Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2066 หญ้าอมตะ
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2066 หญ้าอมตะ
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2066 หญ้าอมตะ
ทันทีที่ออกจากหอสมุด ผู้อาวุโสที่ 1 ก็เดินเข้ามา “ผู้อาวุโสหลิว เจ้าสำนักคุ่ยอยากพบคุณ”
จางเซวียนรีบตามผู้อาวุโสที่ 1 ไปยังตำหนักกระบวยสวรรค์
“ผู้อาวุโสหลิว คุณอ่านหนังสือตลอดทั้งคืน ไม่ทราบว่าฝ่าด่านวรยุทธได้บ้างไหม? ถ้ามีอะไรที่คุณต้องการสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบอมตะขั้นสูง และพวกเราจัดหาให้ได้ กรุณาบอกพวกเรามาเลย” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวพูดยิ้มๆ
“ระดับวรยุทธของพลังปราณและกายเนื้อของผมถือว่าใช้ได้แล้ว แต่วรยุทธของจิตวิญญาณยังอ่อนด้อยเกินกว่าจะฝ่าด่านวรยุทธ” จางเซวียนพูด
ถ้าเขาสามารถยกระดับวรยุทธของจิตวิญญาณไปเป็นนักรบอมตะตัวจริงได้ ต่อให้ไม่มีเคล็ดวิชาเทียบฟ้าของวรยุทธระดับอมตะขั้นสูง เขาก็ยังสามารถฝ่าด่านวรยุทธได้โดยใช้ยาเม็ดสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธ
น่าเสียดายที่แม้เขาจะรวบรวมเทคนิควรยุทธเกี่ยวกับจิตวิญญาณไว้ได้บางส่วนจากสำนักดาวเจ็ดดวง แต่ก็ยังไม่มากพอ
“ตอนนี้จิตวิญญาณของคุณยังอ่อนด้อย?” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวตาโต
ไม่น่าแปลกใจแล้วที่ชายหนุ่มไม่ยอมกินยาเม็ดเพื่อการฝ่าด่านวรยุทธในทันที ลงท้ายก็เป็นเพราะเขารู้สึกว่าจิตวิญญาณของเขายังแข็งแกร่งไม่เท่ากับด้านอื่นๆ
“การฝึกฝนวรยุทธของจิตวิญญาณนั้นไม่ง่าย แต่คุณก็โชคดี หนึ่งในสมบัติล้ำค่าของสำนักดาวเจ็ดดวงของพวกเราคือหญ้าอมตะเจ็ดดาว มีอานุภาพอันน่าทึ่งในการบ่มเพาะจิตวิญญาณ ผมพาคุณไปทดลองดีไหม?”
“หญ้าอมตะเจ็ดดาว?” จางเซวียนทวนชื่อที่ไม่คุ้นหูนั้น
เขาได้อ่านหนังสือมากมายนับตั้งแต่มาถึงมิติเบื้องบน แต่ไม่เคยได้ยินชื่อสมุนไพรชนิดนี้
“ใช่ คงไม่เป็นการพูดเกินจริงหรอกหากผมจะบอกว่ามันคือรากฐานที่ทำให้พวกเรายืนหยัดอยู่ได้ในฐานะหนึ่งในหกสำนักใหญ่ตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา มันคือหัวใจที่ปกปักรักษาชะตากรรมของพวกเราไว้ ทำให้พวกเราบ่มเพาะศิษย์สายตรงผู้เก่งกาจได้รุ่นแล้วรุ่นเล่า” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวพูด
หญ้าอมตะเจ็ดดาวคือสมุนไพรที่ซึมซับพลังงานจาก 7 ดาวสวรรค์ที่อยู่เหนือค่ายกลของสำนักดาวเจ็ดดวง มันแผ่รังสีเยือกเย็นออกมาที่ทำให้เกิดความสบายใจไร้สิ่งรบกวน ด้วยเหตุนี้ แม้สำนักดาวเจ็ดดวงจะตั้งอยู่ในเมืองใหญ่ที่พลุกพล่าน แต่ผู้ที่อยู่ในบริเวณโดยรอบก็จะรู้สึกราวกับยืนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสงบเย็น
สภาพแวดล้อมแบบนี้ทำให้เหล่าศิษย์สายตรงของสำนักดาวเจ็ดดวงสามารถเพ่งสมาธิกับการฝึกฝนวรยุทธได้โดยไม่ถูกสิ่งยั่วยวนภายนอกรบกวน พวกเขาจึงยืนหยัดทัดเทียมกับสำนักดาบเมฆเหินและสำนักอื่นๆได้
“ถ้าอย่างนั้น ผมก็ขอรบกวนเจ้าสำนักคุ่ยด้วย” จางเซวียนโค้งคำนับอย่างงาม
เขาไม่ได้คิดจะรับของล้ำค่าเหล่านั้นมาเปล่าๆ จางเซวียนรู้แล้วว่าก่อนหน้านี้คนเหล่านี้แอบดูเขา และเพื่อตอบแทนบุญคุณ เขาจึงจงใจสำแดงเทคนิคการต่อสู้ฉบับปรับปรุงแล้วโดยลดความเร็วให้ช้าลงพอที่อีกฝ่ายจะฝึกฝนตามได้
พูดอีกอย่างก็คือ เขากำลังถ่ายทอดกระบวนท่าเหล่านั้นให้เหล่าสมาชิกของสำนักดาวเจ็ดดวง
“ไม่มีปัญหาหรอก ในฐานะผู้อาวุโสของสำนักดาวเจ็ดดวง นี่คือหนึ่งในสิทธิพิเศษที่คุณจะได้รับ” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวตอบก่อนจะนำทางไป
ไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงพื้นที่หนึ่งซึ่งอยู่ในอาณาบริเวณด้านเหนือของสำนักดาวเจ็ดดวง
มันเป็นลานขนาดใหญ่
เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวติดตั้งฉนวนรอบลานนั้น แล้วหญ้าอมตะเจ็ดสีก็ปรากฏให้เห็น
มันมี 7 ใบ ทุกใบเปล่งประกายระยิบระยับและมีสีต่างกัน พวกมันโอนเอนภายใต้สายลมโชยอ่อน คลื่นความสั่นสะเทือนเล็กน้อยปรากฏให้เห็นอย่างเลือนรางโดยรอบ
น่าอัศจรรย์ใจที่พืชซึ่งดูอ่อนแอเหล่านี้มีวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์!
จางเซวียนเดินเข้าไปพิจารณาหญ้าอมตะเจ็ดดาวอย่างถี่ถ้วน เขาอดตาโตไม่ได้ “มันมีอานุภาพในการบ่มเพาะจิตวิญญาณได้ดีจริงๆ”
หลังจากเข้ามาที่ลานได้เพียงครู่เดียว จิตวิญญาณของเขาที่ติดแหงกอยู่กับวรยุทธขั้นเสมือนอมตะสรวงสวรรค์มาระยะหนึ่งแล้วก็เข้าใกล้การฝ่าด่านวรยุทธมากขึ้น
สมกับที่เป็นสมบัติล้ำค่าของสำนักดาวเจ็ดดวง มันเป็นทรัพยากรที่ประเมินค่ามิได้จริงๆ
“นี่คือหญ้าอมตะเจ็ดดาว ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ที่สำเร็จวรยุทธระดับอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์แล้วเลือกที่จะมาฝ่าด่านวรยุทธที่นี่ ภายใต้การปกป้องของหญ้าอมตะเจ็ดดาว พวกเขาจะไม่ถูกปีศาจใต้สำนึกรบกวน ทำให้จิตวิญญาณของแข็งแกร่งและเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวอธิบาย
จางเซวียนพยักหน้ารับ
หญ้าอมตะเจ็ดดาวก็เหมือนกับต้นโพธิ์ที่เขาปลูกไว้ในรังนางพญามดเมื่อครั้งอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ มันมีอานุภาพน่าทึ่งในการบ่มเพาะจิตวิญญาณของนักรบ หากเขาฝึกฝนวรยุทธใกล้ๆมัน ต่อให้ไม่มีเทคนิควรยุทธของจิตวิญญาณขั้นอมตะตัวจริง แต่การฝ่าด่านวรยุทธของจิตวิญญาณก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป!
“ยังเหลือเวลาอีก 2 ชั่วโมงกว่าจะถึงรุ่งเช้า คุณใช้เวลาฝึกฝนวรยุทธที่นี่ก่อนก็ได้ พวกเราจะออกเดินทางไปทะเลพลัดดาวตอนฟ้าสาง” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวพูดก่อนจะออกไป
เมื่ออีกฝ่ายจากไปแล้ว จางเซวียนสะบัดข้อมือและนำธงค่ายกลออกมาหลายอัน
ฟิ้วววว!
ด้วยการกระดิกนิ้ว ธงค่ายกลก็ลอยละลิ่วไปปักอยู่ตามตำแหน่งต่างๆของลาน จากนั้น ลำแสงเจิดจ้ารูปครึ่งวงกลมก็ส่องสว่างไปทั่ว ปิดกั้นรังสีของเขาไว้จนหมดสิ้น
จางเซวียนได้ธงค่ายกลเหล่านี้จากผู้อาวุโสเลี่ยวเมื่อตอนอยู่ที่หอนานาอสูร อีกฝ่ายมีทักษะในการติดตั้งค่ายกล จึงมีอุปกรณ์ทำนองนี้อยู่มาก
หลังจากเตรียมการเสร็จ จางเซวียนทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิกับพื้นและถอดจิตวิญญาณออกจากหว่างคิ้ว
ฟิ้วววววว!
ขณะที่เขาตั้งต้นขับเคลื่อนเทคนิควรยุทธของจิตวิญญาณ ก็รู้สึกได้ถึงพลังงานจากหญ้าอมตะเจ็ดดาวที่พวยพุ่งเข้าสู่จิตวิญญาณของเขา
แต่ครู่ต่อมา รอยย่นก็ปรากฏที่หว่างคิ้ว
พลังงานที่อยู่โดยรอบมีความหนาแน่นสูง ไม่ต่างอะไรกับดวงตาทะเลสาบที่จักรวรรดิฮ่วนหยู ภายใต้สถานการณ์ปกติ เพียงแค่ใช้จิตวิญญาณดำดิ่งเข้าสู่สภาพแวดล้อมนั้น จิตวิญญาณก็จะค่อยๆได้รับการบ่มเพาะ
แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง แม้เขาจะขับเคลื่อนเทคนิควรยุทธของจิตวิญญาณแล้ว ก็พบว่ายังไม่อาจซึมซับพลังงานที่เพิ่งได้มา
จางเซวียนจึงหันไปมอง หญ้าอมตะเจ็ดดาวเหล่านั้นส่ายไหวไปมาไม่หยุด พริบตาต่อมา พลังงานจากโดยรอบที่กำลังบ่มเพาะจิตวิญญาณของเขาก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
“เกิดอะไรขึ้น?” จางเซวียนหน้าตาเคร่งเครียด
สถานการณ์บ่งบอกชัดว่าหญ้าอมตะเจ็ดดาวคือเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความผิดปกตินี้
ฟึ่บ!
จางเซวียนดึงจิตวิญญาณกลับเข้าร่าง ตั้งใจจะเดินไปพิจารณาหญ้าอมตะเจ็ดดาวอย่างถี่ถ้วนเพื่อรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ทันทีที่เขาออกเดิน พลังจิตวิญญาณที่อยู่โดยรอบก็สั่นสะเทือนเล็กน้อย พลังงานสุขุมเยือกเย็นที่เคยบ่มเพาะจิตวิญญาณของเขากลับคืนมาเหมือนเดิม
จางเซวียนหรี่ตาและถอดจิตวิญญาณออกจากหว่างคิ้วอีกครั้ง แต่ขณะที่เขากำลังจะซึมซับพลังงาน พลังงานนั้นก็หายวับไปอีก
พอจางเซวียนดึงจิตวิญญาณกลับเข้าร่าง ทุกอย่างก็กลับสู่สภาพเดิม
“เจ้านี่เล่นตุกติกกับเราเสียแล้ว…” จางเซวียนขมวดคิ้วอย่างขัดใจ
เขาไม่มีเทคนิควรยุทธของจิตวิญญาณระดับอมตะตัวจริงอยู่กับตัว เพราะฉะนั้น ถ้าอยากฝ่าด่านวรยุทธให้สำเร็จ ก็ต้องใช้พลังงานปริมาณมหาศาลเพื่อบ่มเพาะและชำระจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์กว่าเดิม เมื่อถึงเวลานั้นจึงจะฝ่าด่านคอขวดได้
จางเซวียนเคยคิดว่าด้วยปริมาณพลังงานมหาศาลที่หญ้าอมตะเจ็ดดาวแผ่ออกมา เขาน่าจะฝ่าด่านวรยุทธได้สบาย แต่ใครจะไปรู้ว่าเจ้านี่จะมาเล่นซ่อนแอบกับเขา?
ถ้าเขาฝึกฝนวรยุทธโดยที่จิตวิญญาณยังอยู่ในกายเนื้อ ไม่เพียงแต่การเพิ่มขึ้นของวรยุทธจะเป็นไปอย่างเชื่องช้า ยังอาจส่งผลกระทบต่อการฝ่าด่านวรยุทธด้วย
ดูเหมือนเจ้าสำนักคุ่ยจะไม่ค่อยซื่อตรงกับเราเท่าไหร่ หญ้าอมตะเจ็ดดาวนี้ไม่ใช่แค่สมุนไพรธรรมดาที่มีอานุภาพบ่มเพาะจิตวิญญาณ จางเซวียนคิด
จางเซวียนเลิกสนใจเรื่องวรยุทธเป็นการชั่วคราว เขาเดินไปที่หญ้าอมตะเจ็ดดาว
เขาทรุดตัวลงนั่งยองๆเพื่อสัมผัสหญ้านั้น หวังจะใช้หอสมุดเทียบฟ้าตรวจสอบองค์ประกอบและคุณสมบัติของมัน แต่ด้วยการส่ายไหวเล็กน้อย จู่ๆหญ้าอมตะเจ็ดดาวก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา ยังไม่ทันจะรู้ตัว มันก็ไปปรากฏที่อีกจุดหนึ่งซึ่งห่างออกไปหลายสิบเมตร
“อะไรกัน?” จางเซวียนงง
เขานึกไม่ถึงว่าหญ้าอมตะเจ็ดดาวจะวิ่งหนีเองได้ จึงเดินเข้าหามันอีกครั้งและพยายามสัมผัสมัน
ฟึ่บ!
หญ้าอมตะเจ็ดดาวย้ายที่ไปอีกฟากหนึ่งของลาน ราวกับการสัมผัสแตะต้องของเขาเป็นยาพิษที่มันพยายามหลบเลี่ยงอย่างสุดชีวิต
“ตกลงแกอยากเล่นใช่ไหม? น่าสนใจดีนี่” จางเซวียนพึมพำพร้อมกับยิ้มออกมา
แน่นอนว่าการรับมือกับสมุนไพรที่มีวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์คงไม่ง่าย เขาต้องเอาชนะมันให้ได้ก่อน
“มาดูกันว่าแกจะหนีไปไหนพ้น!”
จางเซวียนสูดหายใจลึกและออกตัว เขาพุ่งเข้าไปคว้ามันไว้ แต่ทันใดนั้น เงาพร่าเลือนก็พาดผ่านสายตาของเขา
ใบหญ้าเจ็ดสีงอกขึ้นจากพื้นบริเวณใต้ฝ่าเท้าของเขา ใช้ก้านหนาหนักของมันพันรอบข้อมือและข้อเท้าของเขาไว้ จางเซวียนไม่ทันระวังตัว เขาถูกจับแขวนห้อยหัวต่องแต่งอยู่กลางอากาศ
ที่ตำหนักกระบวยสวรรค์ ผู้อาวุโสที่ 1 มองเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวและพูดว่า “ถึงหญ้าอมตะเจ็ดดาวจะเป็นสมบัติล้ำค่าของสำนักของเรา แต่ก็มีนิสัยแปลกประหลาดพิสดารมาก มันไม่ใส่ใจคุณแม้คุณจะเป็นถึงเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวง เป็นไปได้หรือเปล่าว่ามันจะเล่นงานผู้อาวุโสหลิวด้วย?”
หญ้าอมตะเจ็ดดาวขึ้นอยู่บริเวณนี้ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งสำนัก และมีชีวิตอยู่หลายพันปีแล้ว อายุขัยยืนยาวของมันส่งผลให้มีนิสัยก้าวร้าว ไม่แสดงความเคารพเท่าที่ควรแม้แต่กับเจ้าสำนักในแต่ละรุ่น
ด้วยความที่ผู้อาวุโสหลิวอายุยังน้อย อีกทั้งเป็นแค่นักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ แล้วหญ้าอมตะ จะทำให้เขาต้องยุ่งยากหรือเปล่า?
“ทำอย่างกับคุณไม่เคยอยู่กับหญ้าอมตะมาก่อนอย่างนั้นแหละ มันก็แค่ขี้เล่นนิดหน่อยเท่านั้น พอเล่นสนุกจนพอใจแล้วก็จะปลดปล่อยพลังงานที่มีอานุภาพบ่มเพาะจิตวิญญาณออกมาเอง” เจ้าสำนักคุ่ยหัวเราะหึๆ “ผู้อาวุโสหลิวประสบความสำเร็จอย่างมากตั้งแต่อายุยังน้อย ก็เป็นธรรมดาที่เขาอาจจะหลงตัวเองไปบ้าง การต้องเผชิญกับความสะดุดนิดหน่อยจากตรงนั้นตรงนี้จะช่วยบ่มเพาะนิสัยของเขาให้เข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น เป็นผลดีต่อการจัดระเบียบจิตวิญญาณของเขาด้วย”
“ผมเข้าใจ” ผู้อาวุโสที่ 1 พยักหน้า
แต่ผู้อาวุโสหงอู่ยังคงกังวล “ผมไม่คิดว่าการที่หญ้าอมตะล้อเล่นกับผู้อาวุโสหลิวจะก่อให้เกิดปัญหาอะไร ที่ผมกลัวก็คือผู้อาวุโสหลิวคนนั้นอาจเล่นงานหญ้าอมตะจนราบคาบเพราะความโกรธ นั่นจะกลายเป็นหายนะแน่!”