Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2184 อิสรภาพของเรา…
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2184 อิสรภาพของเรา…
ตอนที่ 2184 อิสรภาพของเรา…
ผลจื้อเจินเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับประสิทธิภาพการป้องกันตัวของคนคนหนึ่งได้ด้วยการทำลายและสร้างกล้ามเนื้อของผู้นั้นขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้นั้นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อวงจรดังกล่าวดำเนินไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ช้า ประสิทธิภาพการป้องกันตัวของเขาก็จะถึงจุดที่ไม่อาจมีใครทะลุทะลวงได้อีก
ไม่ต่างกับการที่จางเซวียนใช้พลังปราณเทียบฟ้าบ่มเพาะร่างกายของเขา
“นายท่าน คุณพบวิธีรักษาทางเดินพลังปราณที่แข็งกระด้างของผมหรือยัง?” อสูรเกราะเรืองแสงถามด้วยความวิตก
ที่นี่คือรังของมัน มันจึงรู้ดีว่าไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากต้นไม้เหล่านี้ ถ้าที่นี่มีอะไรที่สามารถเยียวยามันได้จริงๆ มันคงหาเจอไปนานแล้ว
“พบแล้ว” จางเซวียนตอบพร้อมกับพยักหน้า
“ถ้างั้น…”
“ผมรู้ว่าคุณกินผลจื้อเจินบ่อยๆ แต่เคยกินแกนของมันบ้างหรือเปล่า?” จางเซวียนตั้งคำถาม
“แกน? มันกินไม่ได้ไม่ใช่หรือ?” อสูรเกราะเรืองแสงชะงัก
เนื้อของผลจื้อเจินทั้งหวานและมีกลิ่นหอม ให้ประโยชน์มากกับร่างกาย แต่ส่วนแกน…มันไม่เคยรู้มาก่อนว่ากินได้!
“ลองดูสิ” จางเซวียนพูดขณะโยนผลจื้อเจินผลหนึ่งให้อสูรเกราะเรืองแสง
อสูรเกราะเรืองแสงแบ่งผลจื้อเจินออกเป็น 2 ซีก เผยให้เห็นแกนกลางที่แห้งและแข็งกระด้าง ทันทีที่โยนแกนเข้าปาก รสขมก็แผ่ซ่านไปทั่วลิ้น
อสูรเกราะเรืองแสงโอดครวญ “รสชาติแย่มาก”
“ผมรู้ว่ามันรสชาติแย่ แต่พยายามซึมซับพลังจิตวิญญาณที่แกนของมันปลดปล่อยออกมาก็แล้วกัน” จางเซวียนพูด
แกนของผลจื้อเจินมีพลังจิตวิญญาณเข้มข้น
อสูรเกราะเรืองแสงพยักหน้า มันหลับตาและถ่ายทอดพลังจิตวิญญาณเข้าสู่ทางเดินพลังปราณ
ฟึ่บ!
ทันทีที่พลังจิตวิญญาณไหลเข้าสู่ร่างกาย ทางเดินพลังปราณของมันที่แข็งกระด้างราวกับหินก็เริ่มอ่อนตัวลง
“เฮ้ย…” อสูรเกราะเรืองแสงตาโต
แม้การกินผลจื้อเจินมาตลอดระยะเวลาหลายปีจะทำให้เกล็ดของมันแข็งแกร่งขึ้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียความยืดหยุ่นของทางเดินพลังปราณ ทำให้มันแทบไม่มีโอกาสฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างได้เลย อสูรเกราะเรืองแสงหมดหวังกับเรื่องนี้ และสุดท้ายก็ยอมพ่ายแพ้แก่โชคชะตา
ใครจะไปรู้ว่าเรื่องนี้แก้ไขได้ด้วยการกินแกนผลจื้อเจินที่ขมปี๋ ซึ่งมันไม่เคยกินมาก่อน
ถ้ารู้เสียก่อนหน้านี้ จะไม่มีวันยอมรับจางเซวียนเป็นเจ้านายเลย
โธ่ อิสรภาพของเรา…
“เนื้อของผลจื้อเจินทำให้ทางเดินพลังปราณของผู้นั้นกระด้าง ขณะที่แกนของผลจื้อเจินทำให้มันอ่อนตัวลง นี่คือสมดุลที่สวรรค์มอบให้กับโลก” จางเซวียนพยักหน้า
โลกแบ่งออกเป็นหยินกับหยาง กลางวันกับกลางคืน และ 5 ธาตุ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นพละกำลังที่ส่งผลกระทบต่อกันและกัน มีอานุภาพควบคุมทุกชีวิตให้ได้รับการเติมเต็ม
ไม่มีสิ่งอื่นใดในโลกจะอยู่เหนือกฎเกณฑ์นี้ได้
แม้แต่ความรู้สึกก็มาเป็นคู่ ความรักมาพร้อมกับความเกลียดชัง ความสุขมาพร้อมกับความทุกข์…มีสิ่งที่อยู่เคียงข้างกันไปในทุกๆอารมณ์
“ผมเข้าใจแล้ว” อสูรเกราะเรืองแสงตอบด้วยสีหน้าที่ออกจะสับสน
มันเดินเข้าไปที่มุมหนึ่งของถ้ำซึ่งมีแกนผลจื้อเจินที่มันกินไปแล้วกองสุมกันอยู่ เดิมที มันตั้งใจจะหาที่เพาะผลจื้อเจินเพื่อจะได้มีผลไม้ให้เด็ดกินมากกว่านี้ แต่ในเมื่อรู้แล้วว่าหัวใจของการแก้ปัญหาคือแกนของมัน อสูรเกราะเรืองแสงจึงรีบกลืนแกนเหล่านั้นลงไปทั้งหมดอย่างไม่ลังเล
แกนของผลจื้อเจินทั้งเหนียวทั้งแข็ง แต่ขากรรไกรอันทรงพลังของอสูรเกราะเรืองแสงก็จัดการได้ ไม่ช้ามันก็กลืนลงไปจนหมด
พลังจิตวิญญาณจากแกนผลจื้อเจินไหลเวียนไปทั่วร่างกายและตรงเข้าบ่มเพาะทางเดินพลังปราณ ความยืดหยุ่นที่มันไม่เคยมีตลอดหลายปีกลับคืนมา ซึ่งความยืดหยุ่นของทางเดินพลังปราณก็ทำให้พลังงานสวรรค์ของมันไหลเวียนได้เร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเกิดรังสีแผดกล้า
“ผมจะช่วยคุณ”
จางเซวียนหัวเราะหึๆ จากนั้นก็รีบนำเข็มเงินหลายสิบเล่มออกมา เขาถ่ายทอดพลังปราณเทียบฟ้าเข้าสู่เข็มพวกนั้นก่อนจะซัดมันเข้าใส่อสูรเกราะเรืองแสง
ฉึก! ฉึก!
เข็มเงินเหล่านั้นพุ่งตรงเข้าปักจุดชีพจรต่างๆของอสูรเกราะเรืองแสง พลังปราณเทียบฟ้าซึมซาบเข้าไปทำลายด่านคอขวดที่ขวางทาง
เมื่อไม่มีอะไรขวาง วรยุทธของอสูรเกราะเรืองแสงก็พุ่งพรวด เตรียมเข้าสู่ระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้าง
“ไม่เลว!” จางเซวียนออกความเห็น
เขาสะบัดข้อมือ จากนั้นก็โยนยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าทั้ง 5 ขวดให้อสูรเกราะเรืองแสง
ถึงมันจะมีรากฐานวรยุทธที่มั่นคงแข็งแกร่ง แต่ก็ยังต้องการพลังจิตวิญญาณในปริมาณสูงเพื่อฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้าง ในเมื่อหุบเขาเมฆบังขาดแคลนพลังจิตวิญญาณ หากปล่อยไว้โดยไม่ทำอะไร อสูรเกราะเรืองแสงคงต้องใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตกว่าจะฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ
จางเซวียนไม่มีเวลาจะเสียมากขนาดนั้น จึงจำเป็นต้องยื่นมือเข้าช่วย
ถึงอย่างไรอสูรเกราะเรืองแสงก็ยอมจำนนให้เขาแล้ว จึงไม่ถือว่าเสียทรัพยากรไปเปล่าๆ
ส่วนอสูรเกราะเรืองแสงก็คิดไม่ถึงว่าเจ้านายจะมอบยาเม็ดให้ทีเดียวมากมายขนาดนั้น มันมองจางเซวียนด้วยสีหน้าที่บ่งบอกความสำนึกในบุญคุณ จากนั้นก็อ้าปากและกลืนยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าทั้ง 50 เม็ดลงไป
พริบตาเดียว มันก็รู้สึกได้ถึงพลังจิตวิญญาณที่พลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย
บึ้มมม! บึ้มมม! บึ้มมม!
เสียงระเบิดกึกก้องเป็นชุดดังขึ้นในร่างกายของมัน เกล็ดสีดำของอสูรเกราะเรืองแสงมีชั้นบางๆเคลือบอยู่เป็นเงา ดูคล้ายกับผิวของหยกสีดำ
รู้ดีว่าอสูรเกราะเรืองแสงเตรียมตัวพร้อมสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธแล้ว จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก
ถ้าหมอนี่ทำสำเร็จเมื่อไหร่ เขาก็จะมีเทพเจ้าสวรรค์สร้างอยู่ข้างกาย ด้วยประสิทธิภาพการป้องกันตัวที่ไม่มีใครเทียบได้ ก็ไม่น่าจะมีคู่ต่อสู้ในวรยุทธระดับเดียวกันคนไหนที่สามารถเอาชนะเขา
หรือพูดอีกอย่างก็คือ จางเซวียนไม่จำเป็นต้องกลัวใครหน้าไหนในเมืองตะวันรอนอีกต่อไป
หลังจากที่อสูรเกราะเรืองแสงสำเร็จวรยุทธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้าง จางเซวียนมอบยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าให้มันอีก 2-3 ขวดตลอด 4 ชั่วโมงให้หลัง เพื่อใช้สำหรับการขัดเกลาวรยุทธ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น อสูรเกราะเรืองแสงก็แปรสภาพกลับเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่คุกเข่าอยู่กับพื้น
“นายท่าน ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ!”
ก่อนหน้านี้มันรู้สึกว่าถูกบังคับให้ยอมเป็นอสูรของชายหนุ่ม และนั่นทำให้อึดอัดใจมาก แต่ตอนนี้ความรู้สึกแบบนั้นหายไปหมดแล้ว เหลือไว้แต่ความโล่งอก
“ไม่ต้องมีพิธีรีตองหรอก มอบเลือดส่วนหนึ่งของคุณมาให้ผม ผมจะนำไปใช้บ่มเพาะกายเนื้อ” จางเซวียนพูด
อสูรเกราะเรืองแสงแปลงร่างกลับเป็นอสูรโดยไม่ลังเล ด้วยการตวัดกรงเล็บ เลือดสดๆก็ทะลักออกจากร่างของมัน
จางเซวียนโบกมือ เขาเปลี่ยนเลือดนั้นให้กลายเป็นหมอกสีแดงก่ำก่อนจะซึมซับเข้าสู่ร่างกายผ่านทางรูขุมขน พร้อมกันนั้นก็เด็ดผลจื้อเจินจากต้นมาผลหนึ่ง คั้นเอาน้ำของมันและกลืนลงไป
จางเซวียนค้นพบวิธีบ่มเพาะกายเนื้อของตัวเองในช่วง 4 ชั่วโมงที่อสูรเกราะเรืองแสงใช้ไปเพื่อการฝ่าด่านวรยุทธ
ทันทีที่เลือดของอสูรเกราะเรืองแสงและน้ำจากผลจื้อเจินซึมซาบเข้าสู่ร่างของเขา กล้ามเนื้อของจางเซวียนก็เริ่มเปลี่ยนแปลง
กล้ามเนื้อของเขาฉีกขาดออกจากกันและได้รับการสร้างขึ้นใหม่ เกิดเป็นกระบวนการไม่รู้จบของชีวิตและความตาย กระบวนการนี้สร้างความเจ็บปวดแสนสาหัส แต่แน่นอนว่ามันทำให้กายเนื้อของเขาแน่นและทรงพลังมากขึ้น
“การฝ่าด่านวรยุทธด้วยกายเนื้อต่างกันมากกับการฝ่าด่านวรยุทธของพลังปราณ…”
เห็นเจ้านายของมันกำลังบ่มเพาะกายเนื้อ อสูรเกราะเรืองแสงตัดสินใจอารักขาเขาไว้ในกรณีที่อาจมีบางอย่างผิดพลาด
แม้จะมียาเม็ดที่ทรงพลังสำหรับการเยียวยา แต่หลายอย่างก็อาจผิดพลาดได้ง่ายระหว่างที่นักรบคนหนึ่งทำการบ่มเพาะกายเนื้อ สมดุลอันละเอียดอ่อนจะต้องเกิดขึ้นระหว่างการทำลายล้างและการสร้างขึ้นใหม่เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
ในฐานะผู้ที่ผ่านกระบวนการนี้มาก่อน อสูรเกราะเรืองแสงรู้ดีว่าต้องพบเจอกับความเจ็บปวดแค่ไหนกว่าจะมาถึงวรยุทธระดับนี้ มันต้องฝึกฝนอย่างหนักหลายสิบปีทีเดียวกว่าจะมาถึงจุดที่เป็นอยู่
แต่นายท่านของมันเป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าขั้นต่ำ แม้สวรรค์จะประทานพรให้เขามีสติปัญญาและความปราดเปรื่องเหนือชั้นกว่าใครๆ แต่อย่างน้อยก็คงต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะทำสำเร็จ
เมื่อเกิดความคิดแบบนั้น อสูรเกราะเรืองแสงมองชายหนุ่ม เห็นอีกฝ่ายเสร็จสิ้นการซึมซับหมอกสีเลือดและน้ำจากผลจื้อเจินแล้ว ศักยภาพขององค์ประกอบทั้งสองทำให้ร่างของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
แต่ในชั่วพริบตา ร่างนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีทอง ก่อนจะกลับสู่สภาพปกติ
ฟู่!
จางเซวียนระบายลมหายใจยาว เขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ประกายสีทองปรากฏในดวงตาของเขาแวบหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนกลับเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว
“นายท่าน คุณไม่ฝึกฝนวรยุทธแล้วหรือ?” อสูรเกราะเรืองแสงถามอย่างงุนงง
มันไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มถึงหยุดการฝึกฝนวรยุทธทั้งที่เพิ่งเริ่มไปได้เพียงสิบอึดใจ
“ผมเสร็จสิ้นการฝึกฝนวรยุทธแล้ว” จางเซวียนตอบ
“เสร็จสิ้นการฝึกฝนวรยุทธแล้ว?” อสูรเกราะเรืองแสงกระพริบตาปริบๆ “หมายความว่าอย่างไร?”
พูดได้เลยว่าตัวมันมีความได้เปรียบอย่างเหนือชั้นในเรื่องของกายเนื้อ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ต้องใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะบ่มเพาะกายเนื้อให้แข็งแกร่งอย่างที่เป็นอยู่ แล้วชายหนุ่มหยุดการฝึกฝนวรยุทธหลังจากผ่านไปแค่ไม่กี่อึดใจ นั่นหมายความว่าอย่างไร?
เขาคิดจะล้มเลิกการฝึกฝนวรยุทธหรือ?
แทนที่จะตอบคำถาม จางเซวียนสั่งการด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย “โจมตีผม!”
อสูรเกราะเรืองแสงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า “ก็ได้”
มันเงื้อกรงเล็บขึ้นและตะปบจางเซวียน
เพราะเกรงว่าชายหนุ่มจะต้านทานพละกำลังของมันไม่ไหว อสูรเกราะเรืองแสงตัดสินใจใช้พละกำลังเพียงหนึ่งในร้อย
แต่เมื่อกรงเล็บของมันปะทะกับกำปั้นของจางเซวียน มันก็พบว่ากำลังเผชิญหน้ากับพละกำลังที่เหนือความคาดหมาย
พลังนั้นกราดเกรี้ยวราวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ในชั่วพริบตา อสูรเกราะเรืองแสงก็รู้สึกว่ากำลังจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
มันไม่กล้าเสียเวลาอีก อสูรเกราะเรืองแสงรีบเพิ่มพละกำลังทันที
5%!
10%!
15%!
50%!
เพียงเสี้ยววินาที มันก็เพิ่มพละกำลังของการตะปบกรงเล็บเป็นครึ่งหนึ่งของพละกำลังที่มีอยู่
พลั่ก!
แต่ถึงอย่างนั้น อสูรเกราะเรืองแสงก็ถูกสอยกระเด็นไปอัดกำแพง ทำให้ฝุ่นฟุ้งตลบลงมาจากเพดาน
“นายท่าน…”
อสูรเกราะเรืองแสงมองชายหนุ่มอย่างไม่อยากเชื่อ