Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1921
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1921
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1921 หูฝาดหรือเปล่า?
“ผมอยากให้พวกคุณหลอมยาเม็ดบ่มเพาะพลังหยางตามสูตรที่เขียนไว้ตรงนั้น” ชายวัยกลางคนร่างท้วมสั่งการนักปรุงยาทั้งสองคน
ทั้งคู่พยักหน้า จากนั้นก็ตั้งต้นหลอมยาเม็ดบ่มเพาะพลังหยางอย่างรวดเร็ว พวกเขาทำตามรายละเอียดที่ระบุไว้บนกำแพงอย่างครบถ้วน เติมสมุนไพรลงไปชนิดแล้วชนิดเล่าตามระยะเวลาที่กำหนด ส่วนเมื่อถึงเวลาที่ต้องโยนหญ้าไฟนรกลงไป ก็ใส่หญ้าวิญญาณมารดาลงไปแทน
ทันทีที่หญ้าวิญญาณมารดาถูกโยนลงไปในหม้อ หม้อหลอมยาทั้ง 2 ใบก็สั่นสะท้านไม่หยุด นักปรุงยาคนหนึ่งไม่อาจควบคุมพลังงานที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในหม้อได้ สุดท้าย หม้อทั้งใบก็ระเบิดเสียงดังกึกก้อง
โชคดีที่มีการจัดเตรียมมาตรการป้องกันไว้แล้ว จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
แต่การระเบิดก็ทำให้ฝูงชนพากันตกใจ พวกเขารีบถอยห่างขณะเฝ้ามองกระบวนการหลอมยาต่อไปอย่างกังวล
นักปรุงยาที่เหลืออีกคนหนึ่งดูจะมีทักษะกว่ามาก เขาควบคุมปฏิกิริยาของสมุนไพรได้ดี หนึ่งชั่วโมงต่อมา ยาเม็ดบ่มเพาะพลังหยางที่หลอมเสร็จใหม่ๆชุดหนึ่งก็ถูกนำออกจากหม้อ ผิวหน้าของมัน เจิดจ้าและเป็นประกายงดงาม
ดูเหมือนพวกเขาจะไม่โชคร้ายเสียทีเดียว เพราะไม่เพียงแต่ยาเม็ดจะก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง ยังเข้าถึงขั้นสมบูรณ์แบบด้วย
“ดี! หลังจากเห็นยาเม็ด ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีเทาพยักหน้า
เขากวาดตามองฝูงชนอย่างรวดเร็วก่อนจะเรียกชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามา “เทคนิควรยุทธที่คุณฝึกฝนน่ะดูเหมือนจะมีองค์ประกอบของพลังหยาง ผมอยากให้คุณช่วยทดสอบคุณสมบัติทางยาของยาเม็ดนี้หน่อย!”
บางที อาจเป็นเพราะความเชื่อมั่นที่มีต่อสำนักดาบเมฆเหิน ชายหนุ่มจึงกลืนยาเม็ดนั้นลงไปโดยไม่ลังเล ยาเม็ดละลายในปากของเขาอย่างรวดเร็ว พลังหยางปริมาณมหาศาลไหลพล่านไปทั่วทางเดินพลังปราณ ใบหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำในชั่วพริบตา
เขารีบทรุดตัวลงนั่งเพื่อขับเคลื่อนพลังปราณ ตั้งใจจะควบคุมกระแสการไหลเวียนพลังหยางให้ซึมซับเข้าสู่ร่างกายอย่างราบรื่น แต่ยิ่งพยายามควบคุมพลังหยางมากเท่าไหร่ ก็ต้องเผชิญกับแรงตีกลับมากขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้าย ควันสีขาวก็ลอยโขมงออกจากกระหม่อมของเขา
ไม่ช้า นัยน์ตาของชายหนุ่มก็แดงก่ำ ความร้อนรุ่มเริ่มเข้าครอบงำ
“อ๊ากกกก ผมทนไม่ไหวแล้ว!”
เมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป ชายหนุ่มรี่เข้าใส่หนึ่งในบรรดาป้าๆที่กำลังเฝ้าดูเหตุการณ์และพยายามฉีกกระชากเสื้อผ้าของเธอ
แคว่กกก!
เสื้อผ้าที่ถูกฉีกกระจัดกระจายไปทั่วพื้น ชายหนุ่มตรงเข้าหาหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งเพื่อพยายามทำเรื่องที่ไม่อาจบรรยายได้ แต่แล้วก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างกะทันหันที่ท้ายทอยก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้น
ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีเทาจากสำนักดาบเมฆเหินก้าวเข้ามาในช่วงคับขันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายได้ทันท่วงที
การที่ชายหนุ่มเกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมาหลังจากกินยาเม็ดบ่มเพาะพลังหยางเข้าไปบ่งบอกชัดว่าสูตรยาของเขาไม่ดีพอจะแก้ไขปัญหา ไม่เพียงเท่านั้น ผลข้างเคียงยังทำให้ทุกอย่างเลวร้ายกว่าเดิม ชายหนุ่มที่กินยาเข้าไปไม่อาจควบคุมความต้องการของตัวเองได้เลย
“สูตรยาของผมมีปัญหาบางอย่างจริงๆ…” ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีเทาสีหน้าไม่สู้ดี เขาหันไปมองจางเซวียนและตั้งคำถาม “ว่าแต่คุณรู้ได้ไง? แล้วรู้คำตอบที่ถูกต้องหรือเปล่า?”
พูดกันตามตรง เขาได้ยินเรื่องปัญหาข้อนี้ตั้งแต่ก่อนเดินทางมาเมืองชวนเจียง และได้ค้นคว้ามาระยะหนึ่งแล้วก่อนจะได้คำตอบที่ถูกต้อง ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
เหตุผลที่เขาเข้ามาแก้ไขปัญหาที่เมืองชวนเจียงก็เพื่อกระพือชื่อเสียงของสำนักดาบเมฆเหินให้ลือกระฉ่อนขึ้นกว่าเดิม
เพียงแต่…ใครจะไปรู้ว่าแทนที่จะได้ส่งเสริมชื่อเสียงของสำนักดาบเมฆเหิน เขากลับทำให้ชื่อเสียงของสำนักด่างพร้อยเสียเอง?
แม้จะหงุดหงิด แต่ก็รู้ดีว่าการทำตัวเสียกิริยาย่อมไม่ฉลาด มีแต่จะทำให้ตัวเองขายหน้ากว่าเดิมหากแสดงความไร้มารยาทออกมา
“ผมมีคำตอบ” จางเซวียนตอบยิ้มๆ
เขากระซิบบางอย่างใส่หูตั้นเฉี่ยวเทียน อีกฝ่ายมองเขาด้วยสีหน้าประหลาด แต่หลังจากแน่ใจแล้วว่าจางเซวียนไม่ได้พูดเล่น ก็เดินไปที่กำแพงแล้วใช้พู่กันเขียนคำตอบลงไป
เหมือนกับก่อนหน้านี้ กำแพงเรืองแสงสีแดงเจิดจ้าออกมา
ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีเทาขมวดคิ้วขณะโพล่งออกมาอย่างหงุดหงิด “คนตรวจคำตอบก็อยู่ตรงนี้แล้ว แค่พูดออกมาดังๆก็น่าจะพอไหม?”
มัวอ้อมค้อมอยู่ให้มันได้อะไรขึ้นมาในเมื่อผู้จัดการตลาดหงเหยียนก็อยู่ด้วย? แค่ชายหนุ่มอ่านคำตอบออกมาดังๆ ก็จะได้รู้กันว่าถูกต้องหรือไม่
ตั้นเฉี่ยวเทียนมองท่านอาจารย์ของเขา เมื่อได้การพยักหน้าเป็นการตอบรับ เขาก็อ่านคำตอบทั้งหมดที่เขียนไว้ก่อนหน้านี้ด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน “เปลี่ยนไปใช้หญ้าวิญญาณมารดาแทนหญ้าไฟนรก!”
“ฮะ?”
“ผมหูฝาดหรือเปล่า?”
“มันก็คำตอบเดียวกันกับที่ชายหนุ่มจากสำนักดาบเมฆเหินเขียนไว้ไม่ใช่หรือ?”
ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีเทาหรี่ตาขณะแผ่รังสีโหดเหี้ยมออกมา “คุณตั้งใจเยาะเย้ยผมใช่ไหม?”
หมอนั่นพูดเต็มปากเต็มคำว่าเขาทำพลาด แต่ลงท้ายก็ใช้คำตอบเดียวกัน คิดบ้าอะไรอยู่?
ตั้นเฉี่ยวเทียนทำตัวไม่ถูก ไม่รู้เลยว่าท่านอาจารย์กำลังคิดอะไร
คุณไม่รู้หรือว่าการปั่นหัวผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ถือเป็นข้อห้ามอย่างเคร่งครัด ถึงตายทีเดียวนะ!
“คุณคิดมากไปแล้วล่ะ” จางเซวียนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยก่อนจะชำเลืองมองตั้นเฉี่ยวเทียนอย่างมีเลศนัย “มัวทำอะไรอยู่ล่ะ? ยังมีข้อความสุดท้ายไม่ใช่หรือ อ่านสิ!”
“เอ่อ ได้…” ตั้นเฉี่ยวเทียนพยักหน้าขณะรีบพูดต่อ “หลังจากวิธีแก้ไขที่กล่าวมา ก็ยังมีวงเล็บที่ระบุว่า ‘ไม่ใช่ดินแดนนี้’”
“ไม่ใช่ดินแดนนี้? เดี๋ยวก่อน นั่นหมายความว่าอย่างไร?”
ทุกคนงุนงงกับข้อความตบท้าย แม้แต่ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีเทาก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
คำว่า ‘ไม่ใช่ดินแดนนี้’ หมายถึงอะไร? มีความแตกต่างระหว่างหญ้าวิญญาณมารดาที่ขึ้นอยู่ใน เมืองนี้กับที่ไม่ได้มาจากเมืองนี้ด้วยหรือ?
“ยาเม็ดบ่มเพาะพลังหยางใช้เพิ่มพลังหยางให้กับนักรบ เพื่อรักษาระดับอานุภาพของยา การเปลี่ยนไปใช้หญ้าวิญญาณมารดาแทนหญ้าไฟนรกคือวิธีแก้ไขที่ถูกต้อง แต่วิธีแก้ไขที่คุณเสนอมานั้นจะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อการหลอมยาเกิดขึ้นในดินแดนอื่น” จางเซวียนพูดขณะเดินช้าๆไปที่หม้อหลอมยา และแตะเศษซากจากการระเบิดของหม้อเมื่อครู่ก่อน
“วิธีแก้ปัญหาของคุณใช้กับที่นี่ไม่ได้ เมืองชวนเจียงมีแม่น้ำชวนไหลผ่านด้านหลัง ซึ่งชื่อเมืองก็ได้มาจากชื่อของแม่น้ำ แม่น้ำชวนมีต้นกำเนิดจากทะเล กระแสน้ำที่ไหลผ่านจึงไม่ใช่น้ำจืด แต่เป็นน้ำกร่อย!”
ฝูงชนพยักหน้ารับ
แม้เมืองชวนเจียงจะไม่ได้อยู่ใกล้ทะเล แต่ก็ติดกับแม่น้ำชวน น่าเสียดายที่กระแสน้ำของแม่น้ำชวนเป็นน้ำกร่อย ทำให้ใช้ดื่มกินหรือนำมาซื้อขายแลกเปลี่ยนไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ เมืองชวนเจียงจึงไม่อาจพัฒนาขึ้นเป็นเมืองใหญ่ได้แม้จะอยู่ในทำเลที่เหมาะสม ในบรรดาอาณานิคมของสำนักดาบเมฆเหิน ที่นี่ถือเป็นเมืองชั้น 3 เท่านั้น เศรษฐกิจก็จัดว่าไม่ดีนัก
“ดังนั้น พื้นที่การเกษตรของเมืองนี้จึงถูกรบกวนด้วยน้ำกร่อย พืชพันธุ์ที่เติบโตขึ้นมีองค์ประกอบของเกลือ ถึงตอนนี้ ผมอยากเชิญให้พวกคุณพิจารณาเศษซากของการระเบิด เห็นอะไรแปลกๆบ้างไหม?” จางเซวียนตั้งคำถามขณะยื่นมือออกไปให้คนอื่นๆเข้ามาดู
ฝูงชนต่างขยับเข้าใกล้ ที่ปลายนิ้วดำปี๋ของจางเซวียนมีผงสีขาวติดอยู่ แม้จะมีปริมาณน้อย แต่ผู้ที่เป็นนักรบระดับเซียนก็ดูออกทันทีว่ามันคืออะไร
ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีเทาเดินเข้าไปที่เศษซากของการระเบิดก่อนจะแตะมันเบาๆ ผงสีขาวติดปลายนิ้วของเขาขึ้นมา เขาใช้ลิ้นเลีย และพบว่ามีรสเค็มเล็กน้อย
“มันคือเกลือนี่!” ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีเทาพยักหน้า
จากนั้นจางเซวียนก็เริ่มอธิบาย “หญ้าวิญญาณมารดาเติบโตในบึงที่มืดครึ้มและเปียกชื้น ใบของมันควรจะมีความเป็นกรดเล็กน้อย แต่กลับถูกเจือจางด้วยองค์ประกอบของเกลือที่อยู่ในสมุนไพรชนิดอื่นๆ ซึ่งนั่นเป็นการทำลายพลังหยินที่อยู่ในตัวมัน ดังนั้น หญ้าวิญญาณมารดาจึงไม่อาจทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการควบคุมพลังงานของสมุนไพรชนิดอื่นๆได้ ส่งผลให้พลังหยางมีความรุนแรงเกินพิกัดแม้จะไม่ได้ใช้หญ้าไฟนรก นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เจ้าหนุ่มคนนั้นควบคุมตัวเองไม่ได้หลังจากกินยาเม็ดบ่มเพาะพลังหยางเข้าไป เขาถูกครอบงำด้วยความรุ่มร้อนจนเกินทน!”
“เอ่อ…”
“มีปัจจัยแบบนี้จริงๆหรือ?”
เสียงออกความเห็นอย่างเคร่งเครียดดังอื้ออึงไปทั่ว
การหลอมยาเป็นกระบวนการละเอียดอ่อนถึงขนาดที่แม้แต่การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยของสภาพแวดล้อมก็ทำให้เกิดความแตกต่างใหญ่หลวงขนาดนี้เชียวหรือ?
ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีเทาชะงักไปเล็กน้อย หรือนี่คือเหตุผลที่ทำให้สูตรยาของเขาผิดพลาด?
เขารีบตรวจสอบสมุนไพรที่เหลืออยู่ซึ่งยังไม่ได้ถูกนำไปใช้เพื่อการหลอมยา ด้วยการเคาะนิ้ว เขาเผาสมุนไพรชนิดหนึ่ง และหลังจากตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ก็เห็นเกลือจำนวนหนึ่งปะปนอยู่ในเถ้าถ่านของมัน
“การหลอมยาเป็นกระบวนการที่ละเอียดอ่อนมาก ความแตกต่างของสมุนไพรเพียงชนิดเดียวหรือกระบวนการเพียงขั้นตอนเดียวอาจนำมาซึ่งความล้มเหลวได้โดยง่าย สมุนไพรมากมายนับไม่ถ้วนอาจเสียหายเพียงเพราะปัจจัยเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย โดยทั่วไป นักปรุงยาจะต้องมีความรู้เรื่องสภาพภูมิศาสตร์และภูมิอากาศในท้องถิ่น สภาวะของหม้อ สภาวะจิต และเทคนิคต่างๆที่ใช้ในกระบวนการหลอมยา ทั้งหมดทั้งมวลนี้จะต้องถูกนำมาพิจารณาก่อนจะดำเนินกระบวนการหลอมยาได้ แต่ผิดพลาดก็คือผิดพลาด…ผมรู้ดีว่าคนจากสำนักดาบเมฆเหินคงไม่ปฏิเสธเรื่องนั้นหรอก ใช่ไหม?” จางเซวียนถามพร้อมกับยิ้มอย่างสุภาพ
“ความผิดพลาดของผมส่งผลให้การหลอมยาล้มเหลว ผมยอมรับเรื่องนั้น!” รู้ดีว่ามีแต่จะทำให้ชื่อเสียงด่างพร้อยกว่าเดิมหากโต้แย้ง ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีเทาคำราม “ถ้าอย่างนั้น ผมจะมอบตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลให้คุณ!”
เขาฉวยตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลจากมือของเฉว่ชิงมาโยนให้จางเซวียนโดยไม่รีรอ
“ฉัน…” เฉว่ชิงอ้าปากค้าง ใบหน้าร้อนผ่าว
เมื่อครู่นี้เองที่เธอเพิ่งได้รับของล้ำค่า แต่ในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง ก็ถูกชายอีกคนคว้าไปครองเสียแล้ว
“ผมขอน้อมรับของขวัญชิ้นนี้!” จางเซวียนพูดขณะหย่อนตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลลงไปในกระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็เลิกคิ้วเมื่อพลันนึกบางอย่างได้ “อ้อ เกือบลืม เมื่อครู่นี้ผมบอกไว้แล้วว่าผมขอเดิมพันกับคุณว่าผู้แพ้จะต้องฟังคำสั่งของผู้ชนะ คุณไม่ได้ตอบรับเดิมพัน แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ผมควรถือว่าการเดิมพันยังมีผลอยู่ใช่ไหม?”
เห็นจางเซวียนพยายามต้อนเขาให้จนมุม ชายเสื้อคลุมสีเทาหรี่ตาอย่างข่มขู่
ไม่นึกเลยว่าเจ้าคนบ้านนอกคอกนาจะต้อนเขาให้จนมุมได้แบบนี้!
ส่วนจางเซวียนก็ดูเหมือนจะไม่รู้ไม่ชี้กับความโมโหของชายหนุ่มเสื้อคลุมสีเทา เขาชี้นิ้วไปที่เฉว่ชิงอย่างไม่แยแสและพูดว่า “คำสั่งของผมน่ะไม่มีอะไรมาก ผมแค่อยากให้คุณตบเธอสามครั้ง ช่วยตบแทนผมที!”
“อะไรนะ?” เฉว่ชิงหน้าถอดสีด้วยความพรั่นพรึงเมื่อได้ยินคำพูดนั้น