Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1749
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1749
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1749 การยกระดับวรยุทธของจิตวิญญาณ
จางเซวียนเดินผ่านโขดหินก้อนแล้วก้อนเล่า ไม่ช้าก็มาถึงแท่นหินที่อยู่บริเวณใจกลาง เขาอดขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจไม่ได้
เรายังไม่ถูกโจมตีเลย…หรือว่าเทคนิคนี้เข้าถึงระดับของเทคนิคเทียบฟ้า? ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ ใครกันที่จะฝึกฝนมันได้?
การจัดลำดับที่เขาใช้มีพื้นฐานมาจากหนังสือสมบูรณ์แบบที่ได้ประมวลขึ้นโดยใช้หอสมุดเทียบฟ้า และนั่นคือคำตอบที่ถูกต้องสำหรับการผ่านด่านพงไพรโขดหิน!
สิ่งนี้จะไม่หมายความว่าศาสตร์ลับที่อยู่ในพงไพรโขดหินเข้าถึงระดับของเทคนิคเทียบฟ้าหรือ?
หรือว่าปรมาจารย์ขงมีหอสมุดเทียบฟ้าเหมือนเรา? จางเซวียนครุ่นคิดขณะตั้งข้อสันนิษฐาน
ในเมื่อบททดสอบนี้อยู่ในหนึ่งในหอบริวาร ก็เป็นไปได้ว่าศาสตร์ลับนั้นจะเป็นสิ่งที่ปรมาจารย์ขงทิ้งไว้ จางเซวียนแน่ใจว่าไม่มีทางที่นักรบคนไหนที่ไม่ได้ครอบครองหอสมุดเทียบฟ้าจะฝึกฝนเทคนิคเทียบฟ้าใดๆได้สำเร็จ
ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่ต้องถ่ายทอดเทคนิคเทียบฟ้าฉบับเรียบง่ายให้กับคนอื่นๆครั้งแล้วครั้งเล่า
ข้อเท็จจริงที่ว่าปรมาจารย์ขงคิดค้นศาสตร์ลับขึ้น ก็หมายความว่ามีความเป็นไปได้สูงที่อีกฝ่ายจะมีพลังปราณเทียบฟ้าและสามารถฝึกฝนเทคนิคเทียบฟ้าได้เช่นกัน หรืออีกนัยหนึ่งก็คือปรมาจารย์ขงน่าจะมีหอสมุดเทียบฟ้าอยู่ในครอบครองเหมือนกับเขา
จางเซวียนครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง แต่รู้ดีว่าจะได้รับคำตอบก็ต่อเมื่อพบปรมาจารย์ขงอีกครั้งเท่านั้น จึงตัดสินใจโยนมันทิ้งไปและพยายามสงบจิตใจ จากนั้นก็เดินช้าๆไปยังหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่บนแท่นหินและสัมผัสมัน
วิ้งงง!
เมื่อรู้สึกได้ถึงฝ่ามือของจางเซวียน ก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์เรืองแสงเจิดจ้าออกมา ในชั่วพริบตานั้น จางเซวียนรู้สึกราวกับมีใครสักคนโยนจิตวิญญาณของเขาลงไปในลาวาที่กำลังเดือดปุดๆ ทำให้ความร้อนมหาศาลซึมซาบเข้าสู่ร่างของเขา
ในเมื่อจางเซวียนสามารถเอาชีวิตรอดได้แม้จากเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุด ความร้อนเพียงเท่านี้จะทำอันตรายเขาได้อย่างไร? เขารีบระงับความรู้สึกร้อนรุ่มภายในเอาไว้ก่อนจะกัดนิ้วและหยดเลือดหยดหนึ่งลงไปบนก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์
ไม่นาน ก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ก็ละทิ้งความพยายามที่จะตอบโต้และยอมรับเขาเป็นเจ้านาย
ทันทีที่จางเซวียนได้การยอมรับจากก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ ความร้อนแผดเผาก็หายวับไปทันที แทนที่ด้วยความรู้สึกอบอุ่น ขณะที่ร่างบนก้อนหินศักดิ์สิทธิ์เคลื่อนไหว กระแสพลังจิตวิญญาณเข้มข้นก็พวยพุ่งเข้าสู่ร่างของเขา ตรงเข้าบ่มเพาะจิตวิญญาณต้นกำเนิด
จางเซวียนรู้ทันทีว่านี่เป็นโอกาสดีสำหรับเขาในการฝ่าด่านวรยุทธ จึงทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิ เขาถอดจิตวิญญาณต้นกำเนิดออกจากกายเนื้อและสัมผัสก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง
ฟิ้ววววว!
ขณะที่พลังจิตวิญญาณเข้มข้นไหลออกจากก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่จิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขา จางเซวียนรู้สึกได้ว่าตัวเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ช้าด่านคอขวดก็ถูกทำลาย และระดับวรยุทธของจิตวิญญาณของเขาก็พุ่งสูงขึ้น
2 ชั่วโมงต่อมา…
เขาสำเร็จวรยุทธระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 3-แรงผลักดันสัญชาตญาณ โลกจารึก
หลังจากสำเร็จวรยุทธขั้นนี้ ความเร็วในการยกระดับวรยุทธของจิตวิญญาณของเขาก็เชื่องช้าลงมาก จางเซวียนลดสายตาลงมอง และเห็นร่างที่กำลังร่ายรำอยู่บนก้อนหินศักดิ์สิทธิ์หยุดพัก ราวกับเหน็ดเหนื่อยจากการร่ายรำที่ผ่านมา
“ดูเหมือนก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์จะต้องการการเติมพลัง…” จางเซวียนหัวเราะหึๆ
ก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์มีพลังจิตวิญญาณเข้มข้นที่สามารถยกระดับวรยุทธของจิตวิญญาณของนักรบได้ แต่ก็เหมือนกับหินวิเศษ ปริมาณพลังจิตวิญญาณที่อยู่ในนั้นมีจำกัด ไม่สามารถส่งกระแสพลังจิตวิญญาณออกมาเรื่อยๆอย่างไร้จุดจบได้
แต่หลังจากทำให้ก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ยอมจำนนได้แล้ว จางเซวียนก็รู้ว่ามันไม่เหมือนหินวิเศษ ก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ของล้ำค่าที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง มันสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หลังจากที่ได้รับการเติมพลังงานสักระยะหนึ่ง
ไม่อย่างนั้น มันคงไม่ถูกนำมาวางที่บริเวณใจกลางหนึ่งในหอบริวาร ซึ่งนักรบคนหนึ่งจะต้องผ่านบททดสอบมากมายกว่าจะได้ครอบครองมัน
“ในเมื่อตอนนี้ระดับวรยุทธของจิตวิญญาณของเราเข้าถึงขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณแล้ว เราก็สงสัยว่าจะเป็นไปได้ไหมที่…”
สำหรับวรยุทธขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณ นักรบผู้นั้นจะสามารถสัมผัสเจตจำนงของสวรรค์ได้อย่างเลือนราง ทำให้เขาหลีกเลี่ยงอันตรายได้ ในฐานะผู้ครอบครองหอสมุดเทียบฟ้า จางเซวียนรู้ดีว่าเขามีแต่จะต้องทุกข์ทรมานกับแรงตีกลับจากสวรรค์หากยกระดับวรยุทธไปถึงขั้นนั้น จึงยังสงสัยว่ามันจะเป็นแบบเดียวกันนี้กับระดับวรยุทธของจิตวิญญาณหรือเปล่า
จางเซวียนดึงจิตวิญญาณต้นกำเนิดกลับเข้าสู่กายเนื้อและพยายามไขว่คว้าเจตจำนงของสวรรค์ที่จับต้องไม่ได้
เปรี้ยงงงงง!
ครู่ต่อมา สายฟ้าอันทรงพลังก็ฟาดลงมาจากสวรรค์ ร่างของเขาสั่นสะท้านเพราะพละกำลังนั้น
“จริงด้วย…” จางเซวียนอ้าปากค้างขณะพึมพำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เขาเคยคิดว่าจิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขาจะได้รับการยกเว้น แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่
เท่าที่เห็น ไม่มีทางที่เขาจะเข้าไปก้าวก่ายกับความลับของสวรรค์ได้เลย การลงทัณฑ์จากสวรรค์จะเข้ามาหาเขาในทันทีที่เขาพยายามทำอย่างนั้น
ความสามารถที่ทรงพลังที่สุดของนักรบขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณก็คือความสามารถในการทำนายอนาคตล่วงหน้า ซึ่งหากเขาไม่สามารถใช้ความสามารถนี้ ประสิทธิภาพการต่อสู้จะถูกลดทอนลงอย่างมาก
แต่ในเมื่อเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ จางเซวียนก็คงต้องถือเอาสิ่งนี้เป็นการยกระดับพลังปราณและพละกำลังของเขา
ก่อนหน้านี้ เขายังต้องลำบากลำบนอยู่บ้างหากเผชิญหน้ากับนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึก แม้จะใช้หอกสวรรค์กระดูกมังกร ถ้าเขาต้องการสังหารอีกฝ่าย ก็จะต้องเปิดการโจมตีอย่างกะทันหันหรือไม่ก็ใช้วิธีการอื่นเข้าช่วย แต่เมื่อเขายกระดับวรยุทธของจิตวิญญาณแล้ว ก็สามารถเล่นงานอีกฝ่ายได้โดยใช้เพียงพละกำลังเท่านั้น
รู้ดีว่าการยกระดับวรยุทธขึ้นอีกในช่วงระยะเวลาอันสั้นคงเป็นไปได้ยาก จางเซวียนกำลังจะเก็บก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่แหวนเก็บสมบัติของเขา ก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงตั้งคำถามอย่างร้อนรน “นายท่าน ผมขอยืมก้อนหินในมือของคุณได้ไหม?”
จางเซวียนตาโตด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ยินเสียงนั้น
“ไอ้โหด แกตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” เขารีบถาม
เสียงนั้นมาจากไอ้โหดซึ่งเข้าสู่การจำศีลขณะที่พยายามซึมซับร่างกายท่อนบนของมัน
จางเซวียนไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาแบบนี้
“ผมรู้สึกตัวตื่นเมื่อรับรู้ได้ถึงพลังจิตวิญญาณที่ก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกมา นายท่าน, ผมขอยืมใช้มันได้ไหม? ตอนนี้จิตวิญญาณของผมอ่อนแออยู่เล็กน้อย หินก้อนนั้นจะช่วยฟื้นฟูพละกำลังของผมได้อย่างรวดเร็ว!” ไอ้โหดร้องขอ
จางเซวียนประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าไอ้โหดรู้จักก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเคยต่อสู้แบบสมน้ำสมเนื้อกับปรมาจารย์ขงมาก่อน ก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะรู้จักคุ้นเคยกับทรัพย์สมบัติต่างๆของปรมาจารย์ขง
“แต่ผมซึมซับพลังจิตวิญญาณทั้งหมดในก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วนะ” จางเซวียนตอบพร้อมกับขมวดคิ้ว
ก็เหมือนกับหินวิเศษที่ปราศจากพลังจิตวิญญาณแล้ว เขาไม่เห็นว่าก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่ว่างเปล่าจะเป็นประโยชน์กับไอ้โหดได้
“นายท่าน, ถ้าทั้งหมดที่ก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ทำได้คือการเป็นแหล่งเก็บพลังจิตวิญญาณล่ะก็ มันก็ไม่คู่ควรที่จะได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในทรัพย์สมบัติล้ำค่าของปรมาจารย์ขงหรอก นายท่านกรุณานำตัวผมออกมาและมอบหินก้อนนั้นให้ผมด้วย” ไอ้โหดร้องขออีกครั้ง
“ก็ได้!” จางเซวียนพยักหน้า
เขาสะบัดข้อมือ จากนั้นก็นำหนังสือเทียบฟ้าออกมาและวางก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ไว้บนนั้น
ฟึ่บ!
หนังสือเทียบฟ้าเปิดออก เผยให้เห็นร่างกายครึ่งหนึ่งของไอ้โหด ด้วยการเคาะเบาๆ ก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ก็ลอยขึ้นมาแล้วหยุดนิ่งอยู่ระหว่างร่างของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นที่ถูกสังหารในพงไพรโขดหินเมื่อครู่ก่อน
วิ้งงงง!
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างที่อยู่บนก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งขณะมีประกายแสงเจิดจ้าฉายออกมา
“นี่…ก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์กำลังซึมซับจิตวิญญาณของคนอื่นหรือ?” จางเซวียนหรี่ตาด้วยความประหลาดใจ
จากการใช้ดวงตาหยั่งรู้ เขามองเห็นว่าก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ทำการชำระจิตวิญญาณของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่ตายไปแล้วให้บริสุทธิ์และแปรสภาพมันให้กลายเป็นพลังจิตวิญญาณเข้มข้น
“ใช่ ก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์มีอานุภาพในการชำระและกลืนกินจิตวิญญาณ สำหรับนักรบผู้ฝึกฝนวรยุทธของจิตวิญญาณ มันถือเป็นของล้ำค่าที่เทียบชั้นได้กับของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณเลยทีเดียว อันที่จริง ฉนวนของจิตวิญญาณที่อยู่ในสมาคมผู้พยากรณ์จิตวิญญาณก็ทำจากวัสดุเดียวกันกับก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์นี้” ไอ้โหดอธิบาย
“ฉนวนแห่งจิตวิญญาณทำจากวัสดุแบบเดียวกัน?” จางเซวียนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะตาโตเมื่อนึกได้
ไม่แปลกใจแล้วที่เขารู้สึกว่าก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ดูคุ้นตา เหตุผลเป็นอย่างนี้นี่เอง
จางเซวียนมีฉนวนแห่งจิตวิญญาณนอนนิ่งอยู่ในแหวนเก็บสมบัติของเขา เพียงแค่เขายังไม่ได้ใช้มันอย่างจริงจัง
“สามารถซึมซับจิตวิญญาณและแปรเปลี่ยนมันให้กลายเป็นพลังจิตวิญญาณเข้มข้น…อานุภาพของก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ช่างน่าสะพรึงจริงๆ!” จางเซวียนพยักหน้ารับ
ถ้าทั้งหมดที่ก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ทำได้คือการมอบพลังจิตวิญญาณเข้มข้นให้กับนักรบ มันก็คงไม่คู่ควรกับการถูกเรียกว่าเป็นทรัพย์สมบัติล้ำค่า เพราะถึงอย่างไร ก็ยังมีทรัพยากรอีกมากมายที่สามารถทดแทนกันได้ แต่หากมันสามารถชาร์จพลังให้ตัวเองได้อย่างรวดเร็วด้วยการซึมซับและชำระจิตวิญญาณ ก็ถือเป็นของล้ำค่าไร้เทียมทานที่คู่ควรกับการเป็นมรดกตกทอดของกลุ่มอำนาจหลัก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหนก็ตาม
“แกนำมันไปใช้สิ”
อานุภาพของก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์นั้นอาจเรียกได้ว่าโหดร้าย แต่จางเซวียนเชื่อว่าเป็นเรื่องไม่ฉลาดนักที่จะแยกแยะของล้ำค่าว่า ‘โหดร้าย’ หรือ ‘เมตตาปรานี’ เพราะถึงอย่างไรมันก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ หากตกไปอยู่ในมือของคนดี ต่อให้อาวุธที่โหดร้ายที่สุดก็สามารถใช้ประโยชน์ได้ ในทางตรงกันข้าม ด้วยน้ำมือของคนชั่ว แม้แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะปราศจากอันตรายที่สุดก็อาจใช้กระทำสิ่งชั่วร้ายได้
เมื่อหวนคิดดู บททดสอบของการจะได้มาซึ่งก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์นั้นถือว่ายากเย็นอย่างเหลือเชื่อ เงื่อนไขเดียวที่จะผ่านด่านพงไพรโขดหินไปได้ก็คือต้องฝึกฝนศาสตร์ลับที่เข้าถึงระดับของเทคนิคเทียบฟ้า…และนั่นไม่ใช่ภารกิจที่นักรบคนไหนก็ตามที่ไม่ได้ครอบครองหอสมุดเทียบฟ้าจะทำได้!
ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง จางเซวียนรู้สึกได้ว่าปรมาจารย์ขงรับรู้ถึงการปรากฏตัวของเขา ราวกับก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์นี้ถูกทิ้งไว้ให้เขาโดยเฉพาะ
เพราะถึงอย่างไร นอกจากเขาแล้ว ก็ไม่มีใครที่สามารถเข้าถึงก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์!
“ขอบคุณมาก นายท่าน!” ไอ้โหดกล่าวคำขอบคุณอย่างตื่นเต้น
จากนั้น มันก็เริ่มซึมซับพลังจิตวิญญาณจากก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์และฟื้นฟูพลังให้จิตวิญญาณของตัวเองอีกครั้ง