Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2051 พวกคุณสามคนโจมตีผมทำไม?
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2051 พวกคุณสามคนโจมตีผมทำไม?
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2051 พวกคุณสามคนโจมตีผมทำไม?
แกคิดว่ายาเม็ดอมตะขั้นพิเศษเป็นขนมราคาถูกที่จะซื้อเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการหรือ?
บ้าแล้ว! ขนาดยาเม็ดอมตะขั้นพิเศษ 200 เม็ด…แกก็ยังกินไม่พอ แกเป็นหลุมดำหรือไง?
ถึงตราสัญลักษณ์ของปรมาจารย์ขงจะทำให้เราซื้อหาทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธได้มากเท่าที่ต้องการ แต่ปัญหาก็คือเมืองปี้หยวนแห่งนี้ไม่มียาเม็ดอมตะขั้นพิเศษจำนวนมากขนาดนั้น!
ขืนไปร้องขอมากกว่านี้ล่ะก็ ปรมาจารย์ขงจะต้องตามตัวเราแน่!
“แกอยู่ในน้ำเต้าไปตลอดชีวิตเลยก็แล้วกัน!” จางเซวียนคำราม ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูด
เขากำลังคิดว่าจะไม่ต้องหวาดกลัวอะไรอีกแล้วเมื่อน้ำเต้าตงฉู่ทำลายฉนวนที่ปิดกั้นร่างของมันได้ แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะไม่เป็นใจเสียเลย
เขาคงโง่เง่าเต็มทีหากหลงเชื่อเป็นตุเป็นตะกับคำพูดของน้ำเต้าตงฉู่ที่แสนไว้ใจไม่ได้ตัวนี้!
“ถ้าคุณไม่มียาเม็ดล่ะก็ อาวุธก็ใช้ได้นะ คุณก็รู้ว่าผมสนใจดาบถงซังเล่มนั้นของคุณมาตั้งนานแล้ว…” น้ำเต้าตงฉู่ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น
คำนั้นทำให้คมดาบของดาบถงซังสั่นสะท้าน
จางเซวียนจ้องหน้าน้ำเต้าตงฉู่เขม็งขณะสั่งการให้มันกลับสู่จุดตันเถียน เขาส่ายหน้าอย่างผิดหวังแล้วออกจากห้องส่วนตัวนั้น
เป้าหมายของการแวะเมืองปี้หยวนคือเพื่อปลดปล่อยฉนวนของน้ำเต้าตงฉู่ แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่ได้ผล แค่คิดก็โมโหเดือดแล้ว
“หัวหน้าเจิ้ง!”
เมื่อเห็นจางเซวียน ศิษย์สายตรงจากหอนานาอสูรรีบเข้ามาทักทาย
“เดินทางต่อเถอะ” จางเซวียนส่ายหน้าอย่างจนปัญญา คร้านจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น
ในเมื่อเขาปลดปล่อยฉนวนของน้ำเต้าตงฉู่ไม่ได้ ก็ไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกแม้แต่วินาทีเดียว การจะรวบรวมทรัพยากรเพื่อการฝึกฝนวรยุทธจากหอนิรันดร์ของเมืองปี้หยวนมาอีกคงทำได้ยาก
เขาคงต้องหาวิธีอื่นเมื่อเดินทางถึงทะเลพลัดดาว
“ขอรับ หัวหน้าเจิ้ง!”
ศิษย์สายตรงผู้นั้นปรบมือ แล้วอสูรอมตะบินได้ก็บินออกจากกระสอบอสูรของเขา เขารีบกระโจนขึ้นขี่หลังมัน
จางเซวียนกำลังจะทำแบบเดียวกัน ก็พอดีกับที่ต้องหรี่ตาด้วยความตกใจ เขารู้สึกได้ถึงความเย็นเยือกที่เข้าครอบงำตั้งแต่หัวจรดเท้า
มันคือกลิ่นอายของอันตราย
“แย่แล้ว! วิ่ง…” จางเซวียนตะโกน
แต่ยังไม่ทันขาดคำ อสูรอมตะบินได้ที่อยู่ตรงหน้าเขาก็ระเบิดเป็นจุณ
ร่างของมันกลายเป็นเศษเนื้อหนังเลือดโชกและกระดูกเกลื่อนกลาด
การระเบิดอย่างกะทันหันของอสูรอมตะขั้นสูงระดับล่างทำให้เกิดคลื่นพลังงานมหาศาล ส่งผลให้ศิษย์สายตรงที่ขี่มันอยู่กระเด็นขึ้นไปกลางอากาศก่อนจะตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรง มีรอยไหม้ หลายแห่งทั่วร่างของเขา ยากจะบอกได้ว่าเขายังหายใจอยู่หรือไม่
วิ้ง!
ส่วนจางเซวียนก็ขับเคลื่อนพลังปราณและรีบสร้างปราการพลังงานเพื่อปกป้องตัวเขาจากคลื่นความสั่นสะเทือนนั้น แม้จะลงมืออย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังถูกแรงปะทะบีบให้ถอยไปหลายก้าว
และก่อนที่จะทันได้ตั้งตัว ก็รู้สึกได้ถึงกระแสความเย็นเยือกที่พุ่งเข้าใส่แผ่นหลังของเขาอีกครั้ง
ฟิ้ววววว!
กระแสพลังงาน 6 สายพุ่งเข้าใส่จางเซวียนจากด้านหน้า ด้านหลัง ด้านซ้าย ด้านขวา ข้างบน และข้างล่าง หมายจะเล่นงานเขาให้ได้
“บ้าจริง!” จางเซวียนกำหมัดแน่นขณะกวัดแกว่งดาบถงซัง
เขารีบสำแดงศิลปะเพลงดาบเพื่อการป้องกันตัว สร้างชั้นกระแสดาบฉีขึ้นมาปกป้องตัวเองไว้
พลั่ก!
กระแสดาบฉีทั้ง 6 สายปะทะกับปราการดาบฉีที่จางเซวียนสร้างขึ้น ทำให้มือไม้ของเขาเป็นเหน็บ การโจมตีพร้อมๆกันจาก 6 ทิศทางเกือบทำให้เขาสลบ
หลังจากปัดป้องกระแสดาบฉีทั้ง 6 สายแล้ว จางเซวียนก็กระอักเลือด แม้เขาจะปัดการโจมตีนั้นออกไปได้ แต่พละกำลังมหาศาลของมันก็ทำให้อวัยวะภายในของเขาได้รับความกระทบกระเทือน เกิดเป็นความบอบช้ำภายใน
“ปัดป้องการโจมตีของผมได้ทั้งที่ไม่ทันระวังตัว…คุณนี่เป็นคู่ต่อสู้ที่คู่ควรจริงๆ” เสียงหนึ่งดังขึ้น
จางเซวียนรีบขับเคลื่อนพลังปราณเทียบฟ้าเพื่อเยียวยาอาการบาดเจ็บ ขณะเงยหน้าขึ้นและมองไปทางต้นเสียง
มีชาย 3 คนยืนอยู่ตรงหน้า ทุกคนยังเป็นวัยรุ่น แม้จะดูอายุน้อย แต่พวกเขาก็เป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์แล้ว เหมือนชายเสื้อคลุมสีดำจากหอเทพเจ้าที่เขาเคยเผชิญหน้าก่อนหน้านี้ แต่วัยรุ่นทั้งสามมีรังสีของความยิ่งใหญ่ ให้ความรู้สึกราวกับว่าเพียงแค่พวกเขาโบกมือ ก็สามารถฉีกกระชากมิติได้
เรื่องนี้ทำให้จางเซวียนตัวแข็งเมื่อรู้แล้วว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน
เขารีบเหลียวมองรอบตัว และพบว่าถูกผลักให้เข้ามาอยู่ในมิติลี้ลับแห่งหนึ่ง แม้แต่การระเบิดของอสูรอมตะขั้นสูงระดับล่างก่อนหน้านี้ก็ถูกปกปิดไว้ภายในมิติลี้ลับ ไม่มีใครรู้เห็น
“พวกคุณสามคนโจมตีผมทำไม?” จางเซวียนตั้งคำถามด้วยสีหน้าเย็นเยียบ
“ทำไมน่ะหรือ? คุณน่าจะรู้ดีกว่าคนอื่นนะ ใช่ไหม? จางเซวียน!” วัยรุ่นที่ยืนอยู่หน้าสุดตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“พวกคุณมาจากหอเทพเจ้า?” จางเซวียนผงะ
เขามั่นใจในการปลอมตัวของตัวเอง แม้แต่หัวหน้าฉิงแห่งหอนานาอสูรก็ยังไม่อาจมองทะลุการปลอมตัวของเขา แต่อีกฝ่ายชี้ชัดตัวตนที่แท้จริงของเขาได้ทันทีโดยปราศจากความลังเล
จางเซวียนไม่เข้าใจจริงๆว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมการปลอมตัวของเขาจึงส่งผลแบบนี้?
จางเซวียนดำเนินการทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง ตั้งแต่เมื่อครั้งที่เกือบเสียชีวิตจากการลอบสังหารก่อนหน้านี้ เขาใช้เครื่องรางแห่งการปลอมตัวของหลัวลั่วชิงเพื่อปรับเปลี่ยนทั้งรูปลักษณ์ รังสีของจิตวิญญาณ น้ำเสียง และแม้แต่สายเลือด และเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาใช้เจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้า ก็พยายามเต็มที่ที่จะปกปิดศิลปะเพลงดาบนั้นไว้
ต่อให้หอเทพเจ้าจะตาสับปะรดขนาดไหน เขาก็มั่นใจว่าจะหลอกลวงคนพวกนั้นได้!
แต่แล้วก็กลับถูกมองออกอย่างง่ายดาย แถมอีกฝ่ายยังพูดออกมาอย่างมั่นใจว่าเขาคือจางเซวียน ตรงเข้าเล่นงานเขาโดยไม่มีความลังเลสักนิด
ต่อให้ข่าวเรื่องที่พำนักของเขารั่วไหลออกไป เขาก็คิดว่าหอเทพเจ้าคงต้องใช้เวลาสักระยะกว่าจะตามตัวเขาเจอ
หรือว่าหอเทพเจ้ามีวิธีการเฉพาะบางอย่างในการสะกดรอยตามเขา ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ คงเป็นหายนะครั้งใหญ่!
“ใช่” วัยรุ่นคนหนึ่งตอบ “การที่คุณเล่นงานนักรบ 4 คนของเราได้ก็บ่งบอกแล้วว่าตัวคุณแข็งแกร่งไม่น้อย แต่คราวนี้คุณคงดวงกุดแล้วล่ะ”
ระหว่างนั้น จางเซวียนก็รีบประเมินสถานการณ์ตรงหน้า
เขาเคยสู้รบปรบมือกับคนจากหอเทพเจ้ามาแล้ว จึงรู้ดีว่าไม่มีทางฝ่ามิติลี้ลับแห่งนี้ออกไปได้ เว้นเสียแต่เขาจะสังหารสามนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ที่อยู่ตรงหน้าได้สำเร็จ
คราวก่อนจางเซวียนต่อสู้กับนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์เพียงคนเดียว แต่นั่นก็เกินพอจะทำให้เขาจนมุม ส่วนคราวนี้ เขาต้องเจอกับนักรบขั้นนั้นพร้อมกันทีเดียวถึง 3 คน และเห็นได้ชัดว่าแต่ละคนแข็งแกร่งกว่าชายเสื้อคลุมสีดำที่เขาเคยเจอ
เรื่องนี้ทำให้จางเซวียนเสียเปรียบมาก
“พวกเราโจมตีพร้อมๆกันเถอะ ถ้าคราวนี้ไม่สำเร็จล่ะก็ นายท่านต้องฆ่าเราแน่” ชายวัยรุ่นคนหนึ่งพูดขณะเงื้อมือขึ้นเพื่อปล่อยการโจมตี
นิ้วมือทั้ง 5 ของเขาให้ความรู้สึกราวกับขุนเขาหนักอึ้งที่ร่วงลงมาจากท้องฟ้า พร้อมทำลายทุกอย่างที่ขวางทาง ในเวลาเดียวกัน อีก 2 คนก็พุ่งเข้าใส่และประกบจางเซวียนจากด้านข้าง
“ไป!” จางเซวียนตบกระสอบอสูรของเขาทันที
สี่อสูรอมตะที่เขาเคยทำให้พวกมันยอมจำนนกระโจนออกมา
มังกรอสรพิษพุ่งเข้าใส่วัยรุ่นที่โจมตีจางเซวียนจากด้านหน้า ขณะที่นกฟีนิกซ์ไฟเก้าหัวกับเสือเขี้ยวดาบเจ็ดหางเล่นงานนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์อีก 2 คนที่มาประกบด้านข้าง
“ของเด็กเล่น!”
วัยรุ่นที่เข้าโจมตีจางเซวียนจากด้านหน้าประหลาดใจเล็กน้อยกับการปรากฏตัวของอสูรอมตะทั้งสี่ แต่พริบตาเดียวเขาก็ตั้งตัวได้ และหัวเราะหึๆพร้อมกับปล่อยพลังจากฝ่ามือลงมา
มังกรอสรพิษรู้สึกราวกับตัวมันถูกขุนเขาสูงตระหง่านห้าลูกตรึงให้ติดอยู่กับพื้น ไม่ว่าจะสำแดงพละกำลังแค่ไหน ก็ขยับตัวไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
“แค่นี้หรือ?”
ขณะที่วัยรุ่นที่อยู่ด้านหน้ากำลังจัดการมังกรอสรพิษ จางเซวียนก็ถือโอกาสนี้พุ่งออกไป เขาสำแดงเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าออกมา ทั้งร่างของจางเซวียนดูเหมือนจะแปรเปลี่ยนเป็นดาบที่คมกริบอย่างน่าทึ่ง
เพราะคู่ต่อสู้คือสามนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์จากหอเทพเจ้า จางเซวียนจึงไม่กล้าปล่อยให้การ์ดตก เขาต้องกำจัดคนใดคนหนึ่งโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อลดความเสี่ยง
ไม่อย่างนั้น ทันทีที่ทั้งสามตีวงล้อมเขาได้สำเร็จ เขาก็จะตกที่นั่งลำบาก
อีกอย่าง ตอนนี้จางเซวียนไม่มีหน้าหนังสือสีทองอยู่กับตัว หากต้องจนมุมที่นี่ ก็คงเป็นจุดจบ
“เก่งกาจไม่เบานี่!”
วัยรุ่นที่อยู่ตรงหน้าจางเซวียนนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกะระยะเวลาได้พอเหมาะพอดีขนาดนั้น ใช้ช่วงเวลาที่เขากำลังเล่นงานมังกรอสรพิษมาสำแดงการตอบโต้
เขาชักดาบออกมาปัดป้องการโจมตีของจางเซวียนทันที
ดาบนั้นทั้งโหดเหี้ยมและเย็นเยือก ทำให้ผู้พบเห็นขนลุกขนชันทั่วทั้งตัว แต่ทันทีที่ดาบอยู่ในมือของเขา รังสีของเขาก็พุ่งออกมา
มันคืออาวุธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์!
ในแง่ของความคม ถือว่าเหนือชั้นกว่าแม้แต่ดาบถงซัง
ควั่บ! ควั่บ!
ชายวัยรุ่นกวัดแกว่งดาบหลายครั้ง ปลดปล่อยกระแสดาบฉีมากมายนับไม่ถ้วนออกมา กระแสดาบฉีเหล่านั้นพุ่งตรงเข้าเล่นงานจางเซวียน
ถ้าจางเซวียนเจอกระแสดาบฉีอย่างจังๆ ไม่เพียงแต่การสำแดงกระบวนท่าของเขาจะล้มเหลว ยังมีโอกาสสูญเสียแขนขาด้วย
“ฮึ่มมมม!”
แม้จะเผชิญหน้ากับการโจมตีดุเดือดแบบนั้น จางเซวียนก็ไม่ถอย เขาตะโกนก้อง จากนั้นก็รุกคืบต่อไป
“คุณรนหาที่ตายแล้ว!” ชายวัยรุ่นคำรามขณะทุ่มเทพละกำลังทั้งหมดเข้าสู่ดาบ ตั้งใจจะเล่นงานจางเซวียนให้ราบคาบภายในกระบวนท่าเดียว
แต่ทันใดนั้น ดาบก็หลุดมือ
ชายวัยรุ่นตัวแข็ง เขาพรั่นพรึงอย่างหนักเมื่อพบว่าดาบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ที่ถืออยู่เมื่อครู่นี้หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?
ฟึ่บ!
เมื่อไม่มีดาบคอยพยุงพละกำลังไว้ กระแสดาบฉีก็สลายตัวไปอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันที่ชายวัยรุ่นจะได้ตอบโต้ ดาบของจางเซวียนก็ปักฉึกเข้าที่ฝ่ามือของเขา แล้วลากขึ้นไปที่หัวไหล่
“จัดการ!”
จางเซวียนถ่ายทอดกระแสดาบฉีเข้าสู่ดาบของเขาอย่างบ้าคลั่ง
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น แขนของชายวัยรุ่นแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“อ๊ากกกกก!” เขาร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดขณะถอยกรูด
จางเซวียนตั้งใจจะไล่ตามอีกฝ่ายไป แต่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น เขาเลือกที่จะล่าถอย