Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2196 น่านฟ้ามังกรเมฆ…
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2196 น่านฟ้ามังกรเมฆ…
ตอนที่ 2196 น่านฟ้ามังกรเมฆ…
แต่ทันใดนั้น การเคลื่อนไหวของผู้อาวุโสก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ม่านตาของเขาขยายขึ้นเล็กน้อย บ่งบอกถึงอารมณ์และความรู้สึกที่ปั่นป่วน
ชายวัยกลางคนผู้มีสายตาเฉียบแหลมรู้สึกได้ทันทีถึงความผิดปกติ เขาถามอย่างเป็นห่วง “จอมราชันย์ เกิดอะไรขึ้น?”
“คนจากน่านฟ้าเสรีเพิ่งส่งข่าวมา…พวกเขาเชิญพวกเราทั้ง 8 คนเข้าชมการดวล!” ผู้อาวุโสตอบช้าๆด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด ราวกับกำลังพยายามหยั่งถึงเจตนาของอีกฝ่าย
เขาไม่คิดว่าคนจากน่านฟ้าเสรีจะส่งข่าวมา
ขนาดจอมราชันย์คนอื่นๆก็ยังเลือกต่อสู้กับจอมราชันย์พิชิตสวรรค์ในที่มิดชิด ด้วยเหตุนี้ แม้แต่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่เป็นบริวารของพวกเขาก็ยังไม่รู้ผลลัพธ์ของการดวล ถึงจะพอคาดเดาได้ก็ตาม
“นั่นหมายความว่าคนจากน่านฟ้าเสรีมั่นใจว่าจะเอาชนะจอมราชันย์พิชิตสวรรค์ได้?” ชายวัยกลางคนตั้งข้อสงสัย
“อาจเป็นอย่างนั้น” ผู้อาวุโสตั้งข้อสังเกต “ความเหลื่อมล้ำของพละกำลังอาจมีไม่มากนักในเมื่อทั้งคู่ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกแล้ว มาถึงจุดนี้ บอกได้ยากว่าใครจะชนะ เราทำได้แค่เฝ้าดูเท่านั้น พูดก็พูดเถอะ การไหลบ่าพลังจิตวิญญาณระลอก 4 กำลังจะมาถึงแล้วใช่ไหม? น่านฟ้านรกโลกันต์ของเรามีอัจฉริยะผู้โดดเด่นปรากฏตัวบ้างหรือยัง?”
“ยังเลย” ชายวัยกลางคนตอบ “แม้นักรบส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับการฝึกฝนวรยุทธมากขึ้นหลังจากเกิดการเสื่อมถอยของพลังจิตวิญญาณ แต่การจะได้ตัวอัจฉริยะผู้โดดเด่นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย อีกอย่าง การที่พวกเขาจะยืนหยัดต้านทานกระแสการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณได้ก็แปลว่าต้องมีความเก่งกาจไม่เบา ซึ่งในที่สุด อย่างน้อยๆ คนระดับนั้นก็จะกลายเป็นราชันย์เทพเจ้า…เฮ่อออ! ตอนนี้เรามีคนน้อยเหลือเกิน”
“ผมรู้มาว่าตาเฒ่าเฉียนคุ่นของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนเพิ่งพบจิตวิญญาณที่ปราดเปรื่องดวงหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้” ผู้อาวุโสเปรย
“ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ตามที่ร่ำลือกันมา เขาพบอีกฝ่ายจากโลกเบื้องล่าง และซึมซับจิตวิญญาณของเขาเข้าสู่สระบาดาล จากแหล่งข่าวของเรา ดูเหมือนตอนนี้จอมราชันย์เฉียนคุ่นกำลังช่วยหลอมกายเนื้อร่างใหม่ให้เขา”
“ถ้าจิตวิญญาณดวงนั้นทำให้ตาเฒ่าเฉียนคุ่นลงมือทำอะไรได้จริง ก็แปลว่าความสามารถของเขาจะต้องไม่ธรรมดา น่าเสียดายเหลือเกินที่เขาไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นในน่านฟ้านรกโลกันต์ของเรา ไม่อย่างนั้น ผมจะบ่มเพาะเขาอย่างสุดกำลัง และเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดภายในระยะเวลาอันสั้นที่สุด…”
“จริงด้วย…” ชายวัยกลางคนเห็นพ้องกับผู้อาวุโส “วางใจเถอะ, จอมราชันย์ ผมทิ้งกลไกไว้ในภูเขาสวรรค์สร้างแล้วเพื่อให้แน่ใจว่าเราจะได้ตัวอัจฉริยะชั้นยอดทันทีที่พวกเขาปรากฏตัว!”
ผู้อาวุโสพยักหน้าก่อนจะหลับตา ท่าทีนั้นเป็นสัญญาณบ่งบอกให้ชายวัยกลางคนออกไป
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงนาฬิกาก็ดังขึ้นนอกห้อง
ผู้อาวุโสลืมตาทันทีและลุกขึ้นยืน “ระฆังของราชันย์ผู้ทรงเกียรติ?”
ชายวัยกลางคนก็ตัวสั่นเมื่อได้ยินเสียงระฆังนั้น
“เสียงระฆังของราชันย์ผู้ทรงเกียรติหมายความว่านักรบคนหนึ่งที่มีศักยภาพพอจะได้เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติปรากฏตัวแล้ว!” ชายวัยกลางคนอุทาน
โลกนี้มีราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอยู่ไม่มาก มากกว่าจอมราชันย์นิดหน่อยเท่านั้น และพละกำลังของพวกเขาก็เป็นรองแค่จอมราชันย์ จึงแน่นอนว่าเป็นที่ต้องการของทุกกลุ่มอำนาจ
“เร็วเข้า เรียกรวมพลอัจฉริยะของเรา!” ผู้อาวุโสสั่งการอย่างเร่งร้อน แต่ก่อนจะพูดจบก็เปลี่ยนใจและพูดว่า “ช่างเถอะ คุณน่ะชักช้าไม่ทันใจ ผมทำเอง!”
จากนั้นผู้อาวุโสก็หายไป
ผู้ที่ได้เป็นจอมราชันย์สามารถทะลุมิติได้ในชั่วพริบตา ต่อให้กฎเกณฑ์ของมิติในสรวงสวรรค์จะทรงพลังแค่ไหน ก็ไม่อาจยับยั้งพวกเขาได้
“ดูเหมือนน่านฟ้านรกโลกันต์ของเราจะพร้อมรับมือกับการไหลบ่าของกระแสพลังจิตวิญญาณแล้ว…”
เห็นจอมราชันย์ออกโรงเพื่อคัดเลือกอัจฉริยะด้วยตัวเอง ชายวัยกลางคนถอนหายใจอย่างโล่งอก
…..
ที่น่านฟ้าทองคำแข็งกล้า…จอมราชันย์ฟู่เหมิงกำลังอยู่ระหว่างการประชุมตอนที่ได้ยินเสียงระฆัง ของราชันย์ผู้ทรงเกียรติดังก้อง
“อัจฉริยะที่คู่ควรกับน่านฟ้าทองคำแข็งกล้าของเราปรากฎตัวแล้ว ผมจะไปรับตัวเขาเอง”
ฟึ่บ! จอมราชันย์ฟู่เหมิงหายวับไป
…..
ที่น่านฟ้ามังกรเมฆ…
“แม้ตลอดประวัติศาสตร์ยาวนานของสรวงสวรรค์ การปรากฏตัวของอัจฉริยะระดับนี้ก็ถือว่ามีน้อยมาก ครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นคือจอมราชันย์พิชิตสวรรค์กับเหล่าศิษย์สายตรงของเขา เราจะพลาดโอกาสนี้ไม่ได้ พวกคุณที่เหลือเตรียมการอยู่ที่นี่นะ ผมจะไปดูด้วยตัวเอง!”
เกิดการกระตุกเล็กน้อย ราชันย์มังกรเมฆกลับคืนร่างเดิมของเขา, มังกรทองห้ากรงเล็บ, ก่อนจะหายวับไป
…..
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ใครจะไปคิดว่าอัจฉริยะผู้ไร้เทียมทานขนาดนี้จะปรากฏตัวเพื่อน่านฟ้าตะวันแผดเผาของพวกเรา ผมยังจำได้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าเฉียนคุ่นนั่นคุยโวโอ้อวดแค่ไหนเรื่องจิตวิญญาณที่เขาพบ คราวนี้แหละ ผมจะบ่มเพาะอัจฉริยะผู้นั้นด้วยตัวเอง ต่อให้ต้องใช้เวลาแค่ไหน ผมก็มั่นใจว่าเขาจะกลายเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติก่อนจะเกิดกระแสการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณ!”
จอมราชันย์โจวหยางหัวเราะหึๆขณะสะบัดเสื้อคลุม เผยให้เห็นขาอ่อนเปล่าเปลือย
เห็นภาพนั้น บริวารเก่าแก่ที่อยู่เคียงข้างเขามานานรีบเข้ามากระซิบกระซาบอย่างกระอักกระอ่วน “จอมราชันย์, ถ้าคุณจะออกไปข้างนอก ผมขอแนะนำให้คุณใส่กางเกงชั้นในก่อนจะดีไหม? หากใครเห็นเข้า เกียรติยศของคุณจะเสื่อมเสียไม่น้อย!”
“ในฐานะผู้บงการตะวันแผดเผา เปลวเพลิงสวรรค์ในร่างกายของผมจะแผดเผาเสื้อผ้าใดๆก็ตามที่ผมสวมให้มอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน มันยุ่งยากนะที่ต้องสวมใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า! ปล่อยมันไว้อย่างนี้จะดีกว่า!” จอมราชันย์โจวหยางบ่นพึมอย่างหงุดหงิด
“ผมเข้าใจว่าปล่อยไว้อย่างนี้ก็เย็นสบายกว่า แต่คุณกำลังจะออกไปพบใครคนหนึ่งไม่ใช่หรือ? ไปสภาพนี้อาจสร้างความไม่น่าประทับใจนะ” บริวารเก่าแก่แนะนำ
ในฐานะบริวารผู้รับใช้จอมราชันย์โจวหยาง เขาคุ้นเคยกับนิสัยรักสบายของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี คงไม่มีใครคิดว่า 1 ใน 9 จอมราชันย์ผู้ยิ่งใหญ่จะไม่ยอมใส่กางเกงชั้นใน!
โชคดีที่จอมราชันย์แทบจะไม่ออกจากวังของเขา ไม่อย่างนั้น เกียรติยศและศักดิ์ศรีของน่านฟ้าตะวันแผดเผาคงป่นปี้ไม่มีเหลือ!
“พอที คุณน่ะคิดมากไปแล้ว ผมจะกลับมาพร้อมกับอัจฉริยะผู้นั้น!”
ฟึ่บ!
จอมราชันย์โจวหยางใช้พลังงานสวรรค์นำกางเกงชั้นในมาคลุมบั้นท้ายเปลือยเปล่าของเขา ก่อนจะหายวับไป
นอกจากน่านฟ้าเสรี อีกสถานที่หนึ่งที่ลึกลับที่สุดในสรวงสวรรค์ก็คือกระท่อมดาบ
พระราชวังของเหล่าจอมราชันย์นั้นขึ้นชื่อเรื่องความโอ่อ่าหรูหรา แต่จอมราชันย์แห่งน่านฟ้าดาบสวรรค์อาศัยอยู่ในกระท่อมฟางที่แสนจะธรรมดา
“จอมราชันย์…”
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาในกระท่อมฟางเพื่อรายงานบางอย่าง แต่ก็ถูกขัดก่อนจะทันพูดจบ
“ผมรู้แล้ว อัจฉริยะผู้เชี่ยวชาญในศิลปะเพลงดาบปรากฏตัวขึ้นที่ภูเขาสวรรค์สร้าง”
“ชะ-ใช่ เรื่องนั้นแหละ…” ชายวัยกลางคนพยักหน้า
“ผมเห็นศิลปะเพลงดาบของเขาแล้ว จัดว่าน่าทึ่งมาก เขาสำเร็จแนวคิดในระดับที่เกือบจะทัดเทียมกับพวกเรา…แต่เขาไม่ใช่คนที่เรากำลังตามหา” เสียงสุขุมเยือกเย็นดังมาจากภายในกระท่อมฟาง
“แต่ระฆังแห่งราชันย์ผู้ทรงเกียรติดังขึ้นแล้ว…”
ชายวัยกลางคนชะงัก เขาอุทานออกมาอย่างร้อนใจ “ถ้าเราไม่รีบ กลุ่มอำนาจอื่นๆจะตัดหน้าเราไป ซึ่งนั่นหมายความว่ากระท่อมดาบของเราจะได้รับโควต้าลดลงในการไหลบ่าของกระแสพลังจิตวิญญาณระลอกต่อไป และอาจถูกแย่งชิงดินแดนไปด้วย…”
“เรื่องพวกนั้นสำคัญกับเราหรือ? เป้าหมายของกระท่อมดาบคือบ่มเพาะนักดาบให้สำเร็จเจตจำนงเพลงดาบและแนวคิดที่เป็นแบบเฉพาะของตัวเขา ไม่ใช่การพุ่งเข้าใส่และตั้งหน้าตั้งตาศึกษาเล่าเรียนอย่างหูหนวกตาบอด” เสียงในกระท่อมฟางดังขึ้นอีก
“ไม่ว่าใครคนหนึ่งจะร่ำเรียนได้ดีสักแค่ไหน ระดับสูงสุดที่เขาจะเข้าถึงได้ก็เป็นแค่ภาพสะท้อนของสิ่งที่คนอื่นๆเคยเรียนรู้มาก่อนเท่านั้น…ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องกระแสการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณหรอก ผู้ที่ผมรอคอยอยู่ปรากฏตัวแล้ว และผมจะไปพบเขาด้วยตัวเองเร็วๆนี้”
“ผมเข้าใจ…”
เห็นจอมราชันย์มีแผนแล้ว ชายวัยกลางคนก้มศีรษะและออกไปจากห้อง
“เฮ่อออออ!”
ทันทีที่ชายวัยกลางคนออกไป เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ก็ดังขึ้นในกระท่อมฟาง เขาพึมพำ “ผมไม่รู้จริงๆว่าคุณตัดสินใจถูกหรือเปล่าที่ทำแบบนี้”
…..
บนยอดเขาสูงตระหง่านเสียดเมฆ ผู้อาวุโสร่างสูงมองเหล่าศิษย์สายตรงของเขาที่อยู่ตรงหน้า
คำสอนอันล้ำลึกที่เปรียบได้กับดนตรีที่มีสุนทรียะถูกถ่ายทอดออกมา บรรดาศิษย์สายตรงของเขาพากันยินดีที่ได้ซึมซับความรู้ที่อีกฝ่ายถ่ายทอดให้ ทุกคนรู้สึกว่าระดับวรยุทธของตัวเองเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
“วันนี้พอแค่นี้ก่อน!”
แต่จู่ๆผู้อาวุโสก็หยุดการบรรยายและหันหน้าไปมองทางหนึ่ง
เมื่อรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ชายวัยกลางคนที่อยู่ในหมู่ผู้ฟังลุกขึ้นยืนและประสานมือ ก่อนจะถามว่า “ท่านอาจารย์ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
ท่านอาจารย์ของเขาเชื่อมั่นอย่างล้ำลึกว่าการถ่ายทอดความรู้เป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาโลกใบนี้ และทุ่มเทชีวิตให้กับสิ่งนั้น เขาจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าบทเรียนของเขาสมบูรณ์แบบพอ แต่จู่ๆก็เลือกที่จะหยุดกลางคันทั้งที่เวลายังเหลือ
เห็นได้ชัดว่าต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
“คนของน่านฟ้าเสรีตัดสินใจเลือกวันที่แล้ว การดวลจะมีขึ้นในวันที่ 15 ของเดือนหน้า” ผู้อาวุโสพูดพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
ดูเหมือนเขากำลังพูดถึงคนอื่นแทนจะพูดแทนที่จะพูดถึงตัวเอง ไม่มีร่องรอยของความตึงเครียดหรือกังวลกับการดวลที่กำลังจะเกิดขึ้น
“น่านฟ้าเสรีคือศูนย์กลางของเก้าเวหา และจอมราชันย์ของพวกเขาก็เป็นผู้กุมอำนาจสูงสุด ท่านอาจารย์…ผมเกรงว่าการที่คุณสู้กับเธอ จะ…”
ชายวัยกลางคนอดรู้สึกกังวลไม่ได้กับการดวลที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า
เขาเชื่อมั่นในความเก่งกาจของท่านอาจารย์ แต่ไม่ว่าอย่างไร คู่ต่อสู้ก็เป็นนักรบผู้แข็งแกร่งที่สุดในสรวงสวรรค์ แม้แต่จอมราชันย์คนอื่นๆยังยอมก้มหัวให้…
มันจะต้องเป็นการต่อสู้ที่หนักหน่วงแม้แต่กับท่านอาจารย์ของเขา
ยิ่งไปกว่านั้น การต่อสู้ของทั้งคู่จะเป็นการดวลแบบชี้เป็นชี้ตาย ไม่เหมือนกับการดวลแบบสบายๆที่ท่านอาจารย์ของเขาเคยดวลกับจอมราชันย์คนอื่นๆ
“ไม่เป็นไรน่ะ” ผู้อาวุโสตอบขณะลูบเครา “ในเมื่อเป็นการดวล ก็ต้องมีทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ ไม่มีใครชนะได้ตลอดชีวิตหรอก ขอแค่ทำเต็มที่ก็พอ”
“แต่…เพื่อรับมือกับคุณ เธอถึงกับลงไปยังโลกเบื้องล่างเพื่อเสาะหามหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงเพื่อที่จะได้มีความเข้าใจล้ำลึกกว่าเดิมในพละกำลังและอำนาจของคุณ ผมเกรงว่าเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้เธอตอบรับคำท้าก็เพราะเธอรู้ความสามารถของคุณแล้ว…ในการต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายที่เก่งกาจทัดเทียมกัน การทำความเข้าใจความสามารถของคู่ต่อสู้จะสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นได้มาก!” ชายวัยกลางคนตั้งข้อสังเกตอย่างร้อนใจ