Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2325 ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศ!
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- ตอนที่ 2325 ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศ!
ตอนที่ 2325 ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศ!
“ก็เป็นอย่างนั้นแหละ และไม่ใช่แค่น่านฟ้ามังกรเมฆเท่านั้นนะที่ทำ
แบบนี้ ผมได้ยินว่านักรบทรงพลังคนหนึ่งที่ชื่อจ้าวหย่าจากน่านฟ้า
ทองคำแข็งกล้าเพิ่งได้รับตำแหน่งทรงเกียรติเมื่อไม่นานนี้เอง และ
สภาวะพิเศษที่เธอมีก็ทำให้เอาชนะคู่ต่อสู้คนไหนก็ตามได้อย่าง
ง่ายดาย”
“ส่วนที่น่านฟ้าตะวันแผดเผา มีนักดาบผู้เก่งกาจคนหนึ่งชื่อเจิ้งหยาง
ฝีมือการสำแดงศิลปะเพลงดาบของเขาเล่นงานคู่ต่อสู้ไปแล้วมากมาย”
“จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นก็ดูเหมือนจะรับศิษย์สายตรงไว้คนหนึ่ง
ชื่อลู่ชง เขาเชี่ยวชาญเป็นเลิศในศาสตร์แห่งจิตวิญญาณ เป็นรองเพียง
แค่จอมราชันย์เท่านั้น”
“น่านฟ้าหลิงหลงรับนักรบไว้ 2 คน ชื่อเว่ยหรูเหยียนกับหวังหยิ่ง
คนหนึ่งมีความสามารถอันน่าสะพรึงในการใช้ยาพิษ ขณะที่อีกคน
ขึ้นชื่อว่าสามารถมอบชีวิตจิตใจให้กับทุกสิ่งได้แม้สิ่งนั้นจะไม่มี
ชีวิตก็ตาม”
“สำหรับน่านฟ้านรกโลกันต์ จอมราชันย์นรกโลกันต์ได้ให้คำชี้แนะ
เป็นส่วนตัวกับนักรบสามคน ชื่อหยวนเทา ตั้นเฉี่ยวเทียน และไป๋
เหรินชิง พวกเขากลายเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติเช่นกัน”
“แม้ทุกคนจะเพิ่งรับตำแหน่งได้ไม่นาน แต่ความแข็งแกร่งของพวก
เขาก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสบประมาทได้ ในแง่ของประสิทธิภาพการต่อสู้
ก็เหนือชั้นกว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่คร่ำหวอดสนามรบอย่าง
ผมเสียอีก!”
อ้าวเฟิงเล่าความเป็นไปในสรวงสวรรค์อย่างยืดยาวโดยไม่รู้สึกถึง
สีหน้าพิลึกพิลั่นของจางเซวียน จากนั้นก็ตั้งคำถามอย่างเคร่งเครียด
“คุณคิดว่านักรบพวกนั้นคือผู้คว้าของล้ำค่าตัดหน้าเราไปหรือเปล่า?”
“คือ…” จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่
เท่าที่เห็น ก็น่าจะเป็นแบบนั้น
เขาไม่รู้ว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนอื่น ๆ ทรงพลังแค่ไหน แต่
หากเป็นบรรดาศิษย์สายตรงของเขา ด้วยเคล็ดวิชาเทียบฟ้าฉบับเรียบ
ง่ายที่ทุกคนได้ฝึกฝนและรากฐานวรยุทธอันแข็งแกร่งที่สั่งสม มา
นานปี ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกนั้นย่อม
เป็นเลิศ
อาจเอาชนะได้แม้ศิษย์สายตรงของปรมาจารย์ขงด้วยซ้ำ!
ไม่ใช่ว่าความสามารถในฐานะครูบาอาจารย์ของจางเซวียนเหนือชั้น
กว่าปรมาจารย์ขง แต่เศษเสี้ยวสวรรค์ที่ตัวเขากับปรมาจารย์ขงครอบ
ครองนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ลิขิตสวรรค์คืออำนาจที่ทำให้ผู้นั้นสามารถควบคุมโครงสร้างของ
โลกและมีเวลาฝึกฝนวรยุทธนานขึ้น ส่วนมลทินสวรรค์คือความ
สามารถที่ทำให้มองเห็นข้อบกพร่องต่าง ๆ และแก้ไขมันได้
แน่นอนว่ามลทินสวรรค์ย่อมมีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อเป็นเรื่อง
ของการวางรากฐานวรยุทธ
“ทั้งสิบเอ็ดคนเก่งกาจมากจริง ๆ ถ้ามีพวกเขาเพียงหนึ่งหรือสองคน
ล่ะก็ คุณคงเอาชนะได้ไม่ยาก แต่หากคนเหล่านั้นผนึกกำลังกัน ผม
เกรงว่าแม้แต่คุณก็คงลำบากหากต้องฉกฉวยของล้ำค่ามาจากพวกเขา
ผู้อาวุโส…ถึงคุณจะเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า
แต่ผมก็ขอแนะนำว่าอย่าเผชิญหน้ากับพวกนั้นจะดีกว่า” อ้าวเฟิงพูด
อย่างเป็นห่วง
เขาได้เห็นพละกำลังของชายหนุ่มแล้วตอนที่อีกฝ่ายต่อสู้กับหูเสี่ยว
แต่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติทั้ง 11 คนนั้นก็ไม่ใช่นักรบที่ใครจะ
เล่นงานได้ง่าย ๆ แถมทุกคนก็มีของล้ำค่าของจอมราชันย์อยู่กับตัว
หากผนึกกำลังกันเมื่อไหร่ ก็จะกลายเป็นกองกำลังที่น่าสะพรึงที่สุด
นั่นคือเหตุผลที่เหล่าศิษย์สายตรงของจอมราชันย์พิชิตสวรรค์เป็นคู่
ต่อสู้ที่ไม่มีใครเทียบชั้นได้ในการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณครั้งที่
ผ่านมา เพราะไม่เพียงแต่ทุกคนจะมีความแข็งแกร่งเฉพาะตัว การ
ทำงานเป็นทีมของพวกเขายังถือเป็นสุดยอด หากไม่มีจอมราชันย์เข้า
มายุ่งเกี่ยว ก็ไม่มีนักรบคนไหนในโลกนี้จะเอาชนะพวกเขาได้
“เผชิญหน้ากับพวกนั้น?” ได้ฟังอ้าวเฟิง จางเซวียนหัวเราะหึ ๆ ก่อน
จะตอบว่า “วางใจเถอะ เรื่องแบบนั้นไม่เกิดขึ้นหรอก”
เขาโบกมือ จากนั้นก็มองอ้าวเฟิงและถามต่อ “นอกจากของล้ำค่าทั้ง
สามชิ้น ในทะเลท่วมท้นยังมีของล้ำค่าอื่น ๆ ที่คุณรู้จักอีกไหม?”
ไม่ว่าทรัพย์สมบัติเหล่านั้นจะถูกนำออกไปโดยศิษย์สายตรงของเขา
หรือคนอื่น จางเซวียนก็ไม่คิดจะไปฉกฉวยกลับมาอยู่แล้ว ดังนั้น คิด
มากไปก็ไม่มีประโยชน์
ทะเลท่วมท้นกว้างใหญ่ไพศาลถึงขนาดที่ต้องใช้เวลาไม่น้อยหากจะ
สำรวจให้ทั่ว น่าจะดีกว่าหากเดินตามผู้ที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน
ในสายตาของเขา แม้วรยุทธของอ้าวเฟิงจะไม่เท่าไหร่ แต่ความรู้
เรื่องทะเลท่วมท้นที่อีกฝ่ายมีถือว่าประเมินค่ามิได้
อ้าวเฟิงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบอย่างระมัดระวัง “มีของล้ำค่าชิ้น
สุดท้ายที่ผมนึกออก มันคือทรัพย์สมบัติที่มีมูลค่ามากที่สุดเท่าที่ชั่ว
ชีวิตของผมเคยเห็นมา หากจอมราชันย์คนไหนได้ไป ก็จะยกระดับ
วรยุทธให้สูงขึ้นอีกได้…แต่ก็ไม่เคยมีใครได้ครอบครอง มันอยู่ตรง
นั้นมาหลายสิบปีแล้ว”
“ของล้ำค่าที่ยกระดับวรยุทธของจอมราชันย์ให้สูงขึ้นอีกได้? มันคือ
อะไร?” จางเซวียนซักไซ้
ถ้ามีของล้ำค่าแบบนั้นอยู่จริง ก็คงเป็นบางสิ่งที่ทำให้นักรบมากมาย
นับไม่ถ้วนกระเหี้ยนกระหือรืออยากได้มัน
อ้าวเฟิงตอบด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย “มันคือยาเม็ดจอมราชันย์ชั้น
เลิศ!”
“ยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศ?” จางเซวียนเลิกคิ้ว
เขาไม่เคยเห็นชื่อนี้ในหนังสือเล่มไหนก็ตามที่เคยอ่าน แต่มันไม่ใช่
สมุนไพรแน่
“มันคือยาเม็ดระดับจอมราชันย์” อ้าวเฟิงตอบ
“ยาเม็ด? ทำไมยาเม็ดถึงมาอยู่ที่นี่?” จางเซวียนขมวดคิ้ว
ทะเลท่วมท้นคือดินแดนที่สับสนปั่นป่วนจนไม่มีใครอาศัยอยู่ได้
แล้วทำไมถึงมียาเม็ดอยู่ที่นี่ แถมยังเป็นยาเม็ดระดับจอมราชันย์ด้วย?
“ว่ากันว่าก่อนที่จอมราชันย์พิชิตสวรรค์จะได้เป็นจอมราชันย์ เขาเข้า
สู่ทะเลท่วมท้น และด้วยทักษะการหลอมยาอันเหนือชั้นของเขา เขา
ได้หลอมยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศขึ้นมา ในครั้งนั้น เขาหลอมได้ 2
เม็ด จากนั้นก็กินเข้าไปเม็ดหนึ่งและฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นจอมราชันย์
ได้สำเร็จ การฝ่าด่านวรยุทธครั้งนั้นส่งผลให้การทดสอบวรยุทธถูก
เรียกมา และทะเลสาบท่วมท้นซึ่งปราศจากความมั่นคงอยู่แล้วก็ยิ่ง
ปั่นป่ วนหนักขึ้นอีก ท่ามกลางความปั่นป่ วนนั้น ยาเม็ดที่ 2 ได้
อันตรธานไป…”
“ในภายหลัง จอมราชันย์พิชิตสวรรค์ได้สั่งการให้เหล่าศิษย์สายตรง
ของเขาตามหายาเม็ดที่ 2 แต่ก็ไม่มีใครหาเจอจนถึงวันนี้ ดังนั้น มัน
จึงยังอยู่ที่นี่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้จะไม่ได้มีพละกำลังของจอม
ราชันย์ตัวจริง แต่ก็แน่นอนว่ามันเหนือชั้นกว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรง
เกียรติโดยทั่วไป” อ้าวเฟิงอธิบาย
“จอมราชันย์พิชิตสวรรค์เป็นผู้หลอมยานั้น?” จางเซวียนตาโต
ถ้าจะมีใครสักคนในโลกใบนี้ที่หลอมยาเม็ดระดับจอมราชันย์ได้ทั้ง
ที่ยังไม่ได้เป็นจอมราชันย์ ก็คงมีแต่ปรมาจารย์ขงผู้เก่งกาจเพียงคน
เดียว
ในเมื่อยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศทำให้นักรบคนหนึ่งกลายเป็นจอม
ราชันย์ได้ หากเราได้มันมา ก็น่าจะฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จเหมือนกัน
ใช่ไหม? จางเซวียนครุ่นคิดขณะกำหมัดแน่น
“แล้วยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศอยู่ที่ไหน?” จางเซวียนถาม
“บอกตามตรงนะ ผมเองก็ไม่แน่ใจ ผมเคยเห็นมันครั้งหนึ่งในการ
ไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณที่ผ่านมา และตอนนั้นก็เกือบเอาชีวิตไป
ทิ้ง” อ้าวเฟิงตอบ
“แปลว่า…คุณไม่รู้?”
“ยานั้นมีชีวิตจิตใจและแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ มันมีทักษะชั้นยอด
ในการปกปิดตัวเอง แถมยังเล่นงานผู้ที่สะกดรอยตามมันได้ด้วย ทำ
ให้เป็นคู่ต่อสู้ที่ยากจะรับมือ…ในการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณ
ครั้งก่อน มันสังหารราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอ้าวเย่แห่งน่านฟ้า
มังกรเมฆของเรา” อ้าวเฟิงส่ายหน้า
แม้ในดินแดนนี้จะเต็มไปด้วยอันตรายทุกรูปแบบ แต่สิ่งที่เขา
หวาดกลัวที่สุดก็คือยาเม็ดจอมราชันย์ชั้นเลิศ
มันกลายร่างกลับเป็นยาเม็ดได้ ซ่อนตัวอยู่ได้แม้ในมิติที่คับแคบ
ที่สุดโดยไม่มีรังสีรั่วไหลออกมา มันเหมือนฆาตกรผู้สมบูรณ์
เพียบพร้อมที่ปลิดชีวิตนักรบในทะเลท่วมท้นได้คนแล้วคนเล่า
แค่หวนนึกถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในครั้งนั้น ก็ทำเอาเขาเย็นเยือกไปถึง
กระดูกสันหลัง
ตอนนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะบรรดาศิษย์สายตรงของจอมราชันย์พิชิต
สวรรค์บังเอิญผ่านมา เขาคงตายไปแล้ว!
“เมื่อคราวก่อน คุณพบมันที่ไหน?” จางเซวียนถามต่อ
“ผมมันที่ทะเลสาบดาวหาง!”
ทะเลสาบดาวหางคือดินแดนอันตรายอีกแห่งหนึ่งในทะเลท่วมท้น
ที่นั่นมีดาวหางและอุกกาบาตพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง เกิดเป็น
บางอย่างที่สอดประสานกันจนเหมือนกับค่ายกลขนาดใหญ่
ถ้าไม่ใช่เพราะอยากเข้าไปเสาะหาสมบัติล้ำค่าในนั้น ต่อให้ราชันย์
เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่อยากเฉียดกรายเข้าใกล้
“งั้นไปที่นั่นกันเถอะ” จางเซวียนพูด
หลังจากได้พิกัดจากอ้าวเฟิง จางเซวียนก็รีบเปิดเส้นทางของมิติ
สิ่งแรกที่ปรากฏให้เห็นเมื่อเดินออกจากเส้นทางของมิติก็คือทะเลสาบ
ขนาดใหญ่ที่ทอดยาวสูงขึ้นไปจนถึงกลางอากาศ มีดาวหางมากมาย
นับไม่ถ้วนพุ่งฉิวไปมา เปล่งแสงเจิดจ้า
ดาวหางเหล่านั้นปะทะกันเป็นระยะ ๆ เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น คลื่น
ความสั่นสะเทือนแผ่ออกมาเป็นชุด มิติที่อยู่โดยรอบแทบจะแหลก
สลายกลายเป็นรอยแยกแห่งมิติสีดำ
“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในทะเลสาบดาวหางไม่ใช่ตัวดาวหางหรือการ
ปะทะของพวกมัน แต่เป็นแรงโน้มถ่วงภายในนั้นที่เปลี่ยนแปลง
ตลอดเวลา” อ้าวเฟิงอธิบายอย่างเคร่งเครียด “ดาวหางพวกนี้มีน้ำหนัก
มากจนเหลือเชื่อแม้จะมีขนาดเล็ก และด้วยการเคลื่อนไหวที่จับทิศทาง
ไม่ได้ สนามแรงโน้มถ่วงในบริเวณนี้จึงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาจน
สับสนและสุดจะปั่นป่วน”
จางเซวียนขมวดคิ้ว
เขาเคยเจอกับการเปลี่ยนแปลงอย่างปุบปับของสนามแรงโน้มถ่วง
มาแล้วเมื่อตอนอยู่ที่สะพานเบื้องบน ในครั้งนั้น ศูนย์กลางของแรง
โน้มถ่วงเบี่ยงเบนไปเพียง 90 องศา แต่ก็ทำให้เขาปรับตัวไม่ได้ไป
พักหนึ่ง
แต่ในทะเลสาบดาวหาง มีดาวหางทุกรูปแบบพุ่งฉิวไปมาจากทุก
ทิศทาง เหมือนลูกปิงปองที่ลอยว่อนไปมาในพื้นที่ปิด
หากสนามแรงโน้มถ่วงตรงนี้เปลี่ยนไปตลอดเวลาพร้อมกับการ
เคลื่อนไหวของดาวหาง เขาก็คงต้องใช้เวลานานกว่าจะปรับตัวให้
เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้ ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้น การไหลบ่าของ
พลังจิตวิญญาณอาจสิ้นสุดไปแล้ว
“ผมจะไปดู”
จางเซวียนสูดหายใจลึก จากนั้นก็ปล่อยการรับรู้จิตวิญญาณให้
ครอบคลุมทั่วอาณาบริเวณของสนามแรงโน้มถ่วง แต่เพียงครู่เดียว
สีหน้าของเขาก็ซีดเผือด
เขารู้สึกเหมือนถูกเหวี่ยงไปมาในเครื่องซักผ้าและกระเด็นกระดอน
ไปทั่วราวกับผ้าขี้ริ้ว
เป็นอย่างที่คาดไว้ แรงโน้มถ่วงไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่กับกาย
เนื้อ แต่ยังส่งผลต่อจิตวิญญาณด้วย ผู้นั้นจะต้องปรับตัวให้เข้ากับ
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลาให้ได้เพื่อจะได้จัดการได้
ครอบคลุมทั้งพื้นที่