Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1842
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1842
ตอนที่ 1842 อำมาตย์เฉินชิง
อำมาตย์เฉินชิงมักวางตัวเป็นกลาง ไม่ยอมเข้าข้างใคร แต่คราวนี้เขา
เลือกร่วมมือกับอำมาตย์เฉินหลิงเพื่อลอบสังหารอำมาตย์เฉินหย่ง
สิ่งนี้ฝังรากลึกอยู่ในใจของอำมาตย์เฉินหย่งตลอดมา
ความตั้งใจดั้งเดิมของเขาคือเล่นงานอำมาตย์เฉินหลิงก่อนแล้วค่อย
เผชิญหน้ากับอำมาตย์เฉินชิง แต่การพลิกผันอย่างปุบปับของ
เหตุการณ์ทำให้แผนการเดิมของเขาไม่เป็นผล ใครจะไปคิดว่า
อำมาตย์เฉินชิงจะปรากฏตัวตอนที่ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว?
ขณะที่ทุกคนจับตามองอำมาตย์เฉินชิงอย่างหวาดระแวงเพราะเกรง
ว่าจะเกิดอะไรขึ้นสักอย่าง อำมาตย์เฉินชิงก็ทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น
อย่างปุบปับและร่ำร้อง “ผมมาชดใช้ความผิดของผม, อำมาตย์เฉิน
หย่ง นี่คือร่างกายท่อนล่างของอำมาตย์ไอ้โหด ผมเก็บมันไว้เพื่อ
แทนคำขอโทษสำหรับความโง่เขลาของผมที่ผ่านมา!”
ด้วยการสะบัดข้อมือ กระดูกท่อนขา 2 ข้างก็ปรากฏตรงหน้าอำมาตย์
เฉินชิง แผ่รังสีที่ทรงพลังอย่างน่าทึ่งออกมา
มันคือขาและเท้าทั้งสองข้างของไอ้โหด
ไม่น่าเชื่อเลยว่าอำมาตย์เฉินชิงครอบครองสิ่งนี้มาตลอด
“ปกป้องตัวเองทันทีที่รู้สึกว่าอะไร ๆ ไม่เป็นอย่างที่คิดงั้นหรือ? ง่าย
ดีนะ!” นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงคำรามลั่น
เขามีอารมณ์ร้อนอยู่เสมอ และทนไม่ไหวกับใครก็ตามที่ไร้ศักด์ิศรี
จนสามารถแปรพักตร์สลับไปมาได้เพื่อไปหาใครก็ตามที่มีอำนาจ
มากกว่า
แม้จะเห็นท่าทีเหยียดหยามของนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิง แต่
อำมาตย์เฉินชิงก็ยังคงก้มศีรษะขณะพูดต่อ “ผมเต็มใจยอมรับการ
ลงโทษใด ๆ ก็ตามที่คุณจะลงโทษผม, อำมาตย์เฉินหย่ง!”
แม้เขาจะยังคงบาดเจ็บสาหัสจากการที่อำมาตย์เฉินหย่งโจมตีเขาที่
วิหารแห่งขงจื๊อ แต่การสูญเสีย อำมาตย์เฉินหลิงซึ่งเป็นพันธมิตรไป
ก็ถือเป็นเรื่องใหญ่
อีกอย่าง อำมาตย์เฉินชิงรู้ดีว่าตัวเขาคือเป้าหมายต่อไปของอำมาตย์
เฉินหย่ง ต่อให้อำมาตย์เฉินหย่งตายไปเดี๋ยวนี้ ทั้งผู้สืบทอดและ
พันธมิตรของอีกฝ่ายก็จะต้องตามล่าตัวเขาเพื่อล้างแค้น
“เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้นในเมืองหลวง แต่คุณก็หลบลี้หนีหน้า
คุณรอให้การสู้รบจบสิ้นก่อนเพื่อจะได้รู้ว่าควรมาภักดีกับใคร ใช่
ไหม?” จางเซวียนตั้งข้อสังเกตด้วยน้ำเสียงดูถูก
การสู้รบที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทำให้ทั้งเมืองหลวงสั่นสะเทือน ใน
ฐานะหนึ่งในสามอำมาตย์ ไม่มีทางที่อำมาตย์เฉินชิงจะไม่รู้เรื่องที่
เกิดขึ้น
แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ปรากฏตัวจนกระทั่งทุกอย่างจบสิ้นลง, เมื่อ
อำมาตย์เฉินหลิงตายไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจปรากฏตัวเมื่อทุก
อย่างสิ้นสุด
ถ้าอำมาตย์เฉินหลิงคือผู้ที่มีชีวิตรอด ก็เป็นไปได้ว่าอำมาตย์เฉินชิง
คงจะวิ่งโร่เข้าไปสวามิภักด์ิพร้อมกับสมบัติล้ำค่าเพื่อวิงวอนร้องขอ
ความเมตตา
“ผมคือผู้ที่อ่อนแอที่สุดเสมอมาในบรรดาสามอำมาตย์ นี่เป็นวิธีเดียว
ที่ผมและเชื้อสายของตระกูลของผมจะเอาตัวรอด” อำมาตย์เฉินชิง
ตอบขณะยังก้มหน้า
อำมาตย์เฉินหย่งส่ายหัว เขาหันไปถามหลิวหยาง “คุณคิดว่าควร
จัดการกับเขาอย่างไร?”
คำถามนี้คือบททดสอบเพื่อประเมินความสามารถของผู้สืบทอดของ
เขา
“อำมาตย์เฉินชิงรวมหัวกับอำมาตย์เฉินหลิงเพื่อลอบสังหารคุณ, ฝ่า
บาท นั่นคือการฝ่าฝืนกฎ อย่างรุนแรงที่ส่งผลต่อสันติภาพในหมู่
เผ่าพันธุ์จิตวิญญาณของพวกเรา ต่อให้ฝ่าบาทอยากยกโทษให้เขา แต่
ข้อเท็จจริงก็คือเขาได้นำพาทั้งเผ่าพันธุ์ของเราไปสู่ความเสี่ยง จึง
สมควรถูกลงโทษ เราไม่อาจปล่อยให้เรื่องแบบนี้ผ่านไปโดยง่าย”
หลิวหยางส่ายหน้า “ไม่อย่างนั้น เรื่องนี้จะลดทอนความชอบธรรม
ของกฎเกณฑ์ของเราและทำให้คนอื่น ๆ เหิมเกริมทำอะไรตาม
อำเภอใจ ผมคิดว่าเราควรสังหารเขาเหมือนกับอำมาตย์เฉินหลิง!”
กฎเกณฑ์เป็นเพียงถ้อยคำ แต่สิ่งที่ให้อำนาจและความชอบธรรมแก่
กฎเกณฑ์ก็คือการลงมือทำตามกฎนั้น
ทุกครั้งที่เกิดเรื่องซึ่งไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ ความชอบธรรมก็จะ
ลดลง หากไม่มีกฎเกณฑ์เพื่อรักษาคนส่วนใหญ่เอาไว้ อำมาตย์จะ
สร้างความเป็นผู้นำเหนือเผ่าพันธุ์จิตวิญญาณทั้งเผ่าได้อย่างไร?
จะต้องมีเผ่าพันธุ์ปีศาจกลุ่มหนึ่งที่พยายามตั้งคำถามถึงความชอบ
ธรรมของกฎเกณฑ์ของทั้งสามอำมาตย์
นึกไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพลิกผันไปเป็นแบบนี้ทั้งที่เขายื่นข้อเสนอจะ
มอบร่างกายท่อนล่างของไอ้โหดให้แล้ว อำมาตย์เฉินชิงหน้าซีด
เผือดด้วยความหวาดหวั่น “อำมาตย์เฉินหย่ง ผมขอวิงวอนให้คุณไว้
ชีวิตผมด้วย ผมถูกอำมาตย์เฉินหลิงหลอกลวง…”
“ในฐานะนักรบขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดและหนึ่งในสาม
อำมาตย์ คุณคิดว่าผมจะเชื่อจริง ๆ หรือว่าคุณถูกคนอื่นหลอกลวง?”
หลิวหยางคำราม “คุณคิดว่าทั้งโลกจะยอมรับเหตุผลแบบนี้หรือ?”
ในฐานะหนึ่งในสามอำมาตย์ใหญ่ อำมาตย์เฉินชิงจะหวั่นไหวกับ
คำพูดของคนอื่น ๆ ง่าย ๆ ได้อย่างไร?
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ระยะเวลาเนิ่นนานหลายปีที่เขาใช้ไปกับการ
ฝึกฝนวรยุทธก็ย่อมสูญเปล่า
ในท้ายที่สุด ทุกอย่างที่อำมาตย์เฉินหลิงพูดมาก็เป็นแค่คำแก้ตัว
เหตุการณ์นั้นไม่ได้ซับซ้อนอะไร อำมาตย์เฉินหลิงชักชวนเขาให้
ร่วมโจมตีอำมาตย์เฉินหย่ง และเขาก็ถูกดึงดูดจากผลประโยชน์
มากมายมหาศาลที่จะได้รับหากปฏิบัติการนี้สำเร็จ เพราะถ้าอำมาตย์
เฉินหย่งตาย เขาก็จะได้กุมอำนาจและครอบครองทรัพยากรในส่วน
ที่เคยเป็นของอำมาตย์เฉินหย่ง
เพียงแต่เขาเลือกผิดข้างและพ่ายแพ้ จึงส่งผลให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้
“ผมจะทำตามเจตจำนงของอำมาตย์เฉินหย่งคนใหม่” อำมาตย์เฉิน
หย่งพูดขณะถอนหายใจอย่างโล่งอก ดีใจกับความจริงที่ว่าผู้สืบทอด
ของเขาไม่ใช่คนที่มีจิตใจโลเล
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขากังวลใจเสมอเรื่องความขัดแย้งที่มีต่ออำมาตย์
เฉินหลิงกับอำมาตย์เฉินชิง จึงพยายามรับมือกับทั้งคู่ด้วยสันติ แม้จะ
รับรู้ได้ถึงเจตนาร้ายที่อีกฝ่ายมีต่อเขา ซึ่งถ้าเขาจัดการทั้งคู่อย่างเด็ดขาด
กว่านี้ ก็คงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นตั้งแต่แรก
การได้รู้ว่าผู้สืบทอดของเขาจะไม่เจริญรอยตามทำให้เขารู้สึกสบาย
ใจมาก
หลิวหยางพยักหน้าและหันไปพูดกับนักปราชญ์โบราณโม่หลิงและ
นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิง “ผมขอรบกวนให้คุณทั้งสองจัดการ
แทนผมได้ไหม แล้วในอนาคตผมจะตอบแทนคุณ!”
ฟึ่บ!
ได้ฟังคำพิพากษาโทษ อำมาตย์เฉินชิงหันหลังกลับแล้วเผ่นหนี
แต่ยังไม่ทันจะไปได้ไกล ลูกไฟขนาดมหึมาก็ร่วงลงมาจากกลาง
อากาศ ขวางทางเขาไว้ และ นักปราชญ์โบราณโม่หลิงกับนักปราชญ์
โบราณเปลวเพลิงก็เข้าสกัดกั้นด้านหลัง
ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีในการสังหารอำมาตย์เฉินชิง
อำมาตย์เฉินชิงคือผู้ที่อ่อนแอที่สุดในหมู่สามอำมาตย์ตั้งแต่แรกอยู่
แล้ว อีกทั้งยังไม่หายดีจากอาการบาดเจ็บที่ได้รับที่วิหารแห่งขงจื๊อ
จึงไม่มีทางที่จะรับมือกับการผนึกกำลังกันของสองนักปราชญ์โบราณ
ที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดได้
“นายน้อย…” เห็นปัญหาเรื่องอำมาตย์เฉินชิงจบสิ้นไป อำมาตย์เฉิน
หย่งหันไปพูดกับจางเซวียน “ผมจะให้หยางหลิวนำพาคนของเราเข้า
สู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ ผมขอวิงวอนให้คุณ
เมตตาเผ่าพันธุ์ของเราด้วย…”
อันที่จริง สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดไม่ใช่เรื่องสองอำมาตย์ แต่เป็นเรื่อง
ของจางเซวียน
ด้วยอัตราการพัฒนาวรยุทธของจางเวียน เขาน่าจะกลายเป็นปรมาจารย์
ขงอีกคนหนึ่ง และเมื่อถึงตอนนั้น เผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณคงไร้
ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงต่อเขา
ถ้าจางเซวียนปรารถนา เผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณก็อาจหายสาบสูญ
ไปจากประวัติศาสตร์
บางที จางเซวียนอาจยังละเว้นเผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณไว้ถ้าอำมาตย์
เฉินหย่งยังมีชีวิตอยู่ เพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่เมื่อเขา
เสียชีวิตไป ก็คงไม่มีอะไรยับยั้งจางเซวียนจากการเล่นงานเผ่าพันธุ์
แห่งจิตวิญญาณได้
อีกอย่าง ผู้สืบทอดที่เขาเลือกไว้ก็ดูจะอ่อนแอเกินไป ถ้าจางเซวียน
คิดร้าย ทุกอย่างก็จะจบสิ้น
ดังนั้น ตราบใดที่จางเซวียนยังอยู่ เผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณก็จะต้อง
เก็บเนื้อเก็บตัวไว้
ความจริงที่ว่าชะตากรรมของเผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณทั้งเผ่าถูกบงการ
โดยความปรารถนาของชายเพียงคนเดียวทำให้อำมาตย์เฉินหย่งรู้สึก
เสียศักด์ิศรีและจนปัญญาอย่างล้ำลึก แต่นั่นก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลง
สถานการณ์ได้ ต่อให้เขาจะรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ ก็รู้ดีว่าไม่มีทางเลือก
นอกจากต้องยอมรับ
“วางใจเถอะ ผมไม่คิดจะเล่นงานเผ่าพันธุ์ปีศาจหรอก ตราบใดที่คน
ของคุณทำตัวให้เหมาะสม” จางเซวียนพูด
พูดกันตามตรง จางเซวียนบรรลุเป้าหมายของเขาในการขจัดภัย
คุกคามจากเผ่าพันธุ์ปีศาจได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว
ด้วยการถ่ายทอดวรยุทธของเขา การทดสอบสายฟ้าน้อยจะกลายเป็น
คู่ต่อสู้ที่น่าสะพรึงสำหรับเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น ทำนายได้เลยว่า
ผู้ที่จะก้าวขึ้นเป็นนักรบระดับเซียนขั้น 9 ในอนาคตจะมีจำนวน
น้อยลงไปเรื่อย ๆ และไม่ช้าไม่นาน พวกเขาก็จะไม่เป็นภัยคุกคาม
ต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์อีกต่อไป
แถมอำมาตย์เฉินหย่งคนใหม่ก็เป็นลูกศิษย์ของเขาเอง ด้วยสิ่งนี้ เขา
จะกุมอำนาจทางการเมืองของเผ่าพันธุ์ปีศาจและเล่นงานกลุ่มก๊วนใด ๆ
ก็ตามที่มีเจตนาร้ายต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้อย่างง่ายดาย
ในเมื่อเผ่าพันธุ์ปีศาจไม่ใช่ภัยคุกคามแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำ
อะไรเกินเลย ในทางกลับกัน การมีอยู่ของพวกมันจะช่วยป้องกัน
ไม่ให้เผ่าพันธุ์มนุษย์หลงระเริงเกินไป ทำให้แน่ใจได้ว่ามนุษย์จะ
ประสบความเจริญรุ่งเรือง
“ขอบคุณนายน้อย!” รู้ดีว่าจางเซวียนจะรักษาสัญญา อำมาตย์เฉิน
หย่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาหันไปพูดกับผู้สืบทอด “รีบขอบคุณ
ในความเมตตาของนายน้อยเสียสิ!”
หลิวยางรีบทรุดตัวลงคุกเข่า “ขอบคุณ, ปรมาจารย์จาง!”
“พอเถอะ ไม่ต้องทำอะไรแบบนั้นกับผมหรอก ผมพูดอะไรไปแล้ว
ย่อมไม่คืนคำแน่ ตอนนี้บอกผมทีว่าผมจะติดต่อลั่วชิงได้อย่างไร?”
จางเซวียนตั้งคำถาม
เมื่อในที่สุดเรื่องราวที่เกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ปีศาจก็ได้รับการคลี่คลาย ก็
ถึงเวลาที่เขาจะจัดการธุระส่วนตัวเสียที
“ถ้าคุณอยากติดต่อกับเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ คุณจะต้องติดตั้งแท่น
บูชาที่ภูเขาพันใบ” อำมาตย์เฉินหย่งอธิบาย
“ภูเขาพันใบ?” จางเซวียนขมวดคิ้ว
เขาเคยได้ยินชื่อภูเขานั้นเมื่อตอนที่เข้าสู่สนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจ
ครั้งแรก มันเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในบริเวณนี้ สูงเสียดฟ้าขึ้นไปหลาย
หมื่นเมตร
“ใช่ ภูเขานี้ใกล้ชิดกับสวรรค์มากที่สุด การจัดพิธีกรรมที่นั่นจะทำให้
เข้าถึงเทพเจ้าได้ง่ายขึ้น” อำมาตย์เฉินหย่งอธิบาย “หยางหลิว ผม
ถ่ายทอดวิธีการประกอบพิธีกรรมให้คุณแล้ว พานายน้อย กับผมไป
ที่นั่น ผมจะคอยดูแลพิธีกรรมให้”
“ได้!” หลิวหยางพยักหน้า เขาหันไปสั่งการกับนักรบขั้นชั่ว
กัลปาวสานที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ก่อนจะพยุงอำมาตย์เฉินหย่งขึ้น จากนั้นก็
หันไปพูดกับจางเซวียนอย่างนอบน้อม “เชิญทางนี้”
“อือ”
จากนั้น ทั้งกลุ่มก็ออกเดินทางภายใต้การนำของหลิวหยาง
นักปราชญ์โบราณโม่หลิงกับนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงลังเลอยู่
ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจตามไป