Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1953
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1953
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1953 การทดสอบ?
เรื่องนี้พอเข้าใจได้ เพราะศิลปะเพลงดาบไร้เทียมทานมากมายไม่อาจถูกสำแดงออกมาได้หากความแข็งแกร่งของนักรบผู้หนึ่งถูกจำกัดไว้แค่ระดับเซียนขั้น 1 ซึ่งนั่นจะทำให้การดวลขาดความน่าสนใจไปมาก
“นอกเหนือจากนั้น เรื่องอื่นๆก็ดูจะไม่ต่างกัน คุณสามารถปกปิดตัวตนที่แท้จริงของตัวเองและปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ ซึ่งคนอื่นๆจะดูไม่ออกว่าคุณคือใคร ในทางกลับกัน นั่นก็หมายความว่าคนที่คุณกำลังเสวนาด้วยอาจเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนัก หรือแม้แต่ท่านเจ้าสำนักก็เป็นได้ คุณจึงควรระวังตัวไว้และไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามออกไปภายในหอนิรันดร์ เพราะแม้เหล่าผู้อาวุโสและท่านหัวหน้าสำนักของเราจะไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น แต่ก็อาจเกิดปัญหาได้หากคุณล้ำเส้น!” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นเตือนอย่างเคร่งขรึม
“ผู้อาวุโส? ท่านเจ้าสำนัก?”
ได้ฟังคำอธิบายนั้น จางเซวียนไม่กังวลใจสักนิด เขาตาโตด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็อดสงสัยไม่ได้ ถ้าเราเล่นงานผู้อาวุโสสักคนหนึ่ง หรือแม้แต่เจ้าสำนักล่ะ…มันจะตื่นเต้นกว่าการเล่นงานนักรบทั่วไปมากไหม?
1945 : เทพดาบสิบลี้ต้นฉบับ
ในบรรดานักรบที่มีวรยุทธระดับเดียวกัน จางเซวียนถือว่าเป็นผู้ไร้เทียมทานผู้หนึ่ง ต่อให้คู่ต่อสู้ที่เขาต้องเผชิญจะเป็นผู้อาวุโสหรือแม้แต่เจ้าสำนัก เขาก็มั่นใจว่าจะไม่พ่ายแพ้ ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น ก็ควรจะหาประโยชน์สักเล็กน้อย
คนพวกนั้นน่าจะมีข้าวของดีๆอยู่กับตัวมากมาย อีกทั้งได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารสำคัญด้วย ขอแค่เขาเอาชนะคนพวกนั้นได้ ก็จะได้สิ่งเหล่านั้นมาบางส่วน
อาจได้แม้กระทั่งข่าวคราวที่เกี่ยวข้องกับตำนานเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณเลยทีเดียว
ดูเหมือนเป้าหมายแรกของจางเซวียนหลังจากเข้าสู่สำนักดาบเมฆเหินน่าจะเป็นการหาตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลสักอันและเข้าสู่หอนิรันดร์ของที่นั่น จากนั้นก็เสาะหาคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจที่สุดเท่าที่จะหาได้ และใช้กลอุบายล่อลวงให้อีกฝ่ายยอมมอบสิ่งที่เขาต้องการ
เมื่อคิดได้ จางเซวียนเขย่าขาอย่างตื่นเต้นก่อนจะลุกขึ้นยืน “เป็นความคิดที่เจ๋งเป้งจริงๆ ก็แค่ต้องลงมือทำเท่านั้น!”
“ฮะ? คุณจะทำอะไร?” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นหันมามองจางเซวียนอย่างสงสัย
ผมก็แค่เตือนคุณว่าคุณอาจได้ต่อสู้กับเหล่าผู้อาวุโสหรือแม้แต่เจ้าสำนักเมื่ออยู่ในหอนิรันดร์ แล้วจะตื่นเต้นเพื่อ?
สมงสมองไปหมดแล้วมั้ง?
ผู้อาวุโสลู่เคยคิดอยากรับจางเซวียนเข้าสำนัก แต่ตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา เขาพบว่าหมอนี่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มเต็ง ทุกครั้งที่จางเซวียนทำอะไรเพี้ยนๆ ความตั้งใจเดิมของเขาก็มีอันต้องคลอนแคลนทีละน้อย และเมื่อถึงตอนนี้ มันก็แตกสลายหมดไม่มีเหลือ
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ผมก็แค่คิดไปเรื่อยเปื่อย” จางเซวียนตอบยิ้มๆ
ส่วนตั้นเฉี่ยวเทียนก็ได้แต่ปิดหน้าด้วยความอับอาย
อสูรบินผ่านประตูสูงตระหง่านเข้าไป จากนั้นก็ร่อนลงบนยอดเขาสูงแห่งหนึ่ง ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นกระโจนลงจากหลังอสูร จากนั้นก็รีบจัดหาที่พักให้ตั้นเฉี่ยวเทียน
“ระหว่างนี้ พวกคุณที่เหลือพักอยู่ที่นี่ไปก่อน ส่วนตั้นเฉี่ยวเทียน, มากับผม คุณต้องเข้ารับการทดสอบ” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นพูดขณะปล่อยให้จางเซวียน เฉาเฉิงลี่และผู้อาวุโสอี้พำนักอยู่ในบ้านพักหลังนั้น
“การทดสอบ?”
“การทดสอบที่ผมทดสอบคุณไปก่อนหน้านี้เป็นแค่การบ่งบอกว่าคุณมีคุณสมบัติเพียงพอจะได้เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายใน แต่สำหรับกระบวนการอย่างเป็นทางการนั้น คุณจะต้องไปที่หอเทพดาบเพื่อสำแดงศิลปะเพลงดาบของคุณก่อน” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นพูด
“หอเทพดาบ?”
“ใช่ มันคือสถานที่ที่เปิดให้บรรดาศิษย์สายตรงได้เข้ารับการทดสอบ ไม่ว่าจะเป็นศิษย์สายตรงระดับล่างที่อยากจะเลื่อนขั้นขึ้นเป็นศิษย์สายตรงฝ่ายนอก หรือศิษย์สายตรงฝ่ายในที่อยากเลื่อนขั้นขึ้นเป็นศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด พวกเขาจะต้องสำแดงศิลปะเพลงดาบที่นี่ ก็เหมือนกับความตั้งใจของผมเมื่อครั้งที่ผมให้คุณดวลกับหัวเจียงเหอก่อนหน้านี้นั่นแหละ แต่การประเมินของหอเทพดาบละเอียดแม่นยำกว่านั้นมาก มันจะบ่งบอกพละกำลังที่คุณมีอยู่ในตอนนี้ได้อย่างชัดเจน” ผู้อาวุโสลู่อธิบายยิ้มๆ
“ในการต่อสู้ ศิลปะเพลงดาบของนักดาบคนหนึ่งจะได้รับอิทธิพลจากสภาวะร่างกาย ความแข็งแกร่งของจิตใจ ปฏิกิริยาตอบสนอง และอื่นๆในตัวเขา แต่ปัจจัยเหล่านี้ไม่มีความสำคัญในหอเทพดาบ ขอแค่ความเข้าใจในศิลปะเพลงดาบของคุณเข้าถึงระดับที่น่าพอใจ ผลลัพธ์ก็จะถูกแสดงออกมาตามนั้น!”
ตั้นเฉี่ยวเทียนตาโต
“ไปกันเถอะ” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นร้องเรียกตั้นเฉี่ยวเทียนให้ตามไป
จางเซวียนเดินเข้ามา “ผู้อาวุโสลู่อวิ๋น ผมอยากเห็นหอเทพดาบ พอจะเป็นไปได้ไหมหากผมจะตามไปด้วย?”
เขาไม่เคยได้ยินว่ามีสิ่งที่สามารถทดสอบความเข้าใจในศิลปะเพลงดาบของนักรบผู้หนึ่งได้ จึงอยากรู้มากว่าระบบของมันทำงานอย่างไร
“เอ่อ…” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นลังเลครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ผมว่าก็คงไม่เป็นไร”
โดยทั่วไป คนนอกจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่หอเทพดาบ แต่ในเมื่อแม้แต่ศิษย์สายตรงระดับล่างก็ยังเข้าไปรับการทดสอบที่นั่นได้ การที่จางเซวียนจะติดสอยห้อยตามไปเฝ้าดูในฐานะสหายของตั้นเฉี่ยวเทียนก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่
พวกเขาก้าวขึ้นหลังอสูรบินได้อีกครั้งและบินตรงไปยังยอดเขาอีกลูกหนึ่ง
ความโดดเด่นสะดุดตาของยอดเขาลูกนี้คืออาคารรูปร่างเหมือนดาบที่ตั้งอยู่บนนั้น ดูคล้ายกับหอคอย
“นี่คือหอเทพดาบ ในแต่ละวันจะมีทั้งศิษย์สายตรงระดับล่าง ศิษย์สายตรงฝ่ายนอก และศิษย์สายตรงฝ่ายในมากมายเข้ามาที่นี่เพื่อรับการประเมินศิลปะเพลงดาบของพวกเขา”ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นพูดขณะพาทั้งกลุ่มเดินเข้าสู่หอคอย
ทันทีที่เข้าไป ก็เห็นผู้คนมากมายกระจายตัวกันอยู่รอบๆห้องโถงพร้อมกับมีดาบเหน็บหลังเจตจำนงเพลงดาบอบอวลไปทั่ว น่าตกใจที่ระดับวรยุทธของนักรบส่วนใหญ่ไม่ได้อ่อนด้อยกว่าจางเซวียนเลย!
สมกับเป็นหนึ่งในหกสำนักใหญ่ของมิติเบื้องบน มีผู้เชี่ยวชาญอยู่มากมายจริงๆ! จางเซวียนคิด
เขาเคยคิดว่าวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 ของเขาก็ไม่ขี้เหร่ แต่กลับกลายเป็นเพียงระดับที่พบได้ทั่วไปเท่านั้น
อีกอย่าง ผู้ที่ปรากฏตัวที่นี่ก็ไม่ใช่ก็ยังไม่ใช่ผู้ที่ทรงพลังที่สุด ยากจะจินตนาการได้ว่าบรรดาศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด เหล่าผู้อาวุโส และเจ้าสำนักจะทรงพลังขนาดไหน
รู้ดีว่าทั้งคู่ไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับหอเทพดาบ ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นอธิบาย “มีห้องอยู่มากมายในหอเทพดาบแห่งนี้ ทุกห้องจะมีแท่นเทพดาบ แค่คุณจ่ายเงินเหรียญสำนักดาบตามจำนวนที่กำหนด ก็จะสามารถเข้าไปในห้องและรับการทดสอบศิลปะเพลงดาบของคุณได้”
“แต่แน่นอนว่าการทดสอบครั้งแรกทำได้ฟรี ครั้งต่อๆไปเท่านั้นที่จะมีค่าใช้จ่าย”
“อ้อ…” ตั้นเฉี่ยวเทียนถอนหายใจอย่างโล่งอก
เขาเพิ่งมาถึงสำนักดาบเมฆเหินหมาดๆ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหรียญสำนักดาบมีหน้าตาอย่างไร จึงไม่มีทางที่จะหาเงินตามจำนวนนั้นได้
“รอตรงนี้ก่อนนะ ผมจะเปิดห้องให้ ตั้นเฉี่ยวเทียน…คุณเข้าไปก่อน ส่วนจางเซวียน, ถ้าคุณอยากลองดูล่ะก็ หลังจากเสร็จกระบวนการของตั้นเฉี่ยวเทียนแล้วคุณก็เข้าไปได้ แท่นเทพดาบจะประเมินนักรบได้ทีละคนเท่านั้น ไม่อย่างนั้น การตรวจสอบเจตจำนงเพลงดาบจะถูกรบกวน” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นพูดก่อนจะบ่ายหน้าไปที่เคาน์เตอร์ต้อนรับ
ไม่ช้าพวกเขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าประตูงดงามหรูหราบานหนึ่ง ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นหันไปพูดกับตั้นเฉี่ยวเทียน “เมื่อคุณเข้าไปในห้องแล้ว ถือดาบไว้ให้มั่นและปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบรวมทั้งความเข้าใจในแนวคิดของศิลปะเพลงดาบของคุณออกมา ถ้ารัศมีของเจตจำนงเพลงดาบของคุณกินอาณาบริเวณมากกว่า 1 เมตร คุณก็จะมีคุณสมบัติเพียงพอได้เป็นศิษย์สายตรงระดับล่าง, 10 เมตรจะได้เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายนอก, และ 30 เมตรจะได้เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายใน เพราะฉะนั้น ในเวลานี้, 30 เมตรคือเป้าหมายที่คุณต้องทำให้ได้!”
“30 เมตร?” ตั้นเฉี่ยวเทียนพยักหน้าช้าๆ
เขากะไม่ถูกว่าการแผ่เจตจำนงเพลงดาบให้กินอาณาบริเวณถึง 30 เมตรนั้นจะยากเย็นขนาดไหน
เห็นสีหน้ากังขาของตั้นเฉี่ยวเทียน ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นอธิบายต่อ “ไม่ต้องห่วง อาณาบริเวณของเจตจำนงเพลงดาบขึ้นอยู่กับระดับความเข้าใจในศิลปะเพลงดาบของคุณ ไม่ใช่กระแสดาบฉี ด้วยระดับวรยุทธของคุณในเวลานี้ คุณไม่มีทางปลดปล่อยกระแสดาบฉีที่มีความยาวถึง 30 เมตรออกมาได้หรอก!”
“อ๋อ ผมเข้าใจแล้ว!” ตั้นเฉี่ยวเทียนเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วน
ด้วยประสิทธิภาพของศิลปะเพลงดาบที่เขามีอยู่ตอนนี้ เขาสามารถปล่อยกระแสดาบฉีออกมาได้อย่างมากราว 2-3 เมตรเท่านั้น 30 เมตรถือว่าไกลเกินเอื้อม
แปลว่า ‘การปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบ’ ที่ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นพูดถึงนั้นไม่ได้หมายถึงกระแสดาบฉี
แอ๊ดดด!
ตั้นเฉี่ยวเทียนผลักประตูและเดินเข้าไปข้างใน
ระหว่างนั้น จางเซวียนหันกลับไปตั้งคำถามกับผู้อาวุโสลู่อวิ๋นด้วยความอยากรู้ “ไม่ทราบว่าสถิติที่ดีที่สุดในการปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบของเหล่าศิษย์สายตรงฝ่ายในคือเท่าไหร่?”
ถ้า 30 เมตรคือเงื่อนไขพื้นฐานเพื่อผ่านการทดสอบ แล้วสถิติที่ดีที่สุดของบรรดาผู้ฝึกฝนศิลปะเพลงดาบในสำนักดาบเมฆเหินเป็นอย่างไร?
“ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป นักรบผู้หนึ่งจะมีคุณสมบัติเพียงพอได้เป็นศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดหากการปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบของเขากินอาณาบริเวณถึง 100 เมตร แต่ก็ว่ากันว่ามีศิษย์สายตรงฝ่ายในบางส่วนที่ทำได้เหนือกว่านั้น โดยสถิติที่ดีที่สุดในหมู่พวกเขาอยู่ที่ราว 300 เมตร หรือสูงกว่านั้นอีก” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นพูด
“300 เมตร?” จางเซวียนทึ่ง
เขาไม่รู้ว่ามีวิธีประเมินและคิดคำนวณ ‘การปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบ’ อย่างไร แต่ถ้าแม้แต่ศิษย์สายตรงฝ่ายนอกก็ยังทำสถิติ 30 เมตรได้ด้วยความยากลำบาก ผู้ที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมกว่านั้นถึง 10 เท่าก็จะต้องมีความน่าสะพรึงไม่น้อย
“แน่นอนว่านั่นเป็นสถิติในหมู่ศิษย์สายตรงฝ่ายในเท่านั้น ยังมีผู้เชี่ยวชาญผู้ไร้เทียมทานอีกมากมายในหมู่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด บางคนทำได้เกิน 500 เมตรด้วยซ้ำ ผู้ที่ทำสถิติได้ระดับนั้นจะได้รับการขนานนามว่า ‘เทพดาบ’ และนั่นก็คือที่มาของสมญานาม ‘เทพดาบหนึ่งลี้’ และ ‘เทพดาบสองลี้’ ว่ากันว่าตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของสำนัก ผู้ที่เก่งกาจที่สุดสามารถปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบของเขาให้กินอาณาบริเวณถึง 10 ลี้ได้ ด้วยเหตุนี้ ใครๆจึงพากันขนานนามให้เขาด้วยความยกย่องว่า ‘เทพดาบสิบลี้’!” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นอธิบาย นัยน์ตาเปล่งประกายชื่นชมยกย่อง
“เทพดาบสิบลี้?” จางเซวียนถึงกับทึ่ง
ขณะที่นักดาบคนอื่นๆพยายามกันแทบตาย ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นกลับปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบได้ถึง 10 ลี้ เหลือเชื่อจริงๆ!