Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1747
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1747
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1747 หอสงครามศักดิ์สิทธิ์
“เขากำลังใช้ของล้ำค่าไปโดยเปล่าประโยชน์…”
นึกไม่ถึงว่าชายหนุ่มจะทำการยื่นข้อเสนอต่อเหล่าบรรพบุรุษทันทีที่พวกเขาไม่แยแส มู่ชู่ขมวดคิ้วอย่างไม่เห็นด้วย
ความพยายามในการปลุกเหล่าบรรพบุรุษแต่ละครั้งจะต้องใช้การมอบเครื่องบรรณาการที่เป็นทรัพย์สมบัติล้ำค่าจำนวนหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าทำอะไรหุนหันพลันแล่น แม้จะมีความมั่งคั่งในระดับของปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวก็ตาม
แต่ชายหนุ่มกลับปลุกเหล่าบรรพบุรุษขึ้นมาภายในระยะเวลาเพียง 10 นาทีหลังจากที่เขามาถึง ยังไม่ทันที่จะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ
นี่พวกเขาพบพันธมิตรชนิดไหนกัน?
“ดูเหมือนเขาจะหลงตัวเองมากนะ แต่เอาเถอะ พลาดพลั้งเมื่อไหร่ก็จะเข้าใจเองว่าการจัดลำดับกระบวนท่านั้นยากเย็นแค่ไหน มันไม่ใช่สิ่งที่ใครสักคนจะเข้าใจได้ภายในระยะเวลาอันสั้น”
“น่าเสียดายของล้ำค่าจริงๆ!”
…..
ร่างที่ปรากฏบนโขดหินเริ่มเคลื่อนไหวไปพร้อมกับเสียงออกความเห็นของเหล่าปรมาจารย์ จางเซวียนรีบทำตามขณะสำแดงกระบวนท่าที่เขาประมวลได้จากหอสมุดเทียบฟ้า
กระบวนการหายใจกับท่วงท่าของเขากลมกลืนสัมพันธ์กันอย่างไร้ที่ติ
“เอ่อ…”
คนอื่นๆถึงกับผงะ
พวกเขาศึกษาโขดหินเหล่านี้มากว่า 18 ชั่วโมงแล้ว แต่ก็ไม่พบการจัดลำดับกระบวนท่าที่ถูกต้อง ส่วนชายหนุ่มคนนี้เพิ่งมาถึงได้เพียง 6 นาที แต่สามารถสำแดงกระบวนท่าที่กลมกลืนกับเทคนิคการหายใจได้ นัยน์ตาของพวกเขาเบิกโพลงขณะมองภาพที่เห็นอย่างไม่อยากเชื่อ
“ไม่ใช่หรอก กระบวนท่าของเขาดูเหมือนจะแยกตัวจากเทคนิคการหายใจของร่างนั้น” มู่ชู่ตั้งข้อสังเกต
ทุกคนหันขวับไปมองขณะที่มู่ชู่พูด ก็เป็นอย่างที่เขาออกความเห็น ความไม่สัมพันธ์กันบางอย่างดูเหมือนจะเริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างกระบวนท่าของชายหนุ่มกับเทคนิคการหายใจของร่างที่อยู่บนโขดหิน ความไม่กลมกลืนเริ่มปรากฏให้เห็น
“นั่นไง เป็นอย่างที่ผมคิดไว้เลย ความพยายามครั้งแรกน่ะไม่มีทางสำเร็จหรอก”
เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่ควรเฉลิมฉลอง ในเมื่อพวกเขาก็กำลังทำแบบเดียวกัน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทุกคนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอก
พวกเขาอยากออกจากมิติแห่งนี้และเข้าสู่หอบริวารที่เชื่อมโยงกัน แต่หากชายหนุ่มประสบความสำเร็จในการค้นหาลำดับที่ถูกต้องภายในเวลาเพียง 5 นาที ทั้งความภาคภูมิใจ ศักดิ์ศรี และความหยิ่งผยองของพวกเขาคงป่นปี้ไม่มีเหลือ หัวใจของพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอจะยอมรับอะไรแบบนั้น
ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกยินดีกับความล้มเหลวของชายหนุ่ม
แต่ความยินดีของพวกเขาก็อยู่ได้ไม่นาน ชายหนุ่มหยุดการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันและจ้องร่างที่อยู่บนโขดหินพร้อมกับขมวดคิ้ว ราวกับผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของศิษย์น้อง เขาเริ่มสั่งสอนอย่างเคร่งเครียด “ลำดับที่คุณกำลังฝึกฝนอยู่น่ะเป็นเทคนิคการหายใจที่ผิดนะ!”
พลั่ก!
ร่างที่อยู่บนโขดหินกระอักเลือดออกมา
“….” มู่ชู่กับพรรคพวก
“ทำตามกระบวนท่าของผม!” จางเซวียนสั่งการอย่างเคร่งเครียดก่อนจะสำแดงกระบวนท่าของเขาต่อไป ร่างที่อยู่บนโขดหินดูลังเลอย่างเห็นได้ชัดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มสำแดงกระบวนท่าตามอย่างจางเซวียน
“….”
มู่ชู่กับคนอื่นๆตกตะลึงจนพูดไม่ออก นี่เป็นภาพพิสดารพันลึกที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน!
ทุกคนใช้เวลาถึง 18 ชั่วโมงพยายามค้นหาการจัดลำดับที่ถูกต้องอย่างสิ้นหวัง ซึ่งมันก็สูญเปล่า แต่ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีที่ชายหนุ่มมาถึง หมอนั่นไม่เพียงแต่จะพบการจัดลำดับที่ถูกต้อง ยังถึงกับสั่งสอนร่างที่อยู่บนโขดหินได้ด้วย เขาตำหนิอีกฝ่ายที่ทำผิด!
ผู้ที่ทิ้งศาสตร์ลับนี้ไว้คือปรมาจารย์ขงหรือไม่ก็หนึ่งใน 72 นักปราชญ์ แต่ชายหนุ่มอาจหาญบอกอีกฝ่ายว่าเขาทำผิด…
ราวกับมีระเบิดลูกย่อมๆระเบิดขึ้นในสมองของพวกเขา ทุกคนรู้สึกแย่ขึ้นมาทันที
“ต้องอย่างนั้นสิ! หลังจากทดลองตามแบบของผมแล้ว รู้สึกไหมว่าเทคนิคนี้แข็งแกร่งขึ้นมาก? การเคลื่อนไหวก็กลมกลืนกับเทคนิคการหายใจมากขึ้นใช่ไหม?”
ไม่ช้าการสาธิตก็สิ้นสุดลง จางเซวียนมองร่างที่อยู่บนโขดหินพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
ยังไม่ทันที่ร่างนั้นจะตอบโต้ มันก็สั่นสะท้านก่อนจะหายวับไป
ครืดดดด!
จากนั้นโขดหินก็แยกออก เผยให้เห็นประตูหินบางใหญ่
ถัดจากบานประตูไป พระราชวังโอ่อ่าปรากฏให้เห็นอย่างเลือนราง น่าจะเป็นหอสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่มู่ชู่เคยพูดถึงก่อนหน้านี้
“ไปกันเถอะ” จางเซวียนร้องเรียกคนอื่นๆให้ตามมาก่อนจะนำทางเข้าสู่ประตูบานนั้น
“เอ่อ…”
ทุกคนมองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจ แต่ลงท้ายก็พากันเดินเข้าประตู จนถึงตอนนั้น พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป
เมื่อผ่านประตูหินไปแล้ว ก็พบว่าตัวเองได้ทะลุมิติเข้ามายังโลกอีกใบหนึ่ง หอสงครามศักดิ์สิทธิ์ตั้งตระหง่านอยู่กลางอากาศ อยู่ไม่ห่างออกไปนัก
มู่ชู่เก็บความอยากรู้ไว้ไม่ไหว เขาเดินเข้ามาถามจางเซวียน “การจัดลำดับที่คุณคิดค้นขึ้นน่ะ เห็นได้ชัดว่าไม่เข้ากันเลยกับเทคนิคการหายใจของร่างบนโขดหิน แล้วทำไมคุณถึงเปิดประตูหินบานนี้ได้?”
ไม่ใช่มู่ชู่คนเดียวที่อยากรู้ คนอื่นๆก็แทบไม่อยากเชื่อเช่นกัน
พวกเขาเห็นชัดเจนว่าการจัดลำดับกระบวนท่าของชายหนุ่มไม่สัมพันธ์กันกับเทคนิคการหายใจของร่างบนโขดหิน แล้วทำไมร่างนั้นถึงยอมทำตามกระบวนท่าของเขา แถมยังเปิดประตูหินให้ด้วย?
ที่ผ่านมา หากการจัดลำดับขาดความสัมพันธ์กัน ผู้ที่จะต้องกระอักเลือดก็คือพวกเขา!
“ผมตรวจสอบกระบวนท่าแล้ว และค้นพบข้อบกพร่องพื้นฐานบางอย่างในศาสตร์ลับที่ร่างนั้นทิ้งไว้ ผมจึงปรับเปลี่ยนมันเล็กน้อยเพื่อให้แข็งแกร่งและสมเหตุสมผลมากขึ้น เมื่อเห็นว่าศาสตร์ลับที่ผมปรับปรุงใหม่ถูกต้องแม่นยำกว่า เขาก็เรียนรู้การจัดลำดับตามแบบของผมแทน” จางเซวียนตอบตามตรง
เทคนิควรยุทธใดๆที่ผ่านการกลั่นกรองจากหอสมุดเทียบฟ้าจะออกมาในรูปแบบที่สมบูรณ์ที่สุด
ในเมื่อศาสตร์ลับที่ร่างนั้นฝึกฝนมีข้อบกพร่อง ก็แน่นอนว่าอีกฝ่ายย่อมยินดีปรีดาที่จางเซวียนเข้ามาแก้ไขข้อบกพร่องให้
“ไม่เพียงแต่เขาจะพบการจัดลำดับที่ถูกต้อง ยังแก้ไขข้อบกพร่องของเหล่าบรรพบุรุษได้ด้วย…”
ในตอนนั้น มู่ชู่กับคนอื่นๆตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
นี่พวกเขามาเจอกับปีศาจชนิดไหน?
เมื่อเดินหน้าเข้าสู่หอบริวาร ไม่ช้าทุกคนก็มาถึงจัตุรัสขนาดมหึมา มีฝูงชนมากมายออกันอยู่ในพื้นที่นั้น ดูเหมือนพวกเขาจะเข้ามาที่นี่ผ่านทางมิติพงไพรโขดหินเช่นกัน เหมือนกับมู่ชู่
แต่ในเมื่อคนเหล่านี้ไม่มีเครื่องรางฟ้าประทานในตำนาน จึงไม่อาจเข้าสู่หอบริวารได้ และไม่มีทางเลือกนอกจากต้องรออยู่ข้างนอก
มีอักษรจารึกจำนวนหนึ่งถูกจารึกไว้บนผนังของหอบริวาร บอกรายละเอียดของเทคนิคอันน่าทึ่งมากมายนับไม่ถ้วน ฝูงชนพากันศึกษามันอย่างตั้งใจและดื่มด่ำกับเทคนิคเหล่านั้น
เมื่อตอนที่อยู่ในมิติพงไพรโขดหิน พวกเขาได้แต่สันนิษฐานการจัดลำดับและหวังว่าสิ่งที่ตัวเองสันนิษฐานไว้จะถูกต้อง แต่ตอนนี้ รูปแบบการจัดลำดับที่ถูกต้องได้ปรากฏให้เห็นผ่านทางอักษรจารึกบนผนัง
เรื่องนี้ก็เหมือนกับการที่นักเรียนผู้ขยันหมั่นเพียรสักคนหนึ่งได้เห็นเฉลยข้อสอบหลังจากผ่านการทดสอบอันยากลำบากมา แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องซึมซับคำตอบเหล่านั้นจนขึ้นใจ เพื่อที่ครั้งต่อไปจะได้ทำข้อสอบได้ดีขึ้น
จางเซวียนรีบถ่ายโอนอักษรจารึกเหล่านั้นเข้าสู่หอสมุดเทียบฟ้าก่อนจะหันไปมองทางเข้าหอบริวาร
ป้ายที่อยู่เหนือหอบริวารจารึกคำว่า ‘หอสงครามศักดิ์สิทธิ์’ ถ้อยคำเหล่านี้มีความสง่างาม สร้างความหนักอึ้งในหัวใจของผู้พบเห็น
ประตูบานใหญ่ที่อยู่บริเวณทางเข้าถูกเปิดไว้ แต่การจะเข้าไปได้ก็จะต้องผ่านฉนวนที่มองไม่เห็นซึ่งอยู่รอบหอบริวาร ดูเหมือนจะมีใครบางคนผ่านเข้าไปได้แล้ว
“ขอเข้าไปดูหน่อย!”
จางเซวียนโบกมือ จากนั้นก็นำเครื่องรางน้อยออกมาและเดินเข้าไป
เขาผ่านปราการที่มองไม่เห็นนั้นเข้าไปได้อย่างง่ายดายและเข้าสู่หอบริวารได้สำเร็จโดยปราศจากปัญหาใดๆ ไม่เหมือนฝูงชนที่ออกันอยู่ด้านนอก
ฟิ้วววว! ฟิ้วววว!
ยังไม่ทันที่จางเซวียนจะได้เหยียบย่างเข้าสู่หอสงครามศักดิ์สิทธิ์ ก็พลันรู้สึกได้ถึงกระแสดาบฉี 2 สายที่พุ่งตรงเข้าสู่หัวใจของเขา
จางเซวียนหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมาทันทีก่อนจะชะงักฝีเท้า เขาหลบไปด้านข้างอย่างว่องไว หลบกระแสดาบฉีสองสายนั้นได้อย่างหวุดหวิด
เมื่อมองไป ก็เห็นชายหนุ่มสองคนยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมดาบในมือ เจตนาสังหารเข้มข้นแผ่ซ่านออกจากส่วนลึกในดวงตาของทั้งคู่ ทำให้เลือดในกายของผู้พบเห็นเย็นเยียบ
ชายหนุ่มทั้งสองสวมเสื้อคลุมปรมาจารย์ เมื่อมองจากภายนอก พวกเขาก็ดูไม่ต่างจากปรมาจารย์คนอื่นๆ แต่ความเข้มข้นรุนแรงของเจตนาสังหารของพวกเขานั้นทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกเหมือนตัวเองถูกฉุดลงไปยังโลกบาดาล
“เผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น?” จางเซวียนหรี่ตาด้วยความตกใจ
เขาไม่คิดว่าจะต้องมาปะทะกับเผ่าพันธุ์ปีศาจที่นี่
แต่ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ก็หมายความว่าพวกมันได้ครอบครองเครื่องรางฟ้าประทานในตำนานที่เชื่อมโยงกับหอสงครามศักดิ์สิทธิ์แล้ว!
ในโลกนี้มีเครื่องรางฟ้าประทานในตำนานอยู่ 6 ชิ้น ชิ้นหนึ่งอยู่กับสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ ชิ้นหนึ่งอยู่กับตระกูลจาง และอีกชิ้นอยู่กับตระกูลหลัว ส่วนที่เหลือ ตำแหน่งที่อยู่ของพวกมันยังคงเป็นปริศนา
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ตรงหน้า เครื่องรางฟ้าประทานในตำนานของตระกูลจางน่าจะเชื่อมโยงกับหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ส่วนเครื่องรางของตระกูลหลัวน่าจะเชื่อมโยงกับหอสงบใจ ไม่อย่างนั้น หลัวฉีฉีคงไม่อาจเข้าสู่หอบริวารได้
และในเมื่อมีเผ่าพันธุ์ปีศาจอยู่ที่นี่ ก็เป็นไปได้ว่าเครื่องรางฟ้าประทานในตำนานชิ้นหนึ่งน่าจะตกอยู่ในมือของพวกมัน
แต่ดูเหมือนเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้ง 2 ตัวจะไม่ให้เวลาเขาคิดมากกว่านี้ พวกมันสะบัดข้อมือและปล่อยกระแสดาบฉีออกมาโดยแทบไม่หยุดหายใจ
ราวกับมีแม่น้ำไหลเชี่ยวกำลังคำรามกึกก้องอยู่ตรงหน้า พร้อมที่จะกวาดเขาให้ลอยไปด้วยพละกำลังของมัน
เผ่าพันธุ์ปีศาจ 2 ตัวนี้เป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสาน โลกจารึก!
จางเซวียนเลิกคิ้ว
เขาสะบัดข้อมือและชักหอกสวรรค์กระดูกมังกรออกมา จากนั้นก็จ้วงแทงเผ่าพันธุ์ปีศาจ 2 ตัวนั้น ในเวลาเดียวกัน ก็นำหม้อต้นกำเนิดทองคำพร้อมกับของล้ำค่าชิ้นอื่นๆออกมาและโยนเข้าใส่ทั้งคู่