Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2026 แบบนี้ดูไม่ดีเลย!
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2026 แบบนี้ดูไม่ดีเลย!
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2026 แบบนี้ดูไม่ดีเลย!
ฟึ่บ!
เลือดสดๆพุ่งขึ้นสู่กลางอากาศขณะที่ชายเสื้อคลุมสีดำร้องลั่น
มือข้างหนึ่งของเขาถูกตัด
แต่จางเซวียนก็ไม่แสดงอาการโล่งใจสักนิดทั้งที่ตัดมือข้างหนึ่งของอีกฝ่ายไปแล้ว กลับมีสีหน้าเคร่งเครียดกว่าเดิม
เขานำดาบถงซังออกมาและใช้เจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้า จึงคิดว่าน่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว แต่ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็แค่ตัดมือข้างหนึ่งของหมอนั่นออกไปเท่านั้น
แบบนี้ดูไม่ดีเลย!
“คุณ…คุณเล่นงานผมได้จริงๆหรือ?”
ชายเสื้อคลุมสีดำมองมือข้างที่ถูกตัดออกไปซึ่งกลิ้งอยู่กับพื้นด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ หน้าตาของเขาโหดเหี้ยมขึ้นทีละน้อย จากนั้นก็คำรามกร้าวพร้อมกับชักดาบออกมา
เหตุผลที่ก่อนหน้านี้เขาไม่ใช้อาวุธ ก็เพราะคิดว่าอีกฝ่ายไม่คู่ควรกับการที่เขาจะต้องลงไม้ลงมือให้เหนื่อย แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าอาจเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่หากยังคงสบประมาทคู่ต่อสู้
ฟึ่บ!
ทันทีที่ดาบปรากฏ ชายเสื้อคลุมสีดำฟันฉับลงมาอย่างแรง เกิดเสียงหวีดหวิวขึ้นกลางอากาศ กระแสดาบฉีสีทองพุ่งออกไปกินอาณาเขตหลายจ้าง แล้วตรงเข้าเล่นงานจางเซวียน
“นี่คืออาวุธระดับอมตะขั้นสูงหรือ?” จางเซวียนตาโตด้วยความประหลาดใจขณะรีบถอยไป
เขารู้ดีว่าอาวุธระดับอมตะขั้นสูงมีความหยิ่งผยองแค่ไหน ดาบถงซังที่เขาถืออยู่เป็นตัวอย่างชั้นดี ถ้าไม่ใช่เพราะวิธีการต่างๆนานาที่เขามี คงทำให้มันยอมจำนนได้ยาก แต่อีกฝ่าย…ทั้งที่เป็นแค่นักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ กลับทำได้สำเร็จ
ถือว่าน่าสะพรึงมาก!
จางเซวียนประหลาดใจ เขานำยาเม็ดอมตะขั้นสูงออกมา 2 เม็ดและกลืนมันลงไป
แม้วรยุทธของเขาจะเข้าถึงขั้นอมตะตัวจริงระดับล่างแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจถือไพ่เหนือกว่าชายเสื้อคลุมสีดำอย่างสิ้นเชิงได้ แถมยังมีคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังอีก 3 คนรออยู่ด้านหลังด้วย
ขณะที่หลบเลี่ยงการโจมตีของชายเสื้อคลุมสีดำ จางเซวียนก็พยายามจับจ้องการเคลื่อนไหวของนักรบที่เหลืออีก 3 คน เพราะเกรงว่าพวกนั้นจะลอบทำร้ายเขา แต่ทั้ง 3 กลับยืนนิ่งไม่ไหวติง ดูเหมือนไม่ใส่ใจกับความเหน็ดเหนื่อยของสหายร่วมกลุ่มเลย
เขาไม่รู้ว่า 3 คนนั้นคิดอะไร แต่ก็ถือเป็นข่าวดีที่พวกนั้นไม่เคลื่อนไหว เพราะอย่างน้อยที่สุดก็หมายความว่าเขายังพอมีโอกาส
จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาหลบการระเบิดของกระแสดาบฉีสีทองด้วยการเคลื่อนไหวอย่างว่องไว และตอบโต้กลับด้วยกระแสดาบฉีของเขา
ขณะที่กระแสดาบฉี 2 สายปะทะกัน เสียงระเบิดดังสนั่นก็กึกก้องไปทั่วกลางอากาศ การผนึกกำลังกันของพลังปราณ กายเนื้อ และจิตวิญญาณของจางเซวียนยิ่งใหญ่เสียจนแทบจะสลายภูเขาให้แตกเป็นเสี่ยงๆได้ แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ทุกการโจมตีที่เขาปล่อยออกไปถูกอีกฝ่ายจัดการได้อย่างง่ายดาย ราวกับว่าชายเสื้อคลุมสีดำผู้นี้มีพละกำลังไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าจะเจอการโจมตีหนักหนาสาหัสแค่ไหน ก็รับมือได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
จางเซวียนหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นเรื่อยๆ
เขาฝึกฝนเคล็ดวิชาเทียบฟ้ามาตั้งแต่แรก ทำให้มีรากฐานวรยุทธที่แข็งแกร่งมาก ทั้งยังผ่านการทดสอบสถาปนาเซียนและการทดสอบของนักปราชญ์โบราณอีกหลายครั้ง
จะว่าไป พละกำลังของเขาน่าจะเทียบชั้นกับคู่ต่อสู้ที่มีระดับวรยุทธสูงกว่าเขามากได้สบาย
แต่ชายเสื้อคลุมสีดำคนนี้กลับต่อสู้กับเขาได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ต่อให้ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดหมายเลข 1, เหอจิ้งชวนก็ยังทำแบบนี้ไม่ได้
อันที่จริง แม้แต่เจ้าสำนักหานเจี้ยนชิวก็คงรับมือกับพละกำลังของชายเสื้อคลุมสีดำผู้นี้ไม่ได้เช่นกันหากวรยุทธของเขาถูกลดลงมาให้เป็นนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์!
นอกเสียจากหอเทพเจ้า ไม่มีกลุ่มอำนาจไหนในมิติเบื้องบนที่มีผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังขนาดนี้
ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เราต้องตายที่นี่แน่ จางเซวียนคิด
แม้จะมียาเม็ดอมตะขั้นสูงอยู่ในครอบครองมากมาย แต่จางเซวียนก็พบว่าเขาใช้พลังปราณที่ดูเหมือนจะไร้ขีดจำกัดของตัวเองไปอย่างรวดเร็ว ทำให้สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้นอีก
หากใช้พลังปราณหมดเมื่อไหร่ แม้แต่การหลบหนีก็เป็นไปไม่ได้
นี่เป็นครั้งแรกตลอดระยะเวลาอันยาวนานที่จางเซวียนรู้สึกว่าตัวเองจนมุม เขาคุ้นชินกับการที่ตัวเองมีพละกำลังแข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้มาก จนทำให้ประเมินภัยอันตรายที่อยู่ในมิติเบื้องบนต่ำไป
เราจะปล่อยให้การต่อสู้ยืดเยื้อแบบนี้ไม่ได้ ต้องหาจุดอ่อนของมิติลี้ลับแห่งนี้ให้เจอและหาทางหลบหนี จางเซวียนคิด
เขาไม่รู้ว่าทำไมนักรบอีก 3 คนถึงไม่เคลื่อนไหว แต่หนึ่งในนั้นเป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ ถ้าแม้แต่นักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ยังเล่นงานเขาได้หนักหน่วงขนาดนี้ เขาคงตายแน่นอนถ้านักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์คนนั้นเปิดการโจมตี
ไม่ว่าอย่างไร เขาต้องออกจากที่นี่ให้ได้!
การที่ศัตรูดึงเขาเข้าสู่มิติลี้ลับก็หมายความว่าพวกนั้นระแวงมาตรการรักษาความปลอดภัยของสำนักดาบเมฆเหิน เป็นไปได้ว่าทางสำนักอาจส่งผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งคอยติดตามเขา เขาน่าจะปลอดภัยกว่านี้หากสามารถไปรวมตัวกับคนเหล่านั้นได้
หรือต่อให้ไม่เป็นอย่างนั้น ด้วยเครื่องรางปลอมตัวที่มีอานุภาพน่าทึ่งที่หลัวลั่วชิงมอบให้ เขาก็มั่นใจว่าน่าจะทำตัวกลมกลืนไปกับฝูงชนและหนีไปได้
เพียงแต่…จางเซวียนไม่อาจใช้หอสมุดเทียบฟ้าได้ที่นี่ ทำให้ทุกอย่างดูจะยุ่งยากกว่าเดิม
ดวงตาหยั่งรู้!
จางเซวียนตั้งต้นสำรวจพื้นที่โดยรอบอย่างถี่ถ้วน แต่ก็ไม่มีอะไรให้เห็น เขาเริ่มรู้สึกสิ้นหวัง
ด้วยการเตรียมตัวอย่างดีของอีกฝ่าย พวกนั้นดึงเขาเข้าสู่มิติลี้ลับเพื่อเล่นงาน ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะปล่อยให้เขาออกจากที่นี่ได้ง่ายๆแน่
โครงสร้างของมิติในมิติเบื้องบนแข็งแกร่งมั่นคงกว่าทวีปแห่งปรมาจารย์มาก แต่ทฤษฎีพื้นฐานก็เหมือนกัน จางเซวียนเค้นหัวสมองอย่างร้อนรน ค้นหาทุกเรื่องที่เขารู้เกี่ยวกับมิติ
เขาเพ่งดวงตาหยั่งรู้ไปที่โครงสร้างของมิติอีกครั้ง จากนั้นก็แยกเป็นส่วนๆ เปลี่ยนมันให้กลับไปอยู่ในรูปแบบพื้นฐานที่สุด
ตรงนั้น…ดูจะเปราะบางอยู่สักหน่อย…
ไม่ช้าจางเซวียนก็หาจุดที่ดูจะแตกต่างจากจุดอื่นๆได้ ด้วยการระเบิดพละกำลังอย่างกะทันหัน จางเซวียนปล่อยการโจมตีอันดุเดือดออกมาเป็นชุด ผลักดันให้ชายเสื้อคลุมสีดำถอยกรูดอย่างต่อเนื่อง จากนั้น เมื่อเขาเข้าใกล้จุดเปราะบางที่จับสังเกตไว้ ก็ทุ่มแรงขว้างดาบออกไปจนสุดกำลังเพื่อทำลายมัน
เคร้งงงงง!
เกิดเสียงเคร้งดังสนั่นของโลหะกึกก้องไปทั่ว จางเซวียนรู้สึกได้ถึงแรงสะท้อนหนักหน่วงจากดาบถงซังที่ตีกลับเข้าสู่ท่อนแขนของเขา ทำให้ต้องถอยไปหลายก้าวเพื่อบรรเทาแรงปะทะนั้น
ฟึ่บ!
พื้นที่ที่จางเซวียนเพิ่งทำลายบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในมิติลี้ลับ
“ผู้อาวุโสโฉวหั่ว?” จางเซวียนตาโต
อีกฝ่ายไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้อาวุโสโฉวหั่ว, ผู้อาวุโสที่ 1 ของแผนกศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดที่เขาเคยปะทะด้วยเมื่อครั้งอยู่ที่สภาผู้อาวุโส
ผู้อาวุโสโฉวหั่วตามจางเซวียนมาและซ่อนตัวอยู่ในเงามืด เมื่อกลุ่มชายเสื้อคลุมสีดำปรากฏตัว เขาก็รับรู้ทันทีและรีบตามมา แต่มิติลี้ลับได้สกัดกั้นเขาไว้ก่อนที่จะหาทางเข้ามาข้างในได้สำเร็จ เขาพยายามใช้วิธีการมากมายเพื่อทำลายมิติลี้ลับ แต่ทั้งๆที่เป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ ก็ยังหาทางเข้ามาข้างในไม่ได้
ผู้อาวุโสโฉวหั่วรู้สึกว่ามีคนกลุ่มหนึ่งเสริมกำลังให้มิติลี้ลับจากด้านใน ทำให้ความพยายามทั้งหมดของเขาล้มเหลว แต่เมื่อจางเซวียนทำลายจุดอ่อนของมิติลี้ลับได้สำเร็จ เขาจึงหาโอกาสพุ่งเข้ามาด้านในได้
หลังจากเข้ามาในมิติลี้ลับ ผู้อาวุโสโฉวหั่วกวาดสายตามองไปโดยรอบ เมื่อเห็นว่าจางเซวียนยังไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก “คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว!”
จากนั้น เขาก็ก้าวเข้ามาบังจางเซวียนและจ้องหน้าชายเสื้อคลุมสีดำทั้ง 4 คนด้วยสายตาเย็นชา
“ในฐานะนักรบอมตะขั้นสูงและนักรบอมตะตัวจริงของหอเทพเจ้า พวกคุณไม่ละอายใจบ้างหรือที่รวมหัวกันเล่นงานนักรบเสมือนอมตะคนหนึ่ง?” ผู้อาวุโสโฉวหั่วคำรามอย่างดูถูก
แค่มองแวบเดียว เขาก็ระบุภูมิหลังของวายร้ายกลุ่มนี้ได้แล้ว
“ฆ่าเขาซะ อย่าปล่อยให้มีอะไรหลุดรอดไปได้!” ชายเสื้อคลุมสีดำที่เป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์สั่งการ
“ได้!”
นักรบอมตะตัวจริงอีก 2 คนที่ยืนอยู่ด้านหลังประสานมือพร้อมกับโค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อรับคำสั่ง ทั้งคู่ชักดาบออกมาและพุ่งเข้าใส่อย่างไม่ลังเล ดาบของพวกเขาเป็นอาวุธระดับอมตะขั้นสูงเช่นกัน
คนหนึ่งเคลื่อนไหวไปทางซ้าย อีกคนไปทางขวา ทั้งคู่ขนาบข้างผู้อาวุโสโฉวหั่วไว้และโจมตีเขาจาก 2 ทิศทางพร้อมกัน
จากนั้น ทั้ง 3 ก็เข้าโรมรันพันตู
เห็นภาพนั้น จางเซวียนเลิกคิ้ว
เขาประหลาดใจที่พบว่าชายเสื้อคลุมสีดำ 2 คนที่เป็นนักรบอมตะตัวจริงสามารถสู้กับนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์อย่างผู้อาวุโสโฉวหั่วได้อย่างทัดเทียมกัน ไม่เพียงเท่านั้น ยังดูเหมือนจะค่อยๆพลิกสถานการณ์มาถือไพ่เหนือกว่าด้วย!
ความแตกต่างในพละกำลังระหว่างนักรบอมตะตัวจริงและนักรบอมตะขั้นสูงเทียบได้กับความแตกต่างของวรยุทธระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่กับนักปราชญ์โบราณ วรยุทธ 2 ขั้นนี้ห่างกันมากจนไม่อาจเทียบชั้นกันได้เลย
นักรบอมตะขั้นสูงระดับล่างสามารถเล่นงานนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์กว่า 10 คนได้อย่างง่ายดาย
ด้วยเหตุนี้ จึงยากที่จะเชื่อว่านักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์สองคนจะสามารถรับมือกับนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์อย่างผู้อาวุโสโฉวหั่วได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ขนาดเห็นกับตา จางเซวียนก็ยังแทบไม่อยากเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นจริง
แต่สถานการณ์ตอนนี้ก็ไม่เอื้อให้เขามีเวลาสนใจการต่อสู้ของคนอื่น ชายเสื้อคลุมสีดำที่ถูกตัดมือออกไปก่อนหน้านี้เริ่มปล่อยการโจมตีอันหนักหน่วงเป็นชุดเข้าใส่ ทำให้จางเซวียนถอยกรูดไปครั้งแล้วครั้งเล่า
แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ดูเหมือนประสิทธิภาพการต่อสู้ของชายเสื้อคลุมสีดำจะไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย อันที่จริง ดูคล้ายกับว่าสิ่งนี้กระตุ้นบางอย่างที่อยู่ในส่วนลึกของเขา ทำให้ปล่อยพละกำลังออกมาได้อย่างไร้ขีดจำกัด ชายเสื้อคลุมสีดำฟาดฟันครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างคลุ้มคลั่ง เหมือนนักรบเสียสติในสนามรบที่ถูกธาตุไฟเข้าแทรก
“น้ำเต้าตงฉู่ อย่ามัวแกล้งตายน่ะ! ไม่เห็นหรือไงว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น?” จางเซวียนตวาดในใจ
“ผมเห็นแล้ว ก็แล้วไงล่ะ?” น้ำเต้าตงฉู่ตอบอย่างเกียจคร้านขณะว่ายวนอยู่ในจุดตันเถียนของจางเซวียน
“อ้าว แกกินดาบได้ไม่ใช่หรือ? ออกไปกลืนดาบของไอ้สารเลวพวกนั้นให้ฉันที!” จางเซวียนคำราม