Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1788
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1788
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1788 เสียงตะโกนขับไล่
สมาชิกที่เหลือพากันตัวสั่นด้วยความพรั่นพรึงและเสียใจ
พวกเขาได้ยินเรื่องร่ำลือมามากมายว่าอาณาจักรใต้ดินเต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติล้ำค่า และตราบใดที่โชคชะตาของพวกเขาไม่เลวร้ายจนเกินไป ก็จะได้ทรัพย์สมบัติมาด้วยการเข้าสู่ดินแดนนั้น ซึ่งจากทรัพย์สมบัติที่ได้ ทุกคนจะสามารถซื้อหาทรัพยากรที่เพียงพอต่อการยกระดับวรยุทธ ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะมาพบกับหมาป่าทรงพลังทั้งฝูงตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่เข้าสู่อาณาจักรใต้ดิน ถึงขนาดที่แม้แต่ปรมาจารย์อู๋ซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาก็ยังพ่ายแพ้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
ถ้าแม้แต่ปรมาจารย์อู๋ยังรับมือไม่ไหว แล้วพวกเขาจะเอาชนะหมาป่าใบเมเปิ้ลได้อย่างไร?
“เราต้องร่วมมือกันเพื่อจัดการหมาป่าพวกนี้ ไม่อย่างนั้น ต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่แน่…” ผู้อาวุโสคนหนึ่งพึมพำอย่างเคร่งเครียดขณะกัดฟันแล้วชักหอกออกมา
เขาถ่ายทอดพลังปราณเข้าสู่หอก จากนั้นก็เงื้อมันเพื่อเตรียมสังหาร
เขาเป็นแค่นักรบระดับเซียนขั้น 4 จิตวิญญาณต้นกำเนิด ขั้นต้น แต่มีความเชี่ยวชาญในศิลปะเพลงหอก ถ้าเป็นครั้งอื่นๆ เขาคงได้รับความชื่นชมยกย่องจากใครๆแล้ว
แต่ในสายตาของหมาป่าฝูงนั้น พละกำลังที่เขาสำแดงออกมาไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิง
ฟึ่บ!
หมาป่าใบเมเปิ้ลตัวหนึ่งกระโจนเข้าใส่ ด้วยการขย้ำเพียงครั้งเดียว หมาป่าสีเทาตัวนั้นก็ยับยั้งหอกไว้ได้ ในเวลาเดียวกัน มันก็ตะปบกรงเล็บเข้าใส่ผู้อาวุโส บาดแผลน่าสะพรึงปรากฏบนแผงอกของเขาทันที
“หลัวกง!”
เห็นผู้อาวุโสได้รับบาดเจ็บ ชายวัยกลางคนที่ยืนข้างเขาชักอาวุธออกมาทันทีและพุ่งเข้าใส่ ในเวลาเดียวกัน สมาชิกที่เหลือก็รู้ตัวแล้วว่าพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายขนาดไหน จึงรีบตามไปติดๆและสำแดงกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองโดยปราศจากความลังเล
ปึ้ก! ปึ้ก! ปึ้ก!
เสียงดังเหมือนต่อยกระสอบทรายดังขึ้นกลางอากาศ ฝูงชนที่พุ่งเข้าใส่หมาป่าใบเมเปิ้ลถูกสอยกระเด็นไป แต่ละคนร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง เนื้อตัวเปื้อนฝุ่น เลือดสีแดงก่ำไหลซึมออกจากมุมปากของพวกเขา
ความเหลื่อมล้ำในประสิทธิภาพการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายนั้นมีมากเกินไป และข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยก็ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงอีก ด้วยเหตุนี้ การต่อสู้จึงจบลงตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
เห็นสมาชิกในกลุ่มของเขาพ่ายแพ้ยับเยิน อู๋ควงรู้สึกสิ้นหวัง
ถ้าเขารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ คงเลือกเดินทางเข้าสู่อาณาจักรใต้ดินโดยลำพัง เพราะหากเกิดอะไรขึ้น ก็สามารถหันหลังกลับแล้วเผ่นหนีได้โดยไม่ลังเล
แต่สำหรับสถานการณ์ตอนนี้ ดูเหมือนพวกเขาจะเอาตัวไม่รอด…
ขณะที่อู๋ควงกำลังถอดใจ ก็เห็นชายสองคนที่เขาไม่เต็มใจให้เดินทางมาด้วยกำลังนั่งมองอย่างสงบนิ่งอยู่ข้างๆ ไม่เคลื่อนไหวแม้ฝูงหมาป่าใบเมเปิ้ลกำลังเข้าโจมตี ราวกับพวกเขาไม่รู้สึกรู้สากับการสู้รบที่ดำเนินอยู่
“พวกนั้น…” เขาอยากจะเกรี้ยวกราดใส่ทั้งคู่ที่ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่ลงท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจและพึมพำ “ช่างมันเถอะ ด้วยพละกำลังของพวกเขา ต่อให้เข้ามาช่วยเราก็ไม่มีประโยชน์…”
เด็กชายวัยรุ่นที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสกับชายหนุ่มที่ยังไม่ได้เป็นแม้แต่นักรบระดับเซียนขั้น 1…เมื่อพิจารณาถึงการที่ปรมาจารย์ระดับ 7 ดาวขั้นสูงสุดอย่างเขายังรับมือกับหมาป่าใบเมเปิ้ลไม่ได้ ต่อให้ทั้งสองเข้ามาช่วยก็คงไม่มีประโยชน์อะไร
“พลังงานที่อยู่ในร่างของปรมาจารย์นั้นบริสุทธิ์กว่านักรบธรรมดาสามัญมาก ผมต้องการคนนี้ ส่วนคนที่เหลือ ผมจะให้พวกคุณแบ่งสรรปันส่วนตามที่คุณพอใจ!” เมื่อเห็นเหยื่อของพวกมันถอดใจและล้มเลิกการตอบโต้ ราชาหมาป่าสั่งการด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะตรงเข้าหาอู๋ควง
ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นหรือเผ่าพันธุ์อสูร พลังปราณบริสุทธิ์ที่ไหลเวียนอยู่ในทางเดินพลังปราณของเหล่าปรมาจารย์คือน้ำทิพย์ล้ำค่าที่ใช้ในการยกระดับวรยุทธของพวกมัน
เห็นราชาหมาป่าย่างสามขุมเข้าหา อู๋ควงรู้ดีว่าตัวเองชะตาขาดแล้ว จึงก้มหน้าลงอย่างหม่นหมอง “ไม่นึกเลยว่าตัวผม, อู๋ควง จะต้องมาตายแบบนี้…”
เขาเคยคิดว่าตัวเองน่าจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในการเดินทางเข้าสู่อาณาจักรใต้ดิน แต่ยังไม่ทันจะได้อะไรสักอย่าง ทุกอย่างก็มาถึงจุดจบ
เขาแอบรวบรวมพละกำลังทั้งหมด ตั้งใจจะจบชีวิตของตัวเองไปพร้อมกับราชาหมาป่า แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร พื้นดินก็สั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างกะทันหัน เสียงทุ้มลึกดังมาจากใต้ดิน กระตุกจิตวิญญาณของทุกคน
“ไสหัวไป!”
พรึ่บ!
เสียงนั้นเย็นเยียบ ราวกับพายุคมปลาบท่ามกลางฤดูหนาว มันให้ความรู้สึกของการเป็นภัยคุกคามดุร้ายที่ทำให้ขนของราชาหมาป่าใบเมเปิ้ลกับพรรคพวกของมันต้องตั้งชันด้วยความหวาดระแวง พวกมันล่าถอยออกไปโดยสัญชาตญาณ ร่างมหึมาสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวขณะเลือดไหลเป็นทางออกจากปาก
การตวาดเพียงครั้งเดียวก็ทำให้พวกมันทุกตัวได้รับความบอบช้ำภายในแล้ว!
ราชาหมาป่ามองไปรอบๆด้วยความสงสัย พยายามค้นหาผู้ที่เป็นตัวการเล่นงานพวกมัน
แต่รอบข้างก็มีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีใครสักคนให้เห็น สายลมโชยอ่อนพัดเข้าสู่ความมืดมิด ฝูงหมาป่าใบเมเปิ้ลรู้สึกได้ว่าเลือดในกายค่อยๆแข็งตัว
เสียงเมื่อครู่นี้เป็นเสียงทุ้มลึก แต่ทิ่มแทงทะลุทะลวงเข้าสู่จิตวิญญาณของพวกมัน มันรู้สึกได้เลยว่าจะต้องถูกสังหารแน่หากกล้าเล่นงานมนุษย์กลุ่มนั้น
“ไปกันเถอะ!”
เมื่อรู้สึกได้ว่ามีผู้เชี่ยวชาญคอยจ้องจะเล่นงานพวกมันอยู่ ราชาหมาป่าสั่งการอย่างร้อนรนให้ทั้งกลุ่มล่าถอย พวกมันปากสั่น หางตกลงไปอยู่ที่หว่างขา จากนั้นก็รีบหันหลังกลับและหนีไปโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
คนพวกนี้ก็แค่ปรมาจารย์กลุ่มหนึ่ง ถึงเนื้อของพวกเขาจะโอชาแค่ไหน ก็ไม่อาจมีค่ามากไปกว่าชีวิตของพวกมัน
เห็นหมาป่าทั้งฝูงหนีกระเจิง อู๋ควงกับคนอื่นๆมองหน้ากันด้วยความสงสัยระคนโล่งอก ก่อนจะรีบทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นและโค้งคำนับอย่างงาม
“ผู้อาวุโส ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพวกเรา!”
แม้จะไม่รู้ว่าผู้อาวุโสอยู่ที่ไหน แต่การที่อีกฝ่ายช่วยชีวิตพวกเขาไว้ได้ ก็หมายความว่าเขาจะต้องอยู่ในจุดที่มองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทั้งกลุ่มยังคงโค้งคำนับเพื่อแสดงความสำนึกในบุญคุณอยู่นาน แต่ก็ไม่มีใครแสดงตัวตอบรับการโค้งคำนับนั้น ราวกับผู้อาวุโสเป็นแค่เสี้ยวหนึ่งของจินตนาการ และพวกเขากำลังคิดไปเอง
เมื่อเห็นว่าไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ หลัวกงหันไปถามอู๋ควง “ปรมาจารย์อู๋ เราจะทำอย่างไรต่อ?”
อู๋ควงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “พวกเราไม่มีทางหยั่งถึงความคิดของผู้เชี่ยวชาญระดับนั้นได้หรอก ถ้าเขาไม่อยากพบหน้าพวกเรา เราควรรีบจากไปจะดีกว่า!”
พวกเขาถึงขนาดกล่าวขอบคุณผู้อาวุโสแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมปรากฏตัว แสดงให้เห็นว่าผู้อาวุโสไม่เต็มใจเปิดเผยตัวเอง และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพียรพยายามให้เขาทำแบบนั้น
“ได้!”
ด้วยเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นจากฝูงหมาป่าใบเมเปิ้ล ทั้งกลุ่มรู้แล้วว่าอาณาจักรใต้ดินอันตรายแค่ไหนแม้จะไม่มีเผ่าพันธุ์ปีศาจอยู่ในพื้นที่ ต่างคนต่างไม่อยากจะอยู่ให้นานไปกว่านี้ จึงรีบลุกขึ้น แล้วมุ่งหน้าไป
พวกเขาเดินทางไปอีกราว 1 ชั่วโมง และโชคดีที่ไม่พบอันตรายใดๆ ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ผมรู้จักสถานที่ที่พวกเราจะได้พบสมุนไพร” อู๋ควงพูด “เราควรรีบไปที่นั่น รีบเก็บสมุนไพร และออกจากพื้นที่นี้เสีย ไม่อย่างนั้น อันตรายอาจเข้ามาอีก!”
ในเมื่อพวกเขาลงทุนเข้าสู่อาณาจักรใต้ดินซึ่งเป็นดินแดนอันตรายแล้ว ก็ไม่อาจกลับไปมือเปล่าได้
คนอื่นๆพยักหน้ารับ
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งลุกพรวดและพูดว่า “ก่อนจะออกเดินทางต่อ ผมอยากพูดอะไรสักหน่อย!”
ทุกคนหันขวับไปมอง
“ระหว่างการเผชิญหน้ากับหมาป่าใบเมเปิ้ลเมื่อครู่นี้ สองคนนั้นเอาแต่นิ่งเฉย ไม่ยอมทำอะไรเลย ผมขอเสนอว่าเราไม่ควรพาพวกเขาไปยังพื้นที่ที่มีสมุนไพร” ชายวัยกลางคนคำรามขณะชี้นิ้วไปที่จางเซวียนกับหวู่เฉิน
เมื่อครู่นี้ ตอนที่ฝูงหมาป่าใบเมเปิ้ลเข้าโจมตี ทั้งสองคนได้แต่นั่งนิ่งอยู่กับที่ราวกับเป็นรูปปั้น แต่ถึงขนาดนั้นแล้ว ก็ยังมีหน้าจะติดตามพวกเขาไปเก็บสมุนไพรล้ำค่าอีก จะหน้าหนาไปถึงไหน?
“จริงด้วย เราไม่ควรพาพวกเขาไป!”
“พวกเขาไม่มีประโยชน์อะไรเลย พาไปด้วยก็มีแต่จะเป็นภาระ”
คนอื่นๆต่างพยักหน้ารับ
ในเมื่อพวกเขากำลังจะเข้าสู่ดินแดนอันตราย ก็เป็นการดีที่สุดที่จะแน่ใจว่าสมาชิกทุกคนในกลุ่มแข็งแกร่งเต็มที่เท่าที่จะเป็นไปได้ สองคนนั้นไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลย แต่ยังอยากขอติดสอยห้อยตามไปด้วย แล้วพวกเขาจะต้องแบ่งสมุนไพรให้เจ้าคนหน้าหนาไร้ประโยชน์สองคนนี้หรือ?
ได้ยินคำพูดนั้น อู๋ควงย่นหน้าผากก่อนจะหันไปถามจางเซวียนกับหวู่เฉิน “พวกคุณมีอะไรจะแก้ตัวไหม?”
ไม่ใช่ว่าเขาอยากทอดทิ้งคนทั้งสอง แต่สิ่งที่ทั้งคู่แสดงออกเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหมาป่าใบเมเปิ้ลนั้นทำร้ายจิตใจกันเกินไป ไม่ยุติธรรมที่สมาชิกทั้งกลุ่มจะต้องแบ่งสมุนไพรกับสองคนนี้ เพราะพวกเขาไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์เลย
หวู่เฉินกำลังจะอ้าปากพูด แต่จางเซวียนโบกมือและพูดแทรก “ผมไม่มีอะไรจะพูดหรอก…”
“ถ้าอย่างนั้นก็รออะไรอยู่ล่ะ? ไสหัวไปซะ!” ชายวัยกลางคนคำรามลั่น
“ก็ได้ พวกคุณดูแลตัวเองนะ…”
เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่เป็นที่ต้อนรับ จางเซวียนส่ายหน้าและเดินจากไป ในตอนนั้นเอง รังสีอันทรงพลังก็ถาโถมเข้าใส่ทั้งกลุ่ม จากนั้น นกอินทรีหัวล้านตัวมหึมาก็ร่อนปราดลงมาหาพวกเขา