Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1815
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1815
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1815 หลบหนี
บึ้มมมมม!
พละกำลังมหาศาลแผ่ซ่านไปทั่วพื้นที่และปะทะจางเซวียน
เพราะนักปราชญ์โบราณห้าคนสำแดงพละกำลังพร้อมกัน จึงดูราวกับถึงวันหายนะของโลก โลกกลายเป็นสีดำสนิทขณะที่มิติโดยรอบแหลกสลายเป็นฝุ่นผง ใครก็ตามที่เข้าใกล้จะต้องถูกพละกำลังมหาศาลนั้นฉีกกระชากจนหายวับไปจากโลกนี้
เห็นพลังที่อยู่ตรงหน้า นักปราชญ์โบราณโม่หลิงหน้าซีดเผือดและตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว “เราต้องรีบหนีแล้ว…”
เห็นได้ชัดว่านักปราชญ์โบราณทั้งห้าได้ฝึกฝนค่ายกลผนึกกำลังบางอย่าง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางสำแดงพลังมหาศาลขนาดนี้ได้
ยังน่าสงสัยอยู่ว่าต่อให้นักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดโลกจารึกก็จะเอาตัวรอดจากการโจมตีครั้งนี้ได้หรือเปล่า นับประสาอะไรกับเขา
เขากำลังคิดว่าสถานการณ์เริ่มจะพลิกผันมาเป็นประโยชน์ เพราะในเมื่อประธานสมาคมคนใหม่ปรากฏตัวแล้ว พวกเขาก็น่าจะเรียกตัวตนเดิมกลับคืนมาและปล่อยให้ทายาทของพวกเขาได้มีที่ทางอย่างภาคภูมิใจในทวีปแห่งปรมาจารย์อีกครั้ง แต่ใครจะไปคิดว่าจางเซวียนจะไว้ใจไม่ได้ถึงขนาดนี้?
เพิ่งพบกันได้ครู่เดียว อีกฝ่ายก็พุ่งเข้าสู่ประตูนรกเสียแล้ว!
มันบ้าบออะไรกันนี่?
นักปราชญ์โบราณโม่หลิงปราดเข้าไปคว้ามือจางเซวียนไว้ หวังจะช่วยอีกฝ่ายให้ปลอดภัย แต่จางเซวียนกลับส่ายหน้าและสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา
“มาเล่นงานผมเลย!”
ด้วยความงุนงง นักปราชญ์โบราณโม่หลิงหันไปมองชายหนุ่ม เห็นอีกฝ่ายกำลังจ้องหน้า นักปราชญ์โบราณทั้งห้าที่อยู่กลางอากาศด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย
“….”
นักปราชญ์โบราณโม่หลิงถึงกับขนลุกขนชัน
เหล่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณทำอะไรผิด ถึงต้องเจอประธานสมาคมที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยขนาดนี้?
นักปราชญ์โบราณโม่หลิงคับอกคับใจเสียจนร่างแทบระเบิด เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้ความหวังและอนาคตของเหล่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณต้องจบชีวิต จึงรวบรวมพละกำลังเข้าไปคว้าตัวจางเซวียนไว้อีกครั้ง แต่ยังไม่ทันจะได้เข้าใกล้อีกฝ่าย จางเซวียนก็ชูแขนทั้งสองข้างขึ้นแล้วตวาดก้อง “เปิดใช้งาน!”
บึ้มมม!
ในเวลาเดียวกันนั้น พลังสีดำก็พุ่งเข้าปะทะจางเซวียน แต่กลับตรงกันข้ามกับที่นักปราชญ์โบราณโม่หลิงคิดไว้ อีกฝ่ายไม่ได้แหลกสลายเป็นฝุ่นผง การโจมตีนั้นมาหยุดอยู่ห่างจากเขาไม่ถึง 2 เซนติเมตร จากนั้นก็แตกออกเป็น 5 ส่วนและสลายตัวไป
“นี่คือ…อานุภาพของค่ายกลของเขา?” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงหรี่ตาอย่างตกตะลึง
เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังงานน่าทึ่งที่ปกป้องชายหนุ่มไว้ นักปราชญ์โบราณโม่หลิงรีบก้มลงมอง เห็น อักษรจารึกทั้งหมดเรืองแสงขึ้นมาพร้อมกัน หรือพูดอีกอย่างก็คือค่ายกลทั้งหมดกลับมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งเพื่อปกป้องจางเซวียน
พลังจิตวิญญาณปริมาณมหาศาลเข้ามารวมตัวกันอยู่เหนือร่างของชายหนุ่ม โดยก่อตัวเป็นปราการพลังงาน 5 เหลี่ยม
การโจมตีของนักปราชญ์โบราณทั้งห้าถูกปราการพลังงานนี้ซึมซับไป และปล่อยมันเข้าสู่ค่ายกล
“นี่คือ…ปราการที่ซึมซับพลังและเปลี่ยนเป็นพลังงานหรือ?” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงถึงกับอึ้ง
เขารู้ว่านักปราชญ์โบราณทั้งห้าทรงพลังแค่ไหนเมื่อทุกคนผนึกกำลังกัน หรือต่อให้ผนึกกำลังกันแค่สามคน ตัวเขาก็ต้านทานไม่ไหวแล้ว
แต่ไม่เพียงชายหนุ่มจะรับมือกับการโจมตีของพวกนั้นได้ ยังซึมซับพลังงานไว้ได้ด้วย นี่คือค่ายกลที่ติดตั้งเสร็จภายในเวลาไม่ถึง 10 อึดใจจริงๆหรือ?
การจะสร้างค่ายกลอยู่บนค่ายกลที่มีอยู่มากมายในพื้นที่ก็ยากพอแล้ว แต่ค่ายกลขนาดมหึมาที่จางเซวียนสร้างขึ้นได้รวบรวมพลังงานจากค่ายกลต่างๆในพื้นที่นั้นเอาไว้ทั้งหมดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของมัน
นี่คือวีรกรรมที่เรียกได้อย่างเดียวว่า ‘ปาฏิหาริย์!’
จางเซวียนไม่แยแสความตกใจของนักปราชญ์โบราณโม่หลิง เขาหันฝ่ามือไปหานักปราชญ์โบราณทั้งห้าแล้วส่งเสียงเรียก “กลับมา!”
ปราการพลังงานห้าเหลี่ยมรวบรวมพลังงานที่เพิ่งซึมซับมาได้เข้าด้วยกัน และสร้างกรงพลังงานขังนักปราชญ์โบราณทั้งห้าไว้
“เฮ้ย…”
“เวรละ แย่แล้ว…”
นักปราชญ์โบราณทั้งห้าคิดไม่ถึงว่าการผนึกกำลังกันของพวกเขาจะถูกเล่นงานได้รวดเร็วขนาดนั้น แถมชายหนุ่มยังตอบโต้กลับโดยใช้วิธีเดียวกันด้วย
ทั้งห้าคนหน้าซีดเผือดด้วยความพรั่นพรึง ทุกคนรีบผนึกกำลังกันอีกครั้งเพื่อรับมือกับกรงพลังงานที่โอบรัดพวกเขาเข้ามาอย่างรวดเร็ว
บึ้มมมม!
พลังจากทั้งสองฝ่ายปะทะกัน นักปราชญ์โบราณทั้งห้ากระอักเลือดออกมาพร้อมกันขณะที่ต้องถอนกำลังเพราะแรงปะทะนั้น
ตั้งแต่แรก ค่ายกลที่อยู่ในหอนอนของอำมาตย์เฉินหลิงถูกออกแบบมาให้รับมือกับการโจมตีได้แม้แต่จากนักรบที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุด แต่เมื่อผนวกเข้ากับค่ายกลของจางเซวียน ประสิทธิภาพของค่ายกลนั้นก็เหนือกว่ากว่าที่ใครจะคาดถึง แม้แต่การผนึกกำลังกันของห้านักปราชญ์โบราณก็ยังมีอานุภาพไม่พอจะเอาชนะมัน
“ไอ้โหด เก็บหอกสวรรค์กระดูกมังกร แล้วมากับผม!”
แม้การโจมตีของจางเซวียนจะได้ผล แต่ก็ไม่ได้เดินหน้า เขาหันไปบอกไอ้โหดซึ่งยังคงกำลังต่อสู้กับอำมาตย์เฉินหลิงแล้วเรียกอีกฝ่ายกลับมา
ในเวลาเดียวกัน ลำแสงสีดำก็พาดผ่านมุมของปราการห้าเหลี่ยม ก่อนจะดูดกลืนพลังของอำมาตย์เฉินหลิง
ไอ้โหดดิ้นรนจนเป็นอิสระจากการโจมตีของอำมาตย์เฉินหลิงได้สำเร็จ มันโบกมือ แล้วหอกสวรรค์กระดูกมังกรกับศพนักปราชญ์โบราณ 3 คนที่กองอยู่กับพื้นก็ลอยเข้าสู่มือของมัน
“ไปกันเถอะ!”
หลังจากเสร็จสิ้น จางเซวียนโบกมืออีกครั้ง แล้วปราการพลังงานห้าเหลี่ยมก็สร้างทางเดินแห่งมิติขึ้นมาสายหนึ่ง ไอ้โหด, นักปราชญ์โบราณโม่หลิง และจางเซวียนกระโจนเข้าสู่ทางเดินแห่งมิตินั้น พวกเขาหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
เห็นจางเซวียนหายตัวไป อำมาตย์เฉินหลิงโมโหจนแทบระเบิด เขาหันไปตวาดนักปราชญ์โบราณทั้งห้า “พวกคุณมัวทำอะไรอยู่? เร็วเข้า ตามพวกมันไป!”
“คุณควรจะดูเสียก่อนนะว่าเขาควบคุมค่ายกลในหอนอนของคุณได้อย่างไร!”
ด้วยความทรงพลังของค่ายกลนี้ เราต้องได้รับบาดเจ็บแน่หากใช้กำลังทำลายมัน”
ห้านักปราชญ์โบราณปฏิเสธหน้าตาเฉย ไม่คิดจะตามล่าตัวจางเซวียนอีกต่อไป
แม้พวกเขาจะอยากได้ในสิ่งที่อำมาตย์เฉินหลิงสัญญาว่าจะมอบให้ แต่ก็ไม่คิดจะเอาชีวิตเข้าเสี่ยง ถึงอย่างไร พวกเขาก็รู้ว่าอำมาตย์เฉินหลิงยังคงต้องการตัวพวกเขาอยู่ จึงน่าจะมีหนทางอื่นที่จะได้สิ่งตอบแทนเหล่านั้นมา
ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ถูกค่ายกลเล่นงาน นักปราชญ์โบราณทั้งห้าจึงหยุดการโจมตีและล่าถอย ไม่ใช่เพราะพวกเขาเอาชนะมันไม่ได้ แต่เพราะไม่เต็มใจเอาตัวเข้าแลก
“ฮึ่มมมม!”
อำมาตย์เฉินหลิงหน้าซีดเผือดด้วยความโกรธจัด เขารู้ดีว่าความสัมพันธ์ของเขากับห้านักปราชญ์โบราณมีความเป็นพันธมิตรกันมากกว่าจะเป็นเจ้านายกับบริวาร การที่คนเหล่านั้นเต็มใจช่วยยับยั้งจางเซวียนไว้ก็ถือว่าดีพอแล้ว การจะให้พวกเขาเอาชีวิตเข้าเสี่ยงเพื่อตามล่าจางเซวียนถือเป็นการคาดหวังมากเกินไป
เผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นเกิดมาพร้อมกับพละกำลังและอายุขัยที่เหนือชั้น ด้วยความได้เปรียบโดยธรรมชาติที่เผ่าพันธุ์ของพวกเขามีเหนือเผ่าพันธุ์มนุษย์ การจะพลิกแผ่นดินของทวีปแห่งปรมาจารย์ เพื่อทำลายให้สิ้นซากก็ไม่ใช่เรื่องยาก เหตุผลเดียวที่พวกเขาทำไม่สำเร็จแม้จะผ่านมาหลายหมื่นปีแล้วก็เพราะแต่ละคนเห็นแก่ตัวเกินไป
ในเมื่อไม่มีใครเต็มใจเอาชีวิตเข้าเสี่ยง ก็ไม่มีทางรวมกันเป็นหนึ่งได้
เรื่องนี้ไม่ได้หมายถึงเฉพาะสามอำมาตย์ใหญ่ แต่ยังรวมถึงขุนนางมากมายที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของพวกเขาด้วย ถ้าทุกคนสามารถรวมตัวกันเพื่อสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันได้อย่างเหล่าปรมาจารย์ ก็คงไม่ต้องติดแหงกอยู่ในสนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจมาเนิ่นนานแบบนี้
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญกว่าก็คือพวกเขาขาดผู้นำที่แข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยวพอที่จะสามารถรวมทุกคนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้เหมือนอย่างที่ไอ้โหดเคยทำมาในอดีต
แม้อำมาตย์เฉินหย่งจะขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็เหนือชั้นกว่าอีก 2 อำมาตย์ไม่มาก จึงไม่อาจทำให้ทั้งสองยอมจำนนต่อเขาได้
อำมาตย์เฉินหลิงนำยาเม็ดออกมาเม็ดหนึ่งและกลืนมันลงไป เมื่อผิวพรรณของเขาดูดีขึ้นเล็กน้อย เขาก็รีบหันกลับมาจ้องมองค่ายกลที่อยู่ด้านล่าง
ค่ายกลของหอนอนคือสิ่งที่ตัวเขากับเหล่าบรรพบุรุษได้ทุ่มเททั้งแรงกายและเวลามากมายในการติดตั้งมัน มีแต่ตัวอำมาตย์เฉินหลิงและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้นที่ควบคุมมันได้ แล้วทำไม หมอนั่นถึงสกัดกั้นนักปราชญ์โบราณทั้งห้าไว้ได้อยู่หมัด แถมอานุภาพของมันก็เหนือชั้นกว่าที่เคยเป็นด้วย?
เมื่อไม่อาจทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น อำมาตย์เฉินหลิงกัดนิ้วของเขาและหยดเลือดหยดหนึ่งลงไป
กุญแจในการควบคุมค่ายกลคือสายเลือดของเขา ขอแค่หยดเลือดของเขาลงไป ก็จะสามารถควบคุมค่ายกลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิม
วิ้งงง!
ทันทีที่เลือดถูกหยดลงไป ค่ายกลก็เริ่มส่งเสียงหึ่งแสดงการทำงาน กระแสพลังงานเจิดจ้ามารวมตัวกันที่บริเวณใจกลาง
ขณะที่อำมาตย์เฉินหลิงควบคุมพลังงานให้สร้างโดมขึ้นมาปกป้องรอบตัวเขา และเริ่มจะฟื้นคืนพละกำลังกลับมาได้บ้าง เสียงหึ่งดังสนั่นก็ดังมาจากด้านล่าง มันดังเสียจนแทบจะทะลุแก้วหู
บึ้มมมม!
ทันใดนั้น พลังงานมหาศาลก็ระเบิดออกจากใจกลางค่ายกล ตึกรามบ้านช่องมากมายที่อยู่ในอาณาเขตวังของอำมาตย์เฉินหลิงซึ่งมั่นคงยั่งยืนมากว่าหลายหมื่นปีพังราบเป็นหน้ากลองไปเมื่อเผชิญกับคลื่นพลังงานนั้น
ค่ายกลสูญเสียการควบคุมและระเบิดตัวเอง!