Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1692
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1692
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1692 มุ่งหน้าสู่วิหารแห่งขงจื๊อ
ไม่ง่ายเลยกว่าพวกมันจะละทิ้งทิฐิและมารวมตัวเป็นพันธมิตรกันได้ แต่ทุกอย่างก็ล่มสลายตั้งแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร และที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือพวกมันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นตัวการ!
“เรื่องนี้ผมยอมรับไม่ได้ ผมจะไปดูด้วยตัวเอง!” เมื่อระงับความโกรธเกรี้ยวไม่ไหวอีกต่อไป รังสีพลุ่งพล่านก็ระเบิดออกจากร่างของอำมาตย์เฉินหลิง ทำให้พื้นที่โดยรอบแหลกสลายไปหมด
มันเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นนักปราชญ์โบราณ!
“ผมไปด้วย!” อำมาตย์เฉินชิงคำราม
กว่าครึ่งของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่ล้มตายเป็นบริวารของมัน ไม่มีทางที่มันจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปด้วยกัน จะได้จัดการให้จบไป ไม่อย่างนั้น เราอาจถูกบังคับให้กลายเป็นบริวารของหมอนั่นไปชั่วชีวิต!” อำมาตย์เฉินหลิงพูดด้วยนัยน์ตาเป็นประกายคมปลาบ
อำมาตย์เฉินชิงพยักหน้า “ผมได้ยินว่าอำมาตย์เฉินหย่งเพิ่งรับชายหนุ่มที่มีความปราดเปรื่องเป็นพิเศษเข้ามาคนหนึ่ง หมอนั่นดูเหมือนจะไม่รู้จักว่าด่านคอขวดคืออะไร ระดับวรยุทธของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ไม่มีพวกเราคนไหนเทียบชั้นกับเขาได้เลย…ถ้าพวกเราปล่อยให้หมอนั่น พัฒนาวรยุทธได้ในระดับนี้ ไม่ช้าก็คงสูญเสียสิ่งที่ควรจะเป็นของเราแน่!”
“ตอนนี้อย่าเพิ่งไปยุ่งกับหมอนั่นเลย” อำมาตย์เฉินหลิงพูด “เขาได้การยอมรับจากเจตจำนงของไอ้โหด ทั้งยังได้ฝึกฝนเทคนิควรยุทธขั้นสูงสุดของเผ่าพันธุ์ปีศาจของเราด้วย ด้วยเกียรติยศที่หมอนั่นได้รับอยู่ในตอนนี้ พวกเราไม่มีทางแตะต้องเขาได้หรอก แต่เมื่อเวลามาถึง เจ้านั่นจะต้องสูญเสียทุกอย่าง แล้วเราก็จะโค่นเขาลง บางที…เราอาจได้เทคนิควรยุทธขั้นสูงสุดของเผ่าพันธุ์ปีศาจมาก็เป็นได้!”
“คุณพูดถูก ตามนั้นก็แล้วกัน” อำมาตย์เฉินชิงพยักหน้าก่อนจะเงียบไป
ร่างของอำมาตย์ทั้งสองกระตุก จากนั้นก็หายวับไป ดูเหมือนพวกมันพุ่งผ่านรอยแยกแห่งมิติไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
…..
“คุณว่าอะไรนะ? กองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีทหารนับแสนตัวถูกหัวหน้าตระกูลจางกวาดล้างจนสิ้นซาก?”
“เรื่องแบบนี้เป็นไปได้ด้วยหรือ?”
“ผมได้ยินจากปากของปรมาจารย์เหรินเอง เพราะฉะนั้นข่าวนี้เป็นความจริงแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็แทบไม่อยากเชื่อ…”
“ในเมื่อภัยคุกคามจากการบุกรุกของกองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจถูกกำจัดไปแล้ว พวกเราก็ไม่ต้องตรึงกำลังในอาณาจักรใต้ดินอีกแล้วน่ะสิ…”
…..
หลังจากผ่านการทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์ วรยุทธของจางเซวียนก็เพิ่มสูงขึ้นอีกมาก ในเมื่อไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ในพื้นที่นั้นอีกต่อไป เขาจึงออกจากสนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจไปพร้อมกับเหรินชิงหยวนและคนอื่นๆ
ไม่ช้า ข่าวเรื่องการสังหารกองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจด้วยน้ำมือของชายหนุ่มเพียงคนเดียวก็ถูกส่งไปยังกองกำลังที่อารักขาอาณาจักรใต้ดินทั้ง 108 แห่ง
ทุกคนถึงกับงงงัน
ทวีปแห่งปรมาจารย์ไม่เคยขาดแคลนอัจฉริยะผู้ปราดเปรื่อง มีผู้กล้าหาญและทรงพลังมากมายที่ได้สร้างตำนานซึ่งยังคงเล่าขานกันจนถึงทุกวันนี้ แต่หากเปรียบเทียบกับวีรกรรมของชายหนุ่มที่ทุกคนกำลังกล่าวถึง ตำนานเหล่านั้นก็ดูเหมือนจะไม่ควรค่าแก่การนำมาเล่าซ้ำ
สามารถกำจัดเผ่าพันธุ์ปีศาจถึง 110000 ตัวและผู้เชี่ยวชาญที่เป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานอีกหลายสิบตัวได้…ยิ่งครุ่นคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ พวกเขาก็แทบเสียสติ
พวกเขาอดไม่ได้ที่จะต้องหยิกตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้กำลังฝัน
…..
จางเซวียนไม่ได้รับรู้ถึงความอึกทึกครึกโครมที่เขาก่อขึ้น ตอนนี้เขากลับสู่ตระกูลจางเป็นที่เรียบร้อย
“จากความเสียหายใหญ่หลวงที่กองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจได้รับ ดูเหมือนพวกมันไม่น่าจะรวบรวมกำลังพลเพื่อบุกรุกได้ในระยะเวลาอันสั้นนี้ พวกเรามุ่งหน้าไปยังวิหารแห่งขงจื๊อกันเถอะ รวมทีมแล้วไปด้วยกัน”
หลังจากได้ข่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากลูกชาย เซียนดาบชิงถึงกับอ้าปากค้างจนหุบไม่ลงอยู่นาน
“ได้” จางเซวียนพยักหน้า
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจได้รับความเสียหายครั้งยิ่งใหญ่ ต่อให้พวกมันพยายามรวบรวมกองกำลังเพื่อบุกเข้าโจมตีอีกครั้ง ก็ไม่น่าจะทำอันตรายได้มากนัก
ดังนั้น สิ่งที่พวกเขาควรให้ความสนใจในตอนนี้ก็คือวิหารแห่งขงจื๊อ ในเมื่อมันใกล้จะเปิดเต็มทีแล้ว ก็ควรรีบเดินทางไปที่นั่นโดยเร็ว
เพราะหากพวกเขาไปถึงช้า มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงก็อาจตกไปอยู่ในมือของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นหรือ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นข่าวร้ายสำหรับสามตระกูลใหญ่และสภาปรมาจารย์
“วิหารแห่งขงจื๊อตั้งอยู่ที่ชูฝู่ มิติในชูฝู่นั้นเป็นมิติลี้ลับและบิดเบี้ยว การเดินทางโดยใช้การทะลุมิติไปที่นั่นจึงไม่ปลอดภัย เราควรทะลุมิติไปยังสถานที่ที่อยู่ใกล้ๆแล้วค่อยบินไปน่าจะดีกว่า พวกเราจะมุ่งหน้าไปที่นั่นก่อนเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ ผู้อาวุโสหวู่อวิ๋น, ผมจะมอบหมายให้คุณรวบรวมเหล่าสมาชิกตระกูลจางและพาพวกเขาไปนะ ติดต่อพวกเราทันทีด้วยเมื่อคุณไปถึง” เซียนดาบชิงสั่งการ
หลังจากผู้อาวุโสที่ 1, จางหวู่เหิงถูกลงโทษด้วยข้อหากระด้างกระเดื่องต่อหัวหน้าตระกูล ผู้อาวุโสหวู่อวิ๋นก็เข้ารับตำแหน่งแทน
“อ้อ แจ้งเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดที่อยู่ระหว่างการปลีกวิเวกให้รีบเดินทางไปด้วย วิหารแห่งขงจื๊อน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการฝ่าด่านคอขวดของพวกเขา”
ก็เหมือนกับสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ ตระกูลจางมีผู้อาวุโสสูงสุดมากมายที่อยู่ระหว่างการปลีกวิเวก เว้นเสียแต่ตระกูลจางจะถูกบีบให้เข้าสู่สถานการณ์คับขัน พวกเขาก็จะไม่มีวันออกมา
ระดับวรยุทธของคนเหล่านั้นอยู่ในขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 4-ชั่วกัลปาวสาน เว้นเสียแต่นักปราชญ์โบราณจะออกโรง คนเหล่านี้ก็ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของทวีปแห่งปรมาจารย์
โชคร้ายที่พวกเขาไม่อาจหาหนทางในการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณได้ จึงได้แต่เข้าสู่สภาวะจำศีลเพื่อยืดอายุขัยออกไปให้นานที่สุด
การเดินทางไปยังวิหารแห่งขงจื๊อนั้นมีอะไรที่มากกว่ามหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ไม่มีใครสามารถฝ่าด่านวรยุทธไปถึงขั้นนักปราชญ์โบราณได้เลยตลอดหมื่นปีที่ผ่านมา บางที ความลับที่อยู่เบื้องหลังการฝ่าด่านคอขวดนี้อาจซ่อนอยู่ที่นั่น
ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริงหรือไม่ พวกเขาก็ต้องเดินทางไปที่นั่นเพื่อค้นหาด้วยตัวเอง
ตอนนี้ ตระกูลจางเหลือนักปราชญ์โบราณเพียงคนเดียว และเมื่อนักปราชญ์โบราณผู้นั้นสิ้นอายุขัย หากไม่มีนักปราชญ์โบราณคนอื่นเข้ามาแทนที่ ตระกูลจางก็จะสูญเสียตำแหน่งตระกูลชั้นนำของทวีปแห่งปรมาจารย์ไป
“รับทราบ!” ผู้อาวุโสพยักหน้า
หลังจากสั่งการจบ เซียนดาบชิงก็พูดต่อ “ออกเดินทางกันเถอะ!”
จางเซวียนนำหอกสวรรค์กระดูกมังกรออกมาแล้วเปิดรอยแยกมิติตรงหน้า ทุกคนเดินทางเข้าไปในนั้นทันที
ด้วยระดับวรยุทธของพลังปราณที่เข้าถึงขั้นร่างอันทรงเกียรติ โลกจารึก ประสิทธิภาพการต่อสู้ของจางเซวียนจึงเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก ต่อให้ไม่ต้องใช้เล่ห์กลใดๆ เขาก็สามารถเผชิญหน้ากับนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกอย่างอู๋ชู่ได้ และเอาชนะได้ด้วย
อันที่จริง เขาตั้งใจจะผลักดันระดับวรยุทธของพลังปราณให้พุ่งขึ้นไปถึงขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณ แต่พบว่าตัวเองไม่สามารถทำได้!
วรยุทธขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณจะทำให้นักรบผู้นั้นเข้าถึงความงดงามของโลกและหลีกเลี่ยงอันตรายได้โดยสัญชาตญาณ แต่ความสามารถนั้นถือเป็นการก้าวล่วงความลับของสวรรค์เช่นกัน ไม่ต่างกับเหล่าผู้หยั่งรู้ ในฐานะที่จางเซวียนครอบครองหอสมุดเทียบฟ้า ความพยายามในการทำแบบนั้นจึงลงเอยด้วยการที่เขาต้องถูกสายฟ้าฟาดใส่
เขาเคยแอบพยายามอยู่ 2-3 ครั้ง แต่ทุกครั้งก็ลงเอยด้วยความรู้สึกชาไปทั้งตัวจากกระแสไฟฟ้า เมื่อเห็นแล้วว่าไร้ประโยชน์ จึงต้องล้มเลิกความคิดนั้นไป
เท่าที่ดู เขาคงไม่อาจเดินตามวิถีทางทั่วไปที่นักรบส่วนใหญ่ใช้กัน แต่คงต้องค้นหาเส้นทางของตัวเองให้เจอ
เมื่อทุกคนมาถึงปลายอีกด้านหนึ่งของรอยแยกของมิติ ก็อยู่ในอาณาบริเวณที่ใกล้กับชูฝู่แล้ว พวกเขารีบมุ่งหน้าไปยังวิหารแห่งขงจื๊อ ก็พอดีกับที่ร่างหนึ่งปรากฏ
เขาคือหวู่เฉิน
ก่อนหน้านี้ หวู่เฉินแยกตัวออกไปแล้วบอกว่ามีบางอย่างที่ต้องไปจัดการ
หวู่เฉินทักทายหลัวลั่วชิงด้วยการคำนับ ก่อนจะหันมามองจางเซวียน จางเซวียนอาจคิดไปเอง แต่เขารู้สึกเหมือนจะรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของความสับสนและขัดแย้งที่ปรากฏลึกในดวงตาของหวู่เฉิน
“คุณจัดการธุระของคุณเรียบร้อยหรือยัง?” จางเซวียนถาม
ตลอดเวลาที่ผ่านมา จางเซวียนรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเกาะกุมหัวใจของหวู่เฉินอยู่ ทำให้เขาอารมณ์ไม่ดีนัก แม้จะตามติดหลัวลั่วชิง แต่ก็มีบางอย่างที่ขวางกั้นไว้ แต่ในตอนนี้ สิ่งที่ขวางกั้นไว้นั้นดูเหมือนจะหายไป ซึ่งก็น่าจะหมายความว่าภารกิจของเขาได้รับการคลี่คลายแล้ว
เมื่อได้ยินคำถามของจางเซวียน หวู่เฉินหยุดคิดแล้วตอบยิ้มๆ “ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของคุณ ผมแก้ไขมันแล้วเรียบร้อย”
“ค่อยยังชั่ว!” จางเซวียนพยักหน้า รู้ดีว่าหวู่เฉินไม่เต็มใจจะพูดเรื่องส่วนตัว จึงไม่ซักถามอะไรอีก
ไม่ช้า พวกเขาก็มาอยู่บนเส้นทางที่นำไปสู่ชูฝู่ บริเวณที่ทุกคนอยู่ในตอนนี้ก็ถือว่าไม่ไกลจากจุดหมาย
ยิ่งเข้าใกล้ชูฝู่มากขึ้นเท่าไหร่ แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากดวงอาทิตย์ดวงที่ 2 ที่อยู่บนท้องฟ้าก็มีมากขึ้น มันไม่แผดกล้าเท่าดวงอาทิตย์ของจริง แต่แรงกดดันนั้นดูเหมือนจะถาโถมเข้าใส่จิตวิญญาณโดยตรง
สามารถสร้างอาณาจักรโบร่ำโบราณขนาดใหญ่ขึ้นกลางอากาศและปกปิดมันไว้ได้แม้แต่จากการตรวจจับของนักปราชญ์โบราณ…สิ่งนี้ไม่น่าใช่ผลงานของมนุษย์ แต่เป็นปาฏิหาริย์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยอำนาจที่เหนือกว่านั้น