Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1776
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1776
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1776 การมาถึงของสองอำมาตย์
“คุณคิดจะไปไหน?” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตวาดก้องขณะกวัดแกว่งง้าวจนเกิดลำแสงเจิดจ้า ลำแสงนั้นพุ่งตรงเข้าใส่อำมาตย์เฉินหย่ง
ในเวลาเดียวกัน จางหงเทียนก็เข้าจู่โจมอำมาตย์เฉินหย่งราวกับดาบอันคมกริบ
แน่นอนว่าไม่อาจประมาทพละกำลังของอำมาตย์เฉินหย่งได้ แต่ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาก็ถดถอยลงมากหลังจากผ่านการสู้รบอย่างหนักหน่วงกับนักรบคนอื่นๆ สำหรับสภาวะอ่อนแอของเขาในตอนนี้ เขารู้ดีว่าไม่มีทางปัดป้องการโจมตีของนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงและจางหงเทียนได้ หรือไม่อย่างนั้น เขาก็ต้องพบจุดจบ อำมาตย์เฉินหย่งจึงรีบหันหลังกลับและคุ้มกันตัวเองโดยใช้การกวัดแกว่งของกระบี่อันทรงพลัง
สองฝ่ายปะทะกัน นักรบทั้งสามกระอักเลือดออกมาขณะถูกสอยกระเด็นไป
ในเวลานั้น พวกเขาต่างก็หมดเรี่ยวแรง สิ่งที่ผลักดันให้ทั้งสามยังคงรบรากันได้ก็คือความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น
อำมาตย์เฉินหย่งลุกขึ้นยืนและคำรามทั้งที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส “คอยดูเถอะ ผมจะกลับมาล้างแค้นสำหรับสิ่งที่พวกคุณทำลงไปให้ได้!”
ดูเหมือนเขาพลันนึกอะไรขึ้นได้บางอย่างและรีบเบนสายตาไปจากนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงกับจางหงเทียน เขาสะบัดกระบี่ แล้วทางเดินแห่งมิติสีดำสนิทก็ปรากฏตรงหน้า อำมาตย์เฉินหย่งกระโจนออกไปและพยายามพุ่งเข้าใส่ทางเดินนั้น
หากเขาผ่านทางเดินแห่งมิติไปได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการปล่อยปลาลงสู่มหาสมุทร คงแทบไม่มีทางที่จะหาตัวเขาเจออีก
นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงกัดฟันอย่างโกรธเกรี้ยวและชูง้าวขึ้นเพื่อพยายามสกัดกั้นทางเดินแห่งมิติไว้ แต่ก็เห็นอำมาตย์เฉินหย่งที่กำลังจะหลบหนีกลับหยุดชะงักราวกับปลาที่ถูกซัดเกยตื้น ต่อให้ดิ้นรนกระเสือกกระสนแค่ไหนก็ไม่อาจเคลื่อนไหวได้
“อำมาตย์เฉินหย่ง ทำไมถึงรีบไปนักล่ะ?” เสียงหนึ่งดังกึกก้องขึ้นกลางอากาศ “ในฐานะเพื่อนเก่า คุณไม่รู้สึกว่ามันหยาบคายหรือที่ทำกับเราแบบนี้?”
จากนั้น สองร่างสูงตระหง่านก็เดินออกมาจากส่วนลึกของความว่างเปล่า
ชายทั้งสองสวมเสื้อผ้าแบบเดียวกันกับอำมาตย์เฉินหย่ง เพียงแต่คนละสี ทั้งคู่สวมมงกุฎ และเจตนาสังหารที่แผ่ออกมาก็ดำมืดราวกับหมึก ดูเหมือนพวกเขาจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากโลกบาดาล
“หรือว่าพวกเขาคือสองอำมาตย์ที่เหลือ?” จางเซวียนหรี่ตาอย่างประหลาดใจ
เท่าที่ดูจากเสื้อผ้าและพละกำลังที่พวกเขาสำแดงออกมา ชัดเจนว่าทั้งคู่คือสองอำมาตย์ที่วางแผนสังหารอำมาตย์เฉินหย่ง-อำมาตย์เฉินหลิงและอำมาตย์เฉินชิง!
ทั้งคู่จากสนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจมาเพื่อร่วมมือในปฏิบัติการกำจัดอำมาตย์เฉินหย่ง
เท่าที่เห็น ดูเหมือนพวกเขาจะซ่อนตัวอยู่บริเวณนี้นานแล้ว แต่ไม่กล้าปรากฏตัวจนกว่าเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณจะจากไป
เห็นสองอำมาตย์มายืนตรงหน้า อำมาตย์เฉินหย่งคำราม “เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณล่วงรู้การกระทำของพวกเรานะ หากพวกคุณสังหารผม ไม่มีทางที่เธอจะปล่อยให้คุณลอยนวลแน่!”
เขารวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่มาสกัดกั้นเขาไว้ อำมาตย์เฉินหย่งเงื้อกระบี่ขึ้นและฟาดมันลงมาสุดแรง
ฟึ่บ!
พละกำลังของกระบี่นั้นมหาศาล ฉีกกระชากมิติได้อย่างง่ายดาย แต่ก็เห็นชัดว่าอำมาตย์เฉินหย่งที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมีพละกำลังไม่มากพอจะรับมือกับอีกสองอำมาตย์
ด้วยการกระดิกนิ้ว อำมาตย์เฉินหย่งใช้กระบี่สกัดกั้นไว้และกวัดแกว่ง
“อำมาตย์เฉินหย่ง ไม่ต้องร้อนรนไป พวกเราแค่อยากคุยกับคุณ มันเรื่องอะไรคุณถึงจะต้องทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง? ยิ่งไปกว่านั้น ก็เห็นๆกันอยู่ไม่ใช่หรือว่าคุณน่ะหมดเรี่ยวหมดแรงแล้ว หากพวกเราอยากสังหารคุณก็คงไม่ยาก เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณอาจไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเราที่จะคร่าชีวิตคุณ แต่เมื่อเธอกลับคืนสู่พระราชวังของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่เธอจะทำได้หรอก อีกอย่าง เทพเจ้าน่ะไร้อารมณ์และความรู้สึก คุณคงไม่โง่เง่าพอที่จะคิดว่าเทพเจ้าจะยื่นมือมาช่วยเหลือคุณหรอกนะ” อำมาตย์เฉินหลิงเหยียดริมฝีปากขณะมองหน้าอำมาตย์เฉินหย่งอย่างสมเพช
“เธอก็แค่ใช้คุณเป็นเส้นทางที่นำไปสู่มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น คุณเชื่อจริงๆหรือว่าเธอเห็นคุณค่าของคุณ?”
“คุณ…”
รู้ดีว่าไม่มีทางหนีพ้นหากสองอำมาตย์ยังคงอยู่ตรงนี้ อำมาตย์เฉินหย่งพยายามสงบสติอารมณ์และยืดตัวตรง เขายืนด้วยท่วงท่างามสง่าและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผมไม่เคยคุกคามพวกคุณ ทำไมคุณถึงอยากทรยศผม?”
“ทำไมพวกเราถึงอยากทรยศคุณ?” ได้ยินคำนั้น อำมาตย์เฉินหลิงหัวเราะร่า “คุณควรจะถามตัวคุณเองด้วยคำถามนี้นะ! ทำไมถึงได้เชื่อฟังคำสั่งของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณองค์ใหม่ง่ายดายนัก เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณองค์เก่าน่ะต้องการแค่ให้พวกเรานำเหล่าปรมาจารย์มาเป็นบรรณาการเพื่อให้ได้ทรัพย์สมบัติมา ส่วนเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณองค์ใหม่นี่ให้อะไรเราบ้าง? อีกอย่าง คุณเป็นใครถึงคิดจะมายับยั้งพวกเราไม่ให้โจมตีเผ่าพันธุ์มนุษย์? คุณรู้ไหมว่านั่นหมายความว่าอย่างไร? คุณอยากให้คนของเราต้องตายเพราะปกป้องดินแดนที่เทพเจ้าละเลยอย่างนั้นหรือ?”
อำมาตย์เฉินหย่งถึงกับผงะ นึกไม่ถึงว่าจะมีเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการทรยศครั้งนี้ เขาคำรามเสียงเย็น “คุณกล้าตั้งคำถามกับคำสั่งของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณหรือ?”
เขาเคยคิดว่าการทรยศของอำมาตย์เฉินหลิงเกิดขึ้นเพราะอีกฝ่ายต้องรับตำแหน่งเป็นรองในหมู่เผ่าพันธุ์ปีศาจ ใครจะไปคิดว่าแท้ที่จริงแล้วความไม่พอใจของอีกฝ่ายมีต้นกำเนิดมาจากเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ!
เหตุผลที่เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณยับยั้งพวกเขาไว้จากการโจมตีเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็เพราะเธอไม่ปรารถนาที่จะให้ทั้งเผ่าพันธุ์ปีศาจและเผ่าพันธุ์มนุษย์ต้องถูกทำร้าย สถานการณ์ค่อยๆพลิกผันไปทีละน้อย โดยเฉพาะเมื่อมีจางเซวียนเข้ามา แล้วอำมาตย์เฉินหลิงคิดว่าการกระทำของเธอเป็นเรื่องไม่ถูกต้องหรือ?
“แน่นอนว่าไม่ ผมเป็นใครกันถึงจะกล้าตั้งคำถามกับการตัดสินใจของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ? แต่ก็นั่นแหละ ถ้าคุณตาย ผมก็จะได้เป็นฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณของพวกเรา ผมจะกลายเป็นผู้พยากรณ์ของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ คำพูดของผมจะเปรียบเสมือนคำบัญชา เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณอาจทรงพลังก็จริง แต่การเดินทางทะลุปราการแห่งมิตินั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต่อให้เทพเจ้าก็ยังต้องเผชิญกับแรงตีกลับมหาศาลหากพยายามจะทำแบบนั้น ไม่อย่างนั้นล่ะก็ เธอคงไม่ถูกบีบให้มาพำนักอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์มากว่าครึ่งปีหรอก!” อำมาตย์เฉินหลิงคำราม
“วางใจเถอะ หลังจากคุณตาย ผมก็จะรายงานเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณว่าคุณถูกพวก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์และสภาปรมาจารย์สังหาร ซึ่งผมรีบมาสมทบโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว แต่ก็สายเกินไป ก่อนตาย คุณได้มอบตำแหน่งของคุณในฐานะผู้นำสูงสุดของเผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณให้ผม สั่งการให้ผมดูแลและนำทางเผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณของเราต่อไป ผมจะใช้ชีวิตของคุณ เป็นแรงขับเคลื่อนเผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณและรวบรวมพวกเขาให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อต่อต้านเผ่าพันธุ์มนุษย์!”
“คุณ…” อำมาตย์เฉินหย่งจ้องหน้าอำมาตย์เฉินหลิงอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
หมอนี่วางแผนทุกอย่างไว้แล้วจริงๆ!
อำมาตย์เฉินหย่งเคยคิดว่าบริวารของเขาจะต้องล้างแค้นให้อย่างแน่นอนหากเขาถูกอำมาตย์เฉินหลิงกับคนอื่นๆสังหาร แต่เท่าที่เห็น ตลอดเวลาที่ผ่านมา อำมาตย์เฉินหลิงได้วางแผนที่จะป้ายความผิดทุกอย่างให้กับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์และสภาปรมาจารย์ ซึ่งไม่เพียงแต่จะปกป้องตัวเองจากผลกระทบที่อาจได้รับ เขายังจะสามารถปลุกเร้าความพึงพอใจจากเผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณและใช้เผ่าพันธุ์ปีศาจพวกนั้นเป็นเครื่องมือที่นำไปสู่เป้าหมายของเขาด้วย!
ได้ยินคำนั้น นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงหน้าถอดสีด้วยความพรั่นพรึง “อำมาตย์เฉินหลิง คุณลืมสัญญาที่ให้ไว้กับผมแล้วหรือ?”
เขาเคยคิดว่าการสังหารอำมาตย์เฉินหย่งจะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อเผ่าพันธุ์ปีศาจ ทำให้พวกนั้นแตกฉานซ่านเซ็นและเสื่อมถอยอำนาจลง แต่กลับตรงกันข้าม กลุ่มที่มีอำนาจที่สุดไม่ใช่กลุ่มของอำมาตย์เฉินหย่ง แต่เป็นอำมาตย์เฉินหลิง!
ถ้าอำมาตย์เฉินหย่งตาย สถานการณ์จะต้องบานปลายเกินควบคุมแน่!
“ไม่ต้องห่วงหรอก ผมรักษาสัญญาของผม แต่ส่วนคุณจะได้ระยะเวลา 300 ปีหรือไม่ นั่นเป็นสิ่งที่เราจะต้องหารือกันต่อไป…” อำมาตย์เฉินหลิงหัวเราะลั่น
ถ้าเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงไป แน่นอนว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจจะต้องเก็บตัวเงียบสักระยะ แต่ในเมื่อทรัพย์สมบัติล้ำค่าสูงสุดตกเป็นของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณแล้ว อีกทั้งเหล่านักปราชญ์โบราณของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์และสภาปรมาจารย์ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส…
นี่จะไม่ถือเป็นโอกาสงามสำหรับเผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณของพวกเขาที่จะเปิดการโจมตีหรือ?
“คุณพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงคำรามกร้าวขณะชูง้าวขึ้นอย่างอาฆาตมาดร้าย
นักปราชญ์โบราณคนอื่นๆรีบรวมตัวกันทันที เกรงว่าสองอำมาตย์จะเปิดการโจมตีพวกเขา
ลำพังแค่อำมาตย์เฉินหย่งเพียงคนเดียวก็เกินพอจะเล่นงานจนพวกเขาปั่นป่วนแล้ว ถ้าสองอำมาตย์เล่นงานพวกเขาอีก ทุกคนคงตกอยู่ในอันตราย
เห็นสีหน้าระแวงแคลงใจของนักปราชญ์โบราณเหยียนชิง อำมาตย์เฉินหลิงรู้ทันทีว่าเขาทำพลาด และมีโอกาสสูงที่ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์จะต้องสังหารเขาให้ได้ ต่อให้ต้องแลกมาด้วยชีวิตของตัวเอง “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ในเมื่อเราเป็นพันธมิตรกันแล้ว ผมก็ไม่มีทางเล่นงานคุณหรอก ถ้าผมทำ ผมก็จะต้องรับมือกับแรงตีกลับของคำปฏิญาณที่ผมให้ไว้ วางใจเถอะ ในอนาคตเราจะหารือเรื่องแผนการระหว่างสองเผ่าพันธุ์ของเราทันทีที่ผมกำจัดเขาได้สำเร็จ!”
อำมาตย์เฉินหลิงรู้ดีว่าเรื่องสำคัญที่สุดตอนนี้ไม่ใช่การรบราฆ่าฟันกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่คือการสังหารอำมาตย์เฉินหย่งและบั่นทอนอำนาจของอีกฝ่ายก่อน ซึ่งเมื่อเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาแล้ว เขาก็จะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะสั่งการได้ว่าควรรบราฆ่าฟันหรือทำตามข้อตกลง
อำมาตย์เฉินหลิงส่งรอยยิ้มน่าขยะแขยงให้อำมาตย์เฉินหย่งและพูดว่า “ลาก่อนนะ คุณน่ะเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือด้วยได้ยาก แต่ตอนนี้ ถึงเวลาที่คุณต้องพบจุดจบแล้ว!”
อำมาตย์เฉินหลิงเงื้อฝ่ามือขึ้น จากนั้นก็คำรามและปล่อยพลังออกไป
ราวกับใครสักคนพลิกโลกให้กลับด้าน พละกำลังมหาศาลตรงเข้าปะทะมิติโดยรอบ กดดันทุกอย่างที่อยู่ในเส้นทางของอำมาตย์เฉินหย่ง