Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2046 ไม่มีใครทำสำเร็จเลย
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2046 ไม่มีใครทำสำเร็จเลย
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2046 ไม่มีใครทำสำเร็จเลย
“ผมอยากได้ยาเม็ดอมตะขั้นพิเศษประมาณ 200 เม็ด” น้ำเต้าตงฉู่ตอบ
“ยาเม็ดอมตะขั้นพิเศษ 200 เม็ด?”จางเซวียนเลิกคิ้ว
เขาประเมินความต้องการของน้ำเต้าตงฉู่ต่ำไปอีกแล้ว
ขนาดเมืองใหญ่อย่างเมืองอู๋ไห่ยังขายยาเม็ดอมตะขั้นพิเศษได้ทีละ 20 เม็ดเท่านั้น แต่แกกำลังบอกฉันว่าอยากได้ 200 เม็ด…
แกคิดว่าฉันจะมีปัญญาหายาเม็ดอมตะขั้นพิเศษมากมายขนาดนั้นจากที่ไหนมาให้?
“หากเป็นอย่างนี้ต่อไป เราก็มีแต่จะเป็นหนี้บุญคุณต่อปรมาจารย์ขงมากขึ้นอีก” จางเซวียนนวดหว่างคิ้วอย่างจนปัญญา
พละกำลังของน้ำเต้าตงฉู่เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรมันก็ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าจะเป็นกำลังเสริมอันล้ำค่าหากสามารถทำลายฉนวนที่ปิดกั้นตัวเองได้
ในเมื่อปรมาจารย์ขงมอบตราสัญลักษณ์ให้จางเซวียนและอนุญาตให้เขาเสาะหาทรัพยากรเพื่อการฝึกฝนวรยุทธได้ตามต้องการแล้ว เขาจะนำทรัพยากรจากหอนิรันดร์มาใช้มากแค่ไหนก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่
ยาเม็ดอมตะขั้นสูงสุดอาจหายาก แต่ขอแค่เขาต้องการ หอนิรันดร์ก็จะต้องรวบรวมมาจนได้
เพียงแต่อาจจะยุ่งยากสักหน่อยเท่านั้น
แต่นั่นแหละ ตราสัญลักษณ์อันนั้นคงใช้ที่หอนานาอสูรไม่ได้…จางเซวียนคิด
เขาคิดว่าหอนานาอสูรน่าจะมี ‘หอนิรันดร์ในพื้นที่’ เป็นของตัวเองเหมือนสำนักดาบเมฆเหิน ซึ่งตราสัญลักษณ์ที่ปรมาจารย์ขงมอบให้คงใช้ไม่ได้กับที่นี่
ดูเหมือนเขาจะต้องแวะเมืองใหญ่สักเมืองหนึ่งหลังจากที่ออกจากหอนานาอสูรแล้ว
มีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ เราจะต้องออกเดินทางโดยเร็วที่สุดหลังจากได้อ่านหนังสือทั้งหมดที่นี่…
จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่
…..
ขณะที่จางเวียนกำลังซักไซ้น้ำเต้าตงฉู่ ผู้อาวุโสเลี่ยวกับพรรคพวกก็มาถึงสภาผู้อาวุโสของหอนานาอสูร
“หัวหน้าฉิง!”
ที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาคือชายวัยกลางคนผู้หนึ่งซึ่งดูเหมือนอายุ 40 ต้นๆ แม้จะดูยังหนุ่ม แต่ก็แผ่รังสีของความร่วงโรยออกมา บ่งบอกถึงการใช้ชีวิตมายาวนาน
“แก่นอสูรของอสูรเยาว์วัยนิรันดร์ทำให้ผมรักษารูปลักษณ์อ่อนวัยของตัวเองไว้ได้ แต่แท้ที่จริงแล้ว ร่างกายของผมซื่อตรงกว่าที่เห็น ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสที่สั่งสมมาตลอดระยะเวลาหลายปี ผมคงมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง 5 ปีเท่านั้น” หัวหน้าฉิงถอนหายใจเฮือกใหญ่
จากนั้นเขาก็หันไปตั้งคำถามกับผู้อาวุโสเลี่ยวและคนอื่นๆ “เป็นอย่างไรบ้าง? ผลออกมาหรือยัง? ใครชนะ? หยวนโจวหรือหลิวหรัน?”
หยวนโจวคือผู้อาวุโสที่มีลูกมังกรทะเลเหนือ แต่ถูกหมาจิ้งจอกหูขาวปั่นหัวจนแผนการล้มเหลว ขณะที่หลิวหรันคือผู้อาวุโสที่ถูกอสูรอมตะทั้ง 3 ร่วมมือกันสังหาร
ถ้าไม่ใช่เพราะอายุขัยของเขาใกล้สิ้นสุดเต็มที เขาคงไม่รีบร้อนหาผู้สืบทอดจนถึงขนาดต้องใช้การทดสอบที่เสี่ยงอันตราย
“หัวหน้าฉิง ไม่มีใครทำสำเร็จเลย!”
ผู้อาวุโสเลี่ยวรีบอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
“นักรบพเนจรคนหนึ่งที่ชื่อเจิ้งหยางทำให้มังกรอสรพิษ นกฟีนิกซ์ไฟเก้าหัว และเสือเขี้ยวดาบเจ็ดหางยอมจำนนได้ภายในเวลาเพียง 2 นาที? ขณะที่ตัวเขาเป็นแค่นักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์เท่านั้น?” หัวหน้าฉิงงงงันกับสิ่งที่ได้ฟัง
“ใช่” ผู้อาวุโสเลี่ยวตอบพร้อมกับพยักหน้า “ผู้อาวุโสหยวนกับผู้อาวุโสหลิวต่างก็ลงมือด้วยตัวเอง พวกเราติดตามไปเพื่อช่วยเหลือทั้งคู่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ ถ้าข่าวนี้รั่วไหลออกไป ชื่อเสียงของหอนานาอสูรจะต้องเสื่อมเสียยับเยินแน่ ผมจึงเชิญเจิ้งหยางให้กลับมาที่หอนานาอสูรของเรา ผมคิดว่าหากเรายอมรับเขาเป็นหนึ่งในผู้อาวุโส ไม่เพียงแต่ชื่อเสียงของพวกเราจะไม่ด่างพร้อย ยังจะนำเกียรติยศยิ่งใหญ่มาสู่หอนานาอสูรด้วย!”
“ผมเข้าใจว่าคุณหมายความว่าอย่างไร” หัวหน้าฉิงพยักหน้า เขาลุกขึ้นยืนและกวาดสายตาไปรอบห้อง “อายุขัยของผมใกล้สิ้นสุดเต็มทีแล้ว หอนานาอสูรอยู่ในสภาพอ่อนแอเมื่อเปรียบเทียบกับ 5 สำนักที่เหลือ เราต้องการผู้นำที่เป็นคนหนุ่มทรงพลังเพื่อนำพามันให้ก้าวหน้าต่อไป ถ้าเจิ้งหยางเก่งกาจไร้เทียมทานอย่างที่คุณพูดจริงๆ ผมก็ไม่คัดค้านการจะแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของผม…”
“เมื่อเร็วๆนี้ สำนักดาบเมฆเหินประกาศว่าหานเจี้ยนชิวก้าวลงจากตำแหน่งเจ้าสำนักและมอบตำแหน่งของเขาให้ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อจางเซวียน ขอแค่มีตัวเลือกที่เหมาะสม ผมก็พร้อมสละตำแหน่งเช่นกัน แต่คงต้องขอทดสอบเขาก่อน”
“หัวหน้าฉิง คุณเกรงว่าเขาอาจมาจากหอเทพเจ้าหรือ?” ผู้อาวุโสเลี่ยวตั้งคำถาม
“หอเทพเจ้าวางอำนาจบาตรใหญ่ในทวีปที่ถูกลืมมาตลอด เลือกที่จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการรบรา ทางการเมืองและความขัดแย้งต่างๆหากไม่ได้เป็นการล้ำเส้นของพวกเขา แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง เมื่อไม่นานมานี้ หอเทพเจ้าแสดงเจตจำนงชัดเจนว่าอยากบงการ 6 สำนักใหญ่ ผมคิดว่าพวกเราระแวดระวังไว้ก่อนย่อมดีกว่า” หัวหน้าฉิงตอบ
“ผมเข้าใจ แล้วคุณคิดจะทดสอบเขาอย่างไร?” ผู้อาวุโสเลี่ยวถามต่อ
“พาเขาไปที่โดมนานาอสูรเพื่อพบบรรพบุรุษเก่าแก่ บรรพบุรุษเก่าแก่มีสัมผัสที่ไวมากต่อคนของหอเทพเจ้า น่าจะดูออกทันที” หัวหน้าฉิงพยักหน้า
“รับทราบ ผมจะจัดการให้เดี๋ยวนี้” ผู้อาวุโสเลี่ยวรับคำ
บรรพบุรุษเก่าแก่ที่หัวหน้าฉิงพูดถึงคืออสูรเพลิงนรกสีน้ำเงิน มันเป็นอสูรของหัวหน้าหอนานาอสูรคนที่ 17 ตัวมันไม่ได้ใกล้เคียงกับการเป็นอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของหอนานาอสูร แต่ขึ้นชื่อว่ามีสัมผัสทางจิตวิญญาณที่ไม่มีใครเทียบชั้นได้
คนจากหอเทพเจ้ามักแผ่รังสีที่ทำให้อสูรเพลิงนรกสีน้ำเงินดูออกในทันที
“ขอแค่เขาไม่ได้มาจากหอเทพเจ้า ความสามารถในการฝึกอสูรของเขาก็เพียงพอจะทำให้เขารับตำแหน่งหัวหน้าหอนานาอสูรคนต่อไปได้แล้ว ทันทีที่เขาสำเร็จวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ ก็จะทำให้อสูรที่แข็งแกร่งกว่านี้ยอมจำนนได้ เมื่อถึงเวลานั้น หอนานาอสูรของเราจะไม่ต้องกังวลกับเงามืดทะมึนของพวกสำนักดาบเมฆเหินอีกต่อไป คราวหน้า เมื่อผมพบหานเจี้ยนชิว ผมจะเชิดหน้าบอกเขาว่าหอนานาอสูรของเราก็มีผู้ปราดเปรื่องอยู่มากมายเช่นกัน” หัวหน้าฉิงกำหมัดแน่น
ผู้อาวุโสเลี่ยวพยักหน้ารับ เขากล่าวอำลาและออกจากห้อง, 2 ชั่วโมงต่อมาก็กลับมาอีกครั้งด้วยสีหน้าที่บ่งบอกความสับสน
“เป็นอย่างไรบ้าง?” หัวหน้าฉิงตั้งคำถาม
“ผมทำตามคำสั่งของคุณ และพาเจิ้งหยางไปที่โดมนานาอสูรแล้ว แต่ว่า…” ขณะที่ผู้อาวุโสเลี่ยวหวนนึกถึงสิ่งที่เพิ่งเห็น ก็ได้แต่กระพริบตาปริบๆ
“ว่าอย่างไรล่ะ? บรรพบุรุษเก่าแก่บอกว่าเขามาจากหอเทพเจ้าหรือ?”
“พูดตามตรงนะ ผมไม่รู้จริงๆ บรรพบุรุษเก่าแก่สร้างความวุ่นวายขนานใหญ่ด้วยการอยากยอมรับเจิ้งหยางเป็นเจ้านาย พวกเราต้องลากมันออกไปเพื่อยับยั้งไม่ให้มันทำแบบนั้น…” ผู้อาวุโสเลี่ยวตอบอย่างกระอักกระอ่วน
“บรรพบุรุษเก่าแก่อยากยอมรับเขาเป็นเจ้านาย?” หัวหน้าฉิงถึงกับผงะ
“ไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ อย่างที่คุณรู้ โดมนานาอสูรคือสถานที่ที่อสูรส่วนใหญ่ในหอนานาอสูรของเราพำนักอยู่ หลังจากที่เจิ้งหยางเข้าไปได้เพียงครู่เดียว ก็มีอสูรนักปราชญ์กว่า 300 ตัวและอสูรอมตะอีก 12 ตัวที่แสดงความจำนงอยากยอมรับเขาเป็นเจ้านาย เรื่องนี้ทำให้เกิดความวุ่นวายขนาดหนัก และผู้อาวุโสหลายคนก็ไม่พอใจ…” ผู้อาวุโสเลี่ยวรายงานขณะกุมขมับอย่างจนปัญญา
“อสูรพวกนั้นอยากยอมรับเขาเป็นเจ้านาย? เกิดอะไรขึ้นน่ะ? ผมแค่บอกให้คุณพาเขาไปโดมนานาอสูรไม่ใช่หรือ ทำไมเหล่าอสูรถึงแสดงอาการแบบนั้น?” หัวหน้าฉิงงุนงงกับสิ่งที่ได้ยิน
มันควรจะเป็นแค่การยืนยันตัวตนอย่างง่ายๆ แล้วในระยะเวลาอันสั้นเพียง 2 ชั่วโมง…เกิดความวุ่นวายขนานใหญ่แบบนั้นเชียวหรือ?
เหตุผลที่หอนานาอสูรก้าวขึ้นมาเป็น 1 ใน 6 สำนักใหญ่ได้ก็เพราะเหล่าผู้อาวุโส ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด และศิษย์สายตรงฝ่ายในทุกคนล้วนมีอสูรเป็นของตัวเอง ด้วยความสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างนักฝึกอสูรกับอสูรของพวกเขา จึงเกิดเป็นความเหนือกว่าอย่างชัดเจนหากเปรียบเทียบกับนักรบที่มีวรยุทธระดับเดียวกัน
ถ้าเหล่าอสูรที่นี่พร้อมใจกันยอมจำนนให้คนเพียงคนเดียว รากฐานอันแข็งแกร่งที่ทำให้หอนานาอสูรตั้งอยู่ได้อย่างทุกวันนี้มิพังทลายหรือ?
เรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้!
“ตอนที่บรรพบุรุษเก่าแก่ได้รู้ว่าเจิ้งหยางทำให้มังกรอสรพิษและอสูรอมตะตัวอื่นๆยอมจำนนได้ภายในเวลาเพียง 2 นาที เขาก็คำรามใส่เพราะคิดว่าเป็นแค่เรื่องหลอกเด็ก และสั่งการให้เหล่าอสูรนักปราชญ์กับอสูรอมตะที่อยู่ในบริเวณนั้นตีวงล้อมเจิ้งหยางไว้เพื่อสั่งสอนบทเรียน…ผมรีบเข้าไปยับยั้งพวกมัน แต่พละกำลังของผมก็มีจำกัด หลังจากนั้น ยังไม่ทันที่ผมจะรู้ตัว สถานการณ์ก็พลิกผันจนกลายเป็นแบบนี้…”
เมื่อหวนนึกถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ผู้อาวุโสเลี่ยวแทบปล่อยโฮ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากยับยั้งความวุ่นวายต่างๆ แต่เขาจะทำอะไรได้ในเมื่ออีกฝ่ายคือบรรพบุรุษเก่าแก่กับอสูรหลายร้อยตัว?
เจิ้งหยางคนนั้นเป็นยิ่งกว่าปีศาจ ทั้งที่เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้มากมายพร้อมกันในคราวเดียว ก็กำราบพวกมันทุกตัวได้ภายในเวลาไม่ถึง 3 นาที…และนั่นยังไม่จบ หากเจิ้งหยางเป็นนักรบผู้ทรงพลังก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่กลับกลายเป็นว่าอสูรทุกตัวที่เขาซ้อมมันมีทีท่าประจบประแจงเขาราวกับสุนัขผู้จงรักภักดี ยืนกรานว่าจะยอมรับเขาเป็นเจ้านายของพวกมันให้ได้
แม้แต่บรรพบุรุษเก่าแก่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น!
นั่นคืออสูรที่ถูกทำให้ยอมจำนนโดยบรรพบุรุษก่อนหน้าพวกเขาหลายชั่วคน…ถ้าบรรพบุรุษเก่าแก่ยอมรับเจิ้งหยางเป็นเจ้านาย แล้วลำดับอาวุโสของพวกเขาจะเหลืออะไร?
กลับกลายเป็นว่าพวกเขาคือ ศิษย์หลาน-ของหลาน-ของหลาน-ของหลาน…ไปในทันที!
เขารับไม่ได้หากต้องเปลี่ยนคำเรียกขานอีกฝ่ายจาก ‘น้องเจิ้ง’ มาเป็น ‘บรรพบุรุษเก่าแก่เจิ้ง’ อย่างปุบปับแบบนี้
หัวหน้าฉิงก็นึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายภายในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง เขาสูดหายใจลึก จากนั้นก็สั่งการด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “พาผมไปพบเขา ผมอยากเจอเขาตัวเป็นๆ!”
…..
“วุ่นวายอะไรอย่างนี้!”
จางเซวียนมองดูอสูรกลุ่มใหญ่ที่ออกันอยู่ตรงหน้าเขาด้วยสีหน้างุนงงสับสน
เมื่อครู่นี้ผู้อาวุโสเลี่ยวพาเขามาที่โดมนานาอสูร แต่หลังจากมาถึงได้ไม่นาน ก็ถูกอสูรเหล่านี้โจมตี
เพื่อปกป้องตัวเอง เขาต้องตอบโต้ด้วยการเล่นงานพวกมัน แต่หลังจากนั้น ยังไม่ทันที่จะรู้ตัว ทุกตัวก็ยอมจำนนให้เขาแล้ว
การถ่อมเนื้อถ่อมตัวนี่มันยากจริงๆ!
แต่พูดก็พูดเถอะ เรื่องที่ค้างคาใจเขาในเวลานี้ก็คือเขายังไม่รู้ว่าผู้อาวุโสเลี่ยวคิดจะทำอะไร
อีกฝ่ายพาเขามาที่นี่เพื่อให้จัดการให้อสูรพวกนี้ยอมจำนนหรือ? แต่เขาก็ทำให้มังกรอสรพิษกับอสูรอมตะตัวอื่นๆยอมจำนนไปแล้ว เขาไม่ต้องการอสูรอ่อนแอพวกนี้หรอก!