Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1993 เป็นแบบนั้นได้อย่างไร?
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1993 เป็นแบบนั้นได้อย่างไร?
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1993 เป็นแบบนั้นได้อย่างไร?
ในระดับวรยุทธเดียวกัน แม้แต่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดส่วนใหญ่ก็ไม่อาจต้านทานศิลปะเพลงดาบดงหิมะของเธอได้ นับประสาอะไรกับศิษย์สายตรงฝ่ายใน ขนาดหลิวลู่จี่ก็ยังพ่ายแพ้ราบคาบ
แต่ชายที่ดูไม่สลักสำคัญอะไรเลยคนนี้กลับฝ่าการโจมตีของเธอได้โดยไม่บาดเจ็บสักนิด เธออดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงชายที่สังหารเธอถึง 2 ครั้งในหอนิรันดร์-ผมน่ะถ่อมตัว!
หรือว่าชายลึกลับผู้นั้นเป็นคนเดียวกันกับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอ?
ขณะที่ไป๋เหรินชิงแสดงความสงสัย ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แววตาที่เคยหรี่ปรือและเรื่อยเฉื่อยของเขาคมกริบขึ้นมาทันที คมกริบจนน่ากลัว “ในเมื่อผมปกปิดต่อไปไม่ได้แล้วก็ขออภัยคุณด้วยที่ต้องไร้มารยาท…”
ฟึ่บ!
พริบตาต่อมา การโจมตีจากฝ่ามือก็มาจ่ออยู่ตรงหน้าไป๋เหรินชิง แขนของจางเซวียนไม่ยาวนัก แต่มันสกัดกั้นกระแสดาบฉีของเธอไว้ทั้งหมด พละกำลังมหาศาลที่ถาโถมเข้าใส่ทำให้ไป๋เหรินชิงหายใจหายคอไม่ออก เธอพยายามดิ้นรนเพื่อไขว่คว้าหาอากาศหายใจ
“ไม่นะ…”
นึกไม่ถึงว่านักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติโลกจารึกคนหนึ่งจะสำแดงพละกำลังมหาศาลแบบนั้นได้ ไป๋เหรินชิงหรี่ตาพร้อมกับรีบปลดปล่อยวรยุทธ
ในชั่วพริบตา วรยุทธของเธอก็พุ่งขึ้นไปเป็นนักรบขั้นเสมือนอมตะ และยังคงพุ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
เสมือนอมตะ ระดับล่าง!
เสมือนอมตะ ระดับสูง!
เสมือนอมตะ ปฐพี!
เสมือนอมตะ สรวงสวรรค์!
อมตะตัวจริง ระดับล่าง!
เป็นอย่างที่ใครๆคาดเดาไว้ ไป๋เหรินชิงฝ่าด่านคอขวดของวรยุทธขั้นเสมือนอมตะและเข้าถึงวรยุทธขั้นอมตะตัวจริงแล้ว
นักรบขั้นอมตะตัวจริงนั้นได้ชื่อว่ามีพลังปราณไม่จำกัด แม้ในสำนักดาบเมฆเหินด้วยกัน เธอก็มีคุณสมบัติเกินพอที่จะได้เป็นผู้อาวุโสฝ่ายใน
ฟึ่บ!
ถึงไป๋เหรินชิงจะเรียกวรยุทธเดิมกลับคืนมา แต่สิ่งแรกที่เธอทำก็คือล่าถอย แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะถอยไปทางไหน การโจมตีจากฝ่ามือนั้นก็ตามเธอไปติดๆ ราวกับอีกฝ่ายคาดเดาการเคลื่อนไหวของเธอได้
“เป็นแบบนี้ได้อย่างไร? คุณเป็นนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติโลกจารึกจริงๆหรือเปล่า?” ไป๋เหรินชิงแทบคลุ้มคลั่ง
เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าระดับวรยุทธของอีกฝ่ายคือผู้ทำลายล้างมิติโลกจารึก แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ทั้งที่ตัวเธอเรียกระดับวรยุทธเดิม คือนักรบอมตะตัวจริงระดับล่างกลับคืนมาแล้ว แต่ก็ยังหลบหลีกการโจมตีของเขาไม่ได้!
อย่างกับหมอนี่อ่านใจของเธอได้ตลอด
ว่าแต่…เป็นแบบนั้นได้อย่างไร?
สำนักดาบเมฆเหินมีอัจฉริยะผู้ปราดเปรื่องอยู่มากมาย และมีนักรบจำนวนหนึ่งที่สามารถท้าทายผู้ที่มีวรยุทธสูงกว่าตัวเองได้ แต่โดยทั่วไปก็จะสูงกว่ากันเพียง 1 หรือ 2 ขั้นเท่านั้น แถมทุกคนก็ล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ฝึกฝนเทคนิควรยุทธและศิลปะเพลงดาบแบบเดียวกัน
แต่นักรบอมตะตัวจริงระดับล่างคนหนึ่งต้องมาเพลี่ยงพล้ำให้กับนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติ เธอรู้สึกอับจนปัญญาเหลือเกิน
เอาจริงๆสิ หมอนี่ทรงพลังแค่ไหนกันแน่?
“ฉันไม่เชื่อหรอก!”
ไป๋เหรินชิงปล่อยกระแสพลังงานหนักหน่วงออกมาอีกครั้ง ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเธอในระดับของนักรบอมตะตัวจริงแผ่ซ่านออกไปโดยรอบ มันทรงพลังถึงขนาดที่ทำให้ค่ายกลเสริมกำลังที่ถูกติดตั้งไว้รอบห้องเริ่มส่งเสียงครืดคราด
“อย่าเสียเวลาเลย ไม่มีประโยชน์หรอก”
เสียงของชายหนุ่มดังเข้าหู
ฟึ่บ!
การโจมตีจากฝ่ามือนั้นหายวับไป
ไป๋เหรินชิงทรุดฮวบลงกับพื้น
“ทำไงดีล่ะ?” จางเซวียนถอนหายใจเฮือกขณะมองร่างของไป๋เหรินชิงที่สลบไสลไม่ได้สติ
ยัยคนนี้บีบคั้นเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขารู้สึกว่าคงถูกกดดันจนต้องทำอะไรบางอย่างออกไปแน่หากไม่รีบตอบโต้
แต่ทันทีที่ตอบโต้ ก็รู้สึกเสียใจ
ถ้าเป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในคนอื่นๆ เขายังพอหาวิธีรับมือได้ แต่แม่คนนี้คือหลานสาวของ 1 ใน 3 ผู้อาวุโสใหญ่ แถมเป็นถึงนักรบอมตะตัวจริงระดับล่างด้วย!
ศาสตร์การใช้จิตวิญญาณของเขาคงใช้การไม่ได้กับเธอ และหากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา เขาคงต้องเดือดร้อนหนัก
เขาไม่อยากเป็นคนที่ถูกใครๆหมายหัวตั้งแต่เข้าสู่สำนักดาบเมฆเหินได้เพียงวันเดียว!
“คนโดดเด่นก็มักต้องเจอเรื่องยุ่งยากไม่รู้จบ” จางเซวียนถอนหายใจอย่างจนปัญญา
ถ้าเขาถูกเล่นงานยับเยินเพราะแข็งแกร่งไม่เท่าไป๋เหรินชิง ก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับ
แต่ก็เห็นกันชัดๆว่าไป๋เหรินชิงสู้เขาไม่ได้ แล้วเขาจะทำให้ตัวเองดูเหมือนพ่ายแพ้ได้อย่างไร?
แถมยังโชคร้ายที่การกระทำของเขาเป็นการเปิดเผยตัวตนในฐานะผมน่ะถ่อมตัวแล้ว ถ้าเขาอ่านและเดินเกมไม่ขาดล่ะก็ จะต้องเกิดปัญหาใหญ่แน่
“ตอนนี้เรามีแค่สองทางเลือก สังหารเธอและอำพรางศพซะ…ไม่สิ แบบนั้นไม่ดีหรอก การที่เธอเข้าสู่หอสมุดของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดจะต้องมีบันทึกไว้แล้ว และอาจมีใครเห็นเราสองคนเข้าห้องไปด้วยกัน ถ้าจู่ๆเธอหายตัวไป ก็น่าจะสาวมาถึงเราได้ไม่ยาก”
“หรือไม่อย่างนั้น เราจะต้องบังคับให้เธอปฏิญาณว่าจะไม่มีวันเปิดเผยความลับเรื่องนี้ ดูเหมือนนี่คงเป็นทางเดียวที่ทำได้…”
จางเซวียนมองร่างสลบไสลไม่ได้สติของไป๋เหรินชิงครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง ดูเหมือนวันนี้เขาจะถอนหายใจบ่อยเกินไปเสียแล้ว
จางเซวียนกระดิกนิ้ว จากนั้นก็ปล่อยกระแสพลังปราณเทียบฟ้าสายหนึ่งเข้าสู่ร่างของไป๋เหรินชิง เปลือกตาของเธอขยับเล็กน้อย เธอลืมตาขึ้นช้าๆ จากนั้นก็มองไปรอบๆอย่างงุนงง
“ศิษย์พี่ไป๋ ผมไม่อยากได้ชื่อว่ามือเปื้อนเลือด แต่คงต้องขอให้คุณปฏิญาณว่าคุณจะไม่มีวัน…”
ขณะที่จางเซวียนกำลังจะบังคับกระแสพลังปราณเทียบฟ้าที่เขาถ่ายทอดเข้าสู่ร่างของไป๋เหรินชิงให้บงการเธอให้เชื่อฟังคำสั่งของเขา สาวน้อยก็หันขวับมามองเขาอย่างตื่นเต้นและโค้งคำนับให้ “ศิษย์พี่จาง…ไม่ใช่สิ ต้องเป็นอาจารย์ลุงจาง! คุณจะสอนศิลปะเพลงดาบให้ฉันได้ไหม? ขอแค่คุณยอมถ่ายทอดศิลปะเพลงดาบของคุณให้ฉัน ฉันจะยอมทำทุกอย่างที่คุณต้องการ!”
“อาจารย์ลุง?”
จางเซวียนพูดไม่ออกอีกครั้งกับการกระทำของไป๋เหรินชิง
คุณนี่เป็นลมฟ้าอากาศหรือไง? เปลี่ยนแปลงได้ปุบปับว่องไวเหลือเกิน!
เมื่อครู่นี้ยังจะกินเลือดกินเนื้อผม แต่แล้วก็กลับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ…คุณคิดอะไรอยู่?
อีกอย่าง เอาความคิดมาจากไหนที่เรียกผมว่าอาจารย์ลุง?
แต่ก็นั่นแหละ ความตั้งใจของจางเซวียนคือยับยั้งอีกฝ่ายไม่ให้เปิดเผยความลับของเขา ขอแค่เธอเต็มใจปิดปากเงียบ ก็ไม่สำคัญหรอกว่าเธอจะเรียกเขาอย่างไร
จางเซวียนประเมินไป๋เหรินชิงครู่หนึ่งก่อนจะตั้งคำถาม “คุณอยากเรียนศิลปะเพลงดาบของผมจริงๆหรือ?”
ไป๋เหรินชิงพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
วินาทีที่เธอสลบไป เธอแน่ใจทันทีว่าชายหนุ่มคนนี้คือผมน่ะถ่อมตัว มีเขาคนเดียวเท่านั้นที่เอาชนะศิลปะเพลงดาบดงหิมะของเธอได้อย่างง่ายดายแม้จะมีระดับวรยุทธต่างกัน!
ศิลปะเพลงดาบของอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าท่านปู่เฟิงมาก ถ้าเธอได้ร่ำเรียนกับเขา ก็คงมีแต่ท้องฟ้าเท่านั้นที่จะสกัดกั้นความเชี่ยวชาญในศิลปะเพลงดาบของเธอไว้ได้ เธอไม่จำเป็นต้องกังวลกับพวกปีศาจในหมู่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดอีกแล้ว แถมยังจะเหนือชั้นกว่าพวกนั้นด้วย!
ไป๋เหรินชิงไม่อาจปล่อยให้โอกาสล้ำค่าครั้งนี้หลุดมือได้
“จะว่าไป การที่ผมจะถ่ายทอดศิลปะเพลงดาบของผมให้คุณ…ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว แต่ผมมีเงื่อนไข!”
ด้วยดวงตาหยั่งรู้ของจางเซวียน เขาดูออกว่าไป๋เหรินชิงร้องขอด้วยความจริงใจเต็มเปี่ยม เมื่อเห็นแล้วว่ามีทางแก้ไขปัญหานี้ได้โดยละม่อม จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะพูดต่อ “ผมเป็นคนที่ไม่ชอบทำอะไรโดดเด่น และไม่อยากให้ใครๆรู้ตัวตนและความสามารถที่แท้จริงของผมด้วย ถ้าคุณเก็บความลับได้ ผมก็สัญญาว่าผมจะทำให้ศิลปะเพลงดาบของคุณก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้น ต่อให้ตำแหน่งนักดาบหมายเลขหนึ่งในหมู่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดก็จะเป็นของคุณอย่างง่ายดาย!”
“อาจารย์ลุง วางใจได้เลยว่าฉันจะปิดปากเงียบ” เมื่อรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้มองเห็นเจตนาของเธออย่างทะลุปรุโปร่ง ไป๋เหรินชิงหน้าแดงก่ำ เธอยืดตัวตรง จากนั้นก็ยกมือขึ้นและกล่าวคำปฏิญาณอย่างเคร่งขรึม “ตัวฉัน, ไป๋เหรินชิง ขอสาบานต่อเทพเจ้าว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องของอาจารย์ลุงจางเซวียนโดยเด็ดขาด ถ้าฉันฝ่าฝืนคำปฏิญาณนี้ ขอให้ลูกธนูนับหมื่นนับพันแทงทะลุหัวใจของฉัน!”
ด้วยสิ่งนี้ จางเซวียนจึงวางใจได้
ในช่วงระยะเวลาอันสั้นที่อยู่ที่นี่ เขาได้เรียนรู้ว่า คำว่า ‘เทพเจ้า’ มีความศักดิ์สิทธิ์มากต่อผู้คนในมิติเบื้องบน ไม่มีใครกล้าผิดคำปฏิญาณที่ให้ไว้กับเทพเจ้าเพราะเกรงกลัวการลงทัณฑ์จากสวรรค์
แต่ก็แน่นอนว่านั่นคือสิ่งที่เขาได้รู้เห็น ส่วนจะเป็นเรื่องจริงหรือเป็นแค่ความเชื่อ ก็ยังต้องรอดูกันต่อไป
“การฟาดฟันในแนวราบที่คุณสำแดงออกมาและอธิบายให้หลิวลู่จี่กับหวังเจี้ยนตงฟังก่อนหน้านี้น่ะผิดพลาด ผมจะอธิบายให้คุณฟังเดี๋ยวนี้แหละ…”
ราวกับได้พบหนทางระบายความคับอกคับใจ จางเซวียนตั้งใจอธิบายแก่นสารของศิลปะเพลงดาบของเขาอย่างจริงจัง
ไป๋เหรินชิงตัวสั่นขณะฟังคำอธิบาย
เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าศิลปะเพลงดาบจะถูกตีความในรูปแบบนี้ได้ แม้จะดูเหมือนเรียบง่าย แต่พละกำลังที่ผู้ฝึกฝนสามารถสำแดงออกมาได้นั้นเรียกได้ว่าไร้ขอบเขต
“เอาล่ะ ผมจะปล่อยคุณไว้ที่นี่ ให้คุณค่อยๆทำความเข้าใจสิ่งที่ผมพูด ส่วนผมขอกลับไปอ่านหนังสือก่อน”
เห็นไป๋เหรินชิงตกอยู่ในภวังค์ ทั้งยังลุกขึ้นเป็นระยะๆเพื่อพิสูจน์ทฤษฎีของการเคลื่อนไหวบางกระบวนท่าเพื่อทดสอบความเข้าใจของเธอ จางเซวียนเปิดประตูห้องส่วนตัวนั้นและเดินออกไป
เขากลับไปเดินตามทางเดินเหมือนเมื่อครู่ก่อนเพื่อถ่ายโอนหนังสือเข้าสู่หอสมุดเทียบฟ้า
2 ชั่วโมงต่อมา จางเซวียนก็ถ่ายโอนหนังสือได้ครบทุกเล่ม
ประมวล! เขาเพ่งสมาธิ
หนังสือทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับวรยุทธขั้นเสมือนอมตะหลอมรวมกันและก่อตัวเป็นหนังสือเล่มใหม่
จางเซวียนรีบเปิดดูหนังสือที่ถูกประมวลขึ้นใหม่อย่างร้อนรน ครู่ต่อมา สีหน้าผ่อนคลายก็ปรากฏชัดบนใบหน้าของเขา
เหมือนอย่างที่คาดไว้ จำนวนหนังสือในหอสมุดของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดนั้นมีมากพอจะประมวลเป็นเคล็ดวิชาเทียบฟ้าของวรยุทธขั้นเสมือนอมตะที่สมบูรณ์แบบได้ ขอแค่เขามียาเม็ดอมตะขั้นพื้นฐานมากพอ ก็คงฝ่าด่านวรยุทธได้สบาย
ที่หอสมุดของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดมีหนังสือเทคนิควรยุทธขั้นอมตะตัวจริงอยู่ด้วย แต่เนื่องจากมีจำนวนน้อยเกินไป เขาจึงประมวลได้เพียงครึ่งทาง
เราควรกลับเสียที…จางเซวียนคิดขณะดูเวลา
ผ่านไปเกือบ 6 ชั่วโมงแล้วตั้งแต่เขาเข้าสู่หอสมุด จางเซวียนยืดหลังบิดขี้เกียจแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องส่วนตัวอีกครั้ง