Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2087 คิดจะประกาศสงครามหรือ?
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2087 คิดจะประกาศสงครามหรือ?
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2087 คิดจะประกาศสงครามหรือ?
ร่างที่อยู่ใต้ผ้าคลุมศีรษะคิดไม่ถึงว่าเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวงคนใหม่จะอวดดีถึงขนาดเปิดศึกในดินแดนของเธอ
ฟึ่บ!
ผู้อาวุโสหลายคนที่มีวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์กรูกันเข้ามาในห้อง เกิดกระแสลมหอบใหญ่
“ส่งผู้บุกรุกพวกนี้กลับไป” จางเซวียนสั่งการอย่างเคร่งขรึม
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
ผู้อาวุโสทั้งหมดที่เพิ่งเข้ามากระเด็นออกไปกระแทกพื้นพร้อมๆกัน แต่ละคนได้รับบาดเจ็บสาหัส
วรยุทธระดับอมตะขั้นสูงกับกึ่งสรวงสวรรค์นั้นมีความแตกต่างกันมาก แม้เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำจะปลดปล่อยพละกำลังของของมันออกมาได้เพียง 80% เมื่ออยู่บนพื้นดิน แต่ก็ยังเหนือชั้นเกินกว่าที่นักรบระดับอมตะขั้นสูงจะรับมือได้
พลั่ก!
ขณะที่ฉลามหมายเลข 1 เล่นงานผู้อาวุโสคนหนึ่ง ฉลามหมายเลข 2, หมายเลข 3 และเต่าหลังดำก็ตรงเข้าล้อมร่างที่อยู่ใต้ผ้าคลุมศีรษะไว้ พวกมันผนึกกำลังกันผลักดันอีกฝ่ายให้มาอยู่ตรงหน้าจางเซวียน
“คุณไม่ใช่หัวหน้าตู้ชิงหย่วนนี่? คุณเป็นใคร?”
เมื่อเห็นสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้า จางเซวียนตั้งคำถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
แม่สาวที่อยู่ตรงหน้าเขาสวมชุดสีม่วงอ่อน รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น หน้าตาของเธอดูเหมือนอายุไม่เกิน 25 ปี ดังนั้นอายุที่แท้จริงของเธอก็ย่อมไม่เกินร้อยปี อีกอย่าง เธอเป็นแค่นักรบอมตะขั้นสูงระดับล่าง!
แน่นอนว่าคนระดับตู้ชิงหย่วนย่อมเก่งกาจพอที่จะปกปิดอายุและวรยุทธที่แท้จริงได้ แต่เห็นได้ชัดว่าสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าเขากำลังหวาดผวาอย่างหนักแม้จะพยายามวางท่าเข้มแข็ง แล้วเธอจะเป็นหัวหน้าตำหนักคว้าดาวได้อย่างไร?
ร่ำลือกันว่าตู้ชิงหย่วนแข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวเสียอีก ดังนั้น ถึงเธอจะไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้นำของ 6 สำนักใหญ่ แต่ก็น่าจะอยู่ใน 3 อันดับแรก!
“คุณกล้าสร้างความวุ่นวายในตำหนักคว้าดาว…คิดจะประกาศสงครามหรือ?” สาวน้อยคำรามด้วยใบหน้าแดงก่ำ
เธอนึกไม่ถึงว่าเจ้าสำนักหลิวที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวงคนใหม่จะไร้เหตุผลขนาดนี้ ไม่ใส่ใจมารยาทของการพบปะพูดคุยระหว่างสำนักและจับตัวเธอมาดื้อๆ
จางเซวียนเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขาก้าวออกไปด้วยท่วงท่าสง่างามแล้วจับจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา “ผมว่าคุณเองก็อวดดีไม่แพ้ผม ผมส่งคำขอพบปะหัวหน้าตู้ด้วยความจริงใจ แต่คุณพยายามปั่นหัวผมด้วยการส่งบริวารมา แบบนี้ไม่เท่ากับยั่วยุสำนักดาวเจ็ดดวงหรือ? คุณคิดจะประกาศสงครามใช่ไหม?”
ถึงอย่างไรเขาก็มาที่นี่ในฐานะตัวแทนของสำนักดาวเจ็ดดวง เขาส่งคำขอพบปะอย่างเป็นทางการและยื่นสมุดแนะนำตัวบริเวณประตูทางเข้าด้วย ถ้าหัวหน้าตู้ไม่อยากพบเขาก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่คนพวกนี้พยายามตบตาเขาด้วยการใช้ตัวปลอม แบบนี้ไม่เรียกว่าปั่นหัวหรือไง?
ไม่แปลกใจแล้วที่พวกเขาไม่ยอมให้ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวเข้ามา
เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้ล่อหลอกเขาเพราะเห็นว่าเขาเป็นคนหน้าใหม่และไม่รู้จักตู้ชิงหย่วนตัวจริง!
“คุณ…” สาวน้อยตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
ดูเหมือนเธอมีอะไรจะพูดมากมาย แต่ก็ไม่มีคำไหนหลุดออกจากปาก
เธอรู้ดีว่าตำหนักคว้าดาวเป็นฝ่ายผิด
“หัวหน้าตู้อยู่ไหน? ให้เธอออกมาพบผมเดี๋ยวนี้ แล้วผมจะไม่เอาเรื่อง ไม่อย่างนั้น ถ้าเรื่องนี้ลุกลามออกไปล่ะก็ จะไม่มีพวกคุณคนไหนรับผิดชอบไหว!” จางเซวียนคำรามขณะกวาดสายตาข่มขู่ไปทั่วห้อง
เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเหตุผลคืออะไร แต่ดูเหมือนตู้ชิงหย่วนไม่เต็มใจพบเขา ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่สั่งการให้บริวารเล่นละครตบตาเขาแบบนี้ เมื่อเห็นกันชัดๆว่าพูดกันต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ จางเซวียนจึงเลือกใช้ไม้แข็งเพื่อบีบตำหนักคว้าดาวให้ส่งตู้ชิงหย่วนออกมา
ไม่ว่าอย่างไร เขาจะต้องเสาะหาข้อมูลของหลัวลั่วชิงให้ได้!
สาวน้อยกัดฟันกรอด แต่ไม่ยอมปริปาก
“ปิดปากเงียบงั้นสิ? จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม? ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นผมจะไม่เกรงใจแล้วนะ” จางเซวียนพูดพร้อมกับโบกมือ
ฟิ้วววว!
อสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ 4 ตัวปล่อยรังสีของมันออกมาทันที เล่นงานบรรดานักรบที่อยู่โดยรอบ
เพราะเป็นกลุ่มอำนาจใหญ่ของทะเลพลัดดาว เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำทั้ง 4 จึงผ่านการสู้รบมาไม่น้อย รังสีของพวกมันมีเจตนาสังหารอันน่าสะพรึงที่ทำให้ผู้อ่อนแอกว่าแทบจะหยุดหายใจ
“เจ้าสำนักหลิว กรุณาระงับอารมณ์ก่อน!”
ในตอนนั้น เสียงหนึ่งก็แว่วมาจากที่ไกลๆ จากนั้น สุภาพสตรีสูงอายุที่มีวรยุทธอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ก็บินเข้ามาในห้อง
“ฉันคือผู้อาวุโสที่ 1 ของตำหนักคว้าดาว, จ้าวเยว่ ส่วนสาวน้อยคนนี้คือศิษย์สายตรงของหัวหน้าตำหนักของเรา, ฉู่อิง ขออภัยด้วยถ้าเธอทำให้คุณขุ่นเคืองใจ”
จางเซวียนจ้องสุภาพสตรีสูงอายุเขม็ง รอฟังว่าเธอจะพูดอะไรต่อไป
“หัวหน้าตู้มีภารกิจที่ต้องจัดการ ตอนนี้จึงไม่ได้อยู่ในตำหนักคว้าดาว พวกเราเกรงว่าคงไม่ดีนักหากจะปล่อยให้คนนอกรู้ จึงตัดสินใจปิดข่าวไว้ ฉันขออภัยคุณสำหรับเรื่องนั้นด้วย” ผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่ประสานมือ
คำพูดนั้นทำให้จางเซวียนย่นหน้าผาก
การที่หัวหน้าตำหนักไม่อยู่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร มีเหตุผลที่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องเล็กๆแบบนี้ด้วยหรือ?
ในทางกลับกัน พฤติกรรมแบบนี้มีแต่จะทำให้ความน่าเชื่อถือของตำหนักคว้าดาวลดลงหากเรื่องราวรั่วไหลออกไป ผลที่ได้มีแต่จะตรงกันข้าม!
อีกอย่าง ต่อให้หัวหน้าตำหนักไม่อยู่ ก็ยังมีผู้อาวุโสอีกมากมายที่พร้อมดูแลภารกิจต่างๆ ด้วยกลไกการทำงานที่ทำให้ตำหนักดำรงอยู่ได้ ก็ไม่น่าจะเกิดเรื่องผิดพลาดแบบนี้ขึ้น
ใช่ว่าสำนักอื่นๆจะส่งกองทัพเข้ามาสร้างความปั่นป่วนทันทีที่รู้ว่าหัวหน้าตำหนักไม่อยู่เสียเมื่อไหร่!
ผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่รู้สึกได้ถึงความแคลงใจของจางเซวียน เธอประสานมือพร้อมกับยิ้มแหยๆ “พวกเรามีเหตุผลส่วนตัวที่ทำให้ต้องแก้ไขสถานการณ์ด้วยวิธีนี้…ฉันขอวิงวอนให้เจ้าสำนักหลิวเข้าใจด้วย”
“เหตุผล?” จางเซวียนทวนคำ
“ขออภัยด้วยเถอะ แต่ฉันไม่สะดวกใจที่จะพูดถึงเรื่องนี้จริงๆ ในเมื่อตอนนี้หัวหน้าตำหนักของเราไม่อยู่ ฉันคงต้องขอให้คุณกลับมาวันหลัง, เจ้าสำนักหลิว ครั้งนี้ตำหนักของเราทำผิดพลาดจริงๆ แต่คุณวางใจได้เลยว่าหัวหน้าตู้จะมีคำอธิบายที่ดีให้เมื่อเธอกลับมา” ผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่พูด
จางเซวียนจับจ้องอีกฝ่ายเพื่อประเมินความจริงใจในทีท่าของเธอ ก่อนในที่สุดจะพยักหน้า “ไม่เป็นไร ผมไม่ติดใจเอาความกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ แต่คงต้องขอให้คุณแจ้งผมทันทีที่หัวหน้าตู้กลับมาถึงตำหนักคว้าดาว”
เขามาที่นี่เพียงเพื่อสอบถามเรื่องหลัวลั่วชิง ไม่มีเจตนาจะทำให้ตำหนักคว้าดาวเป็นศัตรูกับสำนักดาวเจ็ดดวง ในเมื่ออีกฝ่ายมีท่าทีอ่อนลงแล้ว ก็คงดูไม่ดีหากเขาไม่ยอมจบ
จางเซวียนโบกมือและส่งอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้ง 4 กลับเข้าไปในกระสอบอสูร
“ลาก่อน”
จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและออกจากห้อง
ทันทีที่มาถึงห้องรับแขก ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวลุกขึ้นยืนและเดินเข้ามาด้วยสีหน้ากระวนกระวาย
“ผมรู้สึกได้ถึงกระแสพลังงานที่แผ่ออกมาจากบริเวณที่คุณอยู่…เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น?”
เขาเกรงว่าชายหนุ่มจะมีเรื่องกับหัวหน้าตู้ชิงหย่วน ซึ่งนั่นทำให้หวั่นใจอยู่ลึกๆ
“กลับไปแล้วผมจะเล่ารายละเอียด” จางเซวียนไม่ยอมอธิบาย
แล้วทั้งคู่ก็ออกจากตำหนักคว้าดาว
แต่หลังจากที่บินมาได้เพียงครู่เดียว จางเซวียนก็หยุดกึก
“เจ้าสำนักหลิว…” เห็นสีหน้าของชายหนุ่มไม่สู้ดี ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวตั้งคำถาม “เมื่อครู่นี้มันเกิดอะไรขึ้น? คุณได้พบหัวหน้าตู้หรือเปล่า? กระแสพลังงานที่เกิดขึ้นคืออะไร?”
คงไม่ใช่ว่าพวกเขาต่อสู้กันหรอกนะ ใช่ไหม?
เจ้าสำนักหลิว…คุณสัญญากับผมแล้วนี่ว่าจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม!
“ผมไม่ได้พบหัวหน้าตู้หรอก” จางเซวียนส่ายหน้า
เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวฟัง
“คุณบอกว่าหัวหน้าตู้ไม่ได้อยู่ในสำนัก ศิษย์สายตรงของเธอจึงปลอมตัวเป็นเธอเพื่อมาพบคุณ?” ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวงุนงงกับเหตุการณ์ที่พลิกผัน
การที่เจ้าสำนักจะไม่อยู่ในสำนักของตัวเองเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ…การที่พวกเขาอยู่ที่ตำหนักคว้าดาวในเวลานี้ก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง
มีความจำเป็นอะไรที่ใครสักคนจะต้องปลอมตัวเป็นตู้ชิงหย่วน?
มีบางอย่างผิดปกติแน่ๆ!
ดูไม่สมเหตุสมผลเลยที่ตำหนักคว้าดาวซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปีจะไม่รู้ที่ถูกที่ควรและตัดสินใจทำอะไรโง่ๆแบบนี้
“ผมก็ว่ามันแปลก ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยว, ตอนนี้คุณกลับสำนักดาวเจ็ดดวงไปก่อนนะ ผมจะกลับไปที่ตำหนักคว้าดาวเพื่อตรวจสอบสถานการณ์” จางเซวียนพูด
ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็เห็นชัดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นภายในตำหนักคว้าดาว สถานการณ์ที่ปรากฏเมื่อครู่นี้ดูประหลาดมาก เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลย!
หัวหน้าตู้คือคนเดียวที่รู้รายละเอียดเรื่องการลงมายังทวีปที่ถูกลืมของหลัวลั่วชิง เขาต้องพบเธอให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม!
“ผมจะไปด้วย!” ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวพูดอย่างเป็นห่วง
“ผมเกรงว่าอาจเกิดบางอย่างขึ้นระหว่างที่เราไม่อยู่ ควรมีใครสักคนคอยรับมือหากมีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ” จางเซวียนตอบอย่างเคร่งขรึม
ได้ยินคำนั้น ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวไม่ดึงดัน “อย่างนั้นก็ได้ แต่คุณระวังตัวด้วยนะ”
ถ้าตำหนักคว้าดาวแสดงพฤติกรรมประหลาดแบบนี้ จะต้องมีเหตุการณ์สำคัญบางอย่างเกิดขึ้นแน่ คงไม่ดีนักหากไม่มีนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์สักคนคอยดูแลสถานการณ์ในสำนักดาวเจ็ดดวง
จางเซวียนกระโจนเข้าสู่ตรอกเล็กๆแห่งหนึ่งโดยไม่ลังเล เมื่อเดินออกมาอีกครั้ง รูปร่างหน้าตาของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาไม่ใช่หลิวหยางอีกต่อไป
หลังจากปลอมตัวแล้ว จางเซวียนก็รีบเดินทางกลับสู่ตำหนักคว้าดาว
แต่คราวนี้ แทนที่จะเดินผ่านประตูใหญ่ เขาลักลอบเข้าไป การปกปิดตัวเองของเขาหลอกสายตาได้แม้แต่กับนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ นับประสาอะไรกับผู้คนที่นี่!
ไม่ช้าจางเซวียนก็มาถึงห้องที่เขาเข้าไปเมื่อครู่
เขาแอบเข้าไปเงียบๆและซ่อนตัวอยู่บนเพดาน
เหล่าผู้อาวุโสที่ถูกเล่นงานเมื่อครู่นี้หายตัวไปหมดแล้ว ร่องรอยของการต่อสู้ก็หายไปด้วย
ผู้ที่ยังอยู่มีแต่ผู้อาวุโสจ้าวเยว่กับฉู่อิง
“ผู้อาวุโสที่ 1, แบบนี้ไม่ได้การแน่ ถ้าแม้แต่เจ้าสำนักหลิวยังมองทะลุการปลอมตัวของฉันได้ คนพวกนั้นก็คงมองเห็นเหมือนกัน” ฉู่อิงพูดอย่างกังวลใจ “ฉันเลียนเสียงท่านอาจารย์ได้ แต่เลียนแบบบุคลิกและรังสีของท่านอาจารย์ไม่ได้หรอก”
“ฉันรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะเลียนแบบท่านหัวหน้าได้อย่างแนบเนียนไร้ที่ติ แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ทำได้แค่ยื้อเวลาให้นานที่สุด!” ผู้อาวุโสที่ 1 พูด
“ฉันเข้าใจ…ว่าแต่ตอนนี้จะทำอย่างไร?” ฉู่อิงกัดริมฝีปากอย่างกระวนกระวาย
“นี่คือตราหยกสัญลักษณ์ที่บรรจุพลังปราณของท่านหัวหน้าไว้ แค่คุณกำไว้ในมือและเปิดใช้งาน มันก็จะแผ่รังสีของนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ออกมา ไม่ต่างอะไรกับหัวหน้าของเรา” ผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่พูด
“ฉันจะพยายามเต็มที่ก็แล้วกัน” ฉู่อิงพยักหน้าอย่างลังเล
เธอกำตราหยกสัญลักษณ์ไว้ในมือ พริบตาต่อมา รังสีของเธอก็เปลี่ยนไปราวกับกลายเป็นคนละคน บุคลิกของเธอเยือกเย็นขึ้น ทำให้ใครๆไม่อยากเข้าใกล้ ในเวลาเดียวกัน พละกำลังที่ทำให้นักรบทั่วไปไม่กล้าต่อกรด้วยก็ระเบิดออกมา