Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1765
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1765
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1765 สี่ระดับขั้นของนักปราชญ์โบราณ
“ลำดับขั้นเหล่านั้นไม่ได้ถูกกำหนดไว้อย่างเป็นทางการ แต่ก็มีวิธีการมาตรฐานในการแยกแยะความแข็งแกร่งของนักปราชญ์โบราณโดยผ่านทางระดับพละกำลังและลักษณะเฉพาะของพวกเขา ผมคิดว่าคุณน่าจะใช้มันเป็นเครื่องอ้างอิงได้” จางหงเทียนพูด
“หลังจากฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณแล้ว นักรบผู้นั้นจะสามารถถ่ายทอดลักษณะเฉพาะของสายเลือดของพวกเขาให้เหล่าทายาทได้ เหมือนกับตระกูลจางของเรา เหตุผลที่สมาชิกในตระกูลของเรามีอำนาจในแก่นสารของเวลาก็เพราะเรามีบรรพบุรุษที่เข้าถึงระดับนั้น ดังนั้น คำที่ใช้สำหรับเรียกระดับขั้นแรกของนักปราชญ์โบราณก็คือ ‘การสืบสายเลือด’ นั่นคือสัญญาณที่บ่งบอกว่าผู้นั้นฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณได้สำเร็จแล้วหรือยัง”
“การสืบสายเลือด…” จางเซวียนทวนคำขณะพยักหน้ารับ
เรื่องนี้ฟังดูสมเหตุสมผลดี
เป็นไปได้ว่าหยวนเทา กระบี่เปลวเพลิงสีดำ และไอ้โหดได้สำเร็จวรยุทธขั้นนี้ เผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณที่เขาเคยใช้หนังสือเทียบฟ้าเล่นงานเมื่อครั้งอยู่ที่สมาคมผู้หยั่งรู้ก็น่าจะสำเร็จวรยุทธขั้นนี้เช่นกัน
มันคือระดับล่างสุดของวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณ
“ส่วนขั้นที่ 2 นั้นคือขั้นสูงสุดที่เหล่า 72 นักปราชญ์, ยกเว้น 10 สุดยอดสาวกได้เข้าถึงในช่วงชีวิตของเขา ดังนั้น ในท้ายที่สุดมันจึงเป็นที่รู้จักกันในชื่อขั้นบรมครูนักปราชญ์” จางหงเทียนอธิบาย
“บรมครูนักปราชญ์? แบบนี้ก็เป็นชื่อของระดับขั้นด้วยหรือ?”จางเซวียนชะงัก
“มันเป็นแค่คำที่พวกเราใช้กันเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องจริงจังหรอก”จางหงเทียนพูด “ส่วนขั้นที่ 3 รู้จักกันในชื่อ ‘การฟื้นคืนชีพของสายเลือด’ ตราบใดที่ผู้สำเร็จวรยุทธขั้นนั้นยังไม่สิ้นอายุขัย ต่อให้ใครสักคนตัดศีรษะและสับร่างของเขาจนเละ ร่างนั้นก็จะยังสามารถฟื้นคืนชีพได้ด้วยหยดเลือดเพียงหยดเดียว เพราะผมสำเร็จวรยุทธระดับนี้แล้ว จึงมีชีวิตรอดอยู่ได้นานกว่านักปราชญ์โบราณคนอื่นๆและรับมือกับพวกเขาได้ด้วย”
จางเซวียนตาโตด้วยความประหลาดใจ
จนถึงตอนนี้ เขายังคงคิดว่านักปราชญ์โบราณทุกคนมีความสามารถในการฟื้นคืนชีพของสายเลือด แต่ดูเหมือนจะเป็นความเข้าใจผิด
ผู้ที่สามารถดำเนินการฟื้นคืนชีพของสายเลือดได้นั้นจะต้องเป็นอัจฉริยะชั้นยอดแม้ในหมู่นักปราชญ์โบราณ
“แล้วระดับสุดท้ายล่ะ?”
“ระดับขั้นสุดท้ายเป็นระดับที่ไม่มีใครในทวีปแห่งปรมาจารย์หรือแม้แต่ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์สำเร็จขั้นนั้น นอกเสียจากปรมาจารย์ขงเพียงคนเดียว ว่ากันว่าผู้ที่สำเร็จวรยุทธขั้นสุดท้ายจะสามารถทำลายความว่างเปล่าได้ เปรียบเหมือนกับการที่ตัวแทนของความเป็นอมตะสามารถฉีกกระชากมิติเพื่อลงมาสู่โลก ดังนั้นขั้นสุดท้ายนี้จึงเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘ผู้ทำลายล้างมิติ’ หรือ ‘ตัวแทนของโลกอมตะ’ ผมยังอยู่ห่างไกลนักจากวรยุทธขั้นนั้น จึงไม่แน่ใจในรายละเอียดของมัน” จางหงเทียนพูด
“ตัวแทนของโลกอมตะ?” จางเซวียนตาโตด้วยความอัศจรรย์ใจ
เขาเคยได้ยินคำนี้มาก่อน!
ครั้งแรกที่เขาพบไอ้โหดในถ้ำใต้ดิน อีกฝ่ายบอกเขาว่าตัวมันสำเร็จวรยุทธถึงขั้นตัวแทนของโลกอมตะแล้ว ในตอนนั้นเขายังไม่เข้าใจความแตกต่างในแต่ละระดับขั้นของวรยุทธ จึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก ใครจะไปคิดว่าไอ้โหดสำเร็จวรยุทธขั้นสูงสุดของนักปราชญ์โบราณแล้ว!
พูดอีกอย่างก็คือ แม้ตอนนี้ไอ้โหดจะดูเหมือนไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร แต่ข้อเท็จจริงก็คือในช่วงชีวิตของมัน ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปแห่งปรมาจารย์!
ไม่น่าแปลกใจแล้วที่แม้แต่ปรมาจารย์ขงก็ยังลงเอยด้วยการถูกไอ้โหดต้อนให้จนมุมครั้งหนึ่งเมื่อตอนอยู่ที่เฉินข่าย
“ถ้าอย่างนั้น…นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงสำเร็จวรยุทธขั้นไหน?” จางเซวียนถาม
เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดของตาเฒ่าหยูที่ว่านักปราชญ์โบราณเหยียนชิงมีระดับวรยุทธสูงสุดในบรรดาผู้ที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เขาสำเร็จวรยุทธขั้นไหนกัน?
“เขาสำเร็จวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดเหมือนผม แต่ระดับวรยุทธของเขาแข็งแกร่งกว่าผม 1 ขั้น” จางหงเทียนตอบ“แต่เขาก็ยังไม่ได้สำเร็จขั้นสูงสุดของการฟื้นคืนชีพสายเลือด หากปราศจากนิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณที่มากพอ ก็ยากที่ใครจะประสบความก้าวหน้าในวรยุทธขั้นนี้”
จางเซวียนพยักหน้าอย่างเข้าใจคำพูดของจางหงเทียน “อีกนัยหนึ่งก็คือ ผมควรจะเรียกร้องหยดเลือดจากนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว หยดเลือดของนักปราชญ์โบราณที่สำเร็จวรยุทธขั้นนั้นจะล้ำค่าที่สุด” จางหงเทียนตอบ
“ตามนั้น!” จางเซวียนพยักหน้า
บทสนทนาครั้งนี้เกิดขึ้นผ่านทางโทรจิต การตอบโต้กันระหว่างทั้งคู่จึงรวดเร็วมาก รวมแล้วก็ใช้เวลาเพียง 2-3 วินาทีเท่านั้น ทันทีที่ทั้งคู่สนทนาจบ นายใหญ่สีขาวก็โพล่งออกมา “หยดเลือดของนักปราชญ์โบราณ 50 หยดหรือ? ได้สิ เผ่าพันธุ์อสูรของเราจะนำมันมาให้!”
น้ำเสียงของมันดุดันและโหดเหี้ยม ราวกับนักรบผู้โชกโชนที่ลดสายตาลงมองพื้นโลก
“นายใหญ่สีขาว กรุณารอสักครู่ก่อน ผมยังพูดไม่จบ…หยดเลือด 50 หยดที่ผมต้องการนั้นต้องมาจากนักปราชญ์โบราณที่สำเร็จวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดนะ” จางเซวียนเสริมพร้อมกับยิ้มกว้าง
“คุณต้องการหยดเลือด 50 หยดจากนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดหรือ ช่างละโมบโลภมากเสียจริง…” ได้ยินคำนั้น นายใหญ่สีขาวโมโหจนแทบระเบิด
ความเงียบงันเข้าครอบคลุมฝูงชน
โดยทั่วไป หยดเลือด 50 หยดของนักปราชญ์โบราณก็ถือว่าล้ำค่ามากแล้ว แต่หมอนี่ถึงกับเรียกร้องจะเอาหยดเลือด 50 หยดจากนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดเท่านั้น
“คุณฝันไปแล้วล่ะ!”
“ใครจะโง่พอจะยอมแลกกับของล้ำค่าขนาดนั้น?”
“ต่อให้แลกมาด้วยโควต้าเข้าสู่หอลำดับแรก ก็ยังถือว่าไม่คู่ควร…”
…..
เกิดความเงียบงันครอบคลุมในหมู่นักปราชญ์โบราณ
เป็นความจริงที่ว่าการได้โควต้าเพิ่มจะทำให้กลุ่มอำนาจนั้นอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบ แต่หยดเลือด 50 หยดของนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดก็ถือเป็นค่าใช้จ่ายสูงลิ่วดูเหมือนไม่ควรค่าพอที่จะจ่าย
เห็นความลังเลของฝูงชน จางเซวียนพูดแทรกด้วยรอยยิ้มที่บ่งบอกความมั่นใจ ราวกับว่าทุกสิ่งตกอยู่ในกำมือของเขาแล้ว “ผมจะปล่อยให้พวกคุณตัดสินใจเองนะว่ามันคู่ควรที่จะจ่ายหรือไม่ มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงคือของล้ำค่ายิ่งใหญ่ที่สุดที่ปรมาจารย์ขงทิ้งไว้ ถ้าหากคุณได้มันมา นักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดจะสำคัญอะไร?”
“โอกาสแบบนี้มีมาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งหากคุณพลาด มันก็จะหลุดมือไปทันที แต่แน่นอนว่าหากไม่มีใครในหมู่พวกคุณต้องการโควต้า ผมก็ไม่มีปัญหานะ ผมแค่เสนอการประมูลครั้งนี้เพื่อแสดงความปรารถนาดีกับอีกกลุ่ม 3 อำนาจ ถ้าพวกคุณไม่สนใจ ผมก็แค่เพิ่มคนของผมเข้าไปก็เท่านั้น!”
ในเมื่อจางเซวียนกำหนดตัวเลขของการประมูลแล้ว ก็จะต้องทำให้เป็นไปตามนั้น เพราะหากเขาเริ่มลดราคาเมื่อไหร่ คนอื่นๆก็จะยิ่งกดดันเขามากขึ้น
“เอ่อ…”
ฝูงชนต่างเงียบกริบเมื่อได้ยินคำพูดของจางเซวียน
หยดเลือดของนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดเป็นของล้ำค่าก็จริง แต่มูลค่าของมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงนั้นมหาศาลกว่ามาก ไม่ว่าราคาที่ต้องจ่ายจะสมกับสิ่งที่จะได้มาหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่พวกเขาต้องตัดสินใจ
นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงโพล่งออกมาท่ามกลางความเงียบ“100 สำนักแห่งนักปราชญ์ของพวกเราจะซื้อโควต้าหนึ่งที่!”
“เขาจะซื้อโควต้า?”
ฝูงชนหันขวับมามองด้วยสายตาตกตะลึง
ส่วนนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงก็ส่งขวดหยกใบหนึ่งให้จางเซวียนโดยไม่ลังเล
จางเซวียนรับขวดหยกมา เขาเปิดฝาขวด และพลังงานก็พวยพุ่งออกจากภายในทันที ในนั้นมีหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณอยู่ 50 หยด
จางเซวียนชำเลืองมองจางหงเทียน เห็นอีกฝ่ายพยักหน้ารับ นั่นเป็นเครื่องยืนยันแล้วว่าหยดเลือด 50 หยดนี้มาจากนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือด เขายิ้มอย่างยินดีปรีดาก่อนจะเก็บขวดหยกเข้าสู่แหวนเก็บสมบัติและหันมามองฝูงชน “เอาล่ะ โควต้าที่แรกตกเป็นของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์แล้ว ต่อเลยนะ, โควต้าที่ 2 จะมีราคาเท่ากับหยดเลือด 60 หยดของนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือด!”
“60 หยด? ทำไมราคาพุ่งพรวดแบบนี้ล่ะ?”
เมื่อครู่นี้ยังแค่ 50 หยดอยู่เลยไม่ใช่หรือ?”
“มันก็โควต้าแบบเดียวกัน ทำไมถึงโก่งราคาอย่างนี้?”
ราวกับน้ำที่ถูกราดลงบนน้ำมันเดือดๆ เสียงอื้ออึงเซ็งแซ่ดังขึ้นทั่วกลุ่มฝูงชน
พวกเขาคิดว่าโควต้าที่ 2 คงจะราคาเท่าเดิม นั่นทำให้แต่ละคนเลือกที่จะใช้เวลาในการตัดสินใจ ใครจะไปคิดว่าหมอนั่นจะโก่งราคาขึ้นทันทีถึง 20 เปอร์เซ็นต์ภายในชั่วอึดใจ?
“พวกคุณจะไม่ซื้อก็ได้นะ ผมไม่บีบบังคับคุณหรอก แค่อยากจะบอกว่าตอนนี้ทวีปแห่งปรมาจารย์ของเรามีโควต้า 7 ที่ ส่วน 100สำนักแห่งนักปราชญ์มี 3 ที่ แต่สำหรับเผ่าพันธุ์ปีศาจและเผ่าพันธุ์อสูรมีเพียงกลุ่มละหนึ่งที่เท่านั้น” จางเซวียนพูดพร้อมกับยิ้มอย่างมั่นใจ “ลงท้าย คำถามก็มีอยู่ว่าพวกคุณมีความต้องการแค่ไหนที่จะได้เข้าไปเห็นมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง”
“อีกอย่าง…โควต้าอีก 2 ที่ที่เหลือจะยิ่งแพงขึ้นอีก ยิ่งมีจำกัดเท่าไหร่ ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น พวกคุณเข้าใจใช่ไหม?”
“หยดเลือด 60 หยด? ก็ได้! ผมจะซื้อมัน…” นายใหญ่สีขาวคำรามพร้อมกับกัดฟันกรอด
ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าหนุ่มที่ได้เครื่องรางลำดับแรกและหัวใจทั้ง 5 ของมิติรอบนอกมาจะเป็นนักธุรกิจที่เจ้าเล่ห์เจ้ากลขนาดนี้
หมอนี่เป็นบุคคลชนิดที่ไม่ควรจะมีใครเข้าไปยุ่งด้วยเลย!
ยังไม่ทันที่นายใหญ่สีขาวจะพูดจบ ตาเฒ่าหยูก็ขัดขึ้น “ถ้าใช้หยดเลือด 60 หยดล่ะก็ พวกเราก็อยากได้!”