Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2217 พูดมาเลย
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2217 พูดมาเลย
ตอนที่ 2217 พูดมาเลย
เขาอยากให้ลูกชายได้ดี แต่จะมีประโยชน์อะไรหากเกิดเรื่องแบบนี้
กับลูกชายของเขา?
“ชะ-ใช่…” จัวเหยียนตอบอ้อมแอ้มขณะมองท่านพ่ออย่างไม่สบายใจ
เขาไม่เคยเห็นท่านพ่อมีสีหน้าเคร่งเครียดแบบนี้มาก่อน และเกรงจะ
ถูกตำหนิเรื่องความอ่อนแอ
ในฐานะเจ้าตัว เขารู้ดีว่าตัวเขาลงเอยด้วยการตกอยู่ในสภาพนี้ได้
อย่างไร ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามที่จางเซวียนพูด
นายพลเกราะเงินถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเอ่ยปากอย่างคนที่
ถอดใจแล้ว “พ่อจะไม่บังคับเจ้าอีก เพราะฉะนั้น ไม่ต้องฝืนเกินกว่า
ที่ตัวเองทนไหว อนาคตจะเป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปตามนั้นเถอะ”
ถ้านั่นคือชะตากรรมของลูกชายของเขา ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้อง
พยายาม
เขาอยากจะตำหนิฟ่ านเจ๋อที่บีบบังคับลูกชายของเขามากเกินไป แต่รู้
ว่าตัวเองก็มีความผิดไม่แพ้กัน เรื่องนี้ทำให้นายพลเกราะเงินเกิดความ
ขัดแย้งสับสนในใจอย่างหนัก เขาสงสัยว่าสิ่งที่ตัวเขาทำมาตลอดคง
จะผิดทาง
นายพลเกราะเงินส่ายหน้าและหันไปพูดกับจางเซวียน “น้องจาง คุณ
ช่วยชีวิตลูกชายของผมและมอบชีวิตใหม่ให้เขา ผม, จัวเฟิง ติดหนี้
บุญคุณต่อคุณ ไม่ว่าต่อไปคุณจะร้องขอให้ผมทำอะไร ต่อให้ต้อง
แลกด้วยชีวิต ผมก็จะทำตามที่คุณต้องการอย่างสุดความสามารถโดย
ไม่ปริปาก!”
“นายพลจัว คุณก็เกรงอกเกรงใจเกินไป…ผมไม่ได้ช่วยลูกชายของคุณ
เพราะอยากได้สิ่งตอบแทน ผมแค่หวังว่าชื่อเสียงของปรมาจารย์จะไม่
ด่างพร้อยเพราะใครบางคนที่นี่ ผมพูดไม่ได้หรอกนะว่าปรมาจารย์
ทุกคนปราศจากความเห็นแก่ตัว แต่พวกเขาถือเอาประโยชน์ของลูก
ศิษย์เป็นเรื่องสำคัญเหนือสิ่งอื่น ผมจะสำนึกในบุญคุณอย่างมากหาก
คุณไม่มองเหล่าปรมาจารย์ในแง่ร้ายเพียงเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
วันนี้” จางเซวียนตอบยิ้ม ๆ
เขารับบทบาทอาจารย์ตั้งแต่ถูกส่งทะลุมิติมายังโลกใบนี้ และมอง
อาชีพครูบาอาจารย์ในฐานะอาชีพที่ปรมาจารย์ขงก่อตั้งขึ้นด้วยความ
ภาคภูมิใจ จึงเป็นธรรมดาที่จะรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นใคร ๆ มองครู
บาอาจารย์ว่าต่ำต้อยด้อยค่า
“หรือว่า…น้องจาง, คุณก็เป็นปรมาจารย์ใช่ไหม?” ฟ่านเจ๋อถาม
คนอื่น ๆ พากันหันมามองด้วยความอยากรู้
พวกเขาไม่เคยพบจางเซวียนมาก่อน แต่การที่ชายหนุ่มรักษาจัวเหยียน
ได้อย่างง่ายดายบ่งบอกว่าทักษะการรักษาโรคของเขาเหนือชั้นกว่า
นายแพทย์หยูเฟิงเสียอีก หรือว่าแท้ที่จริง…เขาคือปรมาจารย์ผู้ไร้
เทียมทานคนหนึ่ง?
ปรมาจารย์ทั่วไปไม่ได้สลักสำคัญอะไรมากนักสำหรับสรวงสวรรค์
แต่เหล่าศิษย์สายตรงของจอมราชันย์พิชิตสวรรค์ได้ชื่อว่าเป็น
ผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายวิชาชีพ แม้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาจะ
ยังหนุ่ม แต่ก็อาจเป็นได้ว่าเขามีความเกี่ยวข้องกับคนเหล่านั้นไม่ทาง
ใดก็ทางหนึ่ง
“จะพูดอย่างนั้นก็ได้” จางเซวียนตอบตามตรง
เมื่อครั้งอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ เขาได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์ที่
แข็งแกร่งที่สุด และก็เหมือนกับปรมาจารย์ขง คือได้รับการขนาน
นามว่าเป็นครูบาอาจารย์ของโลก แต่ก็นั่นแหละ สภาปรมาจารย์ใน
สรวงสวรรค์น่าจะมีการทดสอบเป็นรูปแบบเฉพาะของพวกเขา
สำหรับประเมินคุณสมบัติของผู้ที่จะได้เป็นปรมาจารย์ ซึ่งจางเซวียน
ก็ยังไม่เคยผ่านกระบวนการที่เป็นทางการแบบนั้น
“ผมเข้าใจแล้ว โล่งอกไปที” ฟ่านเจ๋อถอนหายใจเฮือกใหญ่
เขาพ่ายแพ้ให้กับความละโมบโลภมากของตัวเอง แต่ก็ยังรู้สึกผูกพัน
เหนียวแน่นกับอาชีพนี้ เขายังจำวันคืนเก่า ๆ ที่อุทิศตัวให้กับการสั่ง
สอนลูกศิษย์ได้ และถือเอาวันคืนเหล่านั้นเป็นความภาคภูมิใจสูงสุด
ฟ่ านเจ๋อดีใจที่จางเซวียนอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้น ความผิดพลาดของเขาคง
กลายเป็นสนิมที่กัดกร่อนและแปดเปื้อนชื่อเสียงของสภาปรมาจารย์
“อาจารย์ฟ่านเจ๋อ ผมขอแนะนำอะไรสักหน่อยได้ไหม? จางเซวียน
ถาม
“พูดมาเลย” ฟ่านเจ๋อประสานมือ
แม้จะมีวรยุทธอ่อนด้อยกว่า แต่ความรู้ของอีกฝ่ายเหนือชั้นกว่าเขา
มาก อีกอย่าง เมื่อครู่นี้ชายหนุ่มก็เพิ่งช่วยชีวิตเขาไว้จากสถานการณ์
คับขัน เขาจึงพร้อมรับฟังทุกคำแนะนำที่ชายหนุ่มจะมอบให้
“ความเกียจคร้านน่ะเป็นเรื่องธรรมดาของนักรบส่วนใหญ่ โดยเฉพาะ
กับวัยรุ่น หากพูดกันด้วยเหตุผล ผมไม่คิดว่าการเปิดสอนพิเศษของ
คุณนั้นเสียหายอะไร เพราะลูกศิษย์ของคุณก็จะได้มีเวลาศึกษาเล่าเรียน
มากขึ้น แต่การเรียนหนักเกินไปมีแต่จะบั่นทอนแรงบันดาลใจและ
ความอดทนของพวกเขา สุดท้าย หลายคนอาจลงเอยด้วยเส้นทาง
เดียวกันกับจัวเหยียน และความพยายามทั้งหมดของคุณก็จะสูญเปล่า”
ฟ่ านเจ๋อเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้า “แล้วมีวิธีอื่นไหม?”
มีบ้างที่ลูกศิษย์ของเขาได้รับประโยชน์มากจากการสอนพิเศษ แต่เขา
ก็รู้อยู่แก่ใจว่าส่วนใหญ่แทบไม่ได้พัฒนาเลย
เขาพยายามค้นหาเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ซึ่งข้อสรุปที่ได้ก็คือ
เด็ก ๆ เหล่านั้นเหนื่อยหน่ายกับการฝึกฝนวรยุทธ แต่เขาก็คิดไม่ออก
ว่าจะมีวิธีไหนช่วยแก้ปัญหาได้
การฝึกฝนวรยุทธคือกระบวนการที่เหนื่อยหนักอยู่แล้ว ไม่มีหนทาง
หลีกเลี่ยง
“ในฐานะอาจารย์ คุณควรพิจารณาบุคลิกเฉพาะตัวของลูกศิษย์เพื่อ
เลือกใช้รูปแบบการบ่มเพาะที่เหมาะสม การสอนนั้นไม่มีสูตรตายตัว
คุณจะต้องปรับใช้ให้เข้ากับความต้องการของลูกศิษย์แต่ละคน ใช้
บุคลิกเฉพาะตัวของพวกเขาสร้างนิสัยใฝ่รู้ให้เกิดขึ้นในตัวเด็ก ๆ
เหล่านั้น และทำให้พวกเขามีกำลังใจที่จะเอาชนะความเกียจคร้าน
ของตัวเอง หากความใฝ่รู้ฝังรากลึกในหัวใจของพวกเขาเมื่อไหร่ เขา
ก็จะหาเส้นทางของตัวเองจนเจอและเดินต่อไปได้” จางเซวียนพูด
“ใช้บุคลิกเฉพาะตัวของพวกเขาสร้างนิสัยใฝ่รู้…” ฟ่ านเจ๋อทวนคำ
ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ “แต่เรื่องแบบนั้นน่ะ พูดง่ายกว่าทำมากนะ!”
การเข้าถึงจิตใจของใครสักคนและเข้าใจอีกฝ่ายนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
แถมเขายังต้องดูแลลูกศิษย์พร้อมกันทีเดียวหลายสิบคน ต่อให้เขา
อยากทำแบบนั้น ก็ไม่มีเวลาและเรี่ยวแรงมากพอ
“สิ่งที่คุณทำได้น่ะมีจำกัด แต่ทุกย่างก้าวเล็ก ๆ จะสร้างผลตอบแทน
อันยิ่งใหญ่ อย่างจัวเหยียน เขาต้องเผชิญกับแรงกดดันใหญ่หลวง
ตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งการที่เขาไม่อาจทำได้ตามความคาดหวังของ
ใคร ๆ ก็ทำลายความมั่นใจของเขาจนหมดสิ้น ถ้าคุณให้กำลังใจเขา
สักหน่อย ก็จะช่วยได้มาก”
ถึงตอนนี้ จางเซวียนหันไปพูดกับจัวเหยียน “คุณคงได้ยินที่ผมพูด
แล้วนะ ตอนที่ผมตรวจสอบสภาวะร่างกายของคุณก่อนหน้านี้ ผม
พบว่าสติปัญญาของคุณไม่ได้อ่อนด้อยเหมือนที่คุณได้ยินจากใคร ๆ
กลับตรงกันข้าม คุณมีสติปัญญาและความปราดเปรื่องเหนือชั้นกว่า
เพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันส่วนใหญ่เสียอีก เพียงแต่คุณไม่สามารถนำมัน
มาใช้ได้อย่างถูกต้อง”
“สติปัญญาและความปราดเปรื่องของผมเหนือชั้นกว่าเพื่อนร่วมรุ่น
เดียวกันส่วนใหญ่?” จัวเหยียนมองจางเซวียนอย่างแคลงใจก่อนจะ
ส่ายหน้า
แต่ในส่วนลึกของดวงตาก็ปรากฏประกายของความหวังที่ไม่อาจ
ตีความเป็นอื่นได้
เขาถูกตราหน้าว่าเป็นคนไม่เอาไหนตั้งแต่เด็ก ทรัพยากรใด ๆ ก็
ตามที่ถูกนำมาใช้กับเขาย่อมเสียเปล่า แม้แต่สถาบันการศึกษาทั่วไป
ก็ปฏิเสธเขา
ความคิดเห็นของคนรอบข้างถูกหล่อหลอมขึ้นเป็นมุมมองที่เขามีต่อ
ตัวเอง จัวเหยียนจึงรู้สึกว่าเขาไม่อาจทำใจยอมรับคำชมจากคนอื่นได้
“ผมไม่ได้พูดพล่อย ๆ นะ คุณไม่ต้องแคลงใจในตัวผมหรอก ความ
กดดันที่คุณได้รับทำให้คุณเกิดความหวาดกลัว มันกีดกันคุณไว้ไม่ให้
ฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ ฟังผม เปิดใจฝึกฝนตามกระบวนการที่อาจารย์
ฟ่ านเจ๋อถ่ายทอดให้ จากนั้นก็พยายามฝ่าด่านวรยุทธอีกสักครั้ง…”
จางเซวียนใช้การถ่ายทอดลิขิตสวรรค์ ทำให้จัวเหยียนคล้อยตาม ชาย
หนุ่มโอนอ่อนตามคำพูดนั้นโดยอัตโนมัติและทรุดตัวลงนั่งกับพื้น
ตอนแรก นัยน์ตาของเขายังเต็มไปด้วยความสับสนและไม่เข้าใจ แต่
หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ เด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นขึ้นเรื่อย ๆ เพราะการให้กำลังใจ
ของจางเซวียน จัวเหยียนกัดฟัน เขาสูดหายใจลึกและเริ่มขับเคลื่อน
พลังงานสวรรค์ให้ไหลเวียนไปทั่วร่าง
บึ้มมมมมม!
เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง ด่านคอขวดที่กดเขาไว้ให้เป็นแค่นักรบ
ระดับเทพเจ้าขั้นต่ำระเบิดและสลายตัวไป วรยุทธของจัวเหยียนพุ่ง
พรวดขึ้นมาเป็นระดับเทพเจ้าขั้นกลาง
อันที่จริง มุมมองที่ใคร ๆ มีต่อจัวเหยียนนั้นไม่ได้ผิดพลาด เด็กหนุ่ม
มีสติปัญญาอ่อนด้อยจริง ๆ จะบอกว่าเขาไม่เหมาะจะเป็นนักรบก็ว่า
ได้
เป็นเพราะนายพลเกราะเงินทุ่มเททรัพยากรมากมาย จึงยกระดับวร
ยุทธของจัวเหยียนได้จนเป็นนักรบระดับเทพเจ้าขั้นต่ำ แต่ก็มีโอกาส
สูงที่ต่อให้ใช้เวลาชั่วชีวิต เด็กหนุ่มก็คงไม่อาจพัฒนาตัวเองไปเป็น
นักรบระดับเทพเจ้าขั้นกลาง
แต่ตอนที่จางเซวียนเยียวยาอาการบาดเจ็บของเด็กหนุ่มเมื่อครู่ก่อน
เขาได้บ่มเพาะร่างกายของอีกฝ่ายด้วยพลังปราณเทียบฟ้า ปรับเปลี่ยน
สภาวะร่างกายของอีกฝ่ายไป
ด้วยเหตุนี้ แม้สติปัญญาของจัวเหยียนจะยังไม่ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเป็น
นักรบชั้นยอด แต่ก็ทัดเทียมกับนักรบรุ่นเดียวกันส่วนใหญ่
สิ่งที่เขาขาดอยู่ในเวลานี้คือความมั่นใจ ขอแค่เรียกความมั่นใจกลับ
คืนมาได้ ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในอนาคต
“ปรมาจารย์จาง ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าจะขอบคุณอย่างไรสำหรับความ
ช่วยเหลือของคุณ…” นายพลเกราะเงินก้มศีรษะ
“นั่นคือสิ่งที่ผมควรทำ” จางเซวียนตอบยิ้ม ๆ ก่อนจะเงียบไป
ถึงตอนนี้ เขาอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองนอบน้อมและถ่อมเนื้อถ่อมตัวขนาด
ไหนนับตั้งแต่ตัดตัวโคลนออกไปจากชีวิต สิ่งนี้ทำให้จางเซวียนรู้สึก
มั่นใจขึ้นมาก
ฟึ่บ!
ครู่ต่อมา จัวเหยียนลืมตาเพื่อซึมซับพลังงานดุเดือดที่ไหลพล่านไป
ทั่วร่าง นัยน์ตาของเขาแดงก่ำ เขาต่อสู้กับตัวเองอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะ
ทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าจางเซวียน “อาจารย์จาง ได้โปรดรับผมเป็น
ศิษย์ด้วย!”
เขาติดตามฟ่ านเจ๋อมาหลายปีแล้ว ซึ่งก็พัฒนาวรยุทธได้เพียงน้อยนิด
แต่เขาฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จทั้งที่เพิ่งพบจางเซวียนเพียงครู่เดียว
จัวเหยียนรู้ดีว่านี่อาจเป็นโอกาสที่มีเพียงครั้งเดียวในชีวิต ถ้าเขาได้
ชายหนุ่มเป็นอาจารย์ความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคงไร้ขีดจำกัด
“ใช่-ใช่แล้ว ปรมาจารย์จาง ผมขอวิงวอนให้คุณรับลูกชายของผม
เป็นศิษย์ด้วย!” จัวเฟิงรีบพยักหน้า
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเคยคิดว่าลูกชายของเขาสมองช้า แต่กลับ
กลายเป็นว่าอีกฝ่ายเฉียบแหลมไม่เบาเมื่อเป็นเรื่องนี้
ในเวลาเดียวกัน จัวเฟิงก็เปลี่ยนคำเรียกขานจาก ‘น้องจาง’ เป็น
‘ปรมาจารย์จาง’ เพื่อแสดงความเคารพ
“ถ้าคุณอยากให้ผมเป็นอาจารย์ของคุณจริง ๆ ผมก็ไม่รังเกียจที่จะรับ
คุณเป็นศิษย์เช่นกัน” จางเซวียนตอบยิ้ม ๆ
เพราะจัวเหยียนไม่ได้สั่งสมรากฐานวรยุทธอย่างแน่นหนา จางเซวียน
จึงไม่คิดจะรับอีกฝ่ายเป็นศิษย์สายตรง แต่หากเป็นเพียงลูกศิษย์
ธรรมดาที่เขามีหน้าที่ถ่ายทอดความรู้บางส่วนให้ เขาก็ไม่รังเกียจ
อะไร
“ศิษย์จัวเหยียนคารวะอาจารย์จาง!” จัวเหยียนคุกเข่าและโค้งคำนับ
อย่างงาม