Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1739
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1739
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1739 มิติยาพิษ
“ต้องอย่างนี้สิ!”
จางเซวียนรับขวดหยกไว้และพยักหน้าด้วยความพอใจ
ใครก็ตามที่บีบบังคับให้เขาเข้าสู่การดวลจะต้องชดใช้การกระทำของตัวเองอย่างสาสม ต่อให้เป็นนักปราชญ์โบราณก็ไม่ได้รับการละเว้น!
“กระบี่ของคุณฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณได้แล้วใช่ไหม?” บรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลจางถามด้วยความตกใจ เขาแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
“ใช่!” จางเซวียนพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
“เยี่ยม เยี่ยมจริงๆ!”
เกิดความเงียบงันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่บรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลจางจะหัวเราะลั่น
หลายปีที่ผ่านมา เขาต้องรับภาระอุ้มชูตระกูลจาง ซึ่งเป็นความเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส และรู้ดีว่าหากเขาเสียชีวิตไปแล้ว ตระกูลจางจะต้องเสื่อมถอยอย่างรวดเร็ว ซึ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากเห็น การฝ่าด่านวรยุทธของกระบี่เล่มนั้นก็หมายความว่าตระกูลจางยังมีนักปราชญ์โบราณให้พึ่งพาได้
อีกอย่าง ของล้ำค่าก็มีอายุขัยยืนยาวกว่ามนุษย์ และแน่นอนว่าการมีอยู่ของมันจะช่วยรับประกันความปลอดภัยให้ตระกูลจางได้อีกยาวนาน
“ผมยังมีลูกศิษย์อีกจำนวนหนึ่งอยู่ในเงื้อมมือของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ เพราะฉะนั้นต้องขอตัวก่อน!” จางเซวียนประสานมือ
เมื่อนักปราชญ์โบราณของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์และเผ่าพันธุ์ปีศาจจากไปแล้ว ที่นี่ก็ไม่มีอะไรที่เป็นภัยคุกคามอีก
“ไปเถอะ” บรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลจางโบกมือ
ถ้าไม่ใช่เพราะบรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลจางเข้ามาขัดจังหวะไว้ การโจมตีก่อนหน้านี้ของเขาคงไม่สำเร็จ ซึ่งในกรณีเลวร้ายที่สุด เขาก็อาจต้องตายเพราะถูกนักปราชญ์โบราณที่เป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจเล่นงาน ดังนั้น จางเซวียนจึงโค้งคำนับอย่างงามให้บรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลจางก่อนจะร้องเรียกจ้าวหย่าและนำทางไป
ทั้งคู่บินไปอีกไกลแสนไกลจนกระทั่งมองไม่เห็นหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่อยู่ในสายตา ถึงตอนนั้น จ้าวหย่าก็หยุด
“ฉันเข้าสู่มิติแห่งนี้พร้อมกับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์จากจุดนี้แหละ” จ้าวหย่าพูด
จางเซวียนพิจารณาดู และเห็นว่ามันคือสถานที่ที่ตัวเขากับหูเหยาเหย่าเข้ามา ดูเหมือนจะเป็นจุดเดียวกันกับคนอื่นๆด้วย
“จัดการ!”
จางเซวียนเข้าสู่อาณาเขตรอบนอกของหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ได้จากการเปิดทางของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น แต่เมื่อกระบี่เปลวเพลิงสีดำยกระดับวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเทคนิคแบบนั้นอีก
ฟึ่บ!
ด้วยการตวัดของกระบี่เปลวเพลิงสีดำ เกิดรอยแยกสีดำสนิทขึ้นกลางอากาศ
จางเซวียนดึงตัวจ้าวหย่าและกระโจนเข้าสู่รอยแยกสีดำนั้น
ครู่ต่อมา ทั้งคู่ก็กลับเข้าสู่มิติแห่งฤดูกาลทั้ง 4 แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่ใช่ทุ่งหิมะ มีดอกไม้บานอยู่มากมายท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวอ่อน แทนที่ความขาวโพลนที่เคยมี
ถ้าไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าผู้อาวุโสซึ่งมีวรยุทธขั้นการพักฟื้นภายในยังคงอยู่ในพื้นที่นั้น จางเซวียนคงจะสงสัยว่าตัวเองเข้ามาสู่โลกอีกใบหนึ่ง
เพราะเคยอยู่ในมิติแห่งนี้มาก่อน เขาจึงใช้เวลาไม่นานในการค้นหาทางออก ทั้งคู่ดำดิ่งเข้าสู่ฉนวนแห่งมิติอย่างรวดเร็วเพื่อเข้าสู่อีกมิติหนึ่ง
ฟึ่บ!
ยังไม่ทันจะรู้ตัว จางเซวียนกับจ้าวหย่าก็มายืนอยู่ท่ามกลางภูเขาและผืนป่าที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศที่เป็นพิษ
จ้าวหย่ามองไปรอบๆ “เว่ยหรูเหยียนน่าจะอยู่ในหอบริวารที่เชื่อมโยงกับมิตินี้แหละ”
จางเซวียนพยักหน้ารับ เขาสะบัดข้อมือ แล้วยาเม็ดหนึ่งก็ปรากฏ “กลืนยานี้เสีย!”
“ได้” จ้าวหย่าโยนยาเม็ดใส่ปากก่อนจะตั้งคำถาม “ท่านอาจารย์ นี่คือยาถอนพิษหรือ?”
“ทั้งอากาศและน้ำที่นี่ล้วนมีพิษ คุณตรวจสอบสภาวะร่างกายให้ดีและระวังด้วย” จางเซวียนอธิบาย
เพราะสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดของเขา เขาจึงทุ่มเทเวลาไปไม่น้อยในการศึกษาเรื่องยาพิษ เพียงแค่มองแวบเดียว จางเซวียนก็บอกได้ว่าผืนป่าและภูเขาบริเวณนี้ไม่ได้ดูธรรมดาอย่างที่เห็น ความเงียบครอบงำทั่วบริเวณนั้น ไม่มีอสูรทรงพลังที่จะเข้ามาทำอันตรายแม้แต่ตัวเดียว เรื่องจริงก็คือพื้นที่บริเวณนี้อบอวลไปด้วยยาพิษที่อาจส่งผลถึงตาย
จ้าวหย่าตามท่านอาจารย์ของเธอไปติดๆ “ท่านอาจารย์ ตอนนี้เราจะทำอย่างไร?”
“หาทางออกจากมิติแห่งนี้ให้ได้ก่อน ถ้าผมเดาไม่ผิด ที่ตั้งของหอบริวารน่าจะอยู่บริเวณทางออก” จางเซวียนพูด
เพราะผ่านมาหลายมิติแล้ว เขาจึงคุ้นเคยกับกฎเกณฑ์ของมันเป็นอย่างดี
จางเซวียนหาทิศทางโดยใช้หอกสวรรค์กระดูกมังกร รวมทั้งอาศัยความช่วยเหลือของจ้าวหย่า ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง
มีแมงป่องพิษและงูพิษอยู่ทั่วทั้งผืนป่า แต่เพราะมีพลังปราณเทียบฟ้า จางเซวียนจึงไม่หวาดกลัว ทั้งคู่เดินทางต่อไปโดยไม่ได้พบเจออันตรายมากนัก
หลังจากเดินทางมาได้ราว 1 ชั่วโมง พวกเขาก็พบปรมาจารย์กลุ่มหนึ่งที่มีสีหน้าซีดเผือดจนน่าตกใจ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกยาพิษเล่นงาน
จางเซวียนมอบยาเม็ดจำนวนหนึ่งที่ได้รับการถ่ายทอดพลังปราณเทียบฟ้าเอาไว้เพื่อรักษาพิษของคนเหล่านั้น จากนั้นก็ตั้งคำถาม 2-3 ข้อเพื่อกะประเมินตำแหน่งของทางออก ก่อนจะรีบมุ่งหน้าไป
…..
“ต้องอย่างนี้สิ!”
ราว 2 ชั่วโมงต่อมา ทั้งคู่ก็มาหยุดอยู่หน้าสระน้ำขนาดกลางแห่งหนึ่ง
“ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นสระธรรมดา ท่านอาจารย์…ทำไมคุณถึงคิดว่ามันคือทางออก?” จ้าวหย่าถามด้วยความสงสัย
เธอก็ได้ยินคำตอบที่ปรมาจารย์กลุ่มนั้นให้ข้อมูลมา แต่ก็ยังไม่รู้ตำแหน่งที่แท้จริงของทางออกอยู่ดี แล้วท่านอาจารย์แน่ใจเรื่องนี้ได้อย่างไร?
“ง่ายมาก!”
จางเซวียนไม่เสียเวลาอธิบาย เขาวาดมือกลางอากาศและใช้ปลายนิ้วคีบมดตัวหนึ่งไว้
มดตัวนั้นสีแดงก่ำ มีขนาดราวเมล็ดถั่ว แค่มองแวบเดียวก็เห็นชัดแล้วว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพิษร้ายแรง
จางเซวียนหัวเราะหึๆ จากนั้นก็วางมดไว้บนหลังมือของเขา
มดตัวนั้นกัดจางเซวียนโดยไม่ลังเลและปล่อยพิษเข้าสู่กระแสเลือด ในเวลาเดียวกัน จางเซวียนก็ไม่ใช้พลังปราณเทียบฟ้าเพื่อเจือจางพิษ เขาปล่อยให้พิษไหลเวียนในร่างกายอย่างอิสระ
ในชั่วพริบตา หลังมือของเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ เกิดตุ่มพุพองขึ้นหลายตุ่ม
“ท่านอาจารย์…”
จ้าวหย่าถึงกับตระหนกเพราะไม่เข้าใจเจตนาของจางเซวียน
เธอรู้ว่าพิษที่ถูกถ่ายทอดเข้าสู่ร่างของท่านอาจารย์นั้นมีอานุภาพร้ายแรงถึงตาย หากมันไหลผ่านกระแสเลือดเข้าสู่หัวใจล่ะก็ ย่อมหมายถึงความตายอย่างเฉียบพลันแน่นอน!
“ใจเย็นๆ ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก” จางเซวียนพูดอย่างสุขุม
เขาโบกมือ แล้วน้ำในสระก็กระฉอกขึ้นมา ซัดเข้าใส่บาดแผลของเขา
ซรืดดดดด!
ราวกับว่าพิษร้ายแรงถึงตายที่อยู่บนหลังมือของจางเซวียนได้เผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ ควันขาวโพลนลอยโขมงขึ้นสู่ท้องฟ้า ปื้นสีดำและตุ่มพุพองที่เคยมีอยู่ได้รับการเยียวยาอย่างรวดเร็ว ไม่ช้ามือของเขาก็กลับสู่สภาพเดิม เหมือนไม่เคยถูกยาพิษมาก่อน
“เอ่อ…” จ้าวหย่าถึงกับผงะ “น้ำในสระนี้…แท้ที่จริงแล้วคือยาถอนพิษหรือ?”
“ใช่” จางเซวียนพยักหน้า “มิตินี้ดูอันตรายและไม่น่าไว้ใจ แต่ก็เป็นสิ่งที่ปรมาจารย์ขงทิ้งไว้เพื่อทดสอบคนรุ่นหลังว่าจะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับการถ่ายทอดมรดกของเขาหรือไม่ เป้าหมายของปรมาจารย์ขงไม่ใช่การปล่อยให้คนเหล่านั้นต้องตาย ดังนั้นจึงน่าจะมียาถอนพิษบางชนิดอยู่ในบริเวณใกล้กับทางออก เพราะถ้าไม่มี การที่ปรมาจารย์ขงจะทิ้งมรดกตกทอดไว้ก็คงไร้ความหมาย เพราะไม่มีใครสักคนที่มีชีวิตอยู่เพื่อได้รับมัน!”
จ้าวหย่าพยักหน้า
“ผมถามปรมาจารย์กลุ่มที่เราพบเมื่อครู่นี้ว่าดินแดนที่อันตรายที่สุดอยู่ที่ไหน ซึ่งสถานที่ที่มีสิ่งมีชีวิตมีพิษจำนวนมากที่สุดนั้นก็คือมิติแห่งนี้ พวกเขาชี้มาที่นี่ เทคนิควรยุทธที่ปรมาจารย์ขงฝึกฝนนั้นเน้นความกลมกลืนกับธรรมชาติ ที่ใดที่มีพลังหยิน ก็ย่อมมีพลังหยางอยู่เช่นกัน ที่ใดก็ตามที่มีสิ่งมีชีวิตมีพิษอยู่จำนวนมาก ยาถอนพิษก็น่าจะอยู่ที่นั่นด้วย นั่นคือเหตุผลที่ผมแน่ใจว่าที่นี่คือทางออก” จางเซวียนพูดอย่างมั่นใจ
เขารู้ว่าปรมาจารย์กลุ่มที่ได้พบก่อนหน้าไม่มีทางรู้ว่าทางออกอยู่ที่ไหน เพราะหากคนพวกนั้นรู้ ก็คงจะหนีไปจากมิติยาพิษแห่งนี้เสียแล้ว แทนที่จะมัวเร่ร่อนอย่างไร้จุดหมาย
ในเมื่อพวกนั้นไม่รู้ว่าทางออกอยู่ที่ไหน ในระยะยาวที่พวกเขาใช้เวลาอยู่ที่นี่ ก็น่าจะพอรู้ว่าบริเวณใดคือพื้นที่ที่อันตรายที่สุด
หลังจากทั้งคู่มาถึง สิ่งแรกที่จางเซวียนรับรู้ก็คือในอาณาบริเวณรอบนอกของสระน้ำแห่งนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่มีพิษอยู่เลย ซึ่งนั่นก็มากพอจะสนับสนุนข้อสันนิษฐานของเขาแล้ว
เมื่อรู้ว่ามาถึงทางออก จ้าวหย่าตั้งคำถามอีก “ท่านอาจารย์ เราควรฉีกกระชากมิติเสียตอนนี้เพื่อช่วยชีวิตเว่ยหรูเหยียนไหม?”
ตามที่ท่านอาจารย์พูด หอบริวารที่เว่ยหรูเหยียนถูกนำตัวไปน่าจะอยู่บริเวณเดียวกันกับสระน้ำ
“เราจะต้องไปช่วยเธอ แต่ก่อนหน้านั้นยังมีอีกอย่างที่ต้องทำ คุณรอผมที่นี่ก่อน ผมจะลงไปดูในสระ การที่ยาถอนพิษสามารถเจือจางพิษของสิ่งมีชีวิตในมิตินี้ได้ ก็หมายความว่าหัวใจของมิติน่าจะอยู่ในสระเช่นกัน เราต้องนำมันมาให้ได้ก่อน” จางเซวียนพูด
หัวใจของมิติผืนป่าคือ 5 อสูรผู้ยิ่งใหญ่ ส่วนหัวใจของมิติผืนทรายคือไม้ทรายเหลืองวิปลาส สำหรับมิติแห่งฤดูกาลทั้ง 4 นั้นคือคริสตัลเยือกแข็ง ดังนั้น จึงแน่นอนว่าน่าจะมีบางอย่างที่คล้ายคลึงกันอยู่ในมิติยาพิษแห่งนี้
ก็เหมือนกับคริสตัล มันน่าจะเป็นของล้ำค่าที่มีบทบาทสำคัญเมื่อพวกเขาได้เข้าสู่หอบริวาร
ถึงอย่างไร เตรียมการไว้ก่อนก็ย่อมดีกว่า
หลังจากพูดจบ จางเซวียนก็กระโจนลงสู่สระน้ำโดยไม่ลังเล