Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2060 คุณจะดวลต่อไหม?
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2060 คุณจะดวลต่อไหม?
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2060 คุณจะดวลต่อไหม?
ครั้งหนึ่ง ผู้ก่อตั้งสำนักดาบเมฆเหินได้ฉกฉวยตัวอักษรครึ่งหนึ่งของคำว่า ‘เทพเจ้า’ มาจากหอเทพเจ้า และด้วยเหตุผลนั้น เมื่อนักรบฝึกฝนเคล็ดวิชาเทพดาบเมฆเหินจนถึงระดับ เขาก็จะสามารถข้ามผ่านขีดจำกัดของวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงและกลายเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้
โอกาสมีน้อยมากก็จริง แต่ถึงอย่างไรก็ยังพอเป็นแสงแห่งความหวัง
แต่สำนักดาวเจ็ดดวงกับสำนักอื่นๆไม่มีโอกาสได้รับสิทธิพิเศษแบบนั้น
ส่วนหอนิรันดร์…
เป็นที่รู้กันว่าหอนิรันดร์ฉกฉวยตัวอักษรคำว่า ‘เทพเจ้า’ มาได้ทั้งหมด แต่ทั้งองค์กรก็ดูลึกลับ ไม่มีใครรู้ว่าสำนักงานใหญ่ของมันอยู่ที่ไหนและมีผู้เชี่ยวชาญอยู่มากมายเท่าไหร่
แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้ก็คือในครั้งนั้น หัวหน้าหอนิรันดร์, หัวหน้าขง, เป็นผู้ฉกฉวยตัวอักษรคำว่าเทพเจ้ามาได้ทั้งหมด เขาเก่งกาจถึงขั้นสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ และอาจเหนือไปกว่านั้นอีก!
ความคิดเหล่านี้เรียงรายเข้ามาในหัวสมองของเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยว ก่อนที่เขาจะหันไปมองสังเวียนประลองอีกครั้ง
หลังจากสำแดงฝ่ามือมังกรกลายร่าง ผู้อาวุโสที่ 1 ก็ดูเหมือนจะกลายร่างเป็นมังกรผงาด พุ่งจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งด้วยความเร็วสูง จนแทบชี้ชัดไม่ได้ว่าเขาอยู่ตรงไหน
ฝูงชนรู้สึกราวกับตัวเองได้เห็นมังกรขนาดมหึมาพุ่งตระหง่านอยู่บนสังเวียนประลอง ทั้งส่ายไปมาและปล่อยการโจมตีจากทุกทิศทาง เป็นภาพที่น่าประทับใจเสียจนไม่อาจละสายตาได้
ไม่เลว! จางเซวียนคิด
ทวีปที่ถูกลืมแห่งนี้มีนักรบผู้ไร้เทียมทานอยู่มากมายจริงๆ
หลังจากเอาชนะได้ 15 รอบติดต่อกัน เขาก็เริ่มจะคิดว่านี่คือทั้งหมดของผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในเมืองปี้หยวนแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะไม่ให้ความสำคัญกับผู้ท้าทายคนใหม่ แต่ดูเหมือนผู้ท้าทายคนนี้จะเป็นคู่ต่อสู้ที่คู่ควร
เพียงแค่การโจมตีจากฝ่ามือของอีกฝ่ายก็น่าสนใจแล้ว แม้แต่กับจางเซวียน ถ้าเขาเปิดช่องว่างแม้เพียงนิดเดียว ก็มีโอกาสที่จะพ่ายแพ้
จางเซวียนเปิดใช้งานดวงตาหยั่งรู้ ไม่ช้าก็เห็นข้อบกพร่องจำนวนหนึ่งในกระบวนท่าของอีกฝ่าย เขาใช้นิ้วแทนดาบ แล้วแทงสวนไปด้วยความเร็วอย่างเหลือเชื่อ
เพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขา จางเซวียนจึงยังไม่ใช้เจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้า แต่เขาก็ถ่ายทอดหัวใจของศิลปะเพลงดาบเทียบฟ้าเข้าไปในนั้นด้วย
การใช้นิ้วแทงเพียงครั้งเดียวนี้มีรังสีอันทรงพลังอยู่ ดูเหมือนเป็นกระบวนท่าเรียบง่าย แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ไม่มีใครคาดเดาทิศทางของมันได้ ราวกับมันไม่ดำเนินรอยตามกฎเกณฑ์ของโลกที่บังคับและสั่งการทุกอย่างไว้ ถ้าจะมีสักคำที่ใช้บรรยายได้ ก็คงต้องเรียกว่าไม่อาจหยั่งถึง
ทันทีที่มันปรากฏ ก็ดูเหมือนจะโถมเข้าใส่ฝ่ามือมังกรกลายร่างอย่างสุดกำลัง
ฟึ่บ!
น่าประหลาดมากที่ดูเหมือนมังกรที่อยู่กลางอากาศจะถูกการจ้วงแทงด้วยนิ้วมือนั้นดึงดูด มันพุ่งเข้าใส่กระแสดาบฉีราวกับแมงเม่าพุ่งเข้ากองไฟ
เห็นภาพนี้ จางเซวียนอดหัวเราะหึๆไม่ได้
มันคือกระบวนท่าที่เขาคิดค้นขึ้นเมื่อได้รับแรงบันดาลใจจากการที่ผู้อาวุโสหยวนใช้ลูกมังกรทะเลเหนือหลอกล่อมังกรอสรพิษ
สำหรับกรณีนี้ เขาใช้กระแสดาบฉีสร้างพละกำลังที่ดึงดูดทิศทางของฝ่ามือมังกรกลายร่างให้มันพุ่งเข้าหานิ้วมือของเขา อีกฝ่ายจึงสูญเสียการควบคุมร่างกายของตัวเอง
“ไป!”
กระแสดาบฉีของจางเซวียนพุ่งออกมา
บึ้มมมมม!
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นกลางอากาศ สังเวียนประลองสั่นสะท้านไม่หยุด
ผู้อาวุโสที่ 1 คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะใช้แรงส่งของการโจมตีจากฝ่ามือของตัวเขามาควบคุมการเคลื่อนไหวของเขาเอง ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเสียจนยังไม่ทันที่เขาจะรู้ตัว อาการเจ็บแปลบก็แทงทะลุลำคอของเขาแล้ว
เมื่อก้มลงมอง ก็เห็นว่ากระแสดาบฉีของอีกฝ่ายได้เชือดลำคอของเขา
“เป็นการโจมตีที่ไร้เทียมทานอะไรอย่างนี้ ผมไม่เคยเห็นศิลปะเพลงดาบแบบนี้มาก่อน…”
ตุ้บ!
ศีรษะของผู้อาวุโสที่ 1 ร่วงลงกระแทกพื้นด้วยสีหน้าที่ยังงุนงง ไม่ช้าร่างของเขาก็สลายไป
แม้กระทั่งในวินาทีแห่งความตาย ก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเทคนิคขั้นสุดยอดของเขาจะถูกทำลายด้วยกระแสดาบฉีเพียงสายเดียว
“เอ่อ..”
เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวตัวแข็ง เขาตกใจจนพูดไม่ออก
ทำลายพละกำลังของฝ่ามือมังกรกลายร่างและสังหารผู้อาวุโสที่ 1 ได้ภายในกระบวนท่าเดียว…ชายผู้นี้เป็นใคร?
ด้วยประสิทธิภาพการต่อสู้ระดับนี้ หากเราขึ้นสู่สังเวียนประลอง จะมีโอกาสเอาชนะเขาได้ไหม?
“ในที่สุดเราก็รวบรวมเงินได้ตามที่ต้องการเสียที!”
จางเซวียนยินดีปรีดาที่เห็นตัวเลขตัวแรกในบัตรนิรันดร์เปลี่ยนจาก ‘1’ เป็น ‘2’
เขาเคยคิดว่าพละกำลังมหาศาลที่เขาสำแดงออกไปคงทำให้บรรดานักรบในหอนิรันดร์พากันหวาดกลัว แต่เท่าที่เห็น ดูเหมือนเขาจะเข้าข้างตัวเองไปสักหน่อย
ที่จริงก็มีพวกมาโซคิสต์อยู่มากมายที่มีความสุขกับการถูกเขาฆ่า!
ผู้อาวุโสที่ทำหน้าที่ดูแลสังเวียนประลองของหอนิรันดร์มองหน้าจางเซวียนและตั้งคำถาม “คุณจะดวลต่อไหม?”
“ไม่จำเป็นแล้วล่ะ” จางเซวียนโบกมือพร้อมกับยิ้มให้ จากนั้นก็เดินลงจากสังเวียนประลอง
“รอก่อน!” ร่างหนึ่งกระโจนเข้ามา “ผมอยากดวลกับคุณ!”
ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยว
โดยปกติเขาไม่ค่อยสะทกสะเทือนกับเรื่องใดๆ แต่หลังจากได้เห็นความพ่ายแพ้ของผู้อาวุโสที่ 1 สัญชาตญาณการต่อสู้ของเขาก็ลุกโชนขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี เขาอยากรู้ว่าตัวเขาจะรับมือกับคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังขนาดนี้ได้ดีแค่ไหน
แต่ใครจะไปคิดว่าทันทีที่เขาลงทะเบียนเสร็จ อีกฝ่ายก็ถอนตัวจากการประลอง!
คุณจะมาทำให้ผมอยากแล้วจากไปแบบนี้ไม่ได้ มันไม่ยุติธรรม!
“ผมยังมีเรื่องอื่นต้องจัดการ ขออภัยด้วยที่ไม่อาจทำตามคำขอของคุณ” จางเซวียนโบกมือ
เมื่อได้เงินตามจำนวนที่ต้องการแล้ว เขาก็ไม่นึกอยากต่อสู้อีก เพราะใช่ว่าเขากระหายการต่อสู้ เขาจะต่อสู้ก็ต่อเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น
“ดวลกับผมก่อนแล้วค่อยไป ผมอยากเห็นว่าคุณทรงพลังแค่ไหน” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวพูดขณะปล่อยกระแสพลังปราณออกมาขวางจางเซวียน
ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวสมองของเขาหลังจากได้เห็นว่าชายหนุ่มคนนี้เอาชนะผู้อาวุโสหงอู่กับผู้อาวุโสที่ 1 ได้อย่างง่ายดาย
“ผมไม่ว่าง” จางเซวียนตอบหน้าตาเฉย
เขากำลังรีบร้อนจะนำเงินไปมอบให้ผู้อาวุโสเพื่อจะได้มุ่งหน้าไปทะเลพลัดดาวพร้อมกับคนของสำนักดาวเจ็ดดวง คงเป็นหายนะครั้งใหญ่หากเขาคลาดกันกับคนพวกนั้นเพราะมัวเสียเวลาที่นี่
“ถ้าอย่างนั้น ผมคงต้องขอให้คุณให้เวลาผม” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวคำรามขณะปล่อยการโจมตีจากฝ่ามือเข้าใส่จางเซวียน
การโจมตีจากฝ่ามือของเขาไม่ดุเดือดเหมือนฝ่ามือมังกรกลายร่าง แต่ความเฉียบคมของกระบวนท่านั้นจัดว่าอันตรายไม่น้อย มันพุ่งเข้าใส่จุดที่ทำให้จางเซวียนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตอบโต้ ถ้ามัวลังเลอยู่ เขาจะต้องได้รับบาดเจ็บแน่
การโจมตีอย่างปุบปับนั้นทำให้จางเซวียนขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ เขาโยกตัวเล็กน้อยและขยับไปด้านซ้าย มันเป็นแค่การเคลื่อนไหวเล็กๆ แต่ก็หลบเลี่ยงพลังจากฝ่ามือของเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวได้
“สายตาของคุณช่างเฉียบแหลมจริงๆ!” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวนัยน์ตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น
ไม่น่าแปลกใจแล้วที่อีกฝ่ายเอาชนะผู้อาวุโสที่ 1 ได้อย่างง่ายดาย ความสามารถของชายหนุ่มในการหลบเลี่ยงการโจมตีของเขาด้วยการขยับตัวเพียงนิดเดียวถือเป็นศิลปะที่งดงามมาก เขานึกไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นใครที่มีความสามารถแบบนี้
สำหรับสายตาที่ไม่ได้ผ่านการฝึกฝน ก็ดูไม่ต่างอะไรกับการขยับไปด้านข้าง แม้จะดูเกินจริงไปสักหน่อยที่จะประทับใจกับการเคลื่อนไหวง่ายๆแบบนั้น แต่ในฐานะผู้ปล่อยพลังจากฝ่ามือ เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวรู้ดีว่ากระบวนท่าของเขามีการปรับเปลี่ยนอยู่ในนั้นถึง 136 รูปแบบ เพื่อรับมือกับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะตอบโต้การโจมตีของเขาด้วยวิธีไหน เขาก็มีวิธีรับมือและเล่นงานอีกฝ่ายให้จนมุมได้
แต่การเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวนั้นอยู่นอกเหนือการปรับเปลี่ยนทั้งมวลของเขา นั่นเป็นเพราะจุดนั้นคือจุดบอดของการโจมตี พลังงานของเขาไม่อาจไหลเวียนได้อย่างราบรื่นหากเขาพยายาม ปล่อยพละกำลังไปที่จุดนั้น
ด้วยเหตุนี้ การโจมตีจากฝ่ามือของเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวจึงไร้ผล
เขานึกภาพไม่ออกว่าสัญชาตญาณและปฏิกิริยาตอบสนองของชายหนุ่มต้องทรงพลังแค่ไหนถึงตัดสินใจอย่างเฉียบแหลมได้ในระหว่างการต่อสู้
ด้วยความสงสัย เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวสำแดงกระบวนท่าถัดไป
ส่วนจางเซวียน เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยายามรั้งตัวเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็พูดออกมาพร้อมกับขมวดคิ้ว “ถ้าคุณยืนยันล่ะก็ คงต้องขอให้คุณจ่ายผมมา 2,560 เหรียญนิรันดร์”
น่าประหลาดใจที่สถานการณ์พลิกผันอย่างรวดเร็วแบบนี้ ตอนแรกเขายังกังวลอยู่ว่าพละกำลังมหาศาลของตัวเขาจะทำให้ใครต่อใครพากันหวาดกลัว ใครจะไปคิดว่าหมอนี่จะทุ่มเทอย่างสุดกำลังเพื่อรั้งตัวเขาไว้ที่นี่ให้ได้
“ถ้าคุณเอาชนะผมได้ล่ะก็ ผมจะจ่ายคุณ 10,000 เหรียญนิรันดร์เลย!” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวคำราม
กะอีแค่เหรียญนิรันดร์ มันสำคัญตรงไหน? เขามีเงินทองก่ายกองเป็นภูเขาอยู่ในแหวนเก็บสมบัติ ในฐานะเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวง ปัญหาใดก็ตามที่แก้ไขได้ด้วยการใช้เงินไม่ถือเป็นปัญหาสำหรับเขา
เขายอมจ่ายเงินเท่าไหร่ก็ได้หากจะได้รู้ว่าอีกฝ่ายมีพละกำลังแค่ไหน
“10,000 เหรียญนิรันดร์?” จางเซวียนถึงกับผงะ “คุณน่ะใจกว้างเกินไปแล้ว ผมจะรับเงินมากขนาดนั้นจากคุณได้อย่างไร?”
ตามปกติ เขาจะทำเงินได้เพียง 2,560 เหรียญนิรันดร์ต่อการดวล 1 รอบ ดังนั้นจึงออกจะประหลาดใจที่เห็นราคาพุ่งพรวดไปเป็น 4 เท่าอย่างรวดเร็ว
“คุณเอาชนะผมให้ได้ก่อนเถอะ เรื่องนั้นค่อยคุยกัน!”
เห็นอีกฝ่ายวางท่าราวกับตัวเองชนะแล้ว เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวหน้าตึง เขาคำราม จากนั้นก็ปล่อยพลังฝ่ามือออกไปด้วยความเร็วเป็น 2 เท่า
แต่ด้วยการขยับตัวเพียงเล็กน้อย จางเซวียนก็หลบเลี่ยงการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาย อีกฝ่าย ใช้มือจับคางอย่างครุ่นคิดขณะเปรย “ในเมื่อคุณยอมจ่ายมากขนาดนี้ ผมก็จะไม่เอาเปรียบคุณหรอก เอาเถอะ บอกผมมาว่าคุณอยากแพ้แบบไหน ผมพร้อมจะทำตามคำขอของคุณให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้!”
“อะไรนะ?” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวแทบลมจับ
คุณกำลังถามผมว่าผมอยากแพ้แบบไหน?
เป็นบ้าอะไร?
คุณกำลังบอกว่าตัวคุณทรงพลังถึงขนาดมียุทธวิธีมากมายที่จะใช้เล่นงานผมหรือ?
ล้อเล่นแล้วล่ะ!
“ไม่ต้องตื่นเต้นน่ะ คุณก็พอจะทรงพลังอยู่ ทางเลือกของคุณคงมีไม่มากนักหรอก” จางเซวียนอธิบายยิ้มๆ
อย่างที่ใครๆพูดกันว่า ‘ลูกค้าคือพระเจ้า’ เขาจะทำอะไรอื่นได้ในเมื่ออีกฝ่ายเสนอเงินให้เขาถึง 10,000 เหรียญนิรันดร์?