Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1946
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1946
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1946 การทดสอบของศิษย์สายตรงฝ่ายใน
เฉว่เหยาแทบไม่เชื่อสายตา แต่ก็ไม่กล้าแสดงความกระด้างกระเดื่องต่อผู้อาวุโสลู่อวิ๋น เขาตรงเข้าไปโค้งคำนับ “เจ้าเมืองเฉว่เหยาคารวะผู้อาวุโสลู่อวิ๋น!”
“อือ” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นโบกมือก่อนจะหันไปถามหัวเจียงเหอ “ว่าอย่างไร? เขาปรากฏตัวหรือยัง?”
“ผู้อาวุโส ผมยังไม่แน่ใจนักว่าผู้นั้นคือใคร แต่ผมเชื่อว่าเขามีบางอย่างเกี่ยวข้องกับชายหนุ่มที่อยู่ตรงนั้น” หัวเจียงเหอพูดขณะหันไปมองตั้นเฉี่ยวเทียน
เมื่อคืนวาน ตอนที่เขาอยู่ที่หอนิรันดร์ เจ้าโลกได้ขอร้องให้เขาทำอะไรอย่างหนึ่ง คือมาปรากฏตัวในเวลานี้ ซึ่งก็มีการไต่สวนเกิดขึ้นที่นี่จริงๆ และเพราะการปรากฏตัวของเขาที่ทำให้ตั้นเฉี่ยวเทียนได้แก้ข้อกล่าวหาให้ตัวเอง…ดังนั้น ต่อให้ตั้นเฉี่ยวเทียนไม่ใช่เจ้าโลก ก็มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะเกี่ยวข้องกับอีกฝ่ายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง!
“เขา?” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นมองตั้นเฉี่ยวเทียนอย่างสงสัย
ด้วยความสามารถในการหยั่งรู้ของผู้อาวุโสลู่อวิ๋น เขามองออกทันทีว่าตั้นเฉี่ยวเทียนคือนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 3 โลกจารึก ผู้ที่มีวรยุทธระดับนี้จะสังหารศิษย์สายตรงของเขาอย่างง่ายดายได้อย่างไร?
“เรื่องเป็นอย่างนี้…” หัวเจียงเหอทบทวนทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นฟัง
หลังจากได้ฟังเรื่องราว ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นหน้าตาเคร่งเครียด
ไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครคนหนึ่งอาจหาญทำเรื่องร้ายแรงแบบนี้ในดินแดนอาณานิคมของสำนักดาบเมฆเหิน…ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ!
ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นสูดหายใจลึก ระงับความหงุดหงิดไว้ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าการไต่สวน “คุณคือตั้นเฉี่ยวเทียนหรือ?”
“ใช่แล้ว ผู้อาวุโสลู่” ตั้นเฉี่ยวเทียนตอบพร้อมกับโค้งคำนับอย่างงาม
“คุณอยากเข้าร่วมกับสำนักดาบเมฆเหินไหม?” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นตั้งคำถาม
ตั้นเฉี่ยวเทียนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะแอบมองท่านอาจารย์ของเขา เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า ก็รีบโค้งคำนับและตอบว่า “เป็นเกียรติของผมที่จะได้เข้าร่วมกับสำนักดาบเมฆเหิน”
“ดีมาก!” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นพยักหน้า “นับจากวันนี้ไป คุณคือศิษย์สายตรงฝ่ายนอกของสำนักของเรา ใครก็ตามที่กล้าทำร้ายคุณจะถือเป็นศัตรูของสำนักของเราด้วย แน่ใจได้เลยว่าเขาจะต้องเผชิญกับการตอบโต้จากทางสำนัก!”
“ฮะ…” ตั้นเฉี่ยวเทียนถึงกับจังงัง
เขาคิดว่าผู้อาวุโสลู่อวิ๋นคนนี้คงจะทดสอบความสามารถของเขาก่อนตัดสินใจ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะได้การยอมรับอย่างง่ายดายขนาดนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนแทบจะดูเหมือนการหลอกลวง
ถ้าไม่ใช่เพราะเขารู้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักดาบเมฆเหิน คงจะคิดว่าเรื่องนี้เป็นการกลั่นแกล้งครั้งใหญ่!
เขาได้ยินชื่อของผู้อาวุโสลู่อวิ๋นที่ทำหน้าที่รับศิษย์สายตรงฝ่ายนอกมานานแล้ว อีกฝ่ายเป็นคนเลือดร้อนและตรงไปตรงมา ดูเหมือนเรื่องร่ำลือที่เขาได้ยินจะมีส่วนจริงอยู่มาก…
“เฉี่ยวเทียน ขอแสดงความยินดีที่คุณได้เป็นศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหิน!”
คนแรกที่มีปฏิกิริยาคือเฉว่เหยา เขาแสดงความยินดีกับตั้นเฉี่ยวเทียนพร้อมกับยิ้มกว้าง ไม่มีทีท่ากระอักกระอ่วนใจสักนิดกับการโต้เถียงที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
ตั้นเฉี่ยวเทียนไม่แยแสท่าทีของเฉว่เหยา เขาสูดหายใจลึก และราวกับได้ผ่านการตัดสินใจครั้งสำคัญ เขาทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นและร่ำร้อง “ผู้อาวุโสลู่ ผมขอวิงวอนให้คุณชดเชยความเสียหายให้ผมด้วย!”
“พูดออกมาเถอะ” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นตอบ
“ตระกูลตั้นของเราเคยเป็นกลุ่มอำนาจใหญ่ในเมืองชวนเจียง ด้วยความแข็งแกร่งและอิทธิพลที่เรามี สำนักเจ้าเมืองจึงมองพวกเราเป็นภัยคุกคามอยู่เสมอ ทางสำนักเจ้าเมืองจับตามองเรา ลงเอยด้วยความตายของสมาชิกในครอบครัวของผมเกือบทุกคน…นี่คือหลักฐานที่แสดงถึงการกระทำอันชั่วร้ายของพวกเขา” ตั้นเฉี่ยวเทียนยื่นตราหยกอันหนึ่งให้ผู้อาวุโสลู่อวิ๋น
หลังจากตระกูลตั้นถูกทำลาย ผู้อาวุโสอี้ได้อุทิศตัวให้กับการค้นหาความจริงที่อยู่เบื้องหลังการล่มสลายของตระกูลตั้น ยิ่งได้หลักฐานมากชิ้นขึ้นเท่าไหร่ เจ้าเมืองเฉว่เหยาก็ยิ่งน่าสงสัยมากขึ้นเท่านั้น
ที่ผ่านมา ตั้นเฉี่ยวเทียนไม่กล้าเปิดเผยเรื่องนี้เพราะเกรงว่าจะถูกทางสำนักเจ้าเมืองฆ่าปิดปาก แต่เมื่อมีผู้อาวุโสของสำนักดาบเมฆเหินหนุนหลัง ก็รู้ดีว่าไม่มีโอกาสดีกว่านี้อีกแล้วที่จะชดเชยความเสียใจที่เคยได้รับ
นี่คือเจตจำนงของท่านอาจารย์ของเขาเช่นกัน
ผู้อาวุโสลู่รับตราหยกมาเพ่งดู ครู่ต่อมาก็หรี่ตาด้วยความโกรธ
หลักฐานทุกชิ้นที่บรรจุอยู่ในตราหยกบ่งบอกชัดว่าความตายของสมาชิก 97 คนของตระกูลตั้นมีความเชื่อมโยงกับการกระทำของเจ้าเมืองเฉว่เหยา
“คุณจะแก้ตัวอย่างไร?” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นคำรามขณะโยนตราหยกใส่เฉว่เหยา
เฉว่เหยารีบรับตราหยกมา เมื่อเห็นรายละเอียดที่บรรจุอยู่ในนั้นก็ตาโตด้วยความประหลาดใจ เขารีบทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นเพื่อทักท้วง “ผู้อาวุโสลู่ ทุกอย่างเป็นเรื่องโกหก! ผมถูกใส่ร้ายป้ายสี ทุกคนในเมืองชวนเจียงเป็นพยานได้ว่าสำนักเจ้าเมืองมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลตั้น การที่มีสัญญาผูกมัดการแต่งงานระหว่างตั้นเฉี่ยวเทียนกับเฉว่ชิงก็เกินพอจะยืนยันเรื่องนั้นแล้ว การเล่นงานตระกูลตั้นไม่ช่วยให้ผมได้อะไรขึ้นมา!”
“จะต้องเกิดการเข้าใจผิดอะไรบางอย่างแน่…อาจเป็นเพราะตั้นเฉี่ยวเทียนโมโหที่ลูกสาวของผมโง่เง่า หลงเชื่อคำพูดของเฉว่เฉินและพยายามยกเลิกสัญญาผูกมัดการแต่งงาน…ผู้อาวุโสลู่อวิ๋น ผมขอร้องให้คุณสืบสวนเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนและคืนความเป็นธรรมให้ผมด้วย!”
“วางใจเถอะว่าผมจะมีคำตอบที่น่าพอใจให้คุณ” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นคำรามก่อนจะเบนสายตาไปจากเฉว่เหยาที่กำลังคุกเข่า เขามองตั้นเฉี่ยวเทียน “ถึงหลักฐานที่คุณมีจะดูน่าเชื่อถือ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่อาจยืนยันความถูกต้องได้เพราะเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนาน อีกอย่าง เฉว่เหยาเป็นถึงเจ้าเมือง ถ้าเขาจงใจปกปิดร่องรอยและหลักฐาน ผมก็ไม่อาจสืบหาอะไรได้อีก!”
“ผมเข้าใจ” ตั้นเฉี่ยวเทียนก้มหน้า
เขารู้แล้วว่าจะต้องแบบเป็นแบบนี้ เขารู้อยู่แก่ใจ
ผ่านมา 10 ปีแล้วตั้งแต่เกิดโศกนาฏกรรมกับตระกูลตั้น ซึ่งเมืองชวนเจียงก็เปลี่ยนไปมากนับจากนั้น แม้หลักฐานส่วนใหญ่จะดูน่าเชื่อถือ แต่วันเวลาที่ผ่านไปก็ทำให้ไม่อาจยืนยันความถูกต้องได้ ซึ่งหมายความว่าเขาไม่อาจกล่าวหาเฉว่เหยาได้อีก
อีกอย่าง เฉว่เหยาคือคนที่พร้อมจะสังหารเขาเพียงเพื่อยกเลิกสัญญาผูกมัดการแต่งงานและปกป้องชื่อเสียงของสำนักเจ้าเมือง ในเมื่อการสังหารหมู่ตระกูลตั้นเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น แน่นอนว่าอีกฝ่ายย่อมทำลายหลักฐานทันทีเพื่อให้ไม่อาจเชื่อมโยงมาถึงตัว
“อำนาจของสำนักดาบเมฆเหินจะถูกสั่นคลอนหากผมพิพากษาให้สังหารเจ้าเมืองโดยปราศจาก การยืนยันความถูกต้อง แต่กฎเกณฑ์ก็ย่อมมีข้อยกเว้น!”
นัยน์ตาของผู้อาวุโสลู่อวิ๋นเป็นประกายวาบขณะพูดต่อ “ซึ่งนั่นก็คือ…พละกำลังที่แท้จริง! ขอแค่คุณสามารถสำแดงพละกำลังมากพอที่จะยืนยันว่าคุณเหมาะสมกับสำนักดาบเมฆเหิน คุณก็แน่ใจได้เลยว่าทางสำนักจะอยู่เคียงข้างคุณแทนที่จะเป็นเจ้าเมืองของเมืองขั้น 3 ซึ่งวิธีเดียวที่คุณจะทำอย่างนั้นได้ก็คือต้องได้เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในของสำนัก ถ้าคุณทำสำเร็จ ก็วางใจได้เลยว่าสำนักดาบเมฆเหินจะแก้ไขทุกปัญหาที่คุณกำลังเผชิญอยู่ เพื่อคุณจะได้มีเวลาให้กับการพัฒนาวรยุทธอย่างเต็มที่!”
“ศิษย์สายตรงฝ่ายใน?” ตั้นเฉี่ยวเทียนถึงกับผงะ
สำนักดาบเมฆเหินรับแค่ศิษย์สายตรงระดับล่างเท่านั้นหากเป็นเมืองชวนเจียง
แม้แต่ตำแหน่งพื้นๆแบบนี้ก็มากพอจะทำให้เฉว่ชิงลำพองใจแล้ว เธอรู้สึกเหมือนได้ก้าวขึ้นสู่ความเป็นสุดยอด ซึ่งก็เพราะเหตุนี้ที่ทำให้เธอจงใจยกเลิกสัญญาผูกมัดการแต่งงานกับเขา ซึ่งถ้าเขาได้เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายใน ก็จะมีสถานภาพสูงกว่าแม้แต่หัวเจียงเหอกับเฉว่เหยา
เป็นธรรมดาที่สำนักดาบเมฆเหินจะเต็มใจอยู่เคียงข้างเขามากกว่าเฉว่เหยา
เพียงแต่…
มันไม่ใช่เรื่องง่าย
มันไม่ใช่เรื่องง่าย
หัวเจียงเหอเป็นนักปราชญ์โบราณขั้น 4 ผู้ทำลายล้างมิติแล้ว แต่ก็ยังเป็นแค่ศิษย์สายตรงฝ่ายนอก ในเมื่อเขาเป็นแค่นักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 3 โลกจารึก เขาจะมีโอกาสหรือ?
“ใช่ ศิษย์สายตรงฝ่ายในทุกคนมีความสำคัญต่อสำนัก สถานภาพของพวกเขาสูงส่งกว่าแม้แต่ผู้อาวุโสฝ่ายนอกอย่างผมเสียอีก ขอแค่คุณเข้าเป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในได้สำเร็จ ต่อให้คุณสังหารเจ้าเมืองเฉว่เหยาโดยปราศจากความชอบธรรม ก็จะไม่มีใครตั้งคำถามกับการตัดสินใจของคุณเลย!” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นพูด
“ฮะ…” นึกไม่ถึงว่าจู่ๆผู้อาวุโสลู่อวิ๋นจะพูดแบบนี้ เฉว่เหยาเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
คงไม่ใช่ว่า…อีกฝ่ายจงใจจะทดสอบตั้นเฉี่ยวเทียนเพื่อรับเขาเป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในหรอกนะ?
แต่การทดสอบเพื่อรับศิษย์สายตรงฝ่ายในไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ตั้นเฉี่ยวเทียนอาจเก่งกาจ แต่ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทำสำเร็จ
“ผู้อาวุโสลู่ ไม่ทราบว่าการทดสอบของศิษย์สายตรงฝ่ายในเป็นอย่างไร? ผมพร้อมจะเข้ารับการทดสอบ” ตั้นเฉี่ยวเทียนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตั้งคำถาม
“การทดสอบของศิษย์สายตรงฝ่ายในไม่ได้มุ่งเน้นที่วรยุทธ แต่เป็นศักยภาพ ขอแค่ผู้นั้นมีศักยภาพสูงพอ ต่อให้วรยุทธของเขายังอ่อนด้อย ก็สามารถเข้าร่วมกับสำนักของเราได้ มีความเป็นไปได้เหมือนกันที่คนนอกจะได้เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในทันทีที่เข้าร่วมกับสำนักดาบเมฆเหิน ไม่จำเป็นต้องไต่เต้าจากการเป็นศิษย์สายตรงฝ่ายนอก”
“มีเกณฑ์ 2 ข้อที่ผู้นั้นจะต้องผ่านไปให้ได้เพื่อให้ได้เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายใน ข้อแรก เขาจะต้องสำเร็จวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณก่อนอายุ 17 ปี, ข้อ 2 จะต้องผ่านการทดสอบศิลปะเพลงดาบของศิษย์สายตรงฝ่ายใน!”
จากนั้นผู้อาวุโสลู่อวิ๋นก็ตั้งคำถาม “ตอนนี้คุณอายุเท่าไหร่?”
“ตอนนี้ผมอายุ 16 ปี แต่…” ตั้นเฉี่ยวเทียนกำลังจะพูดต่อขณะที่ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นขัด
“ขอแค่คุณยังอายุไม่ถึง 17 ปีก็ใช้ได้ ในเมื่อคุณเป็นนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 3 โลกจารึกแล้ว ก็มีโอกาสที่คุณจะได้เป็นนักปราชญ์โบราณก่อนวันครบรอบอายุ 17 ปีของคุณ ส่วนการทดสอบศิลปะเพลงดาบของศิษย์สายตรงฝ่ายใน…หัวเจียงเหอคือศิษย์พี่หมายเลข 1 ของบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายนอก ความเชี่ยวชาญในศิลปะเพลงดาบของเขาก็ผ่านเกณฑ์ ขอแค่คุณเอาชนะเขาได้ในวรยุทธระดับเดียวกัน ก็จะถือว่าคุณผ่านการทดสอบ”
“ผมต้องเอาชนะศิษย์พี่หัวในระดับวรยุทธเดียวกันหรือ?” ตั้นเฉี่ยวเทียนออกจะกังวลใจ
เขาเพิ่งได้ร่ำเรียนศิลปะเพลงดาบกับท่านอาจารย์ของเขาเพียงชั่วข้ามคืน ขณะที่อีกฝ่ายเป็นผู้เชี่ยวชาญของสำนักดาบเมฆเหิน ร่ำเรียนศิลปะเพลงดาบมาแล้วอย่างน้อยก็ 20 ปี
การที่เขาจะเอาชนะศิษย์พี่หัวได้ย่อมเป็นเรื่องยากมาก ต่อให้อีกฝ่ายลดระดับวรยุทธลงมาเท่ากับเขาก็ตาม
ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นพยักหน้า “ใช่ คุณต้องการทดสอบไหม?”
“ได้สิ ผมอยากเข้ารับการทดสอบ!” ตั้นเฉี่ยวเทียนลังเลครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า
นี่คือโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาที่จะได้ล้างแค้นให้ท่านพ่อกับท่านแม่และบรรดาพี่น้องของเขา หากโอกาสนี้หลุดมือไป คงแทบเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีโอกาสชดเชยความเสียหายให้กับตระกูลตั้นอีก
อีกอย่าง ไม่มีทางที่เฉว่เหยาจะนั่งๆนอนๆรอความตาย กว่าเขาจะมีสถานภาพสูงกว่านี้ หมอนั่นคงเผ่นหนีไปนานแล้ว