Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1984
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1984
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1984 เขาชนะจริงๆหรือ?
ในแง่ของพละกำลัง ไป๋เฟิงยิ่งกว่ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้เป็นผู้อาวุโสขั้นสูงสุด แต่เพื่อรับใช้ผู้อาวุโสไป๋เย่ เขายืนหยัดแบกรับความรับผิดชอบในฐานะบริวาร ไม่เคยล้ำเส้นสักนิด ในโลกนี้ยากที่จะหาคนแบบเขาได้
“ท่านปู่เฟิง ดูเหมือนคุณจะพออกพอใจกับศิลปะเพลงดาบของผมน่ะถ่อมตัวมาก หรือว่า…เขาไร้เทียมทานยิ่งกว่าคุณเสียอีก?” ไป๋เหรินชิงถามด้วยความอยากรู้
“ไร้เทียมทานกว่าผม?” ไป๋เฟิงส่ายหน้า “ผมน่ะไม่มีคุณสมบัติเพียงพอแม้แต่จะเทียบชั้นกับเขาด้วยซ้ำ! หูตาของผมกว้างไกลขึ้นมากหลังจากการดวลครั้งนี้ เพราะฉะนั้นผมจึงขอกลับไปดูแลนายท่านดังเดิม เหรินชิง, รีบหาตัวพ่อค้ายาคนนั้นให้พบโดยเร็วที่สุดนะ”
จากนั้น ไป๋เฟิงก็ลุกขึ้นยืนและออกจากห้องโถงใหญ่ ไม่ช้าก็หายลับไปจากสายตา
ส่วนไป๋เหรินชิงก็ไม่คิดว่าไป๋เฟิงจะจากไปดื้อๆแบบนั้น เธอยังมีอีกสองสามคำถามที่อยากถามเขาอยู่ จึงได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปพูดกับหลิวลู่จี่และคนอื่นๆ “ในเมื่อพวกคุณเอาชนะผมน่ะถ่อมตัวไม่ได้ ก็ปล่อยเขาไว้สักพักก่อน ตอนนี้ฉันอยากให้พวกคุณค้นหาว่าคนๆนี้คือใคร!”
จากนั้นเธอก็นำภาพวาดออกมาอีกครั้ง
“ตอนนี้ศิษย์สายตรงทุกคนกำลังต่อสู้กับผมน่ะถ่อมตัว จะไปตามหาคงไม่ง่ายหรอก ทันทีที่การดวลเสร็จสิ้น ผมจะกระจายข่าวออกไปเพื่อตามหาเขาทันที” หลิวลู่จี่พูดขณะลุกขึ้นยืน
ไป๋เหรินชิงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดนั้น “ตอนที่พวกเราออกจากหอนิรันดร์เมื่อครู่นี้ มีศิษย์สายตรงอย่างน้อยก็ 3,000 คนออกันอยู่รอบตัวเขา อีกอย่าง ยิ่งเวลาผ่านไป ก็ยิ่งมีศิษย์สายตรงเข้ามาร่วมวงมากขึ้นเรื่อยๆ คงนานเอาการกว่าผมน่ะถ่อมตัวจะจัดการพวกนั้นได้หมด!”
เห็นได้ชัดว่าไป๋เหรินชิงไม่คิดว่าบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายในจะเอาชนะผมน่ะถ่อมตัวได้
หลิวลู่จี่ทักท้วงอย่างไม่พอใจ “ต่อให้ต้องใช้เวลานานแค่ไหน บรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายในจะต้องต้านทานไว้ได้แน่ พวกเราจะไม่ปล่อยให้ตัวเองพ่ายแพ้ง่ายๆแบบนั้นหรอก มันคือเกียรติยศและศักดิ์ศรีนะ!”
“ผมเชื่อว่าขอแค่พวกเรายืนหยัดต้านทานต่อไป ไม่ว่าผมน่ะถ่อมตัวจะทรงพลังแค่ไหน ในท้ายที่สุดก็จะต้องหมดแรงและถูกสังหาร ชัยชนะสุดท้ายจะต้องตกเป็นของพวกเราแน่”
ขณะที่หลิวลู่จี่กำลังพูดอย่างใส่อารมณ์ จู่ๆหวังเจี้ยนตงก็นำตราหยกออกมา หลังจากมองที่ตราหยก เขาก็อ้าปากค้าง ริมฝีปากสั่นระริก ราวกับมีบางอย่างที่อยากพูด แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร
“มีอะไร?” หลิวลู่จี่ถาม
“ศิษย์พี่หลิว ผมเพิ่งได้ข่าวว่าการดวลจบลงแล้ว ผมน่ะถ่อมตัวสังหารศิษย์สายตรง 3,000 คนที่เหลือภายในกระบวนท่าเดียว ด้วยเหตุนี้ ระบบจึงกำลังประเมินผลลัพธ์ออกมา” หวังเจี้ยนตงพูด
“อะ-อะไรนะ? เขาสังหารศิษย์สายตรงฝ่ายในถึง 3,000 คนได้ภายในกระบวนท่าเดียว?” หลิวลู่จี่ตกใจจนแทบทรุดลงกับพื้น เขามองหวังเจี้ยนตงอย่างเคร่งเครียดขณะถามย้ำ “คุณแน่ใจนะ?”
หลิวลู่จี่ไม่ใช่คนเดียวที่จังงังกับข่าวนี้ ไป๋เหรินชิงก็ใกล้จะเสียสติ
การที่คนคนหนึ่งจะสังหารอีกคนหนึ่งได้ภายในกระบวนท่าเดียวถือเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ หรือต่อให้สังหาร 2 คน ก็พอรับไหว…10 คนก็ยังไม่ถือว่าน่าตกใจเท่าไหร่ แต่สังหารนักรบถึง 3,000 คนที่มีวรยุทธระดับเดียวกันได้ภายในกระบวนท่าเดียว…
คุณล้อฉันเล่นใช่ไหม?
“ข่าวนี้ได้รับการยืนยันแล้ว ศิษย์สายตรงฝ่ายในทุกคนที่ถูกสังหารกำลังกลับเข้าสู่หอนิรันดร์อีกครั้งเพื่อรอการตัดสินครั้งสุดท้าย” หวังเจี้ยนตงพูด
ในฐานะศิษย์สายตรงฝ่ายในที่มีความแข็งแกร่งอันดับ 3 เขามีบริวารจำนวนหนึ่งที่จงรักภักดี จึงไม่แคลงใจในข้อมูลที่ได้รับ
“เอ่อ…” หลิวลู่จี่เลิกคิ้ว เขารีบหันไปประสานมือให้ไป๋เหรินชิง “ศิษย์พี่ไป๋ การที่ทุกคนถูกสังหารพร้อมกันก็หมายความว่าการดลจบสิ้นแล้ว พวกเราทุกคนที่เคยเข้าร่วมการดวลจะต้องกลับไปที่หอนิรันดร์เพื่อรับฟังคำตัดสิน ผมต้องขอตัวสักครู่…”
“ไปเถอะ” ไป๋เหรินชิงโบกมือเพราะรู้กฎเกณฑ์ดี
พูดกันตามตรง เธอก็ยังไม่อยากเชื่อ
เอาชนะศิษย์สายตรงฝ่ายในถึง 3,000 คนได้ภายในกระบวนท่าเดียว และกลายเป็นผู้ชนะในการดวลที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้…ผมน่ะถ่อมตัวเป็นใครกันแน่?
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากสร้างความอึกทึกครึกโครมอย่างใหญ่หลวงขึ้นในสำนักแล้ว เขาคิดจริงๆหรือว่าจะยังคงถ่อมเนื้อถ่อมตัวอย่างที่อวดอ้างอยู่ได้?
…..
ที่ศาลาเพลงดาบ ผู้อาวุโสมู่กับคนอื่นๆเพิ่งหายตกตะลึง
การได้รู้ระดับวรยุทธของผมน่ะถ่อมตัวบอกชัดว่าอีกฝ่ายเป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในจริงๆ แต่การที่ศิษย์สายตรงฝ่ายในคนหนึ่งสังหารนักรบเป็นพันคนติดต่อกันได้ แถมเอาชนะได้อย่างไม่ลำบากลำบนอะไร แปลว่าเขาจะต้องมีพละกำลังน่าทึ่งขนาดไหน?
“แต่นั่นแหละ ต่อให้เขาไร้เทียมทานแค่ไหน ก็ไม่มีทางเอาชนะได้หรอก สำนักดาบเมฆเหินมีศิษย์สายตรงฝ่ายในอย่างน้อยๆก็หมื่นคน และเพื่อปกป้องเกียรติยศศักดิ์ศรี จะต้องมีศิษย์สายตรงฝ่ายในเข้าร่วมการดวลมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายเขาก็จะต้องหมดแรงและพ่ายแพ้!” ผู้อาวุโสมู่ส่ายหน้า
ต่อให้ผมน่ะถ่อมตัวจะต้านทานไว้ได้นานแค่ไหน สุดท้ายเขาก็ต้องแพ้
ผู้อาวุโสคนอื่นๆพยักหน้าอย่างเห็นพ้อง ทุกคนมีความเห็นแบบเดียวกับผู้อาวุโสมู่
การที่นักรบคนหนึ่งจะเอาชนะศิษย์สายตรงฝ่ายในได้ก็ยากพออยู่แล้ว แถมพวกเขายังอยู่ในหอนิรันดร์ที่ทุกคนมีระดับวรยุทธเท่ากันด้วย เรื่องนี้ถือว่ายากมาก
ต่อให้ผมน่ะถ่อมตัวจะเก่งกาจอย่างไร ก็ย่อมมีบางอย่างที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
วิ้งงงง!
ขณะที่ผู้อาวุโสมู่กำลังครุ่นคิด ตราหยกสื่อสารในมือของเขาก็ส่งเสียงหึ่งขึ้นมา หลังจากอ่านรายละเอียดของข้อความ เขาก็ตัวแข็งทื่อ “เอ่อ…คือการดวลจบสิ้นแล้ว ผมน่ะถ่อมตัวเอาชนะศิษย์สายตรงฝ่ายใน 3,000 คนได้ภายในกระบวนท่าเดียว ทำให้การดวลสิ้นสุดลงในทันที…เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
“คุณบอกว่าเขาสังหารศิษย์สายตรงฝ่ายในถึง 3,000 คนภายในกระบวนท่าเดียว?”
ผู้อาวุโสคนอื่นๆจังงังจนพูดไม่ออก
……
ผู้คนปรากฏตัวขึ้นในหอนิรันดร์คนแล้วคนเล่า
ศิษย์สายตรงฝ่ายในส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมการดวลและถูกสังหารไปแล้วกลับสู่หอนิรันดร์ทันทีที่ได้ข่าว พวกเขามองชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวอะไรนั่งอยู่ที่ใจกลางสังเวียนประลอง ต่างคนมีสีหน้าที่บรรยายได้ยาก
ก่อนหน้านี้ ตอนที่ชายหนุ่มท้าทายพวกเขาพร้อมๆกัน ต่างคนต่างคิดว่าหมอนี่ช่างหยิ่งผยองอย่างเหลือเชื่อ แต่หลังจากได้ดวลกับเขา ก็รู้แล้วว่าชายหนุ่มมีพละกำลังเหนือชั้นพอที่จะเล่นงานศิษย์สายตรงฝ่ายในทุกคนได้!
“การดวลจบลงแล้ว ผมน่ะถ่อมตัวเอาชนะทุกคนได้ จึงได้รับเหรียญสำนักดาบที่อยู่ในครอบครองของนักรบทุกคนที่เข้าร่วมการดวล ทุกอย่างจะถูกจัดการให้เสร็จสิ้นเร็วๆนี้!” เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลสังเวียนประลองเดินเข้ามาและประกาศ
“ผมขอประกาศว่าผมน่ะถ่อมตัวเป็นผู้ชนะ!”
“เอาจริงๆสิ? เขาชนะจริงๆหรือ? ไม่มีศิษย์สายตรงคนไหนเทียบชั้นกับเขาได้เลยหรือไง?”
“นี่เป็นวันที่น่าอับอายที่สุดของศิษย์สายตรงฝ่ายในทุกคน!”
“ศิษย์สายตรงฝ่ายในถึง 5,000 คน แพ้ราบคาบ…มันลงเอยแบบนี้ได้อย่างไรกัน?”
ได้ฟังผลการดวล ผู้คนมากมายรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า
ในฐานะศิษย์สายตรงฝ่ายในของสำนักดาบเมฆเหิน พวกเขาภาคภูมิใจในตัวเองมาก แต่วันนี้ ความภาคภูมิใจทั้งหมดก็แหลกสลายไปอย่างง่ายดายเพียงเพราะชายคนหนึ่ง
“ผมไม่เห็นด้วยกับผลการตัดสิน!” ใครคนหนึ่งในฝูงชนตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “ผมรีบมาที่นี่ทันทีที่ได้ข่าว และยังไม่ได้เข้าร่วมการดวลเลย ผมไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะเก่งกาจพอที่จะเอาชนะคน 5,000 คนได้! หรือต่อให้เขาทำได้ ก็น่าจะเป็นเพราะศิษย์พี่หลิวลู่จี่กับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆยังไม่ได้ปรากฏตัว ไม่อย่างนั้น หมอนั่นจะชนะไปง่ายๆแบบนั้นได้อย่างไร?”
ศิษย์สายตรงฝ่ายในส่วนใหญ่รีบมาทันทีที่ได้ข่าวว่ามีการท้าดวลในหอนิรันดร์ แต่ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป ครึ่งหนึ่งของพวกเขาจึงมาไม่ทัน
มีจำนวนหนึ่งที่เพิ่งมาถึงหอนิรันดร์เมื่อมีการประกาศผลการดวลแล้ว พวกเขายังไม่ได้เข้าร่วมการดวล แต่ต้องแบกรับความอับอายของการพ่ายแพ้ จึงไม่อาจยอมรับคำตัดสินได้
“ศิษย์พี่หลิวลู่จี่รั้งตำแหน่งศิษย์สายตรงหมายเลข 1 ในหมู่ศิษย์สายตรงฝ่ายในมา 7 ปีแล้ว ผมไม่เชื่อหรอกว่าผมน่ะถ่อมตัวจะเอาชนะได้หากศิษย์พี่ออกโรงด้วยตัวเอง!” อีกคนหนึ่งตะโกน
หลิวลู่จี่ถูกสังหารตั้งแต่ยังไม่ทันได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ดังนั้น แม้หลายคนจะจดจำเขาได้จากศิลปะเพลงดาบ แต่ก็ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่านักรบคนนั้นคือหลิวลู่จี่จริงหรือไม่
คำพูดปลุกใจเหล่านี้ทำให้เศษเสี้ยวของความหวังในหัวใจของฝูงชนค่อยๆเติบโตขึ้นมา หรือว่าผมน่ะถ่อมตัวเอาชนะได้เพราะศิษย์พี่หลิวยังไม่ได้ออกโรง?
“พวกคุณกำลังจะปฏิเสธไม่ยอมจ่ายเดิมพันหรือ?” เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ดูแลสังเวียนประลองตั้งคำถาม
“พวกเราไม่กล้าปฏิเสธผลการดวลหรอก แน่นอนว่าผมน่ะถ่อมตัวเป็นนักดาบผู้ไร้เทียมทาน แต่เขา ก็สังหารเพียงแค่ผู้ที่ปรากฏตัวในตอนนั้น สิ่งที่พวกเราไม่เห็นด้วยก็คือคำตัดสินที่ระบุว่าเขาเอาชนะศิษย์สายตรงฝ่ายในทุกคนได้! มีผู้เชี่ยวชาญมากมายในหมู่ศิษย์สายตรงฝ่ายในที่ยังไม่ได้เข้าร่วมการดวล ซึ่งถ้าพวกเขาออกโรงล่ะก็ ไม่มีทางที่ผมน่ะถ่อมตัวจะเอาชนะได้แน่!”
ถึงพวกเขาจะพยายามปฏิเสธ แต่ก็ไม่อาจละเลยข้อเท็จจริงที่ว่าผมน่ะถ่อมตัวสังหารศิษย์สายตรงสายในไปแล้วถึง 5,000 คน ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น ขอแค่พวกเขายืนกรานว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้สังหารศิษย์สายตรงฝ่ายในจนครบทุกคน อย่างน้อยที่สุดก็พอจะรักษาศักดิ์ศรีไว้ได้บ้าง
“มีศิษย์สายตรงฝ่ายในทั้งหมด 10,000 คน ซึ่ง 5,000 คนถูกเขาสังหารไปแล้ว นั่นยังไม่มากพอที่จะเรียกว่าเป็นชัยชนะต่อบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายในอีกหรือ? พวกคุณไม่รู้สึกบ้างหรือไงว่ากำลังพยายามปฏิเสธความจริงอย่างหน้าด้านๆ?” เจ้าหน้าที่ผู้ทำหน้าที่ดูแลสังเวียนประลองย้อนถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เขาเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนัก แต่ไม่ได้ขึ้นตรงต่อผู้อาวุโสฝ่ายนอก ผู้อาวุโสฝ่ายใน หรือผู้อาวุโสขั้นสูงสุด แค่ทำหน้าที่ตัดสินอย่างเป็นกลางโดยใช้ข้อเท็จจริงและเหตุผล
“สิ่งที่พวกเราพยายามบอกก็คือยังมีผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งกว่านี้ในหมู่ศิษย์สายตรงฝ่ายในที่ยังไม่ได้เข้าร่วมการดวล พวกเขาถือเป็นสุดยอดในหมู่ศิษย์สายตรงฝ่ายใน หากคนเหล่านั้นยังไม่ได้เข้าร่วมการดวลล่ะก็ พวกเราก็จะไม่ยอมรับว่าผลการดวลครั้งนี้มีผลถึงพวกเราทุกคน!” เสียงหนึ่งตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
“คุณจะพิสูจน์อย่างไรว่าพวกเขายังไม่ได้เข้าร่วม?” เจ้าหน้าที่ที่ดูแลสังเวียนประลองตอบโต้
“ผมพิสูจน์ไม่ได้ จึงอยากขอให้ทางหอนิรันดร์เปิดเผยรายละเอียดของการดวล ด้วยสิ่งนี้เท่านั้นที่จะทำให้พวกเรายอมรับผลการดวลครั้งนี้!” เสียงเดิมตอบ
“ใช่ กรุณาเปิดเผยรายละเอียดของการดวลด้วย พวกเราอยากรู้ว่ามีใครเข้าร่วมการดวลแล้วบ้าง พวกเราที่เหลือน่ะมาไม่ทันเวลา จึงไม่อยากติดร่างแหรับความพ่ายแพ้ครั้งนี้”
“ผมคิดว่ามันจะยุติธรรมก็ต่อเมื่อหอนิรันดร์เปิดเผยรายละเอียดของการดวล ไม่อย่างนั้น พวกเราก็สุ่มเสี่ยงต่อการเสียชื่อเสียง”
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้ที่เข้าร่วมการดวลล้วนแต่เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในที่ไม่ได้เรื่อง พวกเราไม่อยากเป็นแพะรับความอ่อนด้อยของพวกเขา!”
เสียงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดดังมาจากฝูงชน