Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1810
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1810
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1810 เลือดมังกรอยู่ที่นี่หรือเปล่า?
ก่อนหน้านี้ จางเซวียนใช้จิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขาตระเวนไปทั่ววัง ทำให้บันทึกแผนผังของทั่วทั้งวังไว้ในความทรงจำได้ ด้วยเหตุนี้ ไม่ช้าเขาก็มาถึงหอนอน
จางเซวียนนำตราสัญลักษณ์ออกจากแหวนเก็บสมบัติและกดมันเบาๆที่ทางเข้า ทางเข้าค่อยๆปรากฏขึ้นบนฉนวน จากนั้นก็ก้าวเข้าไปข้างใน
สิ่งแรกที่เขาเห็นคือสวนขนาดใหญ่ที่มีพืชพรรณเขียวชอุ่มทุกชนิดเติบโตอยู่ เมื่อมองดูใกล้ๆ ก็รู้ว่ามันคือสวนสมุนไพร และพืชพรรณทุกชนิดที่กำลังเติบโตก็ล้วนแต่เป็นสมุนไพรล้ำค่า
จางเซวียนแอบใช้การรับรู้จิตวิญญาณกวาดไปทั่วสวนนั้นเพื่อพิจารณา ไม่ช้ารอยย่นก็ปรากฏบนหน้าผาก
มีสมุนไพรหลายร้อยชนิดแตกต่างกันไปในสวนสมุนไพรแห่งนั้นทุกชนิดมีคุณสมบัติทางยาอันน่าทึ่ง แต่ไม่ปรากฏหญ้าเกล็ดมังกรที่นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินเคยพูดถึงเลย
หรือว่าที่นี่จะไม่มีเลือดมังกร?
จางเซวียนสั่งการหอกสวรรค์กระดูกมังกรซึ่งแปลงร่างเป็นเข็มขัดรัดอยู่รอบเอวของเขาให้ตรวจจับสัญญาณของเลือดมังกรในพื้นที่อย่างถี่ถ้วน เขาเดินไปตามทางเดินอย่างช้าๆขณะสำรวจตรวจสอบอย่างระมัดระวัง
“หลันหยา มัวชักช้าอะไรอยู่? เร็วๆเข้า!”
ขณะที่จางเซวียนกำลังค่อยๆสำรวจพื้นที่โดยใช้การรับรู้จิตวิญญาณ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในสวนสมุนไพร เมื่อหันกลับไป ก็เห็นผู้อาวุโสคนหนึ่งกำลังจ้องมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์
ผู้อาวุโสมีอายุราว 60 ปี ดวงตาของเขาเป็นฝ้ามัวเล็กน้อย ราวกับจะสะท้อนถึงวันคืนอันยาวนานที่เขาได้ใช้ชีวิตมา แม้รังสีที่อีกฝ่ายแผ่ออกมาจะไม่ได้ทรงพลังมากนัก แต่แรงกดดันของเขาก็ดูจะทะลุทะลวงตรงเข้าสู่จิตวิญญาณ ทำให้ผู้พบเห็นต้องเชื่อฟัง
นักปราชญ์โบราณขั้น 2-บรมครูนักปราชญ์…จางเซวียนมองเห็นระดับวรยุทธของอีกฝ่ายทันที
เมื่อตอนที่อยู่ที่วิหารแห่งขงจื๊อ เขาได้พบนักปราชญ์โบราณหลายสิบคน และแหวนเก็บสมบัติของเขาก็เต็มไปด้วยศพของนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นบรมครูนักปราชญ์ จางเซวียนจึงคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับนักปราชญ์โบราณทุกระดับ
แม้อีกฝ่ายจะดูไม่แข็งแกร่งนัก แต่ก็มีพละกำลังและวรยุทธสูงกว่าหลันหยา
ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวสมองของจางเซวียน เขารีบพยักหน้าแล้วเดินไปหาผู้อาวุโส “มาแล้ว!”
เมื่อรู้สึกได้ถึงพฤติกรรมบางอย่างของอีกฝ่ายที่ผิดปกติไป ผู้อาวุโสจ้องหน้าจางเซวียนเขม็งพร้อมกับขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่มีอะไรผิดพลาด ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคือหลันหยาจริงๆ เขาจึงลดเสียงลงและย้ำอย่างเคร่งเครียด “วันนี้วันสุดท้ายแล้วนะ ห้ามมีอะไรผิดพลาด ไม่งั้นหัวของเราทั้งคู่หลุดจากบ่าแน่!”
“ผมเข้าใจ!”
แม้จางเซวียนจะไม่รู้ว่าผู้อาวุโสกำลังพูดถึงอะไร แต่ก็ไม่โง่พอจะตั้งคำถาม เขาพยักหน้าขณะเดินตามอีกฝ่ายเข้าสู่ห้องโถงใหญ่
ห้องโถงนั้นไม่มีไข่มุกกระจ่างราตรี หรือเทียน หรืออุปกรณ์ให้แสงสว่างใดๆ ทั่วทั้งบริเวณดูมืดมาก การก้าวเข้าไปในห้องให้ความรู้สึกเหมือนก้าวเข้าไปอีกโลกหนึ่ง ทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเขาดูจะหายวับไปทันที ไม่ว่าจะเป็นสรรพเสียงหรือรังสีต่างๆ
เป็นฉนวนที่ทรงพลังอะไรอย่างนี้! จางเซวียนคิดขณะที่แอบพิจารณาสภาพแวดล้อมด้วยความสงสัย
สมกับเป็นรังที่อำมาตย์เฉินหลิงใช้ซ่อนตัว มีอักษรโบราณจารึกไว้ทุกหนแห่งซึ่งแยกพื้นที่นี้ออกจากส่วนอื่นของพระราชวัง ดูเหมือนป้อมปราการที่อยู่ในป้อมปราการอีกทีหนึ่ง
ถ้าอำมาตย์เฉินหลิงไม่เดินผ่านประตูออกมา ต่อให้นักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้น 3-การฟื้นคืนชีพของสายเลือด ก็ไม่อาจมองทะลุฉนวนเพื่อสำรวจตรวจสอบสิ่งที่อยู่ภายในได้
บริเวณใจกลางห้องโถงนั้นมีแท่นบูชารูปกลมซึ่งมีเปลวไฟกำลังลุกโพลงอย่างดุเดือด เผ่าพันธุ์ปีศาจในชุดเกราะสีดำราว 100 ตัวนั่งอยู่รอบแท่นนั้น ทุกตัวล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่
เมื่อเห็นสิ่งที่ถูกจัดเตรียมไว้ จางเซวียนเลิกคิ้วขณะรู้สึกว่าหัวใจหนักอึ้ง
ถึงนักรบที่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่จะไม่ได้หายากเหมือนนักปราชญ์โบราณ แต่พวกเขาก็ยังถือเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของโลก แม้แต่ในหมู่กองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจ 110,000 ตัวที่วางแผนจะเข้ารุกรานทวีปแห่งปรมาจารย์ในครั้งนั้น ก็ยังมีนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่รวมอยู่เพียงไม่กี่สิบตัว แต่ตอนนี้ พวกมันกว่าร้อยตัวมารวมกันอยู่ที่นี่
อำมาตย์เฉินหลิงมีกลยุทธซ่อนไว้มากมายขนาดนี้เชียวหรือ?
“น้ำจากน้ำพุอยู่ที่ไหน?” เห็นหลันหยาตกอยู่ในภวังค์ ผู้อาวุโสตวาดอย่างหงุดหงิด “คุณมัวรีรออะไรอยู่? รีบรินมันลงไปสิ!”
“อ๋อ น้ำจากน้ำพุอยู่นี่!” จางเซวียนนำน้ำเต้าออกมาด้วยการสะบัดข้อมือและยื่นมันให้ผู้อาวุโส
“เป็นบ้าอะไรถึงมายื่นให้ผม?” ผู้อาวุโสงุนงงกับปฏิกิริยาอันคาดไม่ถึงของอีกฝ่าย แต่ก็รับน้ำเต้ามาโดยอัตโนมัติ
“คุณทำแทนผมก็ได้” จางเซวียนพูด
เขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรกับน้ำจากน้ำพุนั่น หากทำอะไรผิดพลาดลงไป ต้องถูกจับไต๋ได้แน่ ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น ผลักภาระให้ผู้อาวุโสน่าจะดีกว่า
“อำมาตย์เฉินหลิงสั่งการโดยตรงให้คุณเป็นคนทำ ผมทำแทนคุณย่อมไม่เหมาะสมแน่” ผู้อาวุโสพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ไม่เป็นไรน่ะ ฝ่าบาทคงไม่ถือสากับเรื่องแค่นี้หรอก” จางเซวียนพูดพร้อมกับหัวเราะเจื่อนๆ
ล้อเล่นน่ะ! ถ้าผมรู้ว่าต้องทำอย่างไรกับน้ำจากน้ำพุนี่ คุณคิดว่าผมจะมัวเสียเวลาพูดกับคุณหรือ?
“คุณ…” ได้ยินคำนั้น ผู้อาวุโสถึงกับโมโหเดือด เขากำลังจะเทศนาหลันหยา ก็พอดีกับที่พื้นดินสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างปุบปับแท่นบูชานั้นเริ่มส่ายไปมาอย่างรุนแรง
“ไม่มีเวลาจะเสียแล้ว…”
เห็นภาพนั้น ผู้อาวุโสนัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความหวาดหวั่น เขารีบเปิดจุกน้ำเต้าและเขย่ามันเบาๆ น้ำจากน้ำพุไหลลงรดแท่นบูชานั้นแล้วซึมไปทั่วทั้งผิวหน้า ไม่ช้าก็เกิดสัญลักษณ์ขึ้นมาตัวหนึ่ง
ฟึ่บ!
ทันทีที่เปลวไฟสัมผัสกับน้ำที่กำลังไหลซึม มันก็ลุกโพลงขึ้นอย่างดุเดือดกว่าเดิม
เปลวไฟร้อนแรงนั้นทำให้สัญลักษณ์แปรรูปไป
“เริ่มได้!” ผู้อาวุโสสั่งการ
เผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งนั่งล้อมรอบแท่นบูชาต่างกัดนิ้วของตัวเองและหยดเลือดลงบนกองไฟ
วิ้ง!
ด้วยการใช้เลือดเป็นบรรณาการ อุณหภูมิของเปลวไฟก็พุ่งทะยานมิติที่อยู่โดยรอบบิดเบี้ยวไป ภายใต้ความร้อนแผดเผานั้น
ในตอนนั้นเองที่จางเซวียนเพิ่งเห็นว่ามีเลือดสดๆสีแดงก่ำหย่อมหนึ่งถูกแผดเผาอยู่เหนือกองไฟ ดูเหมือนมันกำลังถูกขัดเกลาด้วยกรรมวิธีพิเศษบางอย่าง
เลือดหย่อมนั้นมีขนาดพอๆกับกำปั้น พลังงานดำมืดแผ่ซ่านอย่างดุเดือดออกจากมัน ราวกับมีมังกรตัวมหึมาโอบอยู่โดยรอบ
ขณะที่จางเซวียนกำลังครุ่นคิด เสียงร้อนรนเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหัว“นายท่าน นั่นคือเลือดมังกร…ดูเหมือนพวกนั้นกำลังขัดเกลาเลือดมังกร!”
หอกสวรรค์กระดูกมังกรตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นอยู่รอบเอวของเขา
“นั่นคือเลือดมังกรหรือ?” จางเซวียนตาโต
เขาเคยคิดว่าคงต้องลำบากยากเย็นไม่น้อยกว่าจะหาเลือดมังกรพบ ใครจะไปรู้ว่ามันอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง?
ปัญหาเดียวตอนนี้ก็คือมีคนอยู่รอบแท่นมากเกินไป ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ไม่มีทางที่จางเซวียนจะขโมยเลือดมังกรและหนีไปอย่างปลอดภัยได้
แค่รู้ที่อยู่ของเลือดมังกรก็ดีแล้ว…ว่าแต่พวกมันทำอะไร? จางเซวียนแอบครุ่นคิด
นำเลือดมังกรมาไว้เหนือแท่นบูชาและใช้เลือดของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ มาเป็นเชื้อเพลิงให้กับกองไฟ…เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังพยายามขัดเกลาเลือดมังกร ว่าแต่พวกมันพยายามจะขัดเกลาเลือดมังกรให้กลายเป็นอะไร?
“ถึงตาเราแล้ว, หลันหยา รีบจัดการซะ!” ผู้อาวุโสตะโกนก้อง
จางเซวียนหันกลับไป เห็นผู้อาวุโสกัดนิ้วและหยดเลือดของเขาลงไปบนแท่น
รู้ดีว่าต้องถูกสงสัยแน่หากยังมัวชักช้า จางเซวียนจึงรีบหยดเลือดของตัวเองลงไปบนแท่นบูชาด้วย
ซรืดดดดด!
ทันทีที่แท่นบูชาได้กลืนกินเลือดของผู้อาวุโส ร่างของอีกฝ่ายก็เริ่มเหี่ยวแห้ง ราวกับใครสักคนสูบพลังของเขาออกไป ใบหน้าของเขาซีดเผือด แก้มตอบยุบเข้าไปข้างใน
จางเซวียนรีบหันไปมองเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวอื่นๆ ทุกตัวล้วนแต่ตัวสั่นเทิ้มขณะที่พลังงานถูกสูบออกจากร่างไปอย่างรวดเร็ว
แท่นบูชานี้ไม่เพียงแต่จะกินเลือด ยังสูบจิตวิญญาณ พลังชีวิต และจิตใจด้วย!
จางเซวียนหรี่ตาอย่างพรั่นพรึง ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าทำไมถึงสังหารนักปราชญ์โบราณหลันหยาได้ง่ายดายนัก
เพียงแค่ใช้เลือดหยดหนึ่งเป็นบรรณาการ จิตวิญญาณของอีกฝ่ายก็เหี่ยวแห้งอย่างหนัก พลังงานจำนวนมากถูกดูดออกไป เท่าที่เห็น ชัดเจนว่าหลันหยาอยู่กับแท่นบูชานี้ตลอดเวลาและใช้หยดเลือดของเขาเป็นบรรณาการอยู่เรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ร่างกายของเขาจะอ่อนแอลงจนถึงจุดที่ปวกเปียกกว่านักปราชญ์โบราณโดยทั่วไป
เมื่อต้องรับมือกับการโจมตีอย่างปุบปับของนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกที่มีของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณอยู่ในมือ ในเมื่อหลันหยาอยู่ในสภาพนี้ ก็ไม่แปลกอะไรที่เขาจะเสียชีวิตเพราะการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ฮื่อออออ!
หลังจากกลืนกินเลือดของจางเซวียนและผู้อาวุโสแล้ว ร่างของมังกรที่อยู่ภายในเลือดมังกรก็ดูจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาเดียวกัน เสียงร้องแผ่วของมันก็ชัดเจนขึ้น ดูเหมือนมันพร้อมจะโผขึ้นสู่กลางอากาศได้ทุกขณะ
“เอ่อ…” เห็นภาพนั้น หอกสวรรค์กระดูกมังกรตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นขณะละล่ำละลัก “พวกมันไม่ได้แค่กำลังขัดเกลาเลือดมังกรแต่ยังพยายามใช้กรรมวิธีพิเศษบ่มเพาะเลือดมังกรเพื่อยกระดับขั้นของมันด้วย!”