Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1811
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1811
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1811 ยกระดับขั้นของเลือดมังกร
“พวกมันกำลังยกระดับขั้นของเลือดมังกร?” จางเซวียนขมวดคิ้ว
“เผ่าพันธุ์มังกรนั้นมีลำดับชั้นเข้มงวด ดังนั้น ความบริสุทธิ์ของเลือดมังกรจึงมีหลายระดับแตกต่างกันไป” หอกสวรรค์กระดูกมังกรตอบ
จางเซวียนพยักหน้า
เท่าที่เขาได้เห็น ดูเหมือนเผ่าพันธุ์มังกรจะมีรูปแบบเหมือนกันกับบรรดาตระกูลนักปราชญ์ในทวีปแห่งปรมาจารย์ ยิ่งสายเลือดมังกรมีความบริสุทธิ์มากขึ้นเท่าไหร่ ความปราดเปรื่องและทรงพลังก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
อย่างอสูรมังกรบาดาลเป็นตัวอย่าง แม้จะมีคำว่า ‘มังกร’ อยู่ในชื่อของมัน แต่ความจริงก็คือความบริสุทธิ์ของสายเลือดมังกรในตัวมันนั้นต่ำมาก ถ้าจะเปรียบเทียบกับตระกูลนักปราชญ์ ก็เหมือนสมาชิกในครอบครัวสาขา คือแทบไม่ควรค่าแก่การพูดถึง เพราะเหตุนี้ มันถึงยอมจำนนให้กับแปดโน้ตมังกรสวรรค์ของจางเซวียนอย่างง่ายดาย
หย่อมเลือดมังกรที่อยู่ตรงหน้าเขาดูเหมือนจะเป็นสิ่งเดียวกันกับที่นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินเคยพูดถึง เป็นเลือดของนักปราชญ์โบราณมังกรสีดำ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด สายเลือดของมันบริสุทธิ์กว่าอสูรมังกรบาดาลมาก
“โดยทั่วไป การยกระดับขั้นของเลือดมังกรนั้นแทบเป็นไปไม่ได้แต่พวกมันได้เสริมหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณและนักรบอีกมากมายเข้าไปในเลือดมังกร พร้อมกับใช้น้ำที่ใสสะอาดที่สุดมากำจัดสิ่งปนเปื้อนและกระตุ้นการเผาผลาญด้วย ตอนนี้น่ะอธิบายยาก แต่ผมมีความรู้สึกว่าพวกมันน่าจะทำสำเร็จ” หอกสวรรค์กระดูกมังกรพูดอย่างตื่นเต้น
เป็นอย่างที่หอกสวรรค์กระดูกมังกรบอกไว้ โดยปกติ เป็นไปไม่ได้ที่จะยกระดับขั้นของสายเลือด สิ่งที่เผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งกลุ่มกำลังทำคือทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อบ่มเพาะเลือดมังกร โดยหวังว่าจะผลักดันให้เกิดการยกระดับ แม้ในทางปฏิบัติจะเป็นไปได้ยาก แต่ด้วยนักปราชญ์โบราณ 2 คนและนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อีกมากมายที่ยอมทุ่มสุดตัวเพื่อการยกระดับครั้งนี้ พวกเขาก็น่าจะทำสำเร็จ
ฮื่อออออ!
ทันใดนั้น เสียงคำรามกึกก้องก็ดังขึ้นกลางอากาศ หลังจากกลืนกินหยดเลือดของจางเซวียนกับผู้อาวุโสลงไป รังสีของมังกรก็แผดกล้าขึ้นเรื่อยๆจนถึงระดับที่เริ่มจะปั่นป่วน
“มันใช้การได้แล้ว!” ผู้อาวุโสนัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความตื่นเต้นเขารีบลุกขึ้นและมองจางเซวียน “หลันหยา เราทำเกือบสำเร็จแล้วรีบยื่นข้อเสนอเร็วๆเข้า!”
“ยื่นข้อเสนอ?” จางเซวียนเหลียวมองโดยรอบ แต่ไม่มีบรรณาการใดๆให้เห็น
เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ควรทำอย่างไร และนั่นทำให้ปวดหัวตึ้บขึ้นมา
จางเซวียนเคยเห็นพิธีกรรมของเผ่าพันธุ์ปีศาจอยู่ครั้งหนึ่งตอนอยู่ที่วิหารแห่งขงจื๊อ แต่ไม่เคยทำด้วยตัวเอง ไม่มีทางที่เขาจะรู้เลยว่าขั้นตอนในพิธีกรรมของพวกมันมีอะไรบ้าง ถ้าเป็นอย่างนี้ เขาต้องถูกจับได้แน่!
เพราะแม้การปลอมตัวของเขาจะแนบเนียนแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวจริง หากเขาสามารถดำเนินพิธีการพิธีกรรมเรียกเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณด้วยตัวเองได้ ก็คงไม่ต้องตามอำมาตย์เฉินหย่งเข้ามาที่สนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจ
การกระทำก่อนหน้านี้ของจางเซวียนที่ยื่นน้ำเต้าให้ผู้อาวุโสก็ทำให้อีกฝ่ายเกิดความสงสัยมากพอแล้ว ถ้าเขาปฏิเสธที่จะดำเนินพิธีกรรมอีก ผู้อาวุโสต้องเล่นงานเขาแน่
จางเซวียนได้แต่ยืดตัวขึ้นและขย้อนเลือดขึ้นมาในลำคอ ทำให้สองแก้มของเขาแดงก่ำ
พลั่ก!
เลือดกระอักออกจากปากของจางเซวียน ร่างของเขาโงนเงนอย่างอ่อนแรงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้น
“คุณ…” นึกไม่ถึงว่านักปราชญ์โบราณหลันหยาจะพังพาบไปในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ ผู้อาวุโสหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธเกรี้ยว “ผมจะรายงานเรื่องนี้กับอำมาตย์เฉินหลิงแน่ รอการลงโทษได้เลย!”
จากนั้น เขาก็เบนสายตาไปจากจางเซวียนและเงื้อมือขึ้น
ฟึ่บ!
ในชั่วพริบตา กระแสดาบฉีมากมายนับไม่ถ้วนก็ปรากฏเหนือร่างของเขา จากนั้นเขาก็ลดมือลง อย่างรวดเร็ว
ฟิ้ววว! ฟิ้ววว!
กระแสดาบฉีพลุ่งพล่านไปทั่ว สังหารนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่กว่าร้อยตัวที่นั่งอยู่รอบแท่นบูชานั้น
ระหว่างการตัดศีรษะของเผ่าพันธุ์ปีศาจกว่าร้อยตัวอย่างโหดเหี้ยม เลือดสดๆก็กระเซ็นเข้าสู่แท่นบูชาอย่างต่อเนื่อง
เห็นภาพนั้น จางเซวียนเลิกคิ้ว
สังหารนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่กว่าร้อยตัวเหมือนผักปลาไม่แปลกใจแล้วที่เมื่อครู่นี้เขาไม่พบบรรณาการใดๆ แท้ที่จริงบรรณาการก็คือชีวิตของนักรบเหล่านี้นี่เอง
เป็นพิธีกรรมที่เหี้ยมโหดเหลือเกิน!
ขณะที่เลือดไหลซึมเป็นทางอยู่บนแท่น เสียงร้องโหยหวนราวกับพายุใหญ่ก็กึกก้องอยู่กลางอากาศ ลำแสงมากมายนับไม่ถ้วนแผ่ซ่านลงมาจากท้องฟ้าและโอบล้อมร่างของผู้อาวุโสไว้
“โอ เทพเจ้าผู้สูงส่ง ผมขอน้อมกายมอบชีวิตเหล่านี้ให้คุณ สิ่งที่ผมปรารถนาก็มีเพียงแค่การชำระเลือดมังกรนี้ให้บริสุทธิ์เท่านั้น…”เสียงของผู้อาวุโสดังก้องไปทั่ว
เขาพูดด้วยภาษาดึกดำบรรพ์ของเผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณ แผ่คลื่นพลังงานของความเหี้ยมโหดที่พุ่งตรงเข้าสู่ร่างของผู้ที่ได้ยิน
เสียงหนึ่งดังขึ้นช้าๆท่ามกลางลำแสงที่รวมตัวกัน “ฉันจะทำให้คุณสมความปรารถนา!”
จางเซวียนรีบมองตามลำแสงที่อยู่กลางอากาศ หวังจะได้เห็นว่าผู้นั้นคือหลัวลั่วชิงหรือไม่ แต่แสงที่เจิดจ้าทำให้เขามองไม่เห็นอะไรเลย ในเวลาเดียวกัน เสียงนั้นก็ฟังดูอลังการมาก ยากที่จะระบุได้ว่าเป็นเสียงของชายหรือหญิง
ฟึ่บ!
ทันทีที่เสียงนั้นให้คำตอบ ลำแสงก็เข้มข้นขึ้นทันที กระแสพลังงานแผ่ลงมาจากกลางอากาศและหลอมรวมเข้ากับเลือดมังกร ทำให้มันเดือดพล่าน
ราวกับได้รับการบ่มเพาะจากอะไรสักอย่าง ร่างของมังกรที่อยู่ในเลือดมังกรขยายใหญ่ขึ้นทันที ในเวลาเดียวกัน รังสีที่ร่างมังกรนั้นแผ่ออกมาก็ดูจะเข้มข้นและทรงพลังขึ้นอีกมาก
แม้จะแทบเป็นไปไม่ได้ที่นักรบทั่วไปจะยกระดับขั้นของเลือดมังกรแต่ภารกิจนี้ก็ไม่เหนือความสามารถของเทพเจ้า!
ไม่น่าเชื่อว่าอีกฝ่ายจะรวบรวมพลังงานได้มากมายและยอมเซ่นสรวงอีกหลายชีวิตเพียงเพื่อเรียกเทพเจ้ามา!
ขณะที่ร่างของมังกรขยายตัวขึ้น เลือดหย่อมนั้นก็ดูจะลดขนาดลงจากเดิมที่มีขนาดพอๆกับกำปั้น ตอนนี้มันหดเล็กลงจนเหลือเท่าเล็บมือ
แม้ปริมาณของมันจะลดลงมาก แต่พลังงานที่แผ่ออกมากลับเข้มข้นและมีความรุนแรงมากขึ้น มันแผ่แรงกดดันมหาศาลออกไปโดยรอบ ราวกับพละกำลังของมันใกล้จะถึงขีดสุดแห่งความทนทานของโลกใบนี้ และน่าจะเข้าถึงโลกใบที่สูงส่งกว่าได้ในไม่ช้า
เขาเคยรับรู้ความรู้สึกนี้จากหลัวลั่วชิงมาแล้วครั้งหนึ่ง
เมื่อตอนที่อยู่ในวิหารแห่งขงจื๊อ เพราะความแข็งแกร่งของเธอเหนือชั้นกว่าที่ทวีปแห่งปรมาจารย์จะทนทานไหว เธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากหันหลังกลับและรีบจากไป
เห็นได้ชัดว่าเลือดมังกรที่อยู่ตรงหน้าเขาฝ่าด่านคอขวดของวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดไปสู่วรยุทธขั้นที่สูงกว่าแล้ว!
“นายท่าน ถ้าผมได้กลืนกินเลือดมังกรหย่อมนั้น ไม่เพียงแต่จะปลดฉนวนของตัวเองได้ ยังสามารถยกระดับวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณขั้น 4 ได้ด้วย” หอกสวรรค์กระดูกมังกรอุทานด้วยความตื่นเต้น
จางเซวียนก็หน้าแดงก่ำ แต่พยายามสูดหายใจลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนจะสั่งการกับหอกสวรรค์กระดูกมังกร “ช้าก่อน เราจะดำเนินการหลังจากที่พลังของเทพเจ้าเสื่อมสลายไปแล้ว!”
เขาเคยคิดว่าคงเป็นความโชคดีครั้งใหญ่หากปลดฉนวนของหอกสวรรค์กระดูกมังกรได้ แต่ใครจะไปคิดว่าสิ่งนี้จะมาเกิดขึ้นพร้อมๆกับพิธีกรรมยกระดับขั้นของเลือดมังกรของเผ่าพันธุ์ปีศาจ?
ถ้าหอกสวรรค์กระดูกมังกรสามารถกลืนกินและซึมซับเลือดมังกรได้ มันจะต้องข้ามผ่านการแปรสภาพครั้งใหญ่และเข้าสู่ระดับที่สูงขึ้นได้แน่
ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ตราบใดที่เขายังมีหอกสวรรค์กระดูกมังกรอยู่ในมือ อำมาตย์เฉินหลิงก็ทำอะไรเขาไม่ได้อีกต่อไป ต่อให้อีกฝ่ายอยู่ในสภาวะแข็งแกร่งสูงสุดก็ตาม!
แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับการจ้วงแทงหอกเพียงครั้งเดียวของเขา
แต่ถ้าหอกสวรรค์กระดูกมังกรอยากกลืนกินเลือดมังกรที่ได้รับการยกระดับแล้ว ก็จะต้องรอให้พลังจากเทพเจ้าสลายตัวไปก่อน ไม่อย่างนั้น ถ้าเทพเจ้าโกรธเกรี้ยวขึ้นมาและลงโทษเขา เหตุการณ์ที่ตามมาหลังจากนั้นคงไม่ใช่สิ่งที่เขาจะรับไหว
“ได้!” หอกสวรรค์กระดูกมังกรตอบรับ มันสั่นสะท้านไม่หยุดอยู่รอบเอวของจางเซวียน แทบควบคุมตัวเองไม่ได้
มันไม่เคยพบเจอโอกาสแบบนี้มาก่อน แม้กระทั่งเมื่อสมัยที่ยังอยู่กับนักปราชญ์โบราณหรันชิว
เมื่อมีเลือดมังกรประกอบกับประสิทธิภาพการต่อสู้อันสูงส่งของมันต่อให้มันยังเทียบชั้นกับปรมาจารย์ขงผู้เก่งกาจไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะสูสีกับไอ้โหด
ขณะที่ทั้งสองกำลังสื่อสารกัน รังสีของเทพเจ้าก็เริ่มสลายตัวไปจากบรรยากาศ จากนั้น ลำแสงเจิดจ้าบนแท่นก็เริ่มจาง
ท่ามกลางเปลวไฟลุกโพลง มีเลือดมังกรอยู่เพียงหยดเดียว ด้วยสีแดงก่ำของไฟ เลือดหยดเดียวนั้นดูจะมีพละกำลังมากเสียจนเหมือนจะมีชีวิตจิตใจเป็นของตัวเอง มันพยายามดิ้นรนให้พ้นจากแท่นบูชาและกระโจนขึ้นสู่ท้องฟ้าอันไร้ขอบเขต
แต่เพราะมีค่ายกลอันทรงพลังปิดกั้นอยู่ มันจึงไม่มีทางหลบหนีได้
ผู้อาวุโสนัยน์ตาแดงก่ำขณะร้องออกมาอย่างลิงโลด “เราทำสำเร็จแล้ว!”
หลังจากเหนื่อยยากมาตลอดทั้งเดือน ในที่สุดความพยายามของพวกเขาก็เป็นผล ผู้อาวุโสรู้สึกเหนื่อยอ่อนขึ้นมาทันที เกือบจะทนไม่ไหวและทรุดฮวบลงกับพื้น
“เชิญอำมาตย์เฉินหลิงมา!” เขาตวาดก้องพร้อมกับกำหมัดแน่น
“เอาล่ะ ตอนนี้ก็ขโมยเลือดมังกรได้แล้ว!”
ได้ยินคำพูดของผู้อาวุโส จางเซวียนหน้าถอดสีด้วยความพรั่นพรึงเพราะเมื่อไรก็ตามที่อำมาตย์เฉินหลิงปรากฏตัว ก็ไม่มีทางที่เขาจะได้แตะต้องเลือดมังกรหยดนั้น
ด้วยการตบมือครั้งหนึ่ง หอกสวรรค์กระดูกมังกรก็พุ่งออกจากเอวของเขาทันที
ดูเหมือนมันจะรู้ว่าสถานการณ์เร่งด่วนแค่ไหน จึงแปรสภาพเป็นโครงกระดูกมังกรสีดำอย่างไม่ลังเลและพุ่งเข้าใส่แท่นบูชา
เมื่อเห็นโครงกระดูกมังกรสีดำและนึกได้ถึงกิริยาแปลกๆของอีกฝ่ายระหว่างที่พิธีกรรมดำเนินไป ผู้อาวุโสตาโตขณะอุทานออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ “คุณ…คุณไม่ใช่นักปราชญ์โบราณหลันหยา? คุณเป็นใครกัน?”
เขายกแขนขึ้นทันทีเพื่อยับยั้งโครงกระดูกมังกรสีดำไม่ให้เข้าถึงแท่นบูชา
ฟิ้วววว!
พละกำลังของนักปราชญ์โบราณระเบิดออกมา มันพุ่งขึ้นสู่กลางอากาศเพื่อสร้างปราการที่สกัดกั้นโครงกระดูกสีดำไว้ไม่ให้เข้าถึงแท่นบูชาได้