Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2337 แล้วตอนนี้เราจะทำอย่างไร?
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- ตอนที่ 2337 แล้วตอนนี้เราจะทำอย่างไร?
ตอนที่ 2337 แล้วตอนนี้เราจะทำอย่างไร?
เห็นรอยแยกลุกลามหนักขึ้น จางเซวียนหันไปถามไก่น้อย “มีวิธีอื่น
อีกไหม?”
ถึงอย่างไรไก่น้อยก็เป็นจอมราชันย์ที่มีชีวิตอยู่มาตั้งแต่สมัยโบร่ำ
โบราณ จึงอาจรู้วิธีแก้ไข
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะทำอะไรได้…” ไก่น้อยส่ายหน้าอย่าง
ไม่สบายใจ
เมื่อครู่นี้ ตอนที่ 6 จอมราชันย์พากันแย่งชิงดอกบัวทองคำดึกดำบรรพ์
แห่ง 9 น่านฟ้า ตัวมันคอยระวังหลังเพื่อจับตาดูรอยแยกแห่งมิติไม่ให้
ลุกลามจนเกินควบคุม แต่แม้จะทำจนสุดกำลัง ก็ไม่อาจยับยั้งมันได้
“ไม่มีทางอื่นแล้ว…”
ขณะที่จางเซวียนกำลังจนปัญญา เสียงสุขุมนุ่มลึกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
เมื่อมองไป จางเซวียนเห็นหลัวลั่วชิงยืนขมวดคิ้วอยู่ใกล้ ๆ
รู้ว่าเธอคือคนที่น่าจะรู้ดีที่สุดเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ จางเซวียนตั้ง
คำถาม “มันเกิดอะไรขึ้นกับสรวงสวรรค์? การสำแดงกระบวนท่า
ของผมเมื่อครู่นี้ไม่ได้เหยาะแหยะก็จริง แต่ก็ไม่น่าจะส่งผลให้มันพัง
พินาศได้ขนาดนี้…”
เขารู้ดีว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่ดูไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่น่าจะแย่
จนถึงขั้นแก้ไขไม่ได้
แต่เพียงไม่นานหลังจากการฝ่าด่านวรยุทธ เขาก็รู้สึกเหมือนทุกอย่าง
ในสรวงสวรรค์เสื่อมสลายไปอย่างฉับพลัน จนถึงขั้นที่เรียกว่าหมด
หวัง
ได้ฟังคำถามของจางเซวียน หลัวลั่วชิงส่ายหน้าและถอนหายใจ
“สรวงสวรรค์เหมือนกับดินแดนโบร่ำโบราณที่หมดพลังแล้ว ไม่อาจ
รองรับการถือกำเนิดของผู้มีอำนาจคนไหนได้อีก และการปรากฏ
ตัวอย่างกะทันหันของคุณกับตัวโคลนก็ทำลายรากฐานเสี้ยวสุดท้าย
ของมัน…”
“ทำลายรากฐานเสี้ยวสุดท้าย?” จางเซวียนขมวดคิ้ว
“เพราะสรวงสวรรค์แตกฉานซ่านเซ็นแล้ว ความสามารถในการควบคุม
ตัวเองของมันจึงค่อย ๆ ถดถอย ในสภาพนี้ มันไม่อาจต้านทานการ
ฝ่าด่านวรยุทธของจอมราชันย์คนใหม่ได้” หลัวลั่วชิงอธิบาย
“ถ้าอย่างนั้น…ถ้าผมไม่ได้ฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นจอมราชันย์ สรวง
สวรรค์ก็ยังคงอยู่รอดได้อีกระยะหนึ่งใช่ไหม?” จางเซวียนถาม
นี่เขาทำผิดมหันต์หรือเปล่า?
“ไม่ใช่หรอก ต่อให้คุณไม่ฝ่าด่านวรยุทธ สรวงสวรรค์ก็ไม่น่าจะอยู่
รอดเกินสิ้นเดือนหน้า ถึงอย่างไรคุณก็ต้องฝ่าด่านวรยุทธอยู่ดี…”
หลัวลั่วชิงถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เดี๋ยวก่อน สรวงสวรรค์ไม่น่าจะอยู่รอดเกินสิ้นเดือนหน้า?” จางเซวียน
หรี่ตาด้วยความตกใจ
จอมราชันย์คนอื่น ๆ ก็อึ้ง
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องนี้
ถ้าสรวงสวรรค์ล่มสลาย ทุกอย่างก็จบเห่ การไขว่คว้าหาอำนาจและ
เกียรติยศของพวกเขาจะสูญเปล่า ความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมา
ล้วนไม่ต่างอะไรกับเรื่องตลก
“คุณรู้หรือเปล่าว่าทะเลท่วมท้นมาจากไหน?” หลัวลั่วชิงตั้งคำถาม
ขณะชี้นิ้วไปที่ทะเลท่วมท้นซึ่งแตกสลายไปแล้ว
จอมราชันย์มังกรเมฆพูดแทรก “ดูเหมือนมันจะปรากฏเมื่อ 50 ปี
ก่อน ตอนที่เกิดหายนะกับเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด และ
จู่ ๆ จอมราชันย์อมตะก็หายตัวไปจากสรวงสวรรค์…”
50 ปียังไม่เท่ากับอายุขัยของมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งด้วยซ้ำ แต่สำหรับ
สรวงสวรรค์ที่อยู่มาเนิ่นนานจนไม่มีใครจำความได้ ระยะเวลาอันสั้น
เท่านี้อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายมหาศาล
“ใช่ ทะเลท่วมท้นปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงเวลานั้น ดูที่ปาก
ทางเข้าสิ ไม่เหมือนกับหลุมขนาดใหญ่ที่ถูกฉีกกระชากออกไปจาก
สรวงสวรรค์หรอกหรือ?” หลัวลั่วชิงถามอีก
“ก็เหมือนอยู่นะ” จางเซวียนพยักหน้า
เขาสังเกตเห็นตั้งแต่ตอนที่มาถึงทะเลท่วมท้นเป็นครั้งแรก มันดู
เหมือนมีใครสักคนตั้งใจฉีกกระชากท้องฟ้าของสรวงสวรรค์ให้เป็น
หลุมขนาดใหญ่ที่ไม่อาจซ่อมแซมได้ แต่เขาก็รีบสลัดความคิดนั้นทิ้ง
ไป เพราะไม่คิดว่าจะมีใครเก่งกาจถึงขนาดจะทำแบบนั้น
อีกอย่าง สรวงสวรรค์ก็มีความสามารถในการฟื้นคืนความเสถียร
ให้กับมิติของมัน ก็เพราะเหตุนี้ รอยแยกแห่งมิติส่วนใหญ่ที่เกิดจาก
บรรดานักรบจึงมักสมานตัวเข้าหากันอย่างรวดเร็วจนไม่เป็นภัยต่อ
สรวงสวรรค์
ยากจะนึกภาพออกว่าจะมีใครทิ้งร่องรอยขนาดใหญ่แบบนี้ไว้ใน
สรวงสวรรค์ได้
“มันถูกฉีกกระชากโดยคนคนหนึ่ง” หลัวลั่วชิงส่ายหน้าขณะอธิบาย
อย่างเคร่งขรึม
ทุกคนอึ้งไป
พวกเขาล้วนสร้างรอยแยกแห่งมิติให้เกิดขึ้นได้ แต่กฎเกณฑ์ของ
สรวงสวรรค์ก็ทำให้มันสมานตัวเข้าหากันได้อย่างรวดเร็ว
แต่รอยแยกแห่งมิติที่ปรากฏเหนือทะเลท่วมท้นเมื่อ 50 ปีก่อนยังคง
เปิดอ้า ไม่เพียงเท่านั้น เวลาที่ผ่านไปก็ทำให้มันขยายวงกว้างออกไป
เรื่อย ๆ …
เหล่าจอมราชันย์นึกภาพไม่ออกเลยว่าผู้ที่ทำได้จะต้องทรงพลัง
ขนาดไหน
อีกฝ่ายเก่งกาจไร้เทียมทานยิ่งกว่าพวกเขาที่เป็นจอมราชันย์ของ
สรวงสวรรค์อีกหรือ?
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง…เขามาจากไหน? แล้วทำไมต้องทำลายสรวง
สวรรค์?
ขณะที่ทุกคนกำลังอึ้งกับเรื่องที่ถูกเปิดเผย จางเซวียนก็พลันหวนนึก
ถึงรอยประทับของฝ่ามือขนาดใหญ่ที่เขาได้เห็นในทะเลท่วมท้น
ก่อนหน้านี้ตัวเขาก็สงสัย แต่ยังไม่อยากเชื่อ
หรือว่าจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ ?
“เมื่อ 50 ปีก่อน จู่ ๆ ฝ่ามือหนึ่งก็ยื่นลงมาจากท้องฟ้าและฉีกกระชาก
มิติในสรวงสวรรค์จนเกิดหลุมขนาดใหญ่” หลัวลั่วชิงเปิดเผย
เหตุการณ์เมื่อ 50 ปีก่อนที่เธอรับรู้โดยไม่ปิดบัง “รอยแยกแห่งมิติ
กลืนกินดินแดนแห่งนี้ไปเป็นบริเวณกว้าง เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่
และสุดท้ายก็กลายเป็นที่รู้จักกันในชื่อทะเลท่วมท้น จอมราชันย์
อมตะของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดคือหนึ่งในผู้ที่พยายาม
ต่อสู้กับฝ่ามือนั้น แต่ลงท้ายก็ถูกมันสังหาร แล้วเมืองหลวงแห่งจิต
วิญญาณต้นกำเนิดก็กลายเป็นมิติที่มีสภาพสับสนวุ่นวาย”
“อันที่จริง แม้สรวงสวรรค์ในเวลานั้นก็ถูกแบ่งออกเป็น 3 เสี้ยว ใน
จำนวน 3 เสี้ยวที่กล่าวมา ลิขิตสวรรค์และมลทินสวรรค์ร่วงหล่นลง
ไปตามรอยแยกแห่งมิติ มันลอยละล่องอยู่ในมิติที่วุ่นวายสับสนอยู่
เนิ่นนานนับปีไม่ถ้วน และสุดท้าย เศษเสี้ยวทั้งสองก็ตกไปอยู่ในมือ
ของจอมราชันย์พิชิตสวรรค์กับจางเซวียน”
ได้ยินคำนั้น จางเซวียนตัวสั่น
ดูเหมือนสิ่งที่เขาคาดเดาไว้จะถูกต้อง
ว่าแต่…ใครกันที่ใช้พลังฝ่ามือทำลายสรวงสวรรค์? เขามีพละกำลัง
มากขนาดนั้นได้อย่างไร?
“ฉันไม่รู้ว่าฝ่ามือนั้นมาจากไหนและทำไมมันต้องโจมตีสรวงสวรรค์
แต่สิ่งที่รู้ก็คือมันแข็งแกร่งเกินกว่าที่พวกเราเหล่าจอมราชันย์จะต้าน
ทานได้” หลัวลั่วชิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เจือความหวาดหวั่น “แถมทุก
อย่างยังเลวร้ายกว่าเดิมตรงที่การโจมตีของคนผู้นั้นบรรจุเอาพลังงาน
ที่มีอำนาจทำให้สรวงสวรรค์เสื่อมสลายไว้ด้วย”
“คือ…” จางเซวียนพลันนึกถึงกระแสพลังงานชั่วร้ายสีเทาที่เขาได้
เห็นในหลุมดำใต้เมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด มันมีอานุภาพ
เจือจางพลังปราณเทียบฟ้าของเขา ทำให้เรืองแสงสีเขียวออกมาก่อน
จะหายวับไป
และเขาก็พบพลังงานชั่วร้ายแบบเดียวกันในทะเลท่วมท้น
พลังงานนั้นยังคงอบอวลอยู่ในรอยแยกแห่งมิติ ซึ่งอธิบายได้ว่า
ทำไมสรวงสวรรค์จึงไม่อาจสมานรอยแยกให้กลับสู่สภาพเดิมได้
ก็เหมือนกับการที่บาดแผลหนึ่งจะไม่มีวันหายดีหากโรยพริกลงไป
บนแผลแทนที่จะปล่อยให้มันอยู่อย่างนั้น
เมื่อไม่อาจสมานตัวได้ รอยแยกแห่งมิติก็ดูดกลืนพลังจิตวิญญาณ
จากสรวงสวรรค์เข้าไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้สรวงสวรรค์อ่อนแอลง
เรื่อย ๆ
“สรวงสวรรค์ถูกแบ่งออกเป็นเศษเสี้ยว แถมพลังจิตวิญญาณก็ร่อย
หรอลงไป เท่านี้ก็ถือเป็นปาฏิหาริย์แล้วที่พวกเราอยู่รอดมาได้ตลอด
50 ปีที่ผ่านมา จากการประเมินของฉัน สรวงสวรรค์น่าจะพังทลาย
ภายในเดือนหน้าหลังจากสิ้นสุดการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณครั้ง
นี้ แต่เพราะการฝ่าด่านวรยุทธพร้อม ๆ กันของคุณกับตัวโคลน อีก
ทั้งพละกำลังจากศิลปะเพลงดาบที่คุณสำแดงออกมาเพื่อปราบยาเม็ด
จอมราชันย์ชั้นเลิศ เส้นตายนั้นจึงถูกเร่งให้มาถึงเร็วกว่าเดิม” หลัวลั่ว
ชิงพูด
แม้สิ่งที่เขาทำลงไปคือการเร่งสรวงสวรรค์ให้ล่มสลายเร็วขึ้น แต่ไม่
ว่าด้วยเหตุผลใด จางเซวียนก็ต้องฝ่าด่านวรยุทธอยู่ดี
เขาต้องเป็นจอมราชันย์ให้ได้ เพื่อให้เศษเสี้ยวสวรรค์ที่เขาครอบครอง
อยู่มีพละกำลังแข็งแกร่งเต็มที่ และเมื่อถึงตอนนั้น ก็จะมีโอกาสพลิก
ผันชะตากรรมของสรวงสวรรค์
ไม่อย่างนั้น ก็ทำได้แค่ยื้อสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงให้เกิดช้าลง
“แล้วตอนนี้เราจะทำอย่างไร?” จางเซวียนถามหลัวลั่วชิงอย่างร้อนใจ
เธอเตรียมการเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อ 50 ปีก่อน ดังนั้น หากจะมีใครสักคน
วางแผนแก้ไขสถานการณ์ไว้ ก็ย่อมเป็นเธอ
“มี 2 ทางเลือก ทางแรกคือกำจัดพลังงานชั่วร้ายที่มีอานุภาพบั่นทอน
อำนาจสวรรค์, ส่วนทางที่ 2 คือซ่อมแซมสวรรค์ให้กลับเป็นหนึ่ง
เดียวอีกครั้ง” หลัวลั่วชิงตอบ
จางเซวียนใคร่ครวญ 2 ทางเลือกนั้นก่อนจะตั้งคำถาม “เราจะกำจัด
พลังงานชั่วร้ายที่มีอานุภาพบั่นทอนอำนาจสวรรค์ได้อย่างไร?”
เขาเคยเผชิญหน้ากับมันเมื่อตอนที่อยู่ในหลุมดำใต้เมืองหลวงแห่งจิต
วิญญาณต้นกำเนิด ซึ่งพลังงานนั้นก่อตัวขึ้นเป็นกำแพงสีเทาขนาดใหญ่
อยู่ในหลุมดำ หากเขาอยากกำจัดมันออกไปให้สิ้นซาก ก็จะต้องใช้
พลังปราณเทียบฟ้าในปริมาณมหาศาลจนแทบไม่อาจจินตนาการได้
อีกอย่าง ด้วยสภาวะที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ การกำจัดพลังงานชั่วร้าย
นั่นออกไปจะเปลี่ยนแปลงการล่มสลายของสรวงสวรรค์ได้จริง ๆ
หรือ?
“ฉันมั่นใจว่าตลอด 50 ปีที่ผ่านมา พลังงานชั่วร้ายนั่นได้พัฒนาจิตใต้
สำนึกของมันจนแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ ไม่อย่างนั้น รอยแยกแห่ง
มิติที่อยู่เหนือทะเลท่วมท้นคงไม่ขยายตัวรวดเร็วแบบนี้ ถ้าเราอยาก
แก้ปัญหา ก็ต้องกำจัดจิตใต้สำนึกของพลังงานชั่วร้ายให้หมดไปเพื่อ
ยับยั้งการล่มสลาย จากนั้นก็นำเศษเสี้ยวสวรรค์ที่กระจัดกระจาย
กลับมารวมกันให้ได้อีกครั้งเพื่อรักษาสรวงสวรรค์ให้มีชีวิตรอด”
หลัวลั่วชิงพูดหลังจากใคร่ครวญครู่หนึ่ง
“แปลงร่างเป็นมนุษย์?” จางเซวียนผงะ
พลังงานชั่วร้ายนั่นกลายสภาพเป็นมนุษย์ได้จริง ๆ หรือ?
“ใช่” หลัวลั่วชิงพยักหน้า “ฉันไม่เคยพบมันมาก่อน จึงระบุชัดเจน
ไม่ได้ นี่เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน แต่ฉันเชื่อว่าความเป็นไปได้ที่จะ
เกิดเรื่องแบบนั้นมีสูงมาก”
“เข้าใจแล้ว สมมุติว่าข้อสันนิษฐานของคุณถูกต้องนะ…คุณคิดว่า
มันทรงพลังขนาดไหน? แล้วพอจะรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้มันไปอยู่ที่
ไหนแล้ว?” จางเซวียนถาม
นี่คือข้อที่เขากังวลมากที่สุด
หากมันยังไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ ขอแค่พวกเขาผนึกกำลังกัน ก็น่าจะ
พอมีโอกาส
“ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่ไม่คิดว่าพวกเราจะสู้กับมันได้หรอก ต่อให้ตัวฉัน,
แปดจอมราชันย์, คุณ และตัวโคลนของคุณผนึกกำลังกัน…โอกาสที่
เราจะเอาชนะมันได้ก็มีน้อยเต็มที” หลัวลั่วชิงพูด “คุณก็รู้ว่ามันมี
เรี่ยวแรงมหาศาลถึงขนาดฉีกกระชากท้องฟ้าของสรวงสวรรค์ได้ ทำ
ให้พวกเราอับจนหนทางตลอด 50 ปีที่ผ่านมา”
จางเซวียนกำหมัดแน่นเมื่อได้ยินคำนั้น
ก็จริง หากรับมือกับมันได้ง่าย พวกเขาก็คงไม่อับจนหนทางมาเนิ่น
นานขนาดนี้