Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1678
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1678
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1678 ชีสสสส!
“แม่ทัพเหิงเจียง?”
มันเป็นชื่อที่ไม่คุ้นหู แต่ในเมื่ออีกฝ่ายมองตรงมาที่เขา ก็แน่นอนว่าคงหมายถึงตัวเขานั่นเอง
เพราะฉะนั้น ชื่อของแม่ทัพที่จางเซวียนปลอมตัวเป็นเขาก็คือเหิงเจียง! เป็นชื่อที่ไม่เลวเลยทีเดียว
จางเซวียนมองเผ่าพันธุ์ปีศาจที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างถี่ถ้วน เห็นอีกฝ่ายสวมหมวกเกราะแบบเดียวกับเขา รังสีของหมอนั่นเข้มข้นและแผ่วงกว้าง มันเป็นนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 4-ชั่วกัลปาวสาน
มีนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เพียงแค่ 7 ตัวในแคมป์ไม่ใช่หรือ?
แล้วอีกตัวโผล่มาจากไหน?
“ฉนวน…” จางเซวียนหัวใจกระตุกเมื่อนึกได้
ถ้าเขาเข้าใจไม่ผิด อีกฝ่ายน่าจะเป็นกองหนุนที่เข้ามาทางฉนวนที่ถูกทำลายไป
มีเวลาตั้งเยอะตั้งแยะ แต่หมอนี่ก็โผล่มาถึงตอนที่เขากำลังจะลงมือ มันจะบังเอิญไปหน่อยไหม?
ถึงอีกฝ่ายจะเป็นนักรบชั่วกัลปาวสาน แต่ก็ไม่ง่ายที่จะมองทะลุการปลอมตัวของจางเซวียน
แม้จะคิดขึ้นมาได้ แต่จางเซวียนก็ไม่ตื่นตระหนก เขาเลิกคิ้วอย่างเย็นชาขณะตั้งคำถาม “ผมจำเป็นต้องรายงานการกระทำของผมให้คุณทราบหรือ?”
“คุณ!” ได้ยินคำนั้น เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำคำราม มันสะบัดมือแล้วนำคำประกาศสีทองออกมาก่อนจะพูดว่า “ภายใต้คำสั่งของนายเหนือหัวเฉินหย่ง คุณจะต้องระงับการโจมตีและล่าถอยทันที!”
“ล่าถอยทันที?” จางเซวียนชะงักไปเล็กน้อย
‘นายเหนือหัวเฉินหย่ง’ ที่อีกฝ่ายพูดถึงน่าจะเป็นหนึ่งในฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีตำแหน่งสูงสุด…แต่เรื่องนี้ก็ไม่สมเหตุสมผลเลย หลังจากที่ทุ่มเทกองกำลังมากมายเพื่อทำลายฉนวนแห่งมิติ หมอนั่นกำลังออกคำสั่งให้ล่าถอยหรือ?
“ใช่แล้ว คุณมัวรีรออะไรล่ะ? รีบออกคำสั่งให้กองกำลังของคุณถอยสิ!” เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำตวาดขณะโยนคำประกาศสีทองให้
จางเซวียนรับคำประกาศสีทองมาอ่าน ถ้อยคำเหล่านั้นถูกเขียนด้วยภาษาของเผ่าพันธุ์ปีศาจ และมันก็เป็นคำสั่งให้กองทัพของเขาล่าถอยจริงๆ
“เอ่อ..” จางเซวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะเก็บคำประกาศนั้นใส่ไว้ในแหวนเก็บสมบัติ “แต่ก่อนหน้านั้น ผมอยากให้คุณดูอะไรสักหน่อย”
“ฮะ?” เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำเลิกคิ้ว
“ผมพบประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของของล้ำค่าจากเหล่าผู้หยั่งรู้ที่เป็นมนุษย์ เมื่อเปิดใช้งาน มันจะมีประสิทธิภาพอย่างน่าทึ่ง แม้แต่นักรบขั้นกึ่งนักปราชญ์โบราณก็จะหมดสภาพไปในทันที ไม่มีเครื่องมือไหนที่ดีกว่านี้อีกแล้วในการรับมือกับมนุษย์พวกนั้น!” จางเซวียนพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจเต็มเปี่ยม
“แม้แต่นักรบขั้นกึ่งนักปราชญ์โบราณก็จะหมดสภาพในทันที?” เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกความสงสัย
พลทหารทั่วไปอาจไม่รู้จักกระจกเงาเหล่านี้ แต่เขารู้จัก มันคือของล้ำค่าของผู้หยั่งรู้ที่เป็นมนุษย์ที่สามารถใช้ปกปิดรังสี และยิ่งไปกว่านั้น ยังต้องจัดเรียงอยู่ในรูปแบบเฉพาะเพื่อสำแดงอานุภาพในการปกปิด ไม่มีทางที่กระจกเงาเหล่านี้จะมีประสิทธิภาพมากพอที่จะสังหารนักรบขั้นกึ่งนักปราชญ์โบราณ!
“ถ้าคุณไม่เชื่อผมล่ะก็ ทำไมไม่ลองดูล่ะ? หลังจากนั้น ผมจะสั่งการให้กองทัพของผมล่าถอย” จางเซวียนพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ก็ได้ ขอดูหน่อยว่าคุณทำอะไร!” เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นพยักหน้าทั้งที่ยังคงสงสัย
เขามาที่นี่เพื่อถ่ายทอดคำสั่ง และขอแค่อีกฝ่ายยินยอมพร้อมใจทำตามคำสั่ง เขาก็ไม่มีปัญหาที่จะตามน้ำ ถ้ากระจกเงาเหล่านี้มีความพิเศษจริงๆล่ะก็ จะถือว่าเป็นเรื่องดีทีเดียว
ในเมื่อมีพลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจมากมายอยู่รายรอบ และเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เขากำลังเผชิญหน้าก็เป็นแม่ทัพ จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะทำอะไรเขา
“ง่ายนิดเดียว หยิบกระจกเงาบานหนึ่งขึ้นมาแล้วทาบฝ่ามือของคุณลงไป” จางเซวียนสั่งการ
เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำจ้องตาจางเซวียนอยู่ครู่หนึ่ง และสุดท้ายก็พยักหน้าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ล้อเล่นหรือก่อกวน เขาเดินไปที่กระจกบานหนึ่งแล้วทาบฝ่ามือลงไป
ไม่ใช่เพราะเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนี้โง่เง่า แต่เป็นเพราะมันไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครอื่นนอกจากแม่ทัพเหิงเจียง
อีกอย่าง ก็เป็นที่รู้กันว่าอาชีพผู้หยั่งรู้ไม่ใช่อาชีพที่คุ้นเคยกับการต่อสู้ ของล้ำค่าส่วนใหญ่ของพวกเขาเกี่ยวข้องกับการทำนายและการต่อต้านการทำนาย หรือต่อให้เป็นกับดัก เขาก็มั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับมันได้ด้วยพละกำลังอันแข็งแกร่งของตัวเอง
“ในเมื่อทุกคนพร้อมแล้ว ก็เริ่มกันเถอะ!”
เห็นผู้เชี่ยวชาญที่มาใหม่ทาบฝ่ามือลงบนกระจกเงา จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ขณะที่เขากำลังจะเปิดใช้หอสมุดเทียบฟ้ากับกระจกเงา ก็ได้ยินเสียงพายุหวีดหวิวอยู่เหนือศีรษะ อีกร่างหนึ่งบินตรงเข้ามา
“เหิงเจียง รับคำสั่ง! อำมาตย์เฉินหลิงประกาศว่าคุณจะต้องเข้าโจมตีเดี๋ยวนี้!”
ขณะที่อยู่กลางอากาศ ร่างนั้นก็คลี่คำประกาศสีทองและอ่านคำสั่ง
มันเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานอีกตัวหนึ่ง!
“ฮะ…” จางเซวียนกระพริบตาปริบๆ
เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งได้รับคำสั่งให้ล่าถอย และอีกพริบตาต่อมาก็ได้รับอีกคำสั่งหนึ่งให้เข้าโจมตีทันที…พวกคุณเห็นผมเป็นของเล่นหรือ?
รอเดี๋ยว…เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สั่งการให้เราล่าถอยคืออำมาตย์เฉินหย่ง ขณะที่เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สั่งให้โจมตีคืออำมาตย์เฉินหลิง ชื่อของทั้งคู่ดูคล้ายกัน แต่ไม่ใช่คนเดียวกัน…มีความขัดแย้งอะไรในหมู่อำมาตย์หรือเปล่า?
ถ้าเหล่าอำมาตย์สนิทชิดเชื้อกันดี ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะออกคำสั่งที่ขัดแย้งกันเอง แต่ถ้ามีความขัดแย้งในหมู่อำมาตย์ล่ะก็ สิ่งนี้จะเป็นโอกาสสำหรับเขา
“โหมวอู่ คุณหมายความว่าอย่างไรน่ะ? อำมาตย์เฉินหยงสั่งการให้กองทัพบริเวณนี้ล่าถอยนะ” เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมชุดเกราะสีดำทักท้วงด้วยสีหน้าบึ้งตึง
เมื่อครู่นี้เองที่เขาเพิ่งมาถ่ายทอดคำสั่ง แล้วโหมวอู่ก็มาถ่ายทอดอีกคำสั่งหนึ่งที่ตรงกันข้าม ถือเป็นความกระด้างกระเดื่องทั้งต่อตัวเขาและอำมาตย์เฉินหย่ง!
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างไรทั้งนั้น ถ้าคุณฉลาดกว่านี้หน่อย ก็น่าจะเห็นอยู่ว่าผมเพียงแค่ทำตามคำสั่ง เหิงเจียง, คุณรออะไรอยู่ล่ะ? รีบรับคำประกาศไปสิ!” เผ่าพันธุ์ปีศาจที่ชื่อโหมวอู่ตอบอย่างเย็นชาขณะโยนคำประกาศให้จางเซวียน
จางเซวียนรับคำประกาศมาอ่านอย่างถี่ถ้วน มันเขียนด้วยภาษาของเผ่าพันธุ์ปีศาจเช่นกัน เป็นคำสั่งที่สั่งการให้เขาบุกเข้าโจมตีพวกตระกูลจางทันที
“เอ่อ…” จางเซวียนมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกขณะจ้องคำประกาศที่อยู่ตรงหน้า
เห็นความสับสนของจางเซวียน เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำตวาดกร้าว “เหิงเจียง อย่าไปสนใจคำพูดของหมอนั่น รีบจัดการให้กองกำลังของคุณล่าถอยซะ ในฐานะบริวารสายตรงของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ อำมาตย์เฉินหย่งคือเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีตำแหน่งสูงสุดของพวกเรา เว้นเสียแต่คุณอยากจะถูกตัดหัว คุณควรจะรู้นะว่าต้องทำอย่างไร!”
“อำมาตย์เฉินหย่งอาจเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีตำแหน่งสูงสุด แต่ตอนนี้กาลเวลามันเปลี่ยนไปแล้ว วิหารแห่งขงจื๊อกำลังจะเปิด และหลังจากความพยายามทั้งหมดที่เราใช้ไปในการทำลายฉนวนแห่งมิติ เราจะล่าถอยได้อย่างไรกัน ลองคิดถึงคนของเราที่ต้องสละชีวิตเพื่อสิ่งนี้สิ!” โหมวอู่คำราม
“คำสั่งของอำมาตย์เฉินหย่งคือคำสั่งของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ คุณคิดจะแข็งข้อกับเจตจำนงของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณหรือ?”
“ผมไม่กล้าแข็งข้อกับเจตจำนงของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณหรอก แต่เรื่องนี้มีความสำคัญสูงสุดต่อเผ่าพันธุ์ปีศาจของเรา มีบางอย่างแปลกๆในคำสั่งของอำมาตย์เฉินหย่ง ผมจึงเห็นด้วยกับคำสั่งของอำมาตย์เฉินหลิงมากกว่า!”
ทั้งคู่เริ่มประคารมกัน
“เอาล่ะ เอาล่ะ อย่ามัวแต่ทะเลาะกันเรื่องนี้เลย…” เห็นเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งสองร่ำๆจะเข้าปะทะกัน จางเซวียนรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย
“ถ้าพวกคุณจะฟังคำพูดอันอ่อนด้อยของผมสักหน่อยล่ะก็ ทำไมเราไม่รีบทำตามคำสั่งของอำมาตย์เฉินหย่งและอำมาตย์เฉินหลิงล่ะ ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งของใคร เจตจำนงของอำมาตย์ก็ไม่ใช่สิ่งที่เราจะละเลยได้”
“เราทำแบบนี้ดีไหม? ผมจะไม่ถอนกองกำลังของผม และจะไม่เข้าโจมตีด้วย เราตรวจสอบสถานการณ์ให้ดีก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไป สำหรับตอนนี้ ทำไมไม่ให้ผมแสดงให้คุณทั้งคู่เห็น การค้นพบเรื่องการฝ่าด่านวรยุทธที่ผมเพิ่งพบมาหมาดๆเสียหน่อยล่ะ?”
“การค้นพบเรื่องการฝ่าด่านวรยุทธ?” โหมวอู่ขมวดคิ้ว
“ใช่แล้ว ผมพบวิธีการที่จะใช้ของล้ำค่าของเหล่าผู้หยั่งรู้ที่เป็นมนุษย์ในการปลดปล่อยพลังทำลายล้างที่รุนแรงพอจะทำลายเมืองทั้งเมืองให้พังพินาศ! พี่โหมวอู่ ถ้าคุณสนใจล่ะก็ ทำไมไม่ทาบฝ่ามือของคุณลงบนกระจกเงาสักบานล่ะ? เหมือนที่พลทหารของผมกำลังทำอยู่ ผมจะแสดงให้คุณดูว่าผมค้นพบอะไร!” จางเซวียนพูดยิ้มๆ
“คุณอยากให้ผมแตะกระจกเงาหรือ?” โหมวอู่ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
เขาหันไปมองพลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจที่อยู่รายล้อม และในตอนนั้นเองที่เห็นว่าพลทหารเหล่านั้นกำลังจับมือกันไว้แน่น ขณะที่พลทหารที่ยืนอยู่หน้าสุดกำลังแตะกระจก
แม้แต่เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำซึ่งยืนอยู่ตรงหน้ากระจกเงาก็ทาบฝ่ามือของเขาลงไปบนกระจกเช่นกัน
“ใช่แล้ว ผมเชื่อว่านี่จะเป็นการค้นพบครั้งใหม่ ถ้าเราสามารถใช้การค้นพบครั้งนี้กำจัดพวกมนุษย์ได้ในคราวเดียว พวกเราก็จะกลายเป็นวีรบุรุษของเผ่าพันธุ์ปีศาจ เหล่าอำมาตย์จะต้องตบรางวัลให้เราอย่างงามสำหรับคุณงามความดีครั้งนี้!” จางเซวียนพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกชัดถึงความตื่นเต้น
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้!”
เห็นทุกคนประจำที่แล้ว โหมวอู่รีบพยักหน้า เขาเดินไปที่กระจกบานหนึ่งและทาบฝ่ามือลงไป
“เยี่ยมเลย! ทุกคนพร้อมแล้วใช่ไหม? ยิ้มกว้างๆนะ เอาล่ะ สาม สอง หนึ่ง…”
จางเซวียนโบกมือแล้วตะโกนออกมา “ชีสสสส!”
เปรี้ยงงงง!
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ทันใดนั้น ทั้งเผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมชุดเกราะสีดำและพลทหารทุกตัวก็ถูกสายฟ้าฟาดเข้าใส่อย่างไม่หยุดหย่อน เส้นผมของทุกตัวตั้งชัน เกิดควันโขมงสีขาวคุกรุ่นออกจากร่างของพวกมัน