Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2169 มันเกิดบ้าอะไรขึ้นที่นี่?
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2169 มันเกิดบ้าอะไรขึ้นที่นี่?
ตอนที่ 2169 มันเกิดบ้าอะไรขึ้นที่นี่?
ในชั่วพริบตานั้น สายเทารู้ทันทีว่าชายหนุ่มใช้เวทมนตร์ลึกลับบางอย่างทำให้ม้าของเขายอมจำนน และดูเหมือนเขาจะตกอยู่ในอันตรายมากกว่าเดิมหากยังอยู่บนหลังม้า จึงรีบกลิ้งตัวออกไปด้านข้างเพื่อลงจากหลังของมัน
ด้วยเหตุนี้ สายเทาจึงหลบการฟาดฟันของกระบี่รูปพระจันทร์เสี้ยวได้อย่างหวุดหวิด ขณะที่อ้าปากหอบหายใจ เขาก็ใช้มือยันพื้นเพื่อพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น ขอแค่เขาตั้งตัวได้ ก็มั่นใจว่าจะใช้พละกำลังเหนือชั้นของตัวเองปราบชายหนุ่มได้สำเร็จ
แต่ระหว่างที่กำลังลุกขึ้นยืน ก็พลันรู้สึกว่ามีเงามืดทาบทับลงมา ผลักเขาให้ล้มกระแทกพื้นอย่างไร้ความปรานี
เกือกม้าอันหนึ่งประทับที่กลางใบหน้าของเขา
ถ้าคิดในแง่ดี สิ่งนี้ก็ไขข้อข้องใจในหัวสมองของเขาได้อีกข้อ คือตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าม้าตัวนี้ทรยศเขาเหมือนกับกระบี่พระจันทร์เสี้ยว
“แก ไอ้พวกสารเลว! ฆ่ามันให้หมด!”
สายเทาแทบเสียสติ เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะพ่ายแพ้เพราะวิธีการที่เหลือเชื่อแบบนี้
ชายหนุ่มอ่อนแอกว่าเขาแน่นอน เรื่องนั้นเขาไม่สงสัย แต่กลับทำให้กระบี่และม้าของเขายอมจำนนได้อย่างรวดเร็วด้วยการใช้ปาฏิหาริย์บางอย่าง แถมยังเล่นงานตัวเขาซึ่งเป็นนักรบระดับเทพเจ้าขั้นกลางให้จนมุมได้ ถ้าเขาพ่ายแพ้ให้กับคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังกว่ามากก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่รับไม่ได้ที่ต้องพ่ายแพ้อย่างน่าทุเรศแบบนี้!
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของสายเทา จอมโจรที่เหลือจึงพลันได้สติ เมื่อรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ก็กระทุ้งสีข้างม้า เร่งให้พวกมันควบตรงเข้าหาจ้าวหย่าและคนอื่นๆ
แต่โชคชะตาก็เล่นตลก ทุกอย่างดำเนินไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่พวกเขาคาดไว้
ม้าทุกตัวที่สาวน้อยได้สัมผัสก่อนหน้านี้ต่างหันหน้าเข้าหากันและเงื้อกีบเท้าขึ้น เตะคนขี่ให้ร่วงลงไปอย่างไม่ลังเล
ไม่มีจอมโจรคนไหนเตรียมใจรับสถานการณ์แบบนี้ ทำให้ถูกเตะเข้าที่จุดสำคัญอย่างจัง ทุกคนร่วงลงไปกองกับพื้นขณะกระอักเลือดกองใหญ่ออกมา
“มันเกิดบ้าอะไรขึ้นที่นี่?” สายเทาโมโหเสียจนสติแทบขาดผึง
เหตุผลที่พวกเขาขี่ม้าก็เพื่อให้แน่ใจว่าจะเล่นงานคู่ต่อสู้ได้โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันรู้ตัว และหลบหนีทันก่อนที่ใครจะเรียกกำลังเสริม มันควรเป็นความได้เปรียบที่พวกเขาเหนือกว่าคู่ต่อสู้ แต่ในชั่วพริบตา ก็กลับกลายเป็นภาระ!
ขณะที่สายเทาจนปัญญาและไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร กระแสดาบฉีสายหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ตัวเขา มันโอบล้อมเขาไว้อย่างรวดเร็ว เกิดเป็นตาข่ายแข็งแกร่งทนทานที่พันธนาการเขาไว้ในชั่วพริบตา
ยังไม่ทันที่สายเทาจะทันได้ต่อสู้ ดาบเล่มหนึ่งก็จ่อเข้าที่ลำคอของเขา
“หยุดได้แล้ว!”
เมื่อรู้สึกได้ถึงความคมกริบและเย็นเยียบของดาบที่จ่อลำคอ สายเทารีบสั่งการให้บริวารของเขาหยุดการโจมตี
สิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้ก็คือเหล่าจอมโจรล้วนเป็นนักสู้ผู้ช่ำชอง แม้ความอลหม่านในตอนแรกจะทำให้พวกเขาบาดเจ็บเกินกว่าครึ่ง แต่ก็ตั้งตัวได้อย่างรวดเร็วและดำเนินการโจมตีต่อไปได้ เพียงไม่กี่กระบวนท่า พวกเขาก็เล่นงานเสิ่นเฉิงกับคนอื่นๆจนหมอบ
ด้วยเหตุนี้ เมื่อได้ยินคำสั่งให้หยุด จึงอดไม่ได้ที่จะหันมามองสายเทาอย่างขัดใจ
ทำแบบนี้ถือว่าเสียหน้า!
ในฐานะกองโจรที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในพื้นที่ ต่อให้หลับตา พวกเขาก็น่าจะเล่นงานนักเรียนกลุ่มนี้ได้สบาย แต่หัวหน้ากลับมาเสียท่าในช่วงเวลาคับขัน…
“ต้องแบบนี้สิ” จางเซวียนพยักหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างพอใจ
ด้วยพละกำลังของเขาในเวลานี้ หากใช้ประสิทธิภาพเต็มพิกัดของหัวใจเส้นด้ายสอดประสานพันปม ก็ย่อมเอาชนะสายเทาได้อย่างง่ายดาย
แต่เขาก็ตัดสินใจไม่ทำแบบนั้น เพราะรู้ดีว่าพลังจิตวิญญาณในบริเวณนี้แสนจะเบาบาง เขาไม่อาจฟื้นคืนพละกำลังได้เร็วพอ และนั่นจะทำให้ตกอยู่ในหายนะหากต้องเจอกับการโจมตีของกองโจรกลุ่มอื่น
จางเซวียนรู้ดีว่าต้องเอาชนะการต่อสู้ด้วยการใช้สมองและยุทธวิธีเพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการพ่ายแพ้
เขาจึงทำให้ดาบของโม่หย่วนกับม้าของสายเทายอมจำนนเพื่อเล่นงานอีกฝ่าย และสุดท้าย ทันทีที่สายเทาไม่ทันระมัดระวังตัว เขาก็ปล่อยหมัดเด็ด
จางเซวียนดูออกว่าจอมโจรเหล่านี้ล้วนภักดีกับสายเทา ดังนั้น ขอแค่เขาปราบอีกฝ่ายได้ ทุกอย่างก็จะเข้าที่เข้าทางไปเอง
“ให้พวกเขาส่งอาวุธทั้งหมดมา” จางเซวียนสั่งการขณะจ่อดาบเข้าที่ลำคอของสายเทา
สายเทารู้สึกเหมือนถูกเหยียดหยามอย่างรุนแรง แต่เพราะชีวิตของเขาอยู่ในกำมือของชายหนุ่มแล้ว จึงไม่มีทางเลือกอื่น
“มัวรีรออะไรอยู่เล่า? รีบทำตามที่เขาบอกสิ!”
“ได้…”
เหล่าจอมโจรรีบปลดอาวุธในมือและวางลงกับพื้น
“จ้าวหย่า เจิ้งหยาง กับพวกคุณที่เหลือ ผมอยากให้พวกคุณดึงอาวุธไว้คนละชิ้นและจัดการให้มันยอมจำนนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” จางเซวียนสั่งการ
“ได้!” จ้าวหย่ากับพรรคพวกพยักหน้าก่อนจะตรงเข้าคว้าอาวุธของกองโจร
หลังจากเข้าสู่สรวงสวรรค์ พวกเขารู้ทันทีว่าอาวุธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่มีอยู่ไม่มีประโยชน์แล้ว หากทำให้อาวุธระดับเทพเจ้าขั้นต่ำของจอมโจรกลุ่มนี้ยอมจำนนได้ ประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกเขาก็จะสูงขึ้นอีกมาก
จางเซวียนกดคมดาบที่จ่อลำคอของสายเทาให้ลึกลงอีก ถึงขนาดที่เลือดไหลเป็นทางโซมร่างของอีกฝ่าย จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “บอกคนของคุณให้ส่งทรัพย์สมบัติ เหรียญสวรรค์ และของมีค่าทุกอย่างมาให้หมด!”
สายเทาแทบคลุ้มคลั่งที่เห็นสถานการณ์พลิกผัน แต่เพราะรักตัวกลัวตาย จึงหันไปตวาดบริวาร “พวกคุณไม่ได้ยินหรือไง?”
บ้าที่สุด! ผมต่างหากที่เป็นจอมโจร!
ผมควรจะเป็นคนที่ข่มขู่พวกคุณให้ส่งของมีค่าทั้งหมดมา!
“ดะ-ได้…”
เหล่าจอมโจรมองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจ แต่สุดท้ายก็พากันล้วงกระเป๋าและมอบของมีค่าทั้งหมดให้จางเซวียน
ตอนที่สนทนากับโม่หย่วน จางเซวียนได้รู้ว่าเก้าเวหาของสรวงสวรรค์ใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่เรียกกันว่าเหรียญสวรรค์ เหมือนกับเหรียญทองในทวีปแห่งปรมาจารย์ แต่เหรียญเหล่านี้มีแก่นสารของสรวงสวรรค์อยู่ ทำให้การคดโกงใดๆไม่อาจเกิดขึ้นได้
จางเซวียนเฝ้ามองเหล่าจอมโจรนำเงิน 200 เหรียญสวรรค์ออกมา เขาพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นก็หันไปจับจ้องสายเทาและประเมินอีกฝ่ายจากหัวจรดเท้าก่อนจะถอดแหวนเก็บสมบัติของสายเทาออกมา
การสร้างมิติที่แข็งแกร่งพอจะต้านทานแรงกดดันของมิติในสรวงสวรรค์ได้เป็นเรื่องยาก ด้วยเหตุนี้ แหวนเก็บสมบัติจึงเป็นของล้ำค่าและหายากมาก แม้แต่โม่หย่วนก็ยังไม่มีสักวง
เป็นไปได้ว่าสายเทาคงใช้วิธีการชั่วร้ายมากมายเพื่อให้ได้มันมา แต่ถึงอย่างไร ตอนนี้แหวนเก็บสมบัติก็เป็นของเขาแล้ว
จางเซวียนรีบซึมซับแหวนเก็บสมบัติ ก่อนจะเก็บเหรียญสวรรค์ทุกเหรียญและข้าวของทั้งหมดที่กองอยู่กับพื้นไว้ในนั้น จากนั้นก็สั่งการให้จ้าวหย่ากับคนอื่นๆมัดจอมโจรทุกคนไว้
เมื่อเสร็จเรียบร้อย จางเซวียนให้สมาชิกคนอื่นๆที่เหลือขึ้นขี่ม้าของเหล่ากองโจรตัวละ 2 คน ก่อนจะมุ่งหน้าสู่เมืองตะวันรอน
“จอมโจรพวกนี้ทำเรื่องชั่วร้ายไว้มากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถ้าเราควบคุมตัวพวกเขาได้ คงได้รางวัลนำจับไม่น้อย…” โม่หย่วนพูดอย่างอ่อนระโหย
ท่านเจ้าเมืองขึ้นบัญชีดำสายเทากับบริวารของเขาไว้เนิ่นนานแล้ว หากพวกเขาจับตัวคนเหล่านี้และนำส่งที่คฤหาสน์ท่านเจ้าเมืองได้ ก็น่าจะได้รับรางวัลอย่างงาม
“ไม่จำเป็นหรอก เดี๋ยวก็มีคนจัดการเอง” จางเซวียนตอบพร้อมกับส่งรอยยิ้มมีเลศนัยขณะที่ม้าของเขาควบไปอย่างรวดเร็ว
ในเมื่อลูกสาวท่านเจ้าเมืองอยู่ในกลุ่มนี้ ก็ยากที่จะเชื่อว่าไม่มีใครอื่นที่คอยปกป้องเธอ นอกจากท่านอาจารย์ของเธอที่มีวรยุทธระดับเทพเจ้าขั้นกลาง
ซึ่งก็เป็นอย่างที่จางเซวียนคิดไว้ หลังจากที่พวกเขาควบม้าจากไปได้ไม่นาน ชาย 2 คนก็โผล่ออกจากเงามืดและมายืนจังก้าอยู่ตรงหน้าสายเทากับบริวารของเขา
เมื่อเห็นหน้าชาย 2 คนนั้นชัดๆ สายเทาหน้าซีดเผือดอย่างสิ้นหวังก่อนจะครวญคราง
“บ้าที่สุด! พวกเราเป็นจอมโจร แต่กลับถูกปล้นเสียเอง…บ้าเอ๊ย!”
จริงอยู่ว่าการนำตัวจอมโจรกลับไปที่คฤหาสน์ท่านเจ้าเมืองจะทำให้พวกเขาได้รับสินบนนำจับอย่างงาม แต่นั่นก็หมายความว่าจะต้องส่งมอบทุกอย่างที่เพิ่งยึดมาจากจอมโจรให้ทางการด้วย ต่อให้สินบนนำจับจะมีมูลค่ามากแค่ไหน ก็ไม่น่าจะเกิน 40 ถึง 50 เหรียญสวรรค์
นั่นเทียบไม่ได้กับแม้เพียงเศษเสี้ยวของสิ่งที่พวกเขาฉกฉวยมาจากกองโจร
หลังจากแสดงความเป็นเจ้าของแหวนเก็บสมบัติของสายเทาแล้ว จางเซวียนพบว่ามีเงินกว่า 400 เหรียญสวรรค์อยู่ภายใน ซึ่งก็หมายความว่าเขาเพิ่งได้เงินถึง 600 เหรียญสวรรค์จากโจรกลุ่มนี้ รวมถึงยาเม็ดสมุนไพรและอาวุธต่างๆนานาด้วย
สายเทาคงทำเรื่องชั่วร้ายไว้มากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางสะสมทรัพย์สมบัติจนมั่งคั่งขนาดนี้ได้
จางเซวียนครุ่นคิด…ในเมื่อเขาทิ้งสายเทาไว้ให้ท่านเจ้าเมืองจัดการ เป็นโอกาสทองให้ท่านเจ้าเมืองได้ชำระความแค้นอันเนื่องจากการแข็งข้อของเหล่ากองโจร แถมเขายังมีความดีความชอบที่ช่วยชีวิตลูกสาวท่านเจ้าเมืองไว้อีกด้วย ในเมื่อเป็นแบบนี้ เจ้าเมืองก็คงไม่ใจร้ายใจดำถึงขนาดจะขอให้เขาส่งคืนข้าวของที่ยึดมาจากเหล่ากองโจร
เมื่อพิจารณาทุกประเด็นแล้ว ในที่สุดจางเซวียนก็ตัดสินใจมัดเหล่ากองโจรและทิ้งพวกเขาไว้ที่นั่น ปล่อยให้ทางคฤหาสน์ท่านเจ้าเมืองมาจัดการเอง
“หมอนั่นปราดเปรื่องจริงๆ!”
ชาย 2 คนที่ซุ่มอยู่ในเงามืดมองหมู่เมฆที่ลอยอยู่ไกลๆและเหล่ากองโจรที่หมดสภาพอยู่ตรงหน้าก่อนจะตั้งข้อสังเกต
ด้วยการรับภารกิจปกป้องนายหญิงน้อย พวกเขาจับตามองสถานการณ์โดยตลอด
จนกระทั่งถึงตอนนี้ ทั้งคู่ก็ยังไม่รู้ว่าชายหนุ่มมีพละกำลังมากขนาดนั้นจริงๆ หรือแค่ปลอมตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญผู้ทรงพลังคนหนึ่ง
“รายงานเรื่องนี้ต่อท่านเจ้าเมือง!” ชายคนหนึ่งสั่งการ “แล้วส่งคนมานำตัวเจ้าพวกนี้กลับไปด้วย เราจะเปิดการไต่สวนสาธารณะ!”
“รับทราบ ผมจะไปจัดการ!” ชายอีกคนหนึ่งตอบก่อนจะกลืนหายไปในเงามืด
เมื่อคราวนี้มีม้าให้ขี่ ทั้งจางเซวียน โม่หย่วน และคนอื่นๆก็รุดหน้าไปได้รวดเร็วกว่าเดิม เพียง 1 ชั่วโมง กำแพงเมืองสูงตระหง่านก็ปรากฏแก่สายตา
“นี่คงเป็นเมืองตะวันรอน” จางเซวียนตาโต
เมืองใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเขามีอาณาเขตกว้างขวางกว่าเมืองใดๆที่เขาเคยเห็น ถึงขนาดที่คงไม่เป็นการพูดเกินจริงหากจะบอกว่ามันใหญ่กว่าแม้แต่เกาะคว้าดาว!
กำแพงเมืองสีเทาดูจะทอดยาวออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มีค่ายกลขนาดมหึมาล้อมรอบทั้งเมืองไว้ ครอบคลุมทุกอย่างด้วยสีสันที่ดูลึกลับ
โม่หย่วนตอบข้อสงสัยของจางเซวียนด้วยการพยักหน้า
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการปะทะกับสายเทา แต่ด้วยความที่เป็นนักรบผู้ช่ำชอง จึงพกอุปกรณ์ฟื้นฟูพละกำลังขั้นพื้นฐานติดตัวไว้ไม่ว่าจะไปที่ไหน หลังจากใช้ของเหล่านั้นเยียวยาตัวเองได้ราว 1 ชั่วโมง ก็สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้โดยไม่มีปัญหามากนัก