน้างุนงงสงสัย
พวกเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้อาวุโสเหอเทียนกับผู้อาวุโสโฉวหั่ว
หานเจี้ยนชิวอนุญาตให้จางเซวียนเดินทางตามลำพัง แต่สุดท้ายก็พบว่าไม่อาจปล่อยให้เป็นแบบนั้นได้ นั่นคือความปลอดภัยของว่าที่หัวหน้าสำนักของพวกเขา! จะยอมให้เกิดความผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด!
ดังนั้น ทันทีที่จางเซวียนออกไป หานเจี้ยนชิวก็รีบสั่งการให้ 2 ผู้อาวุโสตามจางเซวียนไปติดๆเพื่อคุ้มกันอีกฝ่าย
ใครจะไปคิดว่าทั้งคู่จะคลาดกันกับจางเซวียนทันทีที่ออกจากสำนัก…
“เร็วเข้า เราต้องรีบหาตัวเขาให้พบ!”
สองผู้อาวุโสตามหาชายหนุ่มอย่างรีบร้อน แต่ทั่วบริเวณนั้นก็ว่างเปล่า ไม่มีวี่แววของจางเซวียน
4 ชั่วโมงต่อมา ทั้งคู่ก็หมดหนทาง ต้องกลับสภาผู้อาวุโสเพื่อรายงานความล้มเหลว
ไม่น่าเชื่อว่านักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์อย่างพวกเขาจะปล่อยให้นักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์คนหนึ่งคลาดสายตาได้…ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าจะมองหน้าเจ้าสำนักได้อย่างไร
“คุณคลาดกันกับเขาหรือ?”
…..
หานเจี้ยนชิวดูจะคาดเดาเหตุการณ์ได้ทันทีที่เห็นทั้งคู่ ทำให้ผู้อาวุโสเหอเทียนกับผู้อาวุโสโฉวหั่วไม่ต้องเสียเวลาสาธยายความล้มเหลวของตัวเอง
“คือ…”
ผู้อาวุโสเหอเทียนกับผู้อาวุโสโฉวหั่วไม่กล้าเงยหน้า
“เขารู้ว่าผมจะต้องส่งคุณทั้งสองติดตามเขาไป จึงหาวิธีกันท่าไว้ก่อน…” หานเจี้ยนชิวถอนหายใจอย่างจนปัญญา
“เขารู้ว่าพวกเราตามเขาไป?”
ผู้อาวุโสทั้งสองเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน
“นี่คือข้อความที่เขาทิ้งไว้ให้พวกคุณ” หานเจี้ยนชิวพูดขณะยื่นตราหยกสองอันในมือให้อีกฝ่าย
ทั้งคู่รีบถ่ายทอดพลังปราณเข้าสู่ตราหยก ไม่ช้าเสียงของจางเซวียนก็ดังขึ้น “ผู้อาวุโสเหอกับผู้อาวุโสโฉว พวกคุณไม่จำเป็นต้องตามผมหรอก ผมดูแลตัวเองได้ นี่คือศิลปะเพลงดาบที่ผมคิดค้นให้คุณทั้งคู่หลังจากวิเคราะห์ข้อบกพร่องในศิลปะเพลงดาบของคุณแล้ว ขอแค่ฝึกฝนตามนี้ คุณจะยกระดับความเชี่ยวชาญในศิลปะเพลงดาบขึ้นได้อีกมาก…”
“เอ่อ…”
ทั้งคู่รีบอ่านรายละเอียดที่ปรากฏในตราหยก ครู่ต่อมาก็ตกใจจนพูดไม่ออก
ศิลปะเพลงดาบที่บรรจุอยู่ในตราหยกดูจะแก้ไขข้อบกพร่องในศิลปะเพลงดาบของพวกเขาได้ทั้งหมด ขอแค่ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนตามนี้ ก็จะมีความเชี่ยวชาญในระดับที่สูงขึ้นอีกมาก อันที่จริงอาจทำได้แม้แต่ยกระดับวรยุทธของพวกเขาเลยทีเดียว!
“คะ-คุณ คุณมองเห็นทั้งหมดนี้ได้อย่างไร?”
ทั้งคู่ตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ
โดยทั่วไป นักดาบจะเก็บข้อบกพร่องในศิลปะเพลงดาบของตัวเองไว้เป็นความลับ ไม่ใช่เรื่องที่จะเปิดเผยกับใครได้แม้แต่ญาติมิตรที่สนิทสนมที่สุด แต่ด้วยการดวลเพียงครั้งเดียว ชายหนุ่มก็ค้นพบข้อบกพร่องทั้งหมดของพวกเขาและหาวิธีการแก้ไขที่เป็นรูปธรรมมาแก้ไขความผิดพลาดได้…
ทั้งคู่รู้มานานแล้วว่านักดาบที่สามารถทำความเข้าใจเจตจำนงของเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จจะมีความเก่งกาจเหนือชั้นกว่าธรรมดา แต่นี่เป็นสิ่งที่เหนือกว่าจินตนาการของพวกเขามาก!
ใครๆก็รู้ว่าแต่ละกระบวนท่าของศิลปะเพลงดาบเหมือนกับฟันเฟืองตัวหนึ่งของระบบทั้งระบบ ต่อให้ใครสักคนค้นพบปัญหาของฟันเฟืองตัวหนึ่ง แต่การปรับเปลี่ยนมันอย่างรีบร้อนก็มีแต่จะสร้างปัญหาให้ทั้งระบบมากกว่าเดิม
ก็เพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้พวกเขาไม่กล้าแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเอง แม้จะพอรู้อยู่ว่าปัญหาคืออะไร ไม่ใช่เพราะไม่อยากแก้ เรื่องของเรื่องก็คือแก้ไม่ได้!
แต่ปัญหานี้ก็ถูกแก้ไขจนสำเร็จอย่างไร้ที่ติด้วยฝีมือของชายหนุ่มคนหนึ่ง…
“เราจะตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ได้อย่างไร?”
นัยน์ตาของผู้อาวุโสทั้งคู่แดงก่ำด้วยความตื่นเต้น
พวกเขาตั้งใจจะปกป้องชายหนุ่ม แต่ไม่เพียงอีกฝ่ายจะไม่ต้องการความช่วยเหลือ ยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ด้วย ไม่มีถ้อยคำไหนจะบรรยายความรู้สึกในเวลานี้ได้เลย
“ไม่ใช่เฉพาะพวกคุณนะ พวกเราทุกคนก็ได้รับคำชี้แนะเหมือนกัน…” หานเจี้ยนชิวพูดขณะกวาดสายตามองเหล่าสมาชิกของสภาผู้อาวุโสด้วยนัยน์ตาเคร่งขรึมอย่างล้ำลึก
ราวกับว่าชายหนุ่มคือเทพเจ้าที่ร่อนลงมาหาพวกเขา จากนั้นก็มอบพรล้ำค่าให้ก่อนจะหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
ผู้อาวุโสเหอเทียนกับผู้อาวุโสโฉวหั่วมองไปรอบๆ ในตอนนั้นเองที่ได้รู้ว่าทั้งเจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆก็มีตราหยกในมือเช่นกัน เป็นไปได้ว่าตราหยกเหล่านั้นบรรจุเอาข้อบกพร่องและวิธีแก้ไขข้อบกพร่องของแต่ละคนไว้
“ตั้งใจฝึกฝนวรยุทธให้ดี อย่าทำให้เขาต้องผิดหวัง!” หานเจี้ยนชิวพูดขณะลุกขึ้นยืน “ด้วยความเก่งกาจของจางเซวียน ผมเชื่อว่าสำนักดาบเมฆเหินจะรุ่งเรืองขึ้นอีกมากภายใต้การนำของเขา”
“ใช่!” คนอื่นๆในห้องพยักหน้ารับ
กลับกลายเป็นว่าการปรากฏตัวของนักดาบผู้สามารถทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จไม่ได้เป็นผลดีต่อสำนักของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อสมาชิกทุกคนด้วย ขอแค่พวกเขาทำความเข้าใจคำชี้แนะของจางเซวียนให้ถี่ถ้วน ก็จะสามารถถ่ายทอดความรู้นี้ให้เหล่าศิษย์สายตรงได้ ประสิทธิภาพการต่อสู้ของสมาชิกทั้งสำนักจะเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก
แค่คิดก็ทำเอาทุกคนตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น
อัจฉริยะผู้ปราดเปรื่องคนหนึ่งสามารถนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่สำนักได้ในช่วงเวลาหนึ่งชั่วคน แต่ครูบาอาจารย์ผู้ปราดเปรื่องคนหนึ่งจะนำความรุ่งเรืองมาสู่สำนักได้ยาวนานอีกหลายชั่วคน!
“ผมตัดสินใจแล้ว” หานเจี้ยนชิวประกาศอย่างปุบปับ
ราวกับจะรู้ว่าหานเจี้ยนชิวคิดอะไร ผู้อาวุโสเหอเทียนตั้งคำถามด้วยความประหลาดใจ “ท่านเจ้าสำนักหาน คุณแน่ใจหรือว่า…”
“แน่ใจอย่างยิ่ง” หานเจี้ยนชิวตอบ “ผมยังกังวลใจเรื่องนิสัยอวดเนื้ออวดตัวของเขา จึงคิดว่าจำเป็นต้องขัดเกลานิสัยของเขาสักหน่อยก่อนจะฝากฝังทั้งสำนักให้เขาดูแลได้ แต่การที่จางเซวียนเต็มใจถ่ายทอดคำชี้แนะของเขาให้พวกเราโดยไม่ปิดบัง ก็แปลว่าสภาวะจิตของเขามีความเหมาะสมแล้ว ผมเชื่อว่าเขาพร้อม!”
หลังจากพูดจบ หานเจี้ยนชิวก็นำตราหยกที่แสดงตัวตนของเขาในฐานะเจ้าสำนักออกมาและชูมันขึ้นตรงหน้า
เสียงทุ้มลึกของเขาดังก้องไปทั่วทั้งสำนักดาบเมฆเหิน
“นับจากวันนี้ไป จางเซวียนจะเป็นเจ้าสำนักดาบเมฆเหินคนใหม่!”
ที่โซนศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดของสำนักดาบเมฆเหิน ชายหนุ่มคนหนึ่งพุ่งปราดออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับดาบในมือ จากนั้นก็ปล่อยมืออย่างกะทันหัน ทำให้ดาบกระเด็นออกไปด้วยความเร็วอันน่าอัศจรรย์ มันพุ่งเข้าปักลำต้นของต้นไม้เก่าแก่ต้นหนึ่งที่อยู่ห่างออกไป
“ศิษย์พี่เหอ คุณกำลังฝึกฝนเทคนิคของเธอหรือ?” ชายหนุ่มคนหนึ่งถามอย่างตื่นเต้นขณะเดินเข้ามา
ถ้าไป๋เหรินชิงอยู่ตรงนี้ ก็จะจำชายทั้งสองที่ยืนอยู่ได้ ทั้งคู่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเหอจิ้งชวน, ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดอันดับ 1 และหูเฉิน, ผู้รั้งอันดับ 4
หลังจากดวลกับไป๋เหรินชิง เหอจิ้งชวนก็ศึกษาทั้ง 2 กระบวนท่าที่เขาพ่ายแพ้ให้กับมัน ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็พอเข้าใจบางส่วนแล้ว
“ต้องขอบอกว่า 2 กระบวนท่านี้เป็นผลงานชั้นยอดจริงๆ ผมยำเกรงกับความสวยและสง่างามของมัน” เหอจิ้งชวนถอนหายใจอย่างทึ่งจัด
ครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับมัน ก็คิดว่าไม่น่ามีอะไรมากกว่าการโยนดาบแบบธรรมดา แต่ยิ่งศึกษามากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้ความน่าสะพรึงของมันมากขึ้นเท่านั้น
ราวกับว่าการโยนดาบเพียงครั้งเดียวนี้กุมความลับที่ซุกซ่อนอยู่ในแก่นสารของศิลปะเพลงดาบไว้
เขาพยายามจำลองสถานการณ์หลากหลายรูปแบบ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจเอาชนะเทคนิคการโยนดาบนั้นได้ ราวกับมันมีอานุภาพในการทำลายความเป็นไปได้ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า ทำให้โชคชะตาของเขาต้องถึงจุดจบ!
“ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น พวกเราทุกคนคงไม่พ่ายแพ้ให้เธอกันหมดหรอก…” หูเฉินรำพึงอย่างหม่นหมอง
ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่ยอมรับในความแข็งแกร่งของไป๋เหรินชิง แต่นั่นก็มีแต่จะทำให้รู้สึกท้อใจกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้น…ดูเหมือนไป๋เหรินชิงจะไม่มีอะไรเลยนอกจากสองกระบวนท่าที่กล่าวมา
“คุณหาเจอหรือยังว่าเธอร่ำเรียน 2 กระบวนท่านี้จากใคร?” เหอจิ้งชวนถาม
“ผมพยายามตีกรอบของความเป็นไปได้ ซึ่งก็คาดเดาว่าเธอน่าจะเรียนจาก ‘ผมน่ะถ่อมตัว’, ชายผู้เอาชนะศิษย์สายตรงฝ่ายในทั้งหมดได้เมื่อไม่นานมานี้” หูเฉินตอบ
“เป็นเขาหรือ?” เหอจิ้งชวนขมวดคิ้ว “ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด เขาเป็นแค่นักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติโลกจารึกนี่?”
“เขาน่าจะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบเสมือนอมตะระดับล่างได้เมื่อไม่นานมานี้ อันที่จริง ตามข้อมูลที่ได้มา ดูเหมือน ‘ผมน่ะหล่อมาก’ ที่เอาชนะพวกเราทุกคนได้ในวันนั้นก็น่าจะเป็นเขา” หูเฉินตอบ
เขากำลังจะอธิบายเหตุผลที่สนับสนุนข้อสันนิษฐานนี้ ก็พอดีกับที่เสียงหนึ่งดังกึกก้องทั่วทั้งสันเขา “นับจากวันนี้ไป จางเซวียนจะเป็นเจ้าสำนักดาบเมฆเหินคนใหม่!”
“นั่นเสียงท่านเจ้าสำนักนี่!”
“ว่าแต่เขาพูดอะไร? จางเซวียนจะเป็นเจ้าสำนักคนใหม่ของเรา? จางเซวียนคนนั้นเป็นใครกัน?”
เหอจิ้งชวนกับหูเฉินต่างจังงัง
ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่เจ้าสำนักของพวกเขาจะลงจากตำแหน่งและมอบตำแหน่งให้คนอื่น และส่วนใหญ่ผู้รับสืบทอดตำแหน่งก็มักจะเป็นผู้อาวุโสผู้ทรงเกียรติหรือใครสักคนที่ได้รับความเคารพอย่างสูงภายในสำนัก แต่จางเซวียนล่ะ…หมอนี่มาจากไหน?
ขณะที่ทั้งคู่กำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงของหานเจี้ยนชิวก็ดังขึ้นต่อไป
“ผมรู้ว่าชื่อ ‘จางเซวียน’ อาจไม่คุ้นหูสำหรับพวกคุณส่วนใหญ่ แต่เขาคือ ‘ผมน่ะถ่อมตัว’ และ ‘ผมน่ะหล่อมาก’, ชายผู้เอาชนะศิษย์สายตรงฝ่ายในและศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดทั้งหมดได้ภายในเวลาเพียงวันเดียว!”
“ผมน่ะถ่อมตัว?” เหอจิ้งชวนผงะ “เขาเพิ่งฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบเสมือนอมตะเมื่อไม่นานนี้เองไม่ใช่หรือ?”