Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1679
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1679
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1679 คุณจะเชื่อผมไหม?
“คุณ…”
นึกไม่ถึงว่ากระจกเงาจะเรียกสายฟ้ามาฟาดใส่ โหมวอู่กับเผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความคลุ้มคลั่ง ทั้งคู่ปล่อยเสียงคำรามลั่นออกมาพร้อมกัน
พลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจก็ล้วนแต่ได้รับความบอบช้ำจากสายฟ้า แม้จะเป็นเวลาเพียงครู่เดียว แต่ทุกตัวก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
พวกมันคิดว่าคำสั่งของท่านแม่ทัพคงจะทำให้มีอะไรดีๆ แต่ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้? พวกมันอยากปล่อยมือ แต่กระแสไฟจากสายฟ้าที่ฟาดลงมาส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทของพวกมัน ทำให้ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ดังใจ แถมทุกอย่างยังเลวร้ายลงไปอีกเพราะพวกมันจับมือกันไว้แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้รังสีเล็ดลอดออกไปได้
ที่ด้านหน้า แม่ทัพเหิงเจียงโบกมืออย่างขอโทษขอโพยและพูดว่า “ผมผิดเอง, ผมผิดเอง ไม่นึกเลยว่าจะจัดเรียงของล้ำค่าผิดพลาด พวกคุณแตะกระจกเงาไว้นะ ตกลงไหม? ผมรับรองว่าคราวนี้จะไม่เหมือนคราวก่อน!”
แต่ยังไม่ทันที่แม่ทัพจะพูดจบ สายฟ้าอีกระลอกหนึ่งก็ฟาดลงมาจากกลางอากาศ
เปรี้ยงงง! เปรี้ยงงง!
ราวกับเป็นวันหายนะของโลก สายฟ้าฟาดกึกก้องอยู่กลางอากาศอย่างไม่หยุดหย่อน พลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจทุกตัวแทบคลั่ง
คราวนี้ไม่เหมือนคราวก่อนจริงๆ…แต่นี่มันนรกอะไร? สายฟ้าน่าสะพรึงกว่าครั้งก่อนด้วยซ้ำ ให้ตายเถอะ!
คุณจะส่งพวกเราลงหลุมหรือ?
พลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจพยายามสุดชีวิตที่จะปล่อยมือออกจากกัน แต่ร่างของพวกมันเป็นอัมพาต ไปชั่วขณะจนไม่อาจทำอะไรได้
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ฟองสีขาวซึมออกจากมุมปากของเผ่าพันธุ์ปีศาจทีละตัวสองตัว ขณะที่สติสัมปชัญญะของพวกมันค่อยๆหลุดลอย
แม้จนลมหายใจสุดท้าย พวกมันก็ยังไม่เชื่อว่าตัวเองจะต้องตายเพราะความผิดพลาดของแม่ทัพ
ทำร้ายคนของตัวเอง…หมอนี่เป็นแม่ทัพแบบไหนกัน?
พลทหารส่วนใหญ่มีวรยุทธแค่ระดับเซียนขั้น 3 และขั้น 4 ยังไม่เคยผ่านการทดสอบการละทิ้งช่องว่างครั้งแรกเลยด้วยซ้ำ แล้วจะเอาตัวรอดจากสายฟ้าที่ฟาดเข้าใส่อย่างโหดเหี้ยมได้อย่างไร?
เพียงสายฟ้าฟาดเข้าใส่ไม่กี่ครั้ง พวกมันเกือบทุกตัวก็หมดสภาพแล้ว
แม้แต่โหมวอู่กับเผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำก็ชักกระตุกเพราะกระแสไฟ
โดยทั่วไป ในฐานะนักรบชั่วกัลปาวสาน พวกมันควรจะเอาชนะสายฟ้าระดับนี้ได้อย่างง่ายดาย แต่เป็นเพราะกระจกเงาที่ทำให้พวกมันไม่ทันระมัดระวังตัว ทั้งคู่ไม่ได้เตรียมการป้องกันตัวเอาไว้ และสายฟ้าก็มาเร็วเกินกว่าที่จะทำอะไรได้
ลงท้าย แม้การที่สายฟ้าฟาดใส่จะไม่รุนแรงพอจะคร่าชีวิตของพวกมัน แต่ก็ทำให้สติสัมปชัญญะของพวกมันพร่าเลือนและหมดแรงไป
“ว้าว ดูเหมือนทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางนะ!” เห็นพลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจราวหมื่นตัวถูกสายฟ้ากำจัด จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่
ในฐานะเครื่องมือที่ใช้ต่อต้านสวรรค์ ของล้ำค่าของเหล่าผู้หยั่งรู้ถือเป็นตัวเรียกการลงทัณฑ์จากสวรรค์ได้เป็นอย่างดี ทั้งหมดที่จางเซวียนต้องทำก็คือเปิดใช้หอสมุดเทียบฟ้า จากนั้นสวรรค์ก็จะทำหน้าที่ของตัวเอง
จางเซวียนคิดแผนการนี้ขึ้นมาได้อย่างปัจจุบันทันด่วน และพูดตามตรง เขาเคยคิดว่ามันออกจะเหลวไหล ไม่นึกเลยว่าจะได้ผลงดงามอย่างไร้ที่ติ
สิ่งเดียวที่ไม่สมบูรณ์แบบในแผนการของเขาก็คือการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของสองผู้แทนจากอำมาตย์เฉินหย่งและอำมาตย์เฉินหลิง แต่ก็โชคดีที่ทั้งคู่ไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอการโจมตีแบบนี้
แม้การลงทัณฑ์จากสวรรค์ที่มีต่อของล้ำค่าของเหล่าผู้หยั่งรู้จะมีอานุภาพจำกัด แต่จุดแข็งของมันก็คือความทันท่วงที ดังนั้น นักรบชั่วกัลปาวสานทั้งสองตัวจึงหมดสภาพก่อนที่จะทันได้ตอบโต้
“หอกสวรรค์กระดูกมังกร ลาดตระเวนพื้นที่และสังหารพลทหารทุกตัว ติงติง, กระบี่เปลวเพลิงสีดำ แกทั้งคู่จัดการโหมวอู่!”
จางเซวียนรู้ว่าเขาทำสำเร็จก็เพราะโชคช่วย คืออีกฝ่ายไม่ได้ระวังตัว แต่ถ้านักรบชั่วกัลปาวสานทั้งสองฟื้นตัวขึ้นมาได้ เขาจะต้องตกที่นั่งลำบาก
รู้ดีว่าเวลาไม่คอยท่า จางเซวียนจึงพุ่งเข้าเล่นงานเผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำทันที
เขาปล่อยโหมวอู่ให้หม้อต้นกำเนิดทองคำกับกระบี่เปลวเพลิงสีดำจัดการ ขณะที่ตัวเขาเล่นงานเผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำ
“แกไม่ใช่เหิงเจียงนี่! แกเป็นใคร?”
เห็นการสังหารหมู่ครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ไม่มีทางที่เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำจะไม่รู้ความจริง อีกฝ่ายไม่ใช่แม่ทัพเหิงเจียงแน่นอน!
มันสะบัดข้อมือด้วยความโกรธเกรี้ยว จากนั้นก็ชักดาบออกมาและพุ่งเข้าใส่จางเซวียน
ฟิ้วววว!
แต่ยังไม่ทันที่ดาบจะได้เข้าประชิดตัวจางเซวียน มันก็รู้สึกถึงกระแสเจตจำนงที่พุ่งเข้าใส่ ทำให้สมองปั่นป่วน มันเกือบสูญเสียการทรงตัวและล้มพับไป
“การโจมตีจิตวิญญาณ?” เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำหรี่ตา
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีทักษะในการโจมตีจิตวิญญาณ ไม่น่าเชื่อว่าแม้แต่นักรบชั่วกัลปาวสานอย่างตัวมันจะไม่สามารถปกป้องจิตวิญญาณของตัวเองได้
ขณะที่เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำยังคงมึนงง ก็เห็นเหิงเจียงตัวปลอมมาปรากฏตัวตรงหน้า หมัดอันทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อพุ่งเข้าใส่ศีรษะของมัน
“เรียกพลังสายเลือด!”
รู้ดีว่าจะต้องเสียชีวิตแน่หากหมัดนั้นปะทะกับศีรษะของตัวเอง เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำจึงเรียกพลังจากสายเลือดของมันโดยไม่ลังเล ในชั่วพริบตา กระแสพลังงานอันน่าทึ่งก็ไหลพล่านไปทั่วร่าง
“เรียกพลังสายเลือดมาก็ไม่ช่วยอะไรแกหรอก!” จางเซวียนคำราม
ด้วยกระแสพละกำลังอันแข็งแกร่งจากการเรียกพลังสายเลือด เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำ กำลังจะตอบโต้ ก็พอดีกับแม่ทัพเหิงเจียงตัวปลอมที่อยู่ตรงหน้าควักหินหมึกสีดำออกมาและทุ่มเข้าใส่ศีรษะของมัน
กร๊อบบบ!
มันคือเสียงของกระโหลกเผ่าพันธุ์ปีศาจที่แยกเป็น 2 ส่วน
ในฐานะนักรบชั่วกัลปาวสาน ร่างกายของมันแข็งแกร่งในระดับที่ทนทานต่อการโจมตีเกือบทุกรูปแบบ ต่อให้นักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติเข้าโจมตี ก็ไม่อาจฝ่าด่านการป้องกันตัวของมันได้ แต่อีกฝ่ายทำให้กระโหลกของมันแยกได้ด้วยหินหมึกก้อนหนึ่ง…
หินหมึกก้อนนั้นอยู่ในระดับขั้นไหน?
พี่ชาย คุณมาจากไหนกันนี่?
โครงกระดูกมังกร ก้อนอิฐ กระบี่ปีศาจ…แค่ของล้ำค่าสามอย่างนี้ก็น่าทึ่งพออยู่แล้ว แต่คุณยังมีหินหมึกด้วย!
ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!
แน่นอนว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เผ่าพันธุ์ปีศาจจะมีโอกาสได้ใช้ความคิด เพราะหินหมึกยังคงกระหน่ำเข้าใส่ศีรษะของมันอย่างไม่หยุดหย่อน สุดท้ายสติสัมปชัญญะของมันก็ค่อยๆหลุดลอย
มันเป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสาน แต่ต้องมาตายอย่างน่าอนาถ เริ่มแรกก็ถูกสายฟ้าช็อต จากนั้นก็ถูกหินหมึกทุ่มจนตาย ไม่เคยคิดเลยว่าสุดท้ายจะมีโชคชะตาแบบนี้
“ไม่ง่ายเลยที่จะใช้หินหมึกก้อนนี้ มันไม่ได้มีไว้เพื่อการโจมตี…” จางเซวียนส่ายหน้าขณะเก็บหินหมึกที่มีคราบเลือดเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ
มันคือของล้ำค่าที่เขาได้จากถานไท่เจินชิง เป็นหนึ่งในข้าวของส่วนตัวของนักปราชญ์โบราณจื้อหยู่ และแน่นอนว่าเป็นของล้ำค่าที่ทรงพลังมาก แต่มันก็จับไม่ถนัดมือเหมือนกับการใช้อาวุธ
ถ้าถานไท่เจินชิงรู้ว่าจางเซวียนใช้ของล้ำค่าที่ประเมินค่ามิได้จากบรรพบุรุษของเขาเป็นอาวุธเพื่อเล่นงานศีรษะของเผ่าพันธุ์ปีศาจ คงตกตะลึงจนลมจับแน่
หินหมึกก้อนนี้เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลถานไท่ หากใช้หมึกที่ฝนจากหินหมึกก้อนนี้เพื่อการเขียนอักษร นักรบทองคำที่เกิดจากลายมือก็จะทรงพลังมาก แต่หมอนี่กลับใช้หินหมึกของเขาเป็นอาวุธ…
มันเรื่องอะไรที่เครื่องมือแบบนี้จะต้องลงเอยด้วยการถูกใช้ไปกับวัตถุประสงค์ที่ป่าเถื่อน?
หลังจากใช้อิฐทุ่มหัวเผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำแล้ว จางเซวียนก็หันไปมองโหมวอู่ ศีรษะของอีกฝ่ายถูกก้นของหม้อต้นกำเนิดทองคำทับจนบี้แบน มันมีสีหน้าสิ้นหวัง
มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าหมอนั่นจบเห่
ประสิทธิภาพการต่อสู้ของอาวุธจะลดลงอย่างมากหากปราศจากทักษะการควบคุมที่เหมาะสม แต่ทั้งหม้อต้นกำเนิดทองคำและกระบี่เปลวเพลิงสีดำมีความแข็งแกร่งเหนือชั้นกว่าโหมวอู่ และทั้งคู่ก็พร้อมใจกันเล่นงานเขา
อีกอย่าง โหมวอู่ยังไม่ฟื้นตัวจากความบอบช้ำที่ได้รับจากสายฟ้า จึงไม่มีทางที่เขาจะรับมือกับหม้อต้นกำเนิดทองคำและกระบี่เปลวเพลิงสีดำได้
ในตอนนั้น หอกสวรรค์กระดูกมังกรก็เคลียร์พื้นที่เสร็จสิ้นและกลับมา
สายฟ้าที่ฟาดลงมาไม่หยุดหย่อนเมื่อครู่นี้เล่นงานพลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจกว่าหมื่นตัวจนเสียชีวิต เหลือรอดอยู่ไม่กี่ตัว หอกสวรรค์กระดูกมังกรจึงไม่ต้องออกแรงมากในการทำหน้าที่ของมัน
อันที่จริง หอกสวรรค์กระดูกมังกรรู้สึกทึ่งสุดๆกับวิธีการของเจ้านาย
นั่นคือกองทัพเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีกว่าหมื่นตัวนะ! ก่อนที่นักปราชญ์โบราณหรันชิวจะฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณ เขาต้องหนีเอาตัวรอดสุดชีวิต แต่นายท่านของมันเพียงคนเดียวสามารถกำจัดทั้งกองทัพได้โดยไม่ปล่อยให้ตัวไหนมีชีวิตรอดเลย และที่น่าทึ่งกว่านั้นก็คือตัวเขาเองไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิด!
นี่เป็นวีรกรรมที่สมควรถูกบันทึกไว้เป็นตำนาน ถือเป็นมหากาพย์
เคลียร์พื้นที่ในอาณาจักรใต้ดินได้ด้วยตัวคนเดียว ช่างน่าทึ่งจริงๆ!
ขณะที่ความคิดของหอกสวรรค์กระดูกมังกรกำลังล่องลอยไป พายุหอบหนึ่งก็ส่งเสียงมาแต่ไกล เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำอีกตัวหนึ่งปรากฏตัว
“แม่ทัพเหิงเจียง รับคำสั่ง! อำมาตย์เฉินชิงสั่งการให้คุณตรึงกำลังไว้ ห้ามโจมตีหรือล่าถอยโดยพลการ…”
ขณะที่เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำตัวนั้นพูด มันก็สะบัดข้อมือและนำคำประกาศสีทองออกมา แต่ในตอนนั้นเอง ก็เห็นศพมากมายนับไม่ถ้วน รวมทั้งโหมวอู่ซึ่งถูกอิฐก้อนหนึ่งทับไว้ มันเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจขณะอุทาน “เหิงเจียง เกิดอะไรขึ้น?”
ส่วนแม่ทัพเหิงเจียงก็เกาหัวอย่างลำบากใจก่อนจะตอบว่า “คุณจะเชื่อผมไหมถ้าผมจะบอกว่าพวกนี้นอนหลับกันหมด?”