Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1980
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1980
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1980 พวกเราควรทำอย่างไร?
ฟึ่บ!
จิตใต้สำนึกของทั้งคู่สลายไปจากหอนิรันดร์ นำพาพวกเขากลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง
ขณะที่สติสัมปชัญญะของหลิวลู่จี่ถูกดึงกลับเข้าสู่กายเนื้อ เขาก็อดหวนนึกถึงการปะทะกับผมน่ะถ่อมตัวไม่ได้ ครั้งแรก เขาถูกแทงเข้าที่ศีรษะ ส่วนครั้งที่สอง ศีรษะของเขาถูกตัดขณะที่กำลังเฝ้ามองการต่อสู้จากระยะไกล
เขาคือผู้รั้งตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญหมายเลข 1 ในหมู่ศิษย์สายตรงฝ่ายในตลอด 10 ปีที่ผ่านมา นัยน์ตาของเขาจับจ้องอยู่แต่เทพดาบสิบลี้ แล้วเขาต้องกลายเป็นตัวประกอบที่ถูกสังหารอย่างง่ายดายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ขณะที่หลิวลู่จี่ยังคงท้อใจกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น เขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง สิ่งแรกที่เห็นคือศิษย์พี่ไป๋เหรินชิงกำลังตัวสั่นอยู่ตรงหน้า ทั้งห้องกำลังปั่นป่วนยุ่งเหยิงอย่างหนัก
ดูเหมือนไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวที่รับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ ใครคนหนึ่งที่ถูกตัดหัวทันทีหลังจากที่สำแดงเทคนิคขั้นสุดยอดออกไปก็รับไม่ได้กับความพ่ายแพ้ และกำลังระบายความแค้นใส่เครื่องเรือนของเขา
โชคดีที่ข้าวของพวกนั้นไม่มีราคาค่างวดอะไร ไม่อย่างนั้นคราวนี้เขาคงต้องสูญเสียครั้งใหญ่
“ศิษย์พี่ไป๋ ใจเย็นก่อนเถอะ…” หลิวลู่จี่รีบลุกขึ้นยืนและประสานมือ
ไป๋เหรินชิงส่งสายตาเย็นเยียบ เธอจ้องหน้าหลิวลู่จี่ขณะกัดฟันกรอด “ใจเย็น? แล้วฉันไปโมโหอะไรคุณหรือไง?”
หลิวลู่จี่ใจหายวาบ ขณะที่เขากำลังหมดปัญญาจนไม่รู้ว่าควรตอบคำถามอย่างไร ภาพที่เห็นตรงหน้าก็พร่าเลือน
ตุ้บ! พลั่ก! ปึ้ก!
เสียงหมัดและลูกเตะประเคนเข้าใส่เนื้อสดๆดังสนั่นไปทั่ว
ไม่ช้า ศิษย์สายตรงทุกคนที่อยู่ในบ้านหลังนั้น รวมทั้งจูเหยียนจื่อกับเว่ยสุ่ยเฟิงก็นอนระเกะระกะอยู่กับพื้น ใบหน้าฟกช้ำดำเขียวและดั้งหัก เป็นภาพที่แสนจะน่าสมเพช
“เอาล่ะ ฉันรู้สึกฉันรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อยแล้ว…”
การใช้ความรุนแรงเมื่อครู่บรรเทาความแค้นของไป๋เหรินชิงได้เล็กน้อย เธอสูดหายใจลึก จากนั้นก็วางท่าสง่างามดังเดิมและสั่งการ “จับตาดูคนที่ฉันสั่งพวกคุณไว้ให้ดี อีกอย่าง ปิดเรื่องที่ฉันมาพบกับพวกคุณคืนนี้ไว้เป็นความลับด้วย อย่าให้รั่วไหลเข้าหูใครเป็นอันขาด ถ้าฉันได้ยินใครพูดเรื่องนี้ล่ะก็ ฉันจะทำให้พวกคุณเสียใจที่เกิดมาบนโลกใบนี้เลยทีเดียว!”
หลิวลู่จี่ หวังเจี้ยนตง และคนอื่นๆตัวสั่นงอด้วยความหวาดกลัวขณะรีบหุบต้นขาเข้าหากัน
“ฉันไปล่ะ!”
ในชั่วพริบตา ไป๋เหรินชิงก็ขึ้นขี่หลังอสูรตัวหนึ่ง แล้วบินหายลับไปจากสายตาของทุกคน
ไม่น่าเชื่อว่าศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดผู้เย่อหยิ่งอย่างเธอจะพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียวให้กับศิษย์สายตรงฝ่ายในคนหนึ่งที่หอนิรันดร์…เธอมีแต่จะอับอายขายหน้าหากยังอยู่ที่นั่น!
หวังเจี้ยนตงตรวจดูจนแน่ใจว่าในว่าไดโนเสาร์ตัวเมียตัวนั้นกลับไปแล้ว ก่อนจะตั้งคำถามด้วยสีหน้าเจื่อนๆ “แล้วทีนี้เราจะทำอย่างไร?”
“จะทำอะไรได้ล่ะ? เรื่องใหญ่ขนาดนี้ปิดได้ไม่นานหรอก ต้องรายงานเหล่าผู้อาวุโส” หลิวลู่จี่พูด
ถึงการที่ผมน่ะถ่อมตัวสังหารพวกเขาได้จะเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย แต่ตอนนี้ อีกฝ่ายสังหารศิษย์สายตรงฝ่ายในไปกว่า 200 คนแล้ว แถมยังเล่นงานศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดคนหนึ่งได้อย่างง่ายดายด้วย สถานการณ์บานปลายเกินกว่าที่พวกเขาจะควบคุมได้!
ถ้าไม่รีบรายงานเหล่าผู้อาวุโส คงแบกรับผลที่ตามมาไม่ไหวแน่
“คุณพูดถูก เราควรรายงานเรื่องนี้ให้เหล่าผู้อาวุโสรับทราบและปล่อยให้เป็นธุระของพวกเขา!” หวังเจี้ยนตงรีบพยักหน้า
เมื่อเห็นพ้องต้องกัน ทั้งคู่รีบออกจากลานบ้าน ตั้งใจจะขึ้นขี่หลังอสูรเพื่อมุ่งหน้าไปยังโซนที่พักของเหล่าผู้อาวุโส แต่ในตอนนั้น เสียงกรีดร้องแหลมของอสูรตัวหนึ่งก็ดังอยู่เหนือศีรษะ
เมื่อเงยหน้ามอง หลิวลู่จี่กับคนอื่นๆเห็นผู้อาวุโส 10 คนขี่หลังอสูรตัวหนึ่ง กำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเขา เมื่ออสูรตัวนั้นมาอยู่เหนือบ้านพัก ทุกคนก็กระโจนลงมาที่ลานบ้าน
ทุกคนคือผู้อาวุโสที่มีหน้าที่รับผิดชอบและดูแลศิษย์สายตรงฝ่ายใน
“หลิวลู่จี่ หวังเจี้ยนตง, เกิดอะไรขึ้นในหอนิรันดร์?” ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่หน้าสุดตั้งคำถาม
ผู้อาวุโสคนนี้มีใบหน้าซูบตอบและเครายาวเขียวครึ้ม สวมเสื้อคลุมสีเทาอ่อนที่พลิ้วไหวไปตามท่วงท่าของเขา
เขาคือผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งที่สุดและรั้งตำแหน่งสูงสุดในการดูแลศิษย์สายตรงฝ่ายใน, ผู้อาวุโสมู่!
เขาคือคนเดียวกันกับ “สหาย” ที่ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นได้พบที่ด้านนอกสภาผู้อาวุโส คนที่คอยจิกกัดผู้อาวุโสลู่อวิ๋นไม่หยุดหย่อน
ถ้าจางเซวียนอยู่ด้วย ก็จะจำได้ทันทีว่าผู้อาวุโสลู่อวิ๋นยืนอยู่ในหมู่ 10 ผู้อาวุโสที่เพิ่งมาถึงบ้านพักของหลิวลู่จี่
เขาเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้อาวุโสฝ่ายใน ในสถานการณ์ปกติ เขาไม่มีสิทธิ์ติดตามคนเหล่านี้มา แต่ด้วยความดีความชอบที่รับศิษย์สายตรงผู้ปราดเปรื่องอย่างน่าทึ่งคนหนึ่งมาได้ ทางสำนักจึงยกเว้นให้
“ผู้อาวุโสมู่, นักดาบคนหนึ่งที่มีสมญานามว่าผมน่ะถ่อมตัวปรากฏตัวขึ้นในหอนิรันดร์ของศิษย์สายตรงฝ่ายใน เขาท้าทายศิษย์สายตรงฝ่ายในทุกคน…” หลิวลู่จี่รีบรายงานเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นต่อผู้อาวุโสมู่
เขาเฝ้าดูพฤติกรรมของผมน่ะถ่อมตัวตั้งแต่ต้นจนจบ จึงรู้รายละเอียดทั้งหมด
“คนคนเดียวท้าทายศิษย์สายตรงทุกคน และสังหารไปได้ถึงหลายร้อยคน แม้แต่คุณทั้งคู่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น คุณสู้กับเขาไม่ได้เลยหรือ?” ผู้อาวุโสมู่ขมวดคิ้วขณะสีหน้าเคร่งเครียด
“ผมสั่งสอนพวกคุณมาตั้งหลายปี ไม่น่าเชื่อว่าพวกคุณจะไร้ค่าขนาดนี้”
“พวกเรา…” หลิวลู่จี่หน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย
“ไม่ว่าเขาจะเป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในหรือศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด ระดับวรยุทธของเขาก็ถูกจำกัดอยู่ที่นักปราชญ์โบราณขั้น 1 เท่านั้นเมื่อเข้าสู่หอนิรันดร์” ผู้อาวุโสมู่อุทานอย่างขัดใจ “ขนาดเจอคู่ต่อสู้ที่มีวรยุทธระดับเดียวกัน พวกคุณตั้งหลายร้อยคนยังเอาชนะเขาไม่ได้ นี่ถือเป็นความน่าอับอายครั้งใหญ่ของศิษย์สายตรงฝ่ายใน ดูเหมือนในหมู่พวกคุณ ไม่มีใครจดจำคำสอนของผมจนขึ้นใจเลยสักคนเดียว!”
“ผู้อาวุโสมู่ ผมขออภัย…แต่ผมน่ะถ่อมตัวเป็นนักดาบที่ทรงพลังจริงๆ” หวังเจี้ยนตงทักท้วงอย่างหมดหวัง
“เจ้าพวกหน้าโง่!” ผู้อาวุโสมู่ขัดขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว “คู่ต่อสู้เพียงคนเดียวจะทรงพลังสักแค่ไหนกัน? ต่อให้กระบวนท่าของเขาจะไร้เทียมทานสักแค่ไหน ก็ยังเป็นศิลปะเพลงดาบที่มาจากสำนักของเราอยู่ดี หยุดแก้ตัวเรื่องความอ่อนด้อยของพวกคุณเดี๋ยวนี้ มันน่าสมเพช!”
“เอ่อ…ขอรับ!” หวังเจี้ยนตงยังอยากทักท้วงคำพูดของผู้อาวุโสมู่ แต่หลิวลู่จี่ส่งสัญญาณให้เขาหยุดพูดด้วยการดึงแขนเสื้อ จึงได้แต่ก้มหน้ายอมรับอย่างไม่เต็มใจ
อันที่จริง เขารู้ดีว่าผู้อาวุโสมู่เป็นแค่ชายปากร้ายใจดี บ่อยครั้งที่สิ่งที่เขาพูดออกมาไม่ได้สะท้อนถึงความคิดที่แท้จริงของเขา แต่หวังเจี้ยนตงก็ยังรู้สึกแย่ที่ต้องถูกตำหนิอย่างรุนแรงซึ่งหน้า
หลังจากผู้อาวุโสลู่เทศนาจบ หลิวลู่จี่มองหน้าอีกฝ่ายและตั้งคำถาม “ผู้อาวุโสมู่ แล้วพวกเราควรทำอย่างไร?”
สิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุดในตอนนี้คือแก้ไขปัญหา ไม่อย่างนั้น ผู้ที่จะต้องเดือดร้อนจะไม่ใช่แค่ศิษย์สายตรงฝ่ายใน แต่เป็นเหล่าผู้อาวุโสด้วย
เหล่าผู้อาวุโสใช้ทรัพยากรของทางสำนักไปมากมาย แต่บรรดาศิษย์สายตรงที่พวกเขาบ่มเพาะกลับลงเอยด้วยการพ่ายแพ้ให้ใครคนหนึ่งอย่างง่ายดายแบบนี้…หากเรื่องราวรั่วไหลออกไป คงไม่เป็นผลดีแน่!
“ในเมื่อพวกเราอยู่ที่นี่แล้ว ก็จะขอไปดูสักหน่อย ผมอยากรู้ว่าเจ้าหนุ่มคนนี้มาจากไหน ถึงทำตัวอยู่เหนือกฎเกณฑ์แบบนี้” ผู้อาวุโสมู่โบกมือ
ถ้าคุณเก่งกาจจริง ก็ควรจะเข้ารับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดหรือแม้แต่ผู้อาวุโสของทางสำนัก คุณจะได้รับชื่อเสียงเงินทองตามที่ปรารถนา…แต่คุณกลับเลือกท้าทายบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายใน เรื่องนี้ดูไม่สมเหตุสมผลเลย!
ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง เขารู้สึกแปลกๆ
เหล่าผู้อาวุโสอยากรู้ว่าตัวป่วนคนนี้เป็นใคร
“หลังจากแน่ใจในตัวตนของเขาแล้ว พวกเราจะไปพบเขาเพื่อปรึกษาหารือ เราจะพยายามเต็มที่ที่จะระงับเรื่องราวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่อย่างนั้น พวกคุณจะกลายเป็นกลุ่มศิษย์สายตรงฝ่ายในที่ไร้ค่าที่สุดในประวัติศาสตร์ของสำนักเลยทีเดียว!” ผู้อาวุโสมู่คำราม
“ขอรับ!” หลิวลู่จี่กับคนอื่นๆพยักหน้า
“เตรียมตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลให้พวกผมด้วย ควไม่เหมาะสมนักหากพวกผมเข้าสู่หอนิรันดร์ในฐานะผู้อาวุโส” ผู้อาวุโสมู่พูด
หอนิรันดร์ของศิษย์สายตรงฝ่ายในคือสถานที่ที่เปิดให้ศิษย์สายตรงฝ่ายในเข้าไปแสวงหาทรัพยากร และทำการต่อสู้เพื่อเพิ่มพูนความรู้ โดยทั่วไป เหล่าผู้อาวุโสจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปที่นั่น
หากพวกเขาเข้าไปแก้ปัญหาที่หอนิรันดร์ในฐานะผู้อาวุโสก็มีแต่จะทำให้เรื่องราวบานปลาย ผู้คนมากมายจะเริ่มซุบซิบกัน ทำให้การปิดข่าวทำได้ยากขึ้นอีก
“ผู้อาวุโสมู่ กรุณารอสักครู่…” หลิวลู่จี่รีบเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ไม่ช้าก็กลับมาพร้อมกับตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลมากกว่า 12 อัน
แม้ไป๋เหรินชิงจะกลับไปแล้ว แต่บรรดาศิษย์สายตรงที่พาเธอมาที่นี่ยังไม่กลับ พวกเขาคือเหล่าพ่อค้าที่อยู่ในตลาดของศิษย์สายตรงฝ่ายใน จึงมีตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลมากมายในมือ และเมื่อเป็นคำขอจากเหล่าผู้อาวุโส ทุกคนจึงไม่กล้าปฏิเสธ
ผู้อาวุโสแต่ละคนรีบเปิดใช้ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล ก่อนจะเพ่งสมาธิเข้าไปในนั้น
ก็เหมือนกับไป๋เหรินชิง ทุกคนปกปิดรูปลักษณ์ที่แท้จริงของตัวเองไว้ โดยปลอมตัวเป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในธรรมดาๆคนหนึ่ง
ภายใต้การนำของหลิวลู่จี่ ทั้งกลุ่มรีบกลับเข้าสู่บริเวณสังเวียนประลอง
ในตอนนั้นมีผู้คนอยู่คลาคล่ำ กระแสดาบฉีพุ่งฉิวไปทั่วราวกับถึงวันสิ้นโลก ศีรษะมากมายนับไม่ถ้วนปลิวว่อนอยู่กลางอากาศ ลำแสงที่ฉายวาบจากการแหลกสลายของศพเกิดขึ้นทุกหนแห่ง
ตอนที่หลิวลู่จี่กับพรรคพวกไม่อยู่ มีศิษย์สายตรงถูกสังหารไปแล้วอย่างน้อย 800 คน
หรือพูดอีกอย่างก็คือ ถึงตอนนี้ ผมน่ะถ่อมตัวสังหารศิษย์สายตรงฝ่ายในไปมากกว่า 1000 คน แล้ว ซึ่งเท่ากับ 1 ใน 10 ของจำนวนศิษย์สายตรงฝ่ายในทั้งหมดเลยทีเดียว!
ช่างเก่งกล้าเหลือเกิน!
“ทั้งพลังปราณและพลังชีวิตของเขาดูเหมือนจะไม่พร่องไปสักเท่าไหร่เลย” หลิวลู่จี่ตั้งข้อสังเกตอย่างประหลาดใจขณะมองไปที่ใจกลางฝูงชน ที่ที่ผมน่ะถ่อมตัวยังคงเดินหน้าปฏิบัติการอย่างไม่ลดละ
เขาจะไม่มีวันเชื่อเลยว่านักรบผู้หนึ่งสามารถสังหารผู้ที่มีวรยุทธระดับเดียวกันได้กว่าพันคนโดยไม่แสดงอาการเหน็ดเหนื่อย…แต่สิ่งนี้ก็กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา!
“ผู้อาวุโสมู่ คุณก็เห็นแล้วว่าตอนนี้มีผู้คนมากมาย พวกเราทำอะไรไม่ได้มากหรอก…” หลิวลู่จี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่