Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2047 รอก่อน!
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2047 รอก่อน!
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2047 รอก่อน!
“พวกคุณน่ะแยกย้ายเถอะ ผมมีอสูรของผมแล้ว ไม่คิดจะรับอสูรตัวไหนอีก!”
หากเขารับอสูรพวกนี้ไว้ คงต้องยกโขยงไปไหนมาไหนเป็นกองทัพ แล้วจะทำอะไรแบบเงียบๆได้อย่างไร?
หอเทพเจ้าจะต้องมาถึงหน้าประตูตั้งแต่เขายังไม่ทันได้ไปไหน!
“ถ้าคุณไม่อยากรับพวกมัน อย่างน้อยที่สุดก็ควรรับผม วรยุทธของผมเข้าถึงระดับอมตะขั้นสูงแล้ว แม้ประสิทธิภาพการต่อสู้ของผมจะเทียบชั้นไม่ได้กับมังกรอสรพิษและพรรคพวกของมัน แต่ผมก็มีสัมผัสทางจิตวิญญาณที่ไวเป็นพิเศษมาแต่กำเนิด ผมจับสัญญาณอันตรายได้อย่างรวดเร็วและสามารถเตือนคุณล่วงหน้า” อสูรเพลิงนรกสีน้ำเงินพูดยิ้มๆขณะขยับเข้าใกล้
จางเซวียนคิดหนัก
ก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายบอก แม้วรยุทธของมันจะเป็นแค่อมตะขั้นสูงระดับล่าง แต่สัมผัสของมันเฉียบคมอย่างเหลือเชื่อ มันสามารถเคลื่อนไหวล่วงหน้าเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีของเขาได้ ถือเป็นพันธมิตรผู้ล้ำค่าเลยทีเดียว
“ก็ได้ ผมจะรับคุณเป็นอสูรของผม” จางเซวียนพยักหน้า
ขณะที่เขากำลังจะทำสัญญาผูกมัดจิตวิญญาณ ชายวัยกลางคนก็พรวดพราดเข้ามาในห้องแล้วตะโกน “น้องเจิ้ง รอก่อน!”
จางเซวียนหันกลับไป
ที่ตามหลังชายวัยกลางคนมาคือผู้อาวุโสเลี่ยว เขารีบแนะนำ “น้องเจิ้ง นี่คือหัวหน้าฉิงหย่วน, หัวหน้าหอนานาอสูร!”
จางเซวียนพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ประสานมือและกล่าวทักทาย “คารวะหัวหน้าฉิง!”
“น้องเจิ้งไม่ต้องมีพิธีรีตองกับผมหรอก” หัวหน้าฉิงตอบยิ้มๆ “ผมรับรู้วีรกรรมของคุณจากผู้อาวุโสเลี่ยวแล้ว และยำเกรงในทักษะการฝึกอสูรของคุณมาก”
ในฐานะหัวหน้าหอนานาอสูร ในทวีปที่ถูกลืม มีน้อยคนเต็มทีที่สามารถแข่งขันกับเขาในแง่ของทักษะการฝึกอสูรได้ เขาคิดว่าตัวเองคือสุดยอดในด้านนี้ แต่เมื่อได้เห็นชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า ก็รู้ทันทีว่าหนทางของเขายังอีกยาวไกล
ความภาคภูมิใจในทักษะการฝึกอสูรของเขาเทียบอะไรไม่ได้เลยกับชายวัยกลางคนผู้นี้…ไม่ควรค่าแม้แต่จะพูดถึง!
ตอนแรก เขาคิดว่าผู้อาวุโสเลี่ยวออกจะพูดจาเกินจริงไปสักหน่อย แต่เมื่อได้เห็นภาพนี้กับตา ก็รู้แล้วว่าเขาประเมินความเก่งกาจของเจิ้งหยางคนนี้ต่ำไป
อสูรหลายร้อยตัวยอมจำนนอย่างพร้อมเรียงกันให้คนเพียงคนเดียว…
แม้แต่ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของหอนานาอสูร ก็ไม่เคยมีใครสร้างวีรกรรมระดับนี้ได้มาก่อน
“การฝึกอสูรน่ะไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่เห็นหรอก” จางเซวียนตั้งข้อสังเกต
“เป็นความยินดีของผมที่ได้ฟังถ้อยคำแห่งภูมิปัญญาของน้องเจิ้ง” หัวหน้าฉิงประสานมือและตอบรับ
“ก็เหมือนมนุษย์นั่นแหละ เหล่าอสูรมีศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจในตัวเอง พวกมันควรได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกัน…” จางเซวียนพูดช้าๆ
หากเขากล่าวว่าตัวเขาคือนักฝึกอสูรผู้เป็นอันดับ 2 ในทวีปแห่งปรมาจารย์ ก็จะไม่มีใครกล้าอวดอ้างว่าตัวเองคืออันดับ 1 เว้นเสียแต่อยากถูกซ้อมจนตาย
เห็นทั้งคู่สนใจฟังคำบรรยายของเขา สัญชาตญาณความเป็นครูบาอาจารย์ของจางเซวียนก็ลุกโชน ยังไม่ทันจะรู้ตัว เขาก็เริ่มสั่งสอนทั้งคู่
หลังจากฟังคำบรรยายของจางเซวียนได้ครู่หนึ่ง นัยน์ตาของหัวหน้าฉิงก็เปล่งประกายของความทึ่งออกมา
เขาศึกษาวิถีทางของการฝึกอสูรมานานหลายปีแล้ว และไม่เคยคิดว่าศาสตร์นี้จะถูกตีความออกมาในรูปแบบที่เห็นได้ ราวกับเป็นการเปิดโลกใหม่ให้เขา ความเข้าใจในการฝึกอสูรของเขาก้าวขึ้นไปอีกขั้น
ครู่ต่อมา ผู้อาวุโสเลี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะส่งโทรจิตหา “หัวหน้าฉิง คุณคิดว่าเจิ้งหยางคนนี้มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้เป็นหัวหน้าหอนานาอสูรคนต่อไปไหม?”
“ได้แน่นอน!” หัวหน้าฉิงตอบอย่างตื่นเต้น
ข้อเท็จจริงที่ว่าบรรพบุรุษเก่าแก่เต็มใจรับเจิ้งหยางคนนี้เป็นเจ้านายก็บอกชัดแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาจากหอเทพเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาเกี่ยวกับการฝึกอสูรที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งหากภูมิปัญญาของเขาได้รับการรวบรวมและถูกถ่ายทอดไปยังศิษย์สายตรงรุ่นหลัง นักฝึกอสูรรุ่นต่อๆไปของหอนานาอสูรจะมีความเก่งกาจเพิ่มขึ้นอีกมาก
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีข้อสงสัยเลยว่าชายวัยกลางคนผู้นี้คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดที่จะสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าหอนานาอสูรคนต่อไป!
เมื่อคิดได้ หัวหน้าฉิงมองชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้งและถามด้วยเสียงสั่นๆ “น้องเจิ้ง คุณสนใจจะรับตำแหน่งหัวหน้าและดูแลหอนานาอสูรของพวกเราไหม?”
“คุณอยากให้ผมรับตำแหน่งหัวหน้า?” จางเซวียนถึงกับผงะ
เราเพิ่งมาถึงที่นี่ได้เพียง 2 ชั่วโมง แต่หัวหน้าหอนานาอสูรคนปัจจุบันกำลังถามเราว่าอยากรับตำแหน่งของเขาหรือไม่…
สำนักต่างๆในมิติเบื้องบนขาดแคลนผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำถึงขนาดนี้เชียวหรือ?
เมื่อตอนอยู่ที่สำนักดาบเมฆเหิน จางเซวียนไต่เต้าขึ้นมาอย่างช้าๆ เริ่มจากการเล่นงานศิษย์สายตรงฝ่ายใน ก่อนจะขยับไปศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด จากนั้นก็เป็นเหล่าผู้อาวุโส ปิดท้ายที่เจ้าสำนัก แม้จะดำเนินตามครรลองคลองธรรมของศิลปะเพลงดาบ แต่เขาก็ได้มาเพียงแค่ตำแหน่ง ‘ผู้สืบทอดผู้มีศักยภาพ’ เท่านั้น แทนที่จะเป็นตำแหน่ง ‘เจ้าสำนัก’
ส่วนทางนี้ เขาเพิ่งมาถึงหอนานาอสูรได้เพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น ยังไม่ทันจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ได้รับการยื่นข้อเสนอให้เป็นหัวหน้าหอนานาอสูรคนต่อไปแล้ว…
นี่คือการกลั่นแกล้งรูปแบบใหม่ที่บรรดานักรบในทวีปที่ถูกลืมใช้แกล้งกันหรือเปล่า?
ที่นี่คือหนึ่งในหกสำนักใหญ่นะ! มันคือการคัดเลือกหัวหน้า ไม่ใช่การปรุงกะหล่ำปลีเป็นอาหารเย็น!
หรือว่าหัวหน้าฉิงคนนี้มีความเจ็บช้ำน้ำใจบางอย่างกับหอนานาอสูร จึงอยากทำลายที่นี่ให้สิ้นซากด้วยน้ำมือของตัวเอง?
ไม่อย่างนั้น เขาคงเข้าใจได้เพียงอย่างเดียวว่าคนพวกนี้คือคนโง่ที่กล้าไว้ใจให้คนนอกมาเป็นผู้นำ
ถ้าไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่จางเซวียนได้เห็นแล้วว่าหอนานาอสูรใหญ่โตโอ่อ่าแค่ไหน เขาคงคิดว่ามาถึงสำนักงานใหญ่ของบริษัทขายตรงที่ไหนสักแห่ง!
“ใช่” หัวหน้าฉิงพยักหน้าอย่างหนักแน่นขณะมองจางเซวียนด้วยสายตาที่บ่งบอกความจริงจัง
หลังจากได้พบ ‘เจิ้งหยาง’ เขาก็แน่ใจแล้วว่าไม่มีใครเหมาะสมกับการเป็นหัวหน้าหอนานาอสูรมากไปกว่าชายผู้นี้
องค์กรที่ใหญ่โตอย่างหอนานาอสูรมีกระบวนการการบริหารของตัวเองอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่หัวหน้าจะต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับภารกิจประจำวัน เหล่าผู้อาวุโสที่เชี่ยวชาญเป็นพิเศษเป็นผู้ทำหน้าที่รับมือเรื่องเหล่านั้น ซึ่งหากเป็นเรื่องใหญ่ๆ ก็มีสภาผู้อาวุโสคอยจัดการ หน่วยงานนี้ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อตัดสินใจเรื่องยุทธวิธีดำเนินการต่างๆ
หากจะพูดให้สั้นลง ตำแหน่งหัวหน้าหอนานาอสูรก็เหมือนหุ่นเชิดตัวหนึ่งที่มีชีวิต หัวหน้าหอนานาอสูรทำหน้าที่รวบรวมทั้งสำนักให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อให้คนนอกยังคงหวาดกลัวและยำเกรง แน่นอนว่าคงโชคดีมากหากได้ชายผู้เก่งกาจมาเป็นหัวหน้าหอนานาอสูร แต่ถึงไม่เป็นอย่างนั้น หอนานาอสูรก็ยังทำงานได้อย่างราบรื่น
ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่มีทักษะการฝึกอสูรเหนือชั้นอย่างเจิ้งหยางจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด ถ้าเขาถ่ายทอดความรู้ของตัวเองให้คนอื่นๆได้ ประสิทธิภาพการต่อสู้โดยรวมของทั้งหอนานาอสูรจะต้อง ก้าวหน้าขึ้นอีกมาก
ส่วนจางเซวียน เมื่อเห็นความจริงใจในสีหน้าของหัวหน้าฉิง ก็รู้ทันทีว่าไม่ได้ถูกแกล้ง จะว่าไป การกลั่นแกล้งเขาก็ไม่ช่วยให้ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา
จางเซวียนไม่รีบร้อนให้คำตอบ เขาใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนอยู่ครู่หนึ่งก่อนในที่สุดจะตอบว่า “มีเรื่องเร่งด่วนบางอย่างที่ผมต้องรีบจัดการ ผมต้องมุ่งหน้าไปยังทะเลพลัดดาวให้เร็วที่สุด เกรงว่าจะไม่อาจอยู่ที่นี่ได้นานนัก อีกอย่าง ผมก็ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการบริหารจัดการภายในหอนานาอสูร…”
เขาเคยรับตำแหน่งผู้นำมาหลายตำแหน่งแล้ว อย่างอาจารย์ใหญ่ของสถาบันปรมาจารย์หงหย่วนและหัวหน้าตระกูลจาง แต่ก็แทบไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการบริหารงานเลย จะมีผู้คนมากมายคอยจัดการเรื่องเหล่านั้นแทนเขาเสมอ เวลาส่วนใหญ่ของจางเซวียนจึงทุ่มเทให้กับการฝึกฝนวรยุทธ พูดตามตรง จางเซวียนยังไม่แน่ใจว่าเขาจะรับมือกับปัญหาที่มาพร้อมกับการรับตำแหน่งหัวหน้าหอนานาอสูรได้หรือไม่
หัวหน้าฉิงตอบ “อันที่จริงผมเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องการบริหารหอนานาอสูรเหมือนกัน ตำแหน่งหัวหน้าหอนานาอสูรเป็นตำแหน่งเชิงสัญลักษณ์ การปรากฏตัวของคุณจะทำให้บรรดาศิษย์สายตรงเกิดความมั่นใจเมื่อยามมีอันตราย ทำให้พวกเขาต่อสู้ได้อย่างอาจหาญโดยปราศจากความหวาดกลัว ในเวลาเดียวกัน ผู้นำที่ทรงพลังจะทำให้พวกเรามีอำนาจต่อรองในการเจรจาต่างๆ ส่วนกิจธุระเบ็ดเตล็ดอื่นๆนั้นคุณไม่ต้องกังวลเลย เรามีเหล่าผู้อาวุโสคอยรับมืออยู่แล้ว”
จางเซวียนพยักหน้าช้าๆ
เมื่อเห็นว่าปฏิกิริยาตอบรับที่ได้เป็นไปในทางบวก หัวหน้าฉิงรุก “อีกอย่าง ถ้าคุณอยากเดินทางไปทะเลพลัดดาว คุณก็ควรจะมีสถานภาพของหัวหน้าหอนานาอสูรติดตัวไว้”
คำพูดนี้ทำให้จางเซวียนครุ่นคิด
“ทะเลพลัดดาวคือสถานที่ที่ตำหนักคว้าดาวตั้งอยู่ มันมีเกาะแก่งมากมายนับไม่ถ้วน ที่อาศัยอยู่บนเกาะเหล่านั้นคือประชากรท้องถิ่นของทวีปที่ถูกลืม พวกเขาเป็นคนกลุ่มพิเศษ มีแนวโน้มที่จะเป็นปฏิปักษ์กับคนนอก บางครั้งชาวเกาะเหล่านั้นก็ทำร้ายผู้มาเยือนจนตาย แม้กระทั่งนักรบอมตะขั้นสูงก็เคยตกเป็นเหยื่อ” หัวหน้าฉิงอธิบาย
“ถ้าคุณมีสถานภาพของหัวหน้าหอนานาอสูรล่ะก็ คำพูดของคุณจะมีน้ำหนักมากขึ้น อย่างน้อยที่สุดก็จะไม่มีใครกล้าแตะต้องคุณ คุณจะจัดการธุระต่างๆได้ง่ายกว่าเดิมมาก”
เป็นธรรมดาที่คงไม่มีใครโง่เง่าพอจะทำร้ายหัวหน้าหอนานาอสูร เพราะนั่นไม่ต่างอะไรกับการประกาศสงคราม
จางเซวียนพยักหน้ารับ
ระหว่างการเดินทางมาที่นี่ จางเซวียนได้สอบถามรายละเอียดบางอย่างเกี่ยวกับทะเลพลัดดาวจากผู้อาวุโสเลี่ยวแล้ว ซึ่งก็เหมือนกันเป๊ะกับสิ่งที่หัวหน้าฉิงพูดอยู่ในเวลานี้
ร่ำลือกันว่าประชากรท้องถิ่นบางส่วนฝึกฝนศิลปะของการสังหาร นิสัยและอารมณ์ของพวกเขาจึงออกจะไม่ดีนัก
หากจางเซวียนไปที่นั่นในฐานะคนธรรมดา ก็คงยากที่จะบรรลุเป้าหมายในการได้เข้าสู่หอสมุดของตำหนักคว้าดาวและค้นหาเงื่อนงำเกี่ยวกับหลัวลั่วชิง
“ถ้าคุณเป็นหัวหน้าหอนานาอสูร คุณจะมีอำนาจสั่งการเหล่าสายสืบของเราที่ซ่อนตัวอยู่กลางทะเลพลัดดาว การได้ข้อมูลข่าวสารต่างๆก็จะง่ายขึ้น” หัวหน้าฉิงเสนอข้อได้เปรียบอีกข้อหนึ่ง
“เอ่อ…” จางเซวียนตาโต “ถ้าอย่างนั้น ผมคิดว่าก็คงไม่เป็นไรหากผมจะรับตำแหน่ง!”
คงยากเย็นไม่น้อยหากเขาจะสืบเสาะหาข้อมูลต่างๆที่ต้องการด้วยตัวเอง แต่หากได้เป็นหัวหน้าหอนานาอสูร ก็จะได้เข้าสู่เครือข่ายข้อมูลข่าวสารอันกว้างใหญ่ของที่นี่ การรวบรวมข้อมูลต่างๆย่อมง่ายขึ้นมาก