Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2069 ไปเป็นเทพเจ้าตัวจริง?
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2069 ไปเป็นเทพเจ้าตัวจริง?
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2069 ไปเป็นเทพเจ้าตัวจริง?
หลังจากพยายามอีกนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดประตูก็ถูกเปิดออก ปล่อยให้กระแสพลังงานไหลผ่านเข้าไปได้ ทันทีที่พลังงานเหล่านั้นไหลเวียนไปรอบร่างของเขา รังสีของจางเซวียนก็พุ่งออกมา
วรยุทธระดับอมตะขั้นสูง สำเร็จแล้ว!
ด้วยความช่วยเหลือของยาเม็ดสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธ หยดเลือดของนักรบอมตะขั้นสูง ยาเม็ดอมตะมหัศจรรย์ และพลังปราณของนักของเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวกับคนอื่นๆ ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ!
พลังปราณในร่างของจางเซวียนเข้มข้นขึ้นอย่างรวดเร็วและมีพลังมากขึ้น ขณะที่พลังปราณเข้มข้นไหลเวียนไปทั่ว อาการบาดเจ็บสาหัสที่จางเซวียนได้รับในระหว่างการฝ่าด่านวรยุทธก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกัน จิตวิญญาณและกายเนื้อของเขาก็ได้รับการบ่มเพาะด้วย
“เป็นพลังปราณที่บริสุทธิ์อะไรอย่างนี้…”
ขณะที่พลังงานไหลเวียนทั่วร่าง จางเซวียนรู้สึกได้ถึงพลังชีวิตที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน
ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมนักรบอมตะขั้นสูงถึงได้รับการเคารพยกย่องกว่านักรบอมตะตัวจริงมาก ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมอย่างน้อยหลายเท่า
เพราะเขาไม่มียาเม็ดอมตะมหัศจรรย์เหลือแล้ว จึงได้แต่ดื่มเลือดของนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์เพื่อดำเนินการฝ่าด่านวรยุทธต่อไป ต้องใช้เลือดราว 12 ขวดกว่าที่พลังปราณของเขาจะสงบลง
ถึงจางเซวียนจะได้เป็นนักรบอมตะขั้นสูงแล้ว แต่เพราะไม่มีเคล็ดวิชาเทียบฟ้า จึงไม่อาจก้าวไปได้ไกลกว่านั้น
แต่ก็นั่นแหละ แม้เขาจะเป็นแค่นักรบอมตะขั้นสูงระดับล่าง แต่พละกำลังที่เขามีก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสบประมาทได้
ถ้าเขาเผชิญหน้ากับนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ 3 คนนั้นที่เคยพยายามคร่าชีวิตเขา ต่อให้ไม่ต้องใช้ความช่วยเหลือจากภายนอกหรือยุทธวิธีใดๆ ก็สามารถเล่นงานพวกนั้นให้ถึงตายได้ไม่ยาก
ทันทีที่วรยุทธของจางเซวียนเริ่มมั่นคง เสียงของเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวก็ดังขึ้น “โล่งอกไปทีที่ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี…”
จางเซวียนเงยหน้า เห็นเหล่าผู้อาวุโสที่ให้ความช่วยเหลือเขาก่อนหน้านี้กำลังมองมาด้วยใบหน้าซีดเผือด พลังปราณในร่างกายของคนเหล่านั้นเหือดแห้งไปเกือบหมด
“ผมซาบซึ้งใจมากกับความช่วยเหลือของพวกคุณ” จางเซวียนโค้งคำนับอย่างงาม
ถ้าไม่ใช่เพราะการทุ่มเทความช่วยเหลือของคนเหล่านี้ เขาคงไม่มีทางฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ได้สำเร็จ
จางเซวียนรีบยื่นขวดน้ำที่บรรจุน้ำจากการอาบน้ำเต้าให้แต่ละคนและพูดว่า “ดื่มเสีย มันจะช่วยเยียวยาความบอบช้ำของพวกคุณได้”
ทุกคนรับขวดไปและรีบดื่มน้ำ เลือดฝาดกลับคืนสู่ใบหน้าซีดเผือดของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
พลังงานที่เหือดแห้งไปเมื่อครู่นี้ส่งผลให้เกิดความบอบช้ำบางอย่างในร่างกายของพวกเขา เป็นอาการบาดเจ็บที่โดยปกติแล้วรักษาให้หายได้ยาก แต่น้ำที่ได้จากการอาบน้ำเต้าช่วยให้พวกเขาฟื้นตัวได้ในชั่วพริบตา
ทุกคนยังคงอ่อนแรงอยู่จากการขาดแคลนพลังงาน แต่ก็ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
“ยานี้…”
เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวกับคนอื่นๆงุนงง น้ำที่พวกเขาเพิ่งดื่มไปมีอานุภาพสูงส่งกว่ายาฟื้นฟูร่างกายชนิดไหนๆที่เคยกินมา
“มันคือยาฟื้นฟูสภาพร่างกายที่ผมผสมขึ้นเป็นพิเศษ ดื่มมันเสียถ้าคุณยังรู้สึกว่ามีอาการบาดเจ็บอยู่” จางเซวียนพูดขณะนำน้ำจากการอาบน้ำเต้าออกมาอีกหลายขวดและแจกจ่ายให้ฝูงชน
ทุกคนช่วยเหลือเขาไว้มาก เขาจึงไม่ควรขี้เหนียว
เมื่อเหล่าสมาชิกของสำนักดาวเจ็ดดวงได้ยาฟื้นฟูสภาพร่างกายแล้ว จางเซวียนก็ทรุดตัวลงนั่งเพื่อขัดเกลาวรยุทธของเขา
ใช้เวลา 3 วันเต็มกว่าทุกคนจะหายเป็นปลิดทิ้งจากอาการบอบช้ำที่ได้รับ ในเวลาเดียวกัน จางเซวียนก็ขัดเกลาวรยุทธอมตะขั้นสูงระดับล่างของเขาได้สำเร็จ
“มีการทดสอบวรยุทธของผู้ที่ฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบอมตะขั้นสูงได้สำเร็จหรือเปล่า?” จางเซวียนถามด้วยความสงสัย
ในทวีปแห่งปรมาจารย์ ผู้ที่สำเร็จวรยุทธระดับเซียนขั้น 5 จะต้องเจอกับการทดสอบวรยุทธ ยากที่จะคาดหวังว่าจะไม่มีการทดสอบวรยุทธใดๆเมื่อสำเร็จวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงแล้ว
“ทวีปที่ถูกลืมคือดินแดนที่เหล่าเทพเจ้าละเลย แม้ทุกวันนี้จะไม่มีเทพเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว แต่ก็ยังเป็นมิติที่ทรงพลังมาก นักรบระดับอมตะขั้นสูงยังมีพละกำลังไม่มากพอที่จะสั่นคลอนกฎเกณฑ์ของโลก สวรรค์จึงยังไม่ส่งการลงทัณฑ์ที่รุนแรงมาทดสอบพวกเขา” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวพูด “กรณีเดียวที่นักรบจะต้องเผชิญหน้ากับการทดสอบวรยุทธก็คือเมื่อเขาพยายามฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นเทพเจ้าตัวจริง”
“ไปเป็นเทพเจ้าตัวจริง?”
“ในฐานะผู้ที่ถูกละเลย พวกเรามีคุณสมบัติไม่เพียงพอที่จะได้เป็นเทพเจ้าตัวจริงหรอก ถ้าเราพยายามฝ่าด่านวรยุทธ ก็จะต้องเผชิญกับแรงตีกลับจากหอเทพเจ้าทันที สวรรค์จะรู้สึกว่าพวกเราข่มขู่คุกคามและส่งการลงทัณฑ์จากสวรรค์ลงมา อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นการทดสอบสายฟ้า และยังมีเปลวเพลิงสวรรค์กับการทำลายล้างจากสวรรค์ด้วย มีนักรบผู้ปราดเปรื่องมากมายในทวีปที่ถูกลืมที่พยายามฝ่าด่านวรยุทธ แต่แล้วก็ต้องจบชีวิตอย่างน่าอนาถ” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวพูดพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ
“ด้วยเหตุนี้ นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปที่ถูกลืมจึงเป็นแค่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์นั้นคือผู้ที่เป็นเพียงเสมือนเทพเจ้า ไม่มีอะไรที่สามารถเทียบชั้นกับเทพเจ้าตัวจริง แต่นักรบผู้หนึ่งก็จะต้องเผชิญหน้ากับอำนาจของหอเทพเจ้าถึงจะสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้ มันไม่ใช่สิ่งที่จะสำเร็จลุล่วงด้วยความปราดเปรื่องเพียงอย่างเดียว!”
“เผชิญหน้ากับอำนาจของหอเทพเจ้า?” จางเซวียนทวนคำ
“ในการจะได้เป็นเทพเจ้า ผู้นั้นจะต้องได้การยอมรับจากเหล่าเทพเจ้าทั้งปวง” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวอธิบาย “นี่คือเหตุผลที่ทำให้ 6 สำนักใหญ่ทุ่มเทสุดกำลังที่จะเข้าสู่หอเทพเจ้าเพื่อฉกฉวยตัวอักษรคำว่า ‘เทพเจ้า’ มาให้ได้ เพียงแค่ครึ่งหนึ่งของตัวอักษรคำว่าเทพเจ้าก็บ่งบอกถึงคุณสมบัติและความเป็นไปได้ที่จะได้สำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้ว”
จางเซวียนพยักหน้า
ไม่น่าแปลกใจแล้วที่ทั้ง 6 สํานักใหญ่ใจจดจ่อกับการฉกฉวยตัวอักษรคำว่า ‘เทพเจ้า’ เขาเคยคิดว่าเป็นเพราะคนเหล่านั้นกระหายอยากใช้ชื่อเทพเจ้าเป็นส่วนหนึ่งในชื่อสำนัก ใครจะไปคิดว่าแท้ที่จริงแล้วมันคือรากฐานของการนำไปสู่ความรุ่งโรจน์กว่าเดิม
ในเวลาเดียวกัน จางเซวียนก็ถึงบางอ้อว่าเหตุใดเขาจึงได้รับตำแหน่งหัวหน้าและผู้อาวุโสของหอนานาอสูรกับสำนักดาบเมฆเหินอย่างง่ายดาย
เป็นไปได้ว่าคนเหล่านั้นฝากความหวังไว้ที่เขา ถ้าเขาสามารถฉกฉวยตัวอักษรคำว่า ‘เทพเจ้า’ จากหอเทพเจ้าได้สำเร็จ ผู้ที่ติดแหงกอยู่กับวรยุทธอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ก็จะสามารถฝ่าด่านวรยุทธ ไปสู่ระดับขั้นที่สูงขึ้นได้ ทั้งอายุขัยและประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกเขาจะเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก
“ผมได้ยินว่าสำนักดาบเมฆเหินได้ตัวอักษรนั้นมาเพียงครึ่งเดียว ทำให้พวกเขาใช้คำว่าเทพเจ้าได้เฉพาะกับหอเทพดาบ แทนที่จะใช้ในชื่อสำนักของพวกเขา” จางเซวียนพูดขณะครุ่นคิด “นี่หมายความว่าสำนักดาบเมฆเหินมีวิถีทางของการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่วรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์เหมือนกันใช่ไหม?”
“พวกเขามี แต่ความลำบากยากเย็นก็มีไม่น้อย ทั่วทั้งทวีปที่ถูกลืม กลุ่มอำนาจเดียวที่ได้ตัวอักษรคำว่า ‘เทพเจ้า’ มาทั้งหมดก็คือหอนิรันดร์ พูดอีกอย่างก็คือมีความเป็นไปได้สูงที่พวกหอนิรันดร์จะมีนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อยู่มากที่สุด และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไม 6 สำนักใหญ่ถึงไม่กล้ามีเรื่อง กับพวกเขา” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวอธิบาย
จางเซวียนพยักหน้าอีกรอบ
6 สำนักใหญ่มีอาณาบริเวณและขอบเขตอำนาจของตัวเอง แต่ละสำนักจะไม่เข้าไปก้าวก่ายกิจธุระของกันและกัน แต่หอนิรันดร์คือกลุ่มอำนาจที่แผ่อิทธิพลทั่วทั้งมิติเบื้องบน
สุดท้ายก็กลับกลายเป็นว่าตัวอักษรคำว่า ‘เทพเจ้า’ เพียงคำเดียวคือกุญแจของทุกอย่าง
“ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะฝ่าด่านวรยุทธโดยปราศจากตัวอักษรคำว่าเทพเจ้า…ขออภัยด้วยที่ผมต้องถามแบบนี้ แต่ดูเหมือนตัวคุณจะสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์นานแล้วไม่ใช่หรือ? แล้วมันเป็นแบบนั้นได้อย่างไร?” จางเซวียนตั้งคำถามด้วยความสงสัย
เจ้าสำนักของ 3 ใน 6 สำนักใหญ่ที่เขาได้พบล้วนแต่เป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ ถ้าหากมันเป็นไปไม่ได้ที่จะฝ่าด่านวรยุทธโดยไม่มีตัวอักษรนั้น แล้วพวกเขาสำเร็จวรยุทธอย่างทุกวันนี้ได้อย่างไร?
“นี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกเราถึงตามหาคุณ” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวตอบยิ้มๆ
“ฮะ?”
“คุณคงเคยได้ยินแล้วว่าสะพานเบื้องบนซึ่งเป็นเส้นทางที่นำไปสู่หอเทพเจ้าจะลงมาทุก 100 ปี ผู้ที่อยู่ในทวีปที่ถูกลืมจะสามารถเข้าถึงหอเทพเจ้าได้ผ่านทางสะพานนี้ และมีโอกาสฉกฉวยตัวอักษรคำว่าเทพเจ้ามาได้ การเอาชนะการต่อสู้ได้ในแต่ละครั้งจะทำให้ผู้นั้นได้ซึมซับเศษเสี้ยวของรังสีสวรรค์ซึ่งเป็นกุญแจของการฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ เมื่อร้อยปีก่อน ผมเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ท้าทายนั้น!” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวตอบ
“ผู้นั้นจะได้ซึมซับเศษเสี้ยวของรังสีสวรรค์ด้วยการเอาชนะการต่อสู้? แล้วถ้า…แพ้ล่ะ?”
“ผู้แพ้จะต้องเสียชีวิต”
“เสียชีวิต?” จางเซวียนประหลาดใจ “ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าเจ้าสำนักทั้ง 6 ล้วนแต่เอาชนะการต่อสู้ได้ใช่ไหม?”
หานเจี้ยนชิว ฉิงหย่วน และคุ่ยเฉี่ยวต่างเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แม้เขาจะยังไม่ได้พบผู้นำของอีก 3 สำนักที่เหลือ แต่คนเหล่านั้นก็ไม่น่าจะอ่อนแอ แปลว่าพวกเขาเอาชนะการต่อสู้ได้เหมือนกันใช่ไหม?
พูดกันตามตรง จางเซวียนออกจะทำใจให้เชื่อได้ยาก เพราะเขาเคยสู้กับเหล่าผู้เชี่ยวชาญของหอเทพเจ้ามาแล้ว จึงรู้ดีว่าคนพวกนั้นน่าสะพรึงแค่ไหน
คงไม่เป็นการพูดเกินจริงหากจะกล่าวว่าคนของหอเทพเจ้าคือผู้ไร้เทียมทานในระดับวรยุทธของตัวเอง ต่อให้หานเจี้ยนชิวกับคุ่ยเฉี่ยวก็ไม่น่าเอาชนะได้
ทั้งสองอาจมีโอกาสชนะถ้าดวงดี แต่ดูจะเป็นเรื่องบังเอิญมากเกินไปหากทั้ง 6 เจ้าสำนักเอาชนะการต่อสู้ได้ทั้งหมด!
“เจ้าสำนักทั้ง 6 เอาชนะเหล่านักรบจากหอเทพเจ้าได้ แต่ไม่ได้มาจากการต่อสู้ในครั้งเดียวกัน อย่างตู้ชิงหย่วนแห่งตำหนักคว้าดาว เธอสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์มากว่า 1000 ปีแล้ว ซึ่งนับจากนั้นก็มีเหล่าผู้ท้าทายจากตำหนักคว้าดาวอยู่บ้าง แต่ไม่มีใครเอาชีวิตรอดจากการต่อสู้ได้เลย”
“กว่า 1000 ปีแล้ว?” จางเซวียนหรี่ตาด้วยความอัศจรรย์ใจ “นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์มีชีวิตอยู่ได้ยาวนานขนาดนั้นเลยหรือ?”
นักรบอมตะขั้นสูงส่วนใหญ่มีชีวิตอยู่ได้ราว 300 ปี แต่ตู้ชิงหย่วนสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์มากว่าพันปีแล้ว นั่นหมายความว่าเธอมีชีวิตอยู่เกินกว่าพันปีแล้วใช่ไหม?
เท่ากับหมื่นในปีในทวีปแห่งปรมาจารย์เลยทีเดียว!
น่าสะพรึงจริงๆ