Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2030 เคล็ดวิชาเทพดาบเมฆเหิน?
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2030 เคล็ดวิชาเทพดาบเมฆเหิน?
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2030 เคล็ดวิชาเทพดาบเมฆเหิน?
10 นาทีต่อมา ทั้งคู่ก็กลับถึงสภาผู้อาวุโส
“คุณบอกว่าหอเทพเจ้าส่งทีมลอบสังหารมาเล่นงานผู้อาวุโสจางเซวียนหรือ?”
ได้ฟังรายงานของผู้อาวุโสโฉวหั่ว หานเจี้ยนชิวหน้าถอดสีด้วยความตกใจ
“ใช่” ผู้อาวุโสโฉวหั่วตอบ “พวกนั้นส่งนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ 1 คนกับนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์อีก 3 คนมา”
“นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ 1 คนกับนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์อีก 3 คน?” หานเจี้ยนชิวทวนคำอย่างพรั่นพรึง เขามองทั้งคู่ด้วยความไม่อยากเชื่อ “พวกนั้นทรงพลังขนาดนี้ คุณทั้งคู่เอาตัวรอดมาได้อย่างไร?”
“มันน่าอับอายมากที่ต้องพูดแบบนี้ แต่ผมแทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผู้อาวุโสจางเซวียนฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบอมตะตัวจริงระดับล่างได้ในช่วงเวลาคับขัน และด้วยดาบถงซังที่คุณมอบให้เขาก่อนหน้านี้ เขาสังหารนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ทั้ง 3 คนไปก่อนที่…ก่อนที่…”
ระหว่างที่กำลังอธิบาย ผู้อาวุโสโฉวหั่วหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ร่างของเขาแข็งทื่อขึ้นมาทันที นัยน์ตาแทบทะลุออกจากเบ้าด้วยความตกใจ
“คุณ…คุณสำเร็จวรยุทธขั้นอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
สิ่งที่ผู้อาวุโสโฉวหั่วพูดเป็นความจริง
เขาติดตามจางเซวียนไปเพื่อรักษาความปลอดภัยให้อีกฝ่าย ซึ่งกับนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ 3 คนนั้น จางเซวียนสังหารไปคนหนึ่ง, เล่นงานคนที่ 2 ที่ต่อสู้กับเขา และเฉือนคนสุดท้ายเป็นชิ้นๆ แม้แต่นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ก็ถูกจางเซวียนใช้หนังสือทุ่มจนตาย!
เมื่อหวนนึกดู เขาแทบไม่ได้ทำประโยชน์เท่าไหร่
ถ้าจะมีอะไรที่เขาได้ทำลงไปบ้าง ก็คือดึงดูดความสนใจของฝูงชน
เพราะเขาไม่ได้ทำตัวเป็นประโยชน์ในการต่อสู้ จึงไม่กล้าบ่นอะไร
ผุ้อาวุโสโฉวหั่วอดสงสัยไม่ได้ว่าชายหนุ่มยกระดับวรยุทธของตัวเองรวดเร็วแบบนี้ได้อย่างไร จึงหันไปมองโดยไม่ได้ตั้งใจ…แต่ยังไม่ทันที่เขาจะรู้ตัว วรยุทธของชายหนุ่มก็เพิ่มจากนักรบอมตะตัวจริงระดับล่างไปเป็นนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์แล้ว!
“ผมรู้สึกว่าตัวเองยังอ่อนด้อยไปสักหน่อย ระหว่างทางที่กลับมา จึงกินยาเม็ดอมตะขั้นสูง 2-3 เม็ดและฝ่าด่านวรยุทธไป 2-3 ครั้ง” จางเซวียนอธิบาย
หากเขายกระดับวรยุทธของตัวเองไปเป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ได้ตั้งแต่ก่อนจะถูกลอบทำร้าย ก็คงรับมือกับชายเสื้อคลุมสีดำกลุ่มนั้นได้สบาย ต่อให้ถูกรุมก็ตาม
เพราะเห็นแก่ความปลอดภัย จางเซวียนจึงกินยาเม็ดอมตะขั้นสูงพร้อมกับขับเคลื่อนพลังปราณเทียบฟ้ามาตลอดระยะเวลาที่เดินทางกลับ ด้วยการสั่งสมพลังงานจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ไม่นานเขาก็ยกระดับวรยุทธไปเป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ได้สำเร็จ
ตอนแรกจางเซวียนไม่ได้เปิดเผย เพราะเกรงว่าอาจมีสายสืบจากหอเทพเจ้าคอยสะกดรอยตาม เขาไม่อยากให้ศัตรูรู้ว่าเขามีเทคนิควรยุทธที่ไร้เทียมทานอยู่ในครอบครอง แต่ในเมื่อตอนนี้เขากลับถึงสภาผู้อาวุโสแล้ว ก็รู้สึกว่าตัวเองปลอดภัยอีกครั้ง จึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องปกปิดระดับวรยุทธ ใครจะไปคิดว่าลงท้ายเขาก็ทำให้ผู้อาวุโสโฉวหั่วตกใจ?
“กินยาเม็ดอมตะขั้นสูงเข้าไป 2-3 เม็ด…และฝ่าด่านวรยุทธอีก 2-3 ครั้ง?”
เมื่อได้ยินว่าจางเซวียนฝ่าด่านวรยุทธได้ง่ายดายขนาดไหน หานเจี้ยนชิว ผู้อาวุโสเหอเทียนและคนอื่นๆแทบกระอักเลือดออกมา
เมื่อ 2-3 ชั่วโมงก่อน พวกเขายังออกจะหงุดหงิดใจกับความไม่เป็นโล้เป็นพายของจางเซวียน อีกฝ่ายลักลอบออกไปนอกสำนักแทนที่จะใส่ใจกับการยกระดับวรยุทธ แต่ในระยะเวลาเพียง 4 ชั่วโมงที่ออกไป ชายหนุ่มก็ยกระดับวรยุทธไปเป็นนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ได้สำเร็จ
ถ้าข้อมูลที่พวกเขาได้จากผู้อาวุโสลุ่อวิ๋นเป็นเรื่องจริง เมื่อวันก่อน วรยุทธของชายหนุ่มน่าจะอยู่ที่ผู้ทำลายล้างมิติขั้นต้นเท่านั้น!
สิ่งที่ทำให้พวกเขาแทบคลุ้มคลั่งก็คืออีกฝ่ายทำราวกับเรื่องนี้ไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลย
ถ้ากุญแจของการฝ่าด่านวรยุทธเป็นเพียงแค่การกินยาเม็ดอมตะขั้นสูง ทำไมถึงไม่เกิดเรื่องแบบนั้นกับพวกเราบ้าง?
หานเจี้ยนชิวพลันนึกอะไรบางอย่างที่น่าสะพรึงกว่าเดิมได้ เขาโพล่งออกมา “ไม่ใช่นะ รอเดี๋ยว คุณบอกว่าผู้อาวุโสจางเซวียนเอาชนะเหล่าผู้เชี่ยวชาญของหอเทพเจ้าได้โดยใช้ดาบถงซัง…คุณกำลังจะบอกว่าเขาทำให้ดาบถงซังยอมจำนนได้แล้วหรือ?”
ดาบถงซังคือสมบัติล้ำค่าที่เขาได้มาเมื่อหลายปีก่อน และรู้ดีว่ามันหยิ่งผยองแค่ไหน
ขนาดตัวเขายังต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการทำให้มันยอมจำนน และด้วยความยุ่งยากของกระบวนการนั้น เขาจึงยังไม่คืบหน้าไปไหน แล้วจางเซวียนทำให้ดาบถงซังยอมจำนนได้อย่างไร ในเมื่อตอนนั้นอีกฝ่ายเป็นแค่นักรบเสมือนอมตะสรวงสวรรค์?
ที่สำคัญกว่านั้น…ยังใช้เวลาแค่ 2-3 ชั่วโมง!
“ใช่ ตอนที่ผมเห็น เขาก็ทำให้ดาบถงซังยอมจำนนได้แล้ว” ผู้อาวุโสโฉวหั่วตอบพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ
เขาเพิ่งพบจางเซวียนได้ไม่ถึงหนึ่งวัน แต่เหตุการณ์แต่ละอย่างที่เกิดขึ้นทำให้เขารู้สึกว่าความมั่นใจของตัวเองหดหายไปทุกที
ผู้อาวุโสโฉวหั่วถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็เล่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสได้รู้ว่านักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์เล่นงานผู้อาวุโสโฉวหั่วได้ด้วยการใช้เพียงนิ้วเดียว ทุกคนต่างก็ตกตะลึง แต่จากนั้น เมื่อได้ยินว่าจางเซวียนโจมตีนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ผู้ทรงพลังคนนั้นด้วยหนังสือเล่มหนึ่ง ก็ถึงกับพูดไม่ออก
“หนังสือเล่มนั้นเป็นของล้ำค่าสำหรับการป้องกันตัวที่ท่านอาจารย์ของผมมอบให้ มันใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ต่อไปผมคงพึ่งพามันไม่ได้อีก” จางเซวียนอธิบาย
เขาไม่อาจพูดถึงหอสมุดเทียบฟ้าได้ จึงต้องผลักภาระให้ท่านอาจารย์ของเขาที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง
ถึงอย่างไร สำนักดาบเมฆเหินก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้วกับการที่บรรดาศิษย์สายตรงจะไปสวามิภักดิ์กับผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ตราบใดที่พวกเขายังคงภักดีต่อสำนัก
ได้ยินคำนั้น ฝูงชนพยักหน้า
ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขาสงสัยว่าชายหนุ่มอายุเพียง 20 ปีคนหนึ่งมีวรยุทธที่ทรงพลัง อีกทั้งมีความเข้าใจอันล้ำลึกในศิลปะเพลงดาบได้อย่างไร แต่เมื่อได้รู้ว่าแท้ที่จริงเขามีอาจารย์ ก็ทำให้รู้สึกโล่งอกโล่งใจไปมาก
มีแต่การอยู่ภายใต้คำชี้แนะของผู้เชี่ยวชาญสักคนเท่านั้นที่จะทำให้นักรบเก่งกาจไร้เทียมทานได้ขนาดนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย
คงเป็นเรื่องที่ท้าทายสามัญสำนึกของพวกเขาเกินไปหากจะคิดว่าชายหนุ่มเก่งกาจได้ขนาดนี้ด้วยความสามารถของตัวเอง
“หอเทพเจ้าวางอำนาจบาตรใหญ่อยู่เสมอ แต่โดยทั่วไป พวกเขาจะไม่โจมตีนักรบคนไหนก็ตามที่มีวรยุทธต่ำกว่าอมตะขั้นสูงลงไป ผมไม่เคยได้ยินว่าพวกเขาส่งนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์คนหนึ่งกับนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์อีกสามคนมาเพียงเพื่อรับมือกับนักรบขั้นเสมือนอมตะเพียงคนเดียว แถมยังใช้มิติลี้ลับสกัดกั้นพื้นที่โดยรอบไว้ด้วย…” หานเจี้ยนชิวขมวดคิ้ว
“ยิ่งไปกว่านั้น ไม่น่าเป็นไปได้ที่หอเทพเจ้าจะรู้ตัวตนและที่อยู่ของคุณ เพราะหลังจากที่คุณออกไป ก็ไม่มีใครออกจากสภาผู้อาวุโสเลย จึงไม่มีทางที่ข้อมูลจะรั่วไหล แม้จะเป็นหอเทพเจ้า แต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้ทุกอย่าง!”
สภาผู้อาวุโสหารือเรื่องนี้กันอีกครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่มีคำอธิบายที่ฟังขึ้น พวกเขาจึงต้องเก็บความสงสัยไว้ก่อน
“ถ้าหอเทพเจ้าส่งทีมลอบสังหารมาที่สำนักดาบเมฆเหิน ทางสำนักจะต้านทานพวกเขาได้ไหม?” ในที่สุดจางเซวียนก็ตั้งคำถามสำคัญ
นี่คือสิ่งที่เขากังวลมากที่สุด ถ้าสำนักดาบเมฆเหินไม่อาจรับมือกับหอเทพเจ้าได้ ก็ไม่มีประโยชน์ที่เขาจะอาศัยใบบุญการคุ้มกันจากที่นี่ เขาควรออกเดินทางไปเสียดีกว่า เพื่อที่หอเทพเจ้าจะได้พบตัวเขาไม่ง่ายนัก
หานเจี้ยนชิวครุ่นคิดเงียบๆอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบอย่างเคร่งขรึม “ตอนนี้ผมยังไม่มีคำตอบให้คุณ แต่สิ่งที่คุณคิดไม่น่าจะเกิดขึ้นหรอก พวกเราคือคนที่ถูกเหล่าเทพเจ้าละเลย เรายำเกรงเทพเจ้าก็จริง แต่เราก็จะไม่ปล่อยให้พวกเขาทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาเราเหมือนกัน”
“การที่หอเทพเจ้าพยายามลอบสังหารคุณจากเงามืดก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่หากพวกนั้นโจมตีสำนักดาบเมฆเหิน ก็จะเสี่ยงกับการทำให้ทั้งทวีปที่ถูกลืมลุกฮือขึ้นต่อต้าน หอเทพเจ้าอาจทรงพลังก็จริง แต่ต่อให้เป็นพวกเขา ก็ยังต้องเสียหายหนักหากทำตัวเป็นศัตรูกับทวีปที่ถูกลืมทั้งทวีป!”
“หอเทพเจ้าอาจพยายามส่งทีมลอบสังหารเข้ามาในสำนักดาบเมฆเหินเพื่อปลิดชีวิตคุณ แต่คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น สำนักของเราได้รับการเสริมกำลังจากเหล่าบรรพบุรุษหลายชั่วคน ต่อให้นักรบอมตะขั้นสูงในกลุ่มพวกเขาก็ไม่อาจฝ่าปราการการป้องกันตัวของพวกเราได้”
ได้ยินคำนั้น จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก ช่างดีเหลือเกินที่ได้รู้ว่าตอนนี้เขายังปลอดภัยอยู่
แต่เมื่อหวนนึกถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น คำพูดของหานเจี้ยนชิวดูจะไม่สมเหตุสมผลนัก เพราะถ้าหอเทพเจ้าไม่เกรงกลัวเหล่านักรบของทวีปที่ถูกลืมจริงๆ ชายเสื้อคลุมสีดำกลุ่มนั้นก็ไม่น่าจะต้องเหนื่อยยากถึงขนาดลากตัวเขาเข้าสู่มิติลี้ลับก่อนจะเปิดการโจมตี
“ไม่ทราบว่าในสำนักของเรา นอกจากที่หอสมุดของผู้อาวุโสแล้ว ยังมีหนังสือเทคนิควรยุทธระดับอมตะขั้นสูงอยู่บ้างไหม?” จางเซวียนถาม “ผมอยากได้มันในปริมาณมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพราะมีข้อสงสัยบางอย่างเกี่ยวกับวรยุทธขั้นนั้น ยิ่งได้เอกสารมาอ้างอิงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”
ย่อมดีที่สุดหากเขาจะฝากชะตาชีวิตไว้ในมือของตัวเอง เขาไม่รู้สึกปลอดภัยนักกับการพึ่งพาสำนักดาบเมฆเหินมากเกินไป จึงรู้ตัวว่าจะต้องพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
หากเขาฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบอมตะขั้นสูงได้สำเร็จ ต่อให้หอเทพเจ้าจะส่งผู้เชี่ยวชาญมามากมายแค่ไหนก็ไม่จำเป็นต้องกังวล
ด้วยเหตุนี้ เรื่องสำคัญสูงสุดของจางเซวียนก็คือการยกระดับวรยุทธไปเป็นนักรบอมตะขั้นสูงให้ได้
“หนังสือเทคนิควรยุทธระดับอมตะขั้นสูงทั้งหมดที่เรามี…อยู่ในหอสมุดของผู้อาวุโส” หานเจี้ยนชิวตอบพร้อมกับส่ายหน้า
นักรบระดับอมตะขั้นสูงคือผู้ที่เป็นสุดยอดของทวีปที่ถูกลืม เป็นธรรมดาที่จะมีนักรบระดับนั้นอยู่ไม่มาก ด้วยเหตุนี้ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่หนังสือเทคนิควรยุทธระดับอมตะขั้นสูงจะกระจัดกระจายอยู่ไม่กว้างขวางนัก
“ทั้งสำนักมีหนังสือเทคนิควรยุทธระดับอมตะขั้นสูงแค่ 10 เล่มหรือ?”
“ใช่” หานเจี้ยนชิวพยักหน้า “นอกจากเคล็ดวิชาเทพดาบเมฆเหินที่มีแต่เจ้าสำนักเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเพียงพอจะได้ฝึกฝน หนังสือเทคนิควรยุทธระดับอมตะขั้นสูงทั้งหมดของเราก็ถูกเก็บรักษาไว้ในหอสมุด”
“เคล็ดวิชาเทพดาบเมฆเหิน?” จางเซวียนตาโต “ผมขอดูได้ไหม?”
“ในฐานะผู้ทำความเข้าใจเจตจำนงของเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จ คุณคือว่าที่เจ้าสำนักคนต่อไป แน่นอนว่าคุณมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้ศึกษาเคล็ดวิชาเทพดาบเมฆเหิน แต่การถ่ายทอดเทคนิควรยุทธนี้ออกจะแปลกประหลาดอยู่สักหน่อย มันไม่มีหนังสือเทคนิควรยุทธที่เป็นชิ้นเป็นอัน คุณจะต้องสัมผัสมันด้วยตัวเองถึงจะเรียนรู้ได้ ตามผมมา” หานเจี้ยนชิวพูดขณะลุกขึ้นยืนและเดินออกจากสภาผู้อาวุโส
จางเซวียนรีบตามไปติดๆ