Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1689
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1689
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1689 ความตกตะลึงของเหรินชิงหยวนกับคนอื่นๆ
“พันธมิตร?” เหรินชิงหยวนถึงกับอึ้งเมื่อได้รู้ข่าว
“ตามที่ผมได้ยินมา ดูเหมือนสองอำมาตย์จะมีกองกำลังที่แข็งแกร่งรวมกันกว่าแสนตัว ถ้าพวกมันเป็นพันธมิตรกันจริงๆล่ะก็ พวกเราคงต้องเผชิญกับการบุกรุกครั้งใหญ่เร็วๆนี้ ถ้าข่าวที่ผมได้มาเป็นความจริง จุดที่พวกมันจะเข้าโจมตีก็คืออาณาจักรใต้ดินของสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่!” เจียงฟังโหย่วพูดอย่างเคร่งเครียด
“ผู้อาวุโสสูงสุดที่เป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานเกือบทั้งหมดของสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ได้เดินทางไปยังวิหารแห่งขงจื๊อ และเหล่าปรมาจารย์ของเราก็กระจายกำลังกันไปอยู่ตามอาณาจักรใต้ดินที่ต่างๆทั่วทั้งทวีปแห่งปรมาจารย์ ต่อให้เรียกรวมพลพวกเขาตอนนี้ ก็น่าจะกลับมาไม่ทันเวลา เราอาจใช้ค่ายกลทะลุมิติเพื่อนำกองกำลังส่วนหนึ่งกลับมาได้ แต่ส่วนใหญ่ก็อ่อนแอเกินกว่าที่จะสามารถต้านทานคลื่นรบกวนแห่งมิติ” เหรินชิงหยวนพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
ถ้าข้อมูลของเจียงฟังโหย่วเป็นความจริง เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็กำลังตกอยู่ในอันตรายครั้งใหญ่
แม้แต่ตัวเขาก็ไม่อาจหาวิธีการเหมาะๆที่จะแก้ไขปัญหาในตอนนี้ได้
“ผมรู้ดีว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของมวลมนุษย์ ดังนั้น พี่หลัวกับผมจึงได้เรียกรวมพลบุคลากรชั้นสูงของตระกูลเจียงและตระกูลหลัวเพื่อมาช่วยสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ในการปกป้องอาณาจักรใต้ดิน” เจียงฟังโหย่วพูด
“ขอให้ผมได้แสดงความขอบคุณแทนมวลมนุษย์ด้วย, พี่เจียง ในเมื่อการโจมตีอย่างเต็มพิกัดของกองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจมาจ่ออยู่ตรงหน้าพวกเราแล้ว เราก็ไม่มีเวลาจะเสีย รีบเดินทางไปยังอาณาจักรใต้ดินและหารือเรื่องแผนการต่อสู้ระหว่างทางก็แล้วกัน ผมเกรงว่าพวกมันจะเปิดการโจมตีก่อนที่พวกเราจะทันได้ทำอะไร…”
เหรินชิงหยวนกับคนอื่นๆรีบรุดหน้าไปยังอาณาจักรใต้ดินที่อยู่ใต้สภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่โดยไม่ลังเล
ก็เหมือนกับอาณาจักรใต้ดินแห่งภูเขาพยัคฆ์มังกรของตระกูลจาง มีป้อมปราการขนาดใหญ่อยู่เบื้องหลังฉนวนแห่งมิติ เพื่อเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยจากเผ่าพันธุ์ปีศาจ
เผ่าพันธุ์ปีศาจไม่มีทางย่างเท้าเข้าสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ได้ เว้นเสียแต่พวกมันจะทำลายป้อมปราการนั้น
“สถานการณ์อีกด้านหนึ่งเป็นอย่างไรบ้าง?” เหรินชิงหยวนรีบร่อนลงสู่เป้าหมาย และตั้งคำถามกับปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวคนหนึ่งที่รักษาการณ์อยู่บริเวณนั้น
“กองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจไม่มีการเคลื่อนไหวมาสักพักหนึ่งแล้ว พวกเราเพิ่งได้ข่าวจากกองสอดแนมว่าเหล่าพลทหารล่าถอยเข้าไปอยู่หลังฉนวนแห่งมิติ ดูเหมือนกำลังวางแผนอะไรสักอย่าง และเพราะเจตนาสังหารอบอวลไปทั่วสนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจ พวกเขาจึงไม่กล้าเข้าไปใกล้กว่านี้ ดังนั้น พวกเราจึงไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร” ปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวรายงาน
“ผมเข้าใจแล้ว” เหรินชิงหยวนพยักหน้า
ดวงจันทร์สีเลือดลอยเด่นอยู่เหนือสนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจขณะที่กองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจยังคงตรึงกำลังอยู่ ทำให้เจตนาสังหารเข้มข้นอบอวลอยู่ในพื้นที่ หากปรมาจารย์ระดับธรรมดาสามัญเข้าสู่สนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจอย่างไม่ระมัดระวัง ไม่ช้า ความรู้ผิดชอบชั่วดีของเขาก็จะถูกเจตนาสังหารกัดกร่อนจนกลายเป็นเครื่องจักรที่ไม่รู้จักอะไรอื่นนอกจากการสังหาร
ก็เพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ยังคงรักษามาตรการป้องกันเผ่าพันธุ์ปีศาจเอาไว้ตลอดหลายหมื่นปีที่ผ่านมา ไม่ใช่เพราะไม่อยากกำจัดเผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่เป็นเพราะไม่สามารถทำได้
ไม่อย่างนั้น ด้วยจำนวนผู้เชี่ยวชาญที่มีมากมายนับไม่ถ้วนในสภาปรมาจารย์ตลอดหลายหมื่นปีที่ผ่านมา ก็ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะปล่อยให้เผ่าพันธุ์ปีศาจยังมีโอกาสหายใจ และปล่อยให้พวกมันฟื้นตัวจากความสูญเสียครั้งใหญ่ที่ได้รับในยุคสมัยของปรมาจารย์ขง
เจียงฟังโหย่วครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “การที่เราจะมัวรออยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่ทางออกเช่นกัน ผมจะมุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ด้วยตัวเอง เราต้องการข้อมูลมากกว่านี้เพื่อเตรียมการรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิด เผ่าพันธุ์ปีศาจมักละเลยการตรึงกำลังบริเวณฉนวนแห่งมิติอยู่เสมอ ดังนั้นผมน่าจะลอบเข้าไปได้โดยไม่ทำให้พวกมันรู้ตัว”
“น้องเจียง ให้ผมไปกับคุณนะ” หลัวกั้นเจินก้าวออกมา “ผมเพิ่งพัฒนาความเข้าใจเรื่องมิติขึ้นได้อีกมาก ตราบใดที่ข้าศึกมีวรยุทธไม่สูงกว่าผม ผมก็สามารถอำพรางพวกเราจากสายตาของเผ่าพันธุ์ปีศาจได้สบาย!”
“เอ่อ…” เหรินชิงหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปสั่งการกับปรมาจารย์ระดับ 9 ดาว “เรียกรวมพลกองกำลังของเราและสั่งการให้พวกเขาเตรียมพร้อมรับการต่อสู้ทุกเมื่อ ผมจะมุ่งหน้าไปยังสนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจเพื่อตรวจสอบสถานการณ์กับพี่เจียงและพี่หลัว”
ในเมื่อกองกำลังสอดแนมไม่อาจบุกเข้าไปในสนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจได้ ข้อมูลที่พวกเขาได้รับจึงมีจำกัด น่าจะดีกว่าถ้าเขาจะเข้าไปสำรวจด้วยตัวเอง
“ท่านรองประธาน คุณต้องไม่ทำแบบนั้นนะ!”
“มันอันตรายเกินไป!”
ปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวหลายคนพยายามยับยั้งเหรินชิงหยวนไว้
“อย่าห่วงน่ะ ผมไปดูลาดเลาเท่านั้น มีพี่หลัวและพี่เจียงอยู่ด้วย พวกเราไม่เผชิญปัญหามากมายนักหรอก” เหรินชิงหยวนปลอบใจคนอื่นๆที่เหลือ
เห็นเหรินชิงหยวนตัดสินใจแน่วแน่ ปรมาจารย์คนอื่นๆรู้ดีว่าพยายามหว่านล้อมให้อีกฝ่ายเปลี่ยนใจก็ไร้ประโยชน์ จึงได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่และเงียบไป
ในเมื่อเรื่องนี้เป็นความเร่งด่วนสูงสุด ทั้งสามจึงรีบอำพรางตัวและรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ช้าก็มาถึงฉนวนแห่งมิติ
เป็นอย่างที่ปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวคนเมื่อครู่นี้บอกไว้ กองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจไม่ได้วางกำลังคุ้มกันไว้มากนัก เหล่าพลทหารที่รักษาพื้นที่นั้นก็อยู่ในระดับที่เรียกว่าไม่แข็งแกร่ง ทั้งสามจึงสามารถผ่านพวกมันไปได้อย่างง่ายดาย
ทันทีที่เข้าถึงสนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ก็รู้สึกได้ถึงคลื่นเจตนาสังหารเข้มข้นที่พวยพุ่งเข้าใส่ แม้ด้วยวรยุทธระดับพวกเขา ก็ยังไม่อาจป้องกันเจตนาสังหารเข้มข้นนั้นไม่ให้ซึมซาบเข้าสู่ร่างกาย จึงได้แต่รีบรุดหน้าต่อไป
“ผมรู้สึกได้ถึงคลื่นรบกวนขนาดหนักของกระแสพลังจิตวิญญาณจากบริเวณนั้น รีบไปดูกันเถอะ!”
หลังจากบินไปได้ครู่หนึ่ง ทั้งสามก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่อาจเรียกได้ว่าเป็นพายุพลังจิตวิญญาณที่กำลังโหมกระหน่ำอย่างเกรี้ยวกราดพัดมาจากทิศทางหนึ่ง พวกเขาสบตากันแล้วรีบบินตรงไป
ก่อนจะเข้าถึงพื้นที่นั้น ทุกคนก็อำพรางตัวไว้และเข้าไปด้วยความระมัดระวังสูงสุด เกรงว่าแรงสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อยที่พวกเขาทำให้เกิดขึ้นในบริเวณโดยรอบอาจทำให้ศัตรูรู้ตัว
ไม่ง่ายเลยที่จะเข้าสู่อาณาเขตของคลื่นรบกวนนั้น เหรินชิงหยวนยืนอยู่บนยอดเขาและมองลงไปยังหุบเขาที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นร่างของเขาก็กระตุกด้วยความประหลาดใจ
เห็นทีท่าของเหรินชิงหยวน เจียงฟังโหย่วขมวดคิ้ว “มีอะไร?”
“คุณมาดูเองเถอะ” เหรินชิงหยวนตอบด้วยริมฝีปากสั่นเทา
หลัวกั้นเจินกับเจียงฟังโหย่วต่างงงงัน พวกเขารีบมองลงไป ในชั่วพริบตา นัยน์ตาของทั้งคู่ก็เบิกโพลง ปากอ้าค้าง
“เผ่าพันธุ์ปีศาจพวกนี้…ตายหมดแล้ว?”
หุบเขาที่อยู่ตรงหน้ามีศพเผ่าพันธุ์ปีศาจมากมายนับไม่ถ้วนเรียงรายอยู่เกลื่อนกลาด บางส่วนกองทับกันพะเนินเทินทึกจนเหมือนเนินเขาขนาดย่อม เกิดเป็นภาพอันน่าสยดสยอง เรียกได้ว่าเป็น ‘ทะเลศพ’ เลยทีเดียว
พวกเขายังกังวลเรื่องการที่กองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจจะบุกรุก และเตรียมมาตรการหลายอย่างไว้ด้วยความพรั่นพรึงที่จะต้องรับมือกับพวกมัน แต่ยังไม่ทันที่เผ่าพันธุ์ปีศาจเหล่านี้จะก้าวพ้นฉนวนแห่งมิติไป พวกมันก็ถูกสังหารหมดแล้ว มันเกิดอะไรขึ้น?
“ไปดูกันเถอะ!”
ในเมื่อเผ่าพันธุ์ปีศาจตายหมด ก็ไม่มีอะไรให้ต้องหวาดกลัว พวกเขาจึงรุดหน้าต่อไป
ทั้งสามบินลงไปยังหุบเขาและตรวจสอบศพเหล่านั้น
หลังจากวิเคราะห์ร่องรอยที่อยู่โดยรอบ เจียงฟังโหย่วตั้งข้อสังเกตด้วยความประหลาดใจ “ที่นี่ควรจะเป็นฐานที่ตั้งของกองกำลังพันธมิตรระหว่างฝ่ายอำมาตย์เฉินชิงกับอำมาตย์เฉินหลิง แต่เท่าที่เห็น…ดูเหมือนพวกมันจะตายเพราะสู้กันเอง!”
เหล่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณที่แฝงตัวอยู่ในหมู่เผ่าพันธุ์ปีศาจได้แอบส่งข้อความมาบอกเขาเรื่องการประกาศตัวเป็นพันธมิตรกันระหว่างกองกำลังของ 2 อำมาตย์ เพราะฉะนั้น ก็แน่นอนว่าความเป็นพันธมิตรนี้จะต้องเป็นภัยครั้งใหญ่ต่อมวลมนุษย์ การเตรียมการเพื่อรับมือล่วงหน้าจึงเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด
ซึ่งหลังจากได้รู้ข่าว เจียงฟังโหย่วก็เกิดความหวั่นวิตกอย่างมาก เขาตัวสั่นเมื่อคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่อาจรับมือกับเผ่าพันธุ์ปีศาจได้ แต่ยังไม่ทันที่ข้าศึกจะปรากฏตัว พวกมันก็ถูกฆ่าตายหมดแล้ว
ให้นรกกินเถอะ! มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่?
ใครอธิบายให้เราฟังได้บ้าง?
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าสองอำมาตย์อาจเกิดความขัดแย้งกัน และบานปลายกลายเป็นการต่อสู้ ทำให้ ทั้งกองทัพถูกกวาดล้าง?” หลัวกั้นเจินถาม
มันเป็นเหตุผลที่ฟังดูเหลวไหลมาก แต่เขาก็มองไม่เห็นเหตุผลอื่นที่จะอธิบายเรื่องนี้
“ถึงสองอำมาตย์จะไม่ถูกกัน นำมาซึ่งการต่อสู้ระหว่างสองฝ่าย แต่ก็ไม่มีทางที่ทั้งกองทัพจะถูกกวาดล้างจนสิ้นซากแบบนี้ ใครสักคนจะต้องสังหารเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวที่ยังรอดชีวิต อีกอย่าง พวกคุณรู้สึกไหมว่าพวกมันดูจะเสียชีวิตในรูปแบบเหมือนๆกัน? เผ่าพันธุ์ปีศาจกว่าพันตัวที่อยู่ตรงนี้ถูกทับจนบี้แบนด้วยพละกำลังมหาศาลบางอย่าง ส่วนเผ่าพันธุ์ปีศาจอีกพันตัวที่อยู่ทางนั้นก็ถูกแทงหัวใจ และเผ่าพันธุ์ปีศาจอีกพันตัวที่อยู่ทางโน้นถูกตัดหัว…” เหรินชิงหยวนส่ายหน้าและทักท้วงข้อสันนิษฐานของหลัวกั้นเจิน
ในฐานะปรมาจารย์ระดับ 9 ดาว การวิเคราะห์และสังเกตของเขามีความเฉียบคมมาก จากร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ เขาบอกได้ว่าไม่มีเผ่าพันธุ์ปีศาจในกองทัพที่มีกว่าแสนตัวนี้รอดชีวิตแม้แต่ตัวเดียว
เพราะกองกำลังของทั้งสองฝ่ายมีประสิทธิภาพพอๆกัน จึงมีความเป็นไปได้ที่การทำสงครามจะลงเอยด้วยความตายมากมายขนาดนี้ แต่หากไม่มีคนนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะตายเรียบไม่มีเหลือ
“รองประธานเหรินพูดถูก ไม่เพียงเท่านั้น อาวุธยุทโธปกรณ์และทรัพยากรของเผ่าพันธุ์ปีศาจก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยด้วย ผมไม่เห็นแหวนเก็บสมบัติสักวง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องมีใครคนหนึ่งปล้นสะดมพวกมัน” เจียงฟังโหย่วเสริม
ได้ยินคำนั้น หลัวกั้นเจินรีบกวาดสายตาไปทั่วศพเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เรียงรายอยู่ และเห็นนิ้วของพวกมันว่างเปล่า ไม่มีแหวนเก็บสมบัติให้เห็นแม้แต่วงเดียว ยิ่งไปกว่านั้น เต็นท์ส่วนใหญ่ก็ถูกเผาจนมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน ไม่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ทางการทหารหลงเหลือเลย
กองกำลังใหญ่โตขนาดนี้จะไม่มีอุปกรณ์ทางการทหารได้อย่างไร?
มีคำอธิบายเพียงข้อเดียวสำหรับภาพที่เห็น คือมีบุคคลที่สามอยู่ด้วย มีโอกาสที่การสังหารหมู่ที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นฝีมือของบุคคลที่สาม
แต่ว่า…
ใครกันที่จะสามารถเล่นงานกองทัพเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีนับแสนตัวได้ภายในเวลาไม่ถึง 1 วัน?
วิ้วววว!
ในตอนนั้น เสียงลมหวีดหวิวก็ดังมาจากที่ไกลๆ จากนั้น ร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวเหนือหุบเขาที่ทั้งสามยืนอยู่