Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2038 นั่นคือความสามารถของมนุษย์จริง ๆ หรือ?
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2038 นั่นคือความสามารถของมนุษย์จริง ๆ หรือ?
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2038 นั่นคือความสามารถของมนุษย์จริงๆหรือ?
มีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับหมาจิ้งจอกหูขาวในหนังสือจำนวนหลายล้านเล่มของสำนักดาบเมฆเหิน มันเป็นอสูรอมตะทรงพลังที่เมื่อโตเต็มที่จะมีวรยุทธระดับอมตะขั้นสูง ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าเล่ห์เจ้ากล เชี่ยวชาญด้านการสร้างภาพลวงตา ทำให้ผู้เข้าใกล้สูญเสียความสามารถในการมองเห็น แม้แต่นักรบอมตะขั้นสูงก็ยังถูกล่อลวงด้วยภาพลวงตาของมัน
ในประวัติศาสตร์ มีนักฝึกอสูรมากมายที่พยายามจะทำให้หมาจิ้งจอกหูขาวยอมจำนน แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครทำสำเร็จ
แม้แต่อัจฉริยะผู้ไร้เทียมทานที่สุดของหอนานาอสูรก็ยังพ่ายแพ้
ด้วยเหตุนี้ หมาจิ้งจอกหูขาวจึงขึ้นชื่อว่า ‘ไม่เชื่อง’ ในสายตาของนักฝึกอสูรทั่วไป
ในเมื่อมีอสูรแบบนี้อยู่ในภูเขา จึงไม่น่าแปลกใจที่อาณาบริเวณนี้จะถูกเหล่าอสูรเข้ายึดครอง จนถึงขนาดที่แม้แต่กลุ่มอำนาจใหญ่ก็ไม่อาจขยายอิทธิพลเข้าสู่พื้นที่นั้นได้
“ถ้าคุณอยากทำให้อสูรที่นี่ยอมจำนนสักตัวละก็ จะดีที่สุดถ้าอยู่ให้ห่างจากอาณาเขตของสี่อสูรอมตะไว้ บางทีคุณอาจพอมีโอกาสประสบความสำเร็จ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ มีแต่จะพาตัวเองไปเสี่ยงตาย” ชายชราแนะนำอย่างมีน้ำใจ
“พื้นที่ไหนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของสี่อสูรอมตะ?” จางเซวียนตั้งคำถาม
“อาณาบริเวณของภูเขาเมฆเหินมีความยาวหลายร้อยลี้ และอสูรทั้ง 4 ก็กุมอำนาจเหนือทั้ง 4 ยอดเขา…” ขณะที่ชายชราพูด เขาก็นำแผนที่ออกมาและเริ่มอธิบายรายละเอียดเรื่องแหล่งพำนักของทั้งสี่อสูรอมตะ
จางเซวียนจดจำข้อมูลเหล่านั้นไว้ในหัวสมอง
เขาเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในอสูรทรงพลังชนิดต่างๆที่กระจายตัวกันอยู่ทั่วภูเขาเมฆเหิน และไม่ช้า ภาพของภูเขาที่อยู่ท่ามกลางหมู่เมฆก็ปรากฏให้เห็นตรงหน้า
ชายชราบังคับอสูรบินได้ให้ร่อนลงที่ใจกลางภูเขาและพูดว่า “ผมส่งคุณได้เพียงเท่านี้นะ ถ้าลึกไปกว่านี้จะเป็นอันตราย…”
เขาอดรู้สึกไม่ได้ว่ามีนัยน์ตาแดงก่ำนับคู่ไม่ถ้วนจับจ้องมาจากหมู่เมฆ และนั่นทำให้เขาพรั่นพรึงอย่างหนัก
ชายชราไม่ใช่นักรบที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว และอสูรที่เขาขี่ก็ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องการต่อสู้ด้วย ชีวิตของเขามีแต่จะตกอยู่ในความเสี่ยงหากเข้าไปลึกกว่านี้
“ส่งผมตรงนี้ก็ได้ เมื่อกี้ผมให้สัญญากับคุณไว้ว่าผมจะฝึกอสูรตัวหนึ่งให้คุณ ถูกไหม? ถ้าคุณพอมีเวลาล่ะก็ รอผมอยู่ตรงนี้ก็จะดี” จางเซวียนพูดยิ้มๆ
“คุณพูดจริงหรือ?” ชายชราย้อนถาม
เขาคิดว่าจางเซวียนพูดไปอย่างนั้น แต่คราวนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง!
แต่ต่อให้อีกฝ่ายตั้งใจช่วยเขา การฝึกอสูรก็ไม่ใช่สิ่งที่เพียงแค่มีความตั้งใจมุ่งมั่นแล้วจะทำได้
จางเซวียนไม่ตอบคำถามของชายชรา เขายิ้มออกมา จากนั้นก็เก็บหินขึ้นมาก้อนหนึ่งแล้วขว้างเข้าไปในป่าลึก
ฮื่อออออ! แฮ่!
หินก้อนนั้นทำให้เกิดเสียงคำรามของอสูรมากมายนับไม่ถ้วนดังกึกก้องไปทั่ว นัยน์ตาแดงก่ำที่ซุกซ่อนอยู่โผล่พ้นออกมาจากหมู่เมฆ
น่าตกใจมากที่พวกมันล้วนแต่เป็นอสูรขั้นผู้ทำลายล้างมิติ! มีอยู่มากมายหลายชนิด บางชนิดก็เชี่ยวชาญเรื่องการบิน ขณะที่บางชนิดเก่งกาจด้านการโจมตี สีหน้าของพวกมันบ่งบอกความโหดเหี้ยม ได้กลิ่นอายของความกระหายเลือดอย่างชัดเจน
“อะไรกัน?” ชายชราหน้าซีดเผือด อสูรบินได้ที่อยู่ด้านหลังใช้ปีกของมันปิดหน้าไว้ ไม่กล้าจ้องมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามัน
อสูรขั้นผู้ทำลายล้างมิติจำนวนมากมายก่ายกองอยู่ใกล้พวกเขาแบบนี้ แค่พริบตาเดียวก็คงถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ไม่มีทางหนีพ้นแน่!
ถ้าเขารู้ว่าชายวัยกลางคนผู้นี้จะหุนหันพลันแล่นอย่างที่เห็น จะไม่มีวันรับงานนี้เด็ดขาด…
ขณะที่ชายชราคิดว่าคราวนี้ต้องตายแน่ ชายวัยกลางคนก็พูดขึ้นมาอย่างปุบปับ “ที่นี่มีอสูรมากมายให้คุณเอากลับไปได้ คุณชอบตัวไหนล่ะ?”
“ผมชอบตัวไหน?” ชายชราแทบลมจับ
ผมจะชอบตัวไหน แล้วอย่างไรล่ะ? คุณกำลังบอกให้ผมเก็บอสูรกลับไปสักตัวเพื่อที่ผมจะได้กลายเป็นอาหารเย็นของมันหรือ? ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตของเราจะเป็นแบบนี้…ต้องเจอจุดจบแบบนี้…
“ถ้าคุณให้ผมเลือกล่ะก็ ผมอยากถูกนกอินทรีไฟที่อยู่ตรงนั้นจับกิน ความใฝ่ฝันสูงสุดของผมคือได้เป็นเจ้าของอสูรตัวนั้น ซึ่งหาพผมทำไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรถ้าจะได้จบชีวิตใต้กรงเล็บของมัน…” ชายชราถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะชี้นิ้วไปที่อสูรตัวหนึ่ง
“นกอินทรีไฟ?” จางเซวียนพยักหน้า “รับทราบ เอาตัวนั้นก็แล้วกัน”
ฟึ่บ!
พริบตาต่อมา จางเซวียนก็หายตัวไป ขณะที่ชายชรายังงุนงงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น นกอินทรีไฟตัวมหึมาก็ร่วงลงมากองกับพื้นตรงหน้า ทำให้เขาต้องกระถดหนีด้วยความหวาดกลัว
“รีบยอมรับเขาเป็นเจ้านายของแกเสีย” จางเซวียนพูดขึ้นจากด้านหลังนกอินทรีไฟตัวนั้น
แคว่ก!
นกอินทรีไฟที่แสนหยิ่งผยองก้มศีรษะของมันลงทันทีเพื่อโค้งคำนับให้
ชายชราชราตาโตด้วยความงุนงงสุดขีด
เขาอาจไม่ใช่ศิษย์สายตรงตัวจริงของหอนานาอสูร แต่ก็มีโอกาสได้เห็นนักฝึกอสูรผู้เก่งกาจมากมายทำการฝึกอสูรมาก่อน พฤติกรรมที่นกอินทรีไฟก้มศีรษะของมันนั้นหมายความว่ามันเต็มใจยอมรับใช้เขาโดยสมบูรณ์…หรือพูดอีกอย่างก็คือ มันเต็มใจยอมเป็นอสูรของเขา!
ว่าแต่…เป็นแบบนี้ได้อย่างไร?
แค่โยนนกอินทรีไฟลงมา มันก็ถูกทำให้เชื่องแล้วหรือ?
การฝึกอสูรง่ายดายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
“ผมทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับคุณแล้วนะ ลาก่อน!”
ชายชรายังคงงุนงงว่าอีกฝ่ายใช้เวทมนตร์แบบไหนเพื่อทำให้นกอินทรีไฟยอมจำนนได้ ก็พอดีกับที่เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้น จากนั้นเขาแปรสภาพเป็นเงาขณะพุ่งเข้าใส่ฝูงอสูรที่อยู่ตรงหน้า
เพียงครู่เดียว อสูรหลายตัวที่เพิ่งแยกเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่เมื่อครู่ก็ลงนอนเขลงอย่างว่าง่ายราวกับสัตว์เลี้ยงที่จงรักภักดี พวกมันแลบลิ้นออกมาเหมือนสุนัขที่พยายามประจบประแจงเจ้าของ
“ฉันเลือกแก ไปกันเถอะ”
จางเซวียนเลือกเสือดาวจุดเขียวตัวหนึ่งและขึ้นขี่หลังของมัน จากนั้นทั้งคู่ก็ตรงเข้าสู่ป่าลึก หายตัวไปท่ามกลางหมู่เมฆในชั่วพริบตา
เห็นร่างของชายวัยกลางคนหายวับไป ชายชราทึ้งผมตัวเองอย่างคลุ้มคลั่ง ใช้เวลานานกว่าเขาจะสงบสติอารมณ์ได้อีกครั้ง
ชายวัยกลางคนผู้นั้นทำให้อสูรขั้นผู้ทำลายล้างมิติจำนวนมากมายยอมจำนนให้เขาอย่างเต็มใจ…นั่นคือความสามารถของมนุษย์จริงๆหรือ?
ดูเหมือนหัวหน้าหอนานาอสูรก็ไม่น่าจะทำอะไรเหลือเชื่อแบบนี้ได้!
“เราได้ยินว่าหอนานาอสูรใช้การทดสอบที่โหดหินอย่างเหลือเชื่อในการคัดเลือกหัวหน้าของพวกเขา ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ขอแค่นักฝึกอสูรคนหนึ่งทำให้หนึ่งในสี่อสูรอมตะยอมจำนนได้ ก็จะได้รับตำแหน่งว่าที่หัวหน้าหอนานาอสูรคนต่อไป หรือว่า…ชายวัยกลางคนผู้นั้นจะเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งจากหอนานาอสูรที่เข้ารับการทดสอบ?” ชายชราหวนนึกถึงข่าวที่เขารู้มาเมื่อสองสามวันก่อน
ก็เหมือนกับวิธีการที่สำนักดาบเมฆเหินเลือกเจ้าสำนักของพวกเขาผ่านความเชี่ยวชาญในศิลปะเพลงดาบ หอนานาอสูรก็ใช้ระบบเดียวกัน
หัวหน้าของพวกเขาจะต้องมีความเชี่ยวชาญเหนือชั้นเรื่องการฝึกอสูร และมีพละกำลังเหนือกว่าอสูรทั้งปวง
แต่ก็แน่นอนว่าสี่อสูรอมตะแห่งขุนเขาสี่อสูรมีพละกำลังแข็งแกร่งอย่างน่าทึ่ง และการทำให้พวกมันยอมจำนนก็เป็นภารกิจที่ยากเย็นมาก
การประสบความสำเร็จในภารกิจแบบนี้จะทำให้ความสามารถในการฝึกอสูรของผู้นั้นเพิ่มสูงขึ้น และพละกำลังของ 1 ใน 4 อสูรอมตะก็เพียงพอจะทำให้เขาก้าวขึ้นสู่ความเป็นสุดยอดของหอนานาอสูร
ด้วยสิ่งนี้ จะไม่มีใครตั้งคำถามถึงความชอบธรรมของหัวหน้าหอนานาอสูรที่ได้รับเลือก
“ก็คงเป็นแบบนั้นแหละ…” ชายชราพยักหน้า
ไม่น่าแปลกที่อีกฝ่ายจะเก่งกาจเหลือเกินในการฝึกอสูร ในเมื่อเขาเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของหอนานาอสูรที่เป็นหนึ่งในว่าที่หัวหน้าหอนานาอสูรคนต่อไป ก็ไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไรที่เขาจะมีความสามารถเหนือชั้นกว่าธรรมดา
…..
เสือดาวจุดเขียวเคลื่อนไหวได้ว่องไวมาก ท่วงท่าของมันดูราวกับทะลุผ่านสายลม ในชั่วพริบตา มันก็พุ่งผ่านยอดเขาหนึ่งไป มุ่งหน้าสู่ยอดเขาที่มังกรอสรพิษพำนักอยู่
ในเมื่อเขามาที่นี่เพื่อทำให้อสูรยอมจำนน ก็แน่นอนว่าจะต้องทำให้ตัวที่แข็งแกร่งที่สุดยอมจำนนก่อน!
จางเซวียนมีความสามารถในการเปล่งเสียงแปดโน้ตมังกรสวรรค์ ทักษะนี้ทำให้เขาเอาชนะอสูรที่มีสายเลือดมังกรได้ การทำให้มันยอมจำนนจะง่ายกว่าอสูรอมตะตัวอื่นๆ
เสือดาวจุดเขียวเป็นอสูรท้องถิ่นของภูเขาเมฆเหิน จึงแทบไม่มีอสูรตัวไหนขวางทาง มีบ้างที่อสูรโง่เง่าบางตัวพยายามเข้ามาเกะกะ แต่ก็ถูกกระแสดาบฉีเล่นงานไปหมด
ไม่ช้าเสือดาวจุดเขียวก็มาถึงยอดเขาซึ่งเป็นอาณาเขตของมังกรอสรพิษ
เมื่อถึงตรงนี้ มันก็หยุดกึก
เสือดาวจุดเขียวจ้องมองเส้นทางที่อยู่ตรงหน้าอย่างหวาดระแวง ลังเลว่าควรไปต่อหรือไม่
รู้ดีว่านี่คือความหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณต่ออสูรอมตะ จางเซวียนกระโจนลงจากหลังเสือดาวจุดเขียวและบอกว่า “ไม่เป็นไร แกไม่ต้องพยายามหรอก อยู่ที่นี่ก็แล้วกัน”
จางเซวียนปรับเปลี่ยนพลังปราณให้อยู่ในรูปของดาบคมกริบและเดินลึกเข้าไปในสันเขา
มีบางอย่างผิดปกติแล้ว…
หลังจากเดินทางไปได้ระยะหนึ่ง จางเซวียนก็หยุดกึก รอยย่นปรากฏบนหน้าผากของเขา
พื้นที่รอบตัวมีแต่ต้นไม้ เหมือนกับดินแดนที่เขาผ่านมาก่อนหน้านี้ แต่ด้วยดวงตาหยั่งรู้ จางเซวียนรู้สึกได้ถึงสัญญาณรบกวนของมนุษย์ มีค่ายกลและกับดักจำนวนหนึ่งอยู่โดยรอบ
เป็นไปได้ว่าค่ายกลและกับดักเหล่านี้มีไว้เพื่อทำให้อสูรอมตะในพื้นที่ยอมจำนน หรือว่ามีใครคนหนึ่งตัดหน้าเขาไปแล้ว?
“ขอเข้าไปดูใกล้ๆหน่อยเถอะ…”
จางเซวียนตรวจสอบข้อบกพร่องของค่ายกลที่ถูกติดตั้งไว้ จากนั้นก็เล็ดลอดผ่านค่ายกลและกับดักเข้าไปขณะเดินลึกสู่ยอดเขา
ไม่ช้า เขาก็เห็นชาย 7 คนซ่อนตัวอยู่หลังหินก้อนใหญ่ หนึ่งในนั้นคือธงค่ายกลไว้จำนวนหนึ่งขณะรีบติดตั้งค่ายกลอย่างเงียบๆ
“ผมทำเสร็จแล้ว ทั้งหมดที่เราต้องทำตอนนี้ก็คือล่อมังกรอสรพิษให้ออกมา แล้วมันก็จะติดกับค่ายกลของเรา ทันทีที่เราทำให้มันติดกับได้สำเร็จ การทำให้มันยอมจำนนก็จะง่ายขึ้นมาก และในเวลาเดียวกัน ค่ายกลนี้จะช่วยคุ้มกันพวกเราด้วยหากเกิดความผิดพลาด” ชายชราผู้ติดตั้งค่ายกลเอ่ยพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก
“คุณได้รับความสำนึกในบุญคุณจากผม ผู้อาวุโสเลี่ยว” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งในกลุ่มประสานมือ
“คุณก็เกรงอกเกรงใจเกินไป ในบรรดาผู้เข้ารับการคัดเลือก 2 คนของหอนานาอสูร ผมเชื่อว่าคุณมีความเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้ามากกว่า ไม่สงสัยเลยว่าหอนานาอสูรจะต้องรุ่งเรืองขึ้นอีกมากภายใต้การนำของคุณ พวกเราไม่ได้แค่ช่วยคุณเท่านั้น แต่เป็นเพราะผลประโยชน์ของทั้งสำนักที่ทำให้พวกเราเลือกคุณ!” ผู้อาวุโสเลี่ยวตอบยิ้มๆ
“ผมคงต้องทำงานหนักเพื่อให้สมกับความคาดหวังของคุณ” ชายวัยกลางคนหัวเราะหึๆก่อนจะมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาอีกครั้ง “เอาล่ะ ผมจะล่อมันออกมาละนะ”