Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2077 พละกำลังของฉัน!
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2077 พละกำลังของฉัน!
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2077 พละกำลังของฉัน!
ไม่ใช่แค่เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวกับผู้อาวุโสเฟิงที่ทำอะไรไม่ถูก ไป่ซวนเฉิงที่อยู่ด้านบนก็แทบคลุ้มคลั่ง
การที่เขาจะสูญเสียการควบคุมของล้ำค่าของตัวเองก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ไม่คิดเลยว่ากลุ่มคนที่ซ่อนตัวอยู่ด้านล่างจะฉกฉวยอาวุธของเขาไปได้โดยไม่ลังเลสักนิด!
อาวุธชิ้นนั้นคือสิ่งที่ป้อมปราการกระจกดำต้องจ่ายเงินสูงลิ่วเพื่อให้ได้มันมา ถูกขโมยไปง่ายๆแบบนี้…เขารู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า!
“พวกคุณเป็นใคร? คืนอาวุธของผมมานะ!” ไป่ซวนเฉิงคำรามกร้าวขณะพยายามพุ่งลงสู่ก้นมหาสมุทร
ค่ายกลมิติเปิดออกเพียงครู่เดียวเท่านั้น ถึงขนาดที่แม้ด้วยระดับวรยุทธของเขา ทั้งหมดที่เขาเห็นก็คือฝ่ามือข้างหนึ่งยื่นออกมา ไม่เห็นสักนิดว่าใครซ่อนอยู่ข้างใน
แต่ไม่ว่าตัวการจะเป็นใคร ใครก็ตามที่บังอาจขโมยอาวุธของเขา…จะต้องชดใช้ด้วยชีวิต!
แต่ก็นั่นแหละ มีหรือที่เต่าหลังดำจะปล่อยให้ไป่ซวนเฉิงทำอะไรตามอำเภอใจ? กว่ามันจะปลดอาวุธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ของอีกฝ่ายได้ก็ไม่ง่าย ไม่มีทางที่มันจะปล่อยให้เขาเอาอาวุธคืนมาได้เป็นอันขาด!
เต่าหลังดำจึงพุ่งเข้าใส่ไป่ซวนเฉิงโดยไม่ลังเล
คราวนี้ ยังไม่ทันจะถึงเป้าหมาย มันก็หดหัวเข้าไปในกระดอง
พลั่ก!
กระดองของเต่าหลังดำที่แข็งแกร่งทนทานอย่างน่าทึ่งพุ่งเข้าชนไป่ซวนเฉิง ทำให้อีกฝ่ายหน้าซีดเผือด แรงปะทะนั้นหักกระดูกซี่โครงของเขาจนแหลกละเอียด ไป่ซวนเฉิงกระอักเลือดออกมา
ทั้งคู่มีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์เหมือนกัน แถมไป่ซวนเฉิงยังเหนือชั้นกว่าเล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจต้านทานการพุ่งชนอย่างหนักหน่วงของเต่าหลังดำได้
พลั่ก! พลั่ก!
หลังจากใช้กำลังโจมตีได้สำเร็จ เต่าหลังดำก็เดินหน้า ทำให้ไป่ซวนเฉิงไม่มีทางเลือกนอกจากถอยกรูด เขาพยายามรวบรวมพลังปราณเพื่อสร้างปราการขึ้นสกัดกั้นตรงหน้า จะได้ช่วยลดแรงปะทะจากการโจมตีของเต่าหลังดำได้บ้าง
ไป่ซวนเฉิงต้องปัดป้องการโจมตีที่มาเป็นชุดอย่างต่อเนื่องกว่าจะหาโอกาสตั้งตัวได้ ขณะที่เขาคิดว่าพลิกผันสถานการณ์ได้สำเร็จแล้ว คริสตัลที่เปล่งประกายเจิดจ้าเม็ดหนึ่งก็มาอยู่ตรงหน้า แสงเจิดจรัสของมันทำให้นัยน์ตาของเขาพร่ามัว
ในชั่วพริบตานั้น วิญญาณของไป่ซวนเฉิงเกือบหลุดออกจากร่าง เขาพยายามถอย แต่ก็ช้าไป ฝูงแมลงเม่าใบไม้สีเงินตีวงล้อมไว้หมด
ปราการพลังปราณของเขาถูกทำลายไปอย่างรวดเร็ว และยังไม่ทันจะได้ตอบโต้ แมลงเม่าใบไม้สีเงินก็สกัดกั้นจุดชีพจรของเขาไว้
“พละกำลังของฉัน!”
การสกัดกั้นจุดชีพจรของนักรบไม่ต่างอะไรกับการอุดท่อเครื่องยนต์ ไป่ซวนเฉิงอยู่ในสภาพที่ไม่อาจขับเคลื่อนพลังปราณได้อีก การสูญเสียพลังงานอย่างกะทันหันทำให้ร่างของเขาร่วงลงไป
พลั่ก!
เต่าหลังดำใช้โอกาสนี้รวบรวมเรี่ยวแรงอีกครั้งและพุ่งเข้าชน
ไป่ซวนเฉิงที่ทำอะไรไม่ถูกพยายามรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายเพื่อปัดป้องการโจมตีนั้น
แต่เมื่อไม่มีพลังปราณเข้ามาเสริม มือของเขาก็แหลกเป็นชิ้นๆขณะร่างร่วงลงสู่ก้นมหาสมุทร เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่อยู่ด้านล่าง
“ทรงพลังจริงๆ…”
เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวกับผู้อาวุโสเฟิงตัวเย็นเฉียบเมื่อเห็นภาพนั้น
พวกเขาอดคิดไม่ได้ว่าหากอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับไป่ซวนเฉิงแล้วจะเป็นอย่างไร
ทั้งคู่มั่นใจในยุทธวิธีที่จะใช้เล่นงานเต่าหลังดำ โดยเฉพาะเมื่อได้ทุ่มเททรัพยากรมากมายและใช้เวลาเป็นเดือนเพื่อเตรียมการทุกอย่าง พวกเขาเคยคิดว่าด้วยทุกสิ่งที่ทำลงไป การจับตัวเต่าหลังดำคงไม่ใช่เรื่องยาก แต่สุดท้ายก็แทบไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายก็เดินเกมไปพร้อมกันเพื่อล่อพวกเขาให้เข้าไปติดกับ
ว่ากันตามตรง เจ้าสำนักไป่ซวนเฉิงเป็นนักรบผู้ไร้เทียมทานคนหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของฝูงแมลงเม่าใบไม้สีเงิน ผู้ชนะจะต้องเป็นไป่ซวนเฉิงอย่างแน่นอน
แต่สภาพแวดล้อมก็มักมีบทบาทสำคัญต่อผลการต่อสู้ ไป่ซวนเฉิงไม่ได้พิจารณาข้อนี้ ลงท้ายจึงตกอยู่ในสภาพย่ำแย่หลังจากผ่านไปไม่กี่กระบวนท่า
ถ้าผู้อาวุโสหลิวอ่านเกมของเต่าหลังดำไม่ขาด พวกเขาคงตรงเข้าไปติดกับและลงเอยด้วยการตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับไป่ซวนเฉิง หรือบางทีอาจถึงกับแย่กว่า!
พลั่ก!
แม้จะเปิดการโจมตีอันดุเดือดได้สำเร็จแล้ว แต่เต่าหลังดำก็ยังไม่ปล่อยให้การ์ดตก มันหดหัวกลับเข้าไปในกระดองและพุ่งชนไป่ซวนเฉิงไม่หยุด
“ฉันจะฆ่าแก!”
การเป็นผู้ล่าแล้วต้องกลายเป็นผู้ถูกล่าอย่างกะทันหันทำให้ไป่ซวนเฉิงหงุดหงิดมาก เขาคำรามกร้าว จากนั้นก็ชักดาบออกมา 3 เล่มและพุ่งเข้าใส่เต่าหลังดำ
สมกับที่เป็นเจ้าสำนักป้อมปราการกระจกดำ ดาบทั้ง 3 เล่มล้วนเป็นดาบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์
ดาบนั้นฟาดฟันกระดองเต่าหลังดำ แต่ไม่อาจทำให้เกิดแม้รอยขีดข่วนหรือลดความเร็วของมันได้
ไป่ซวนเฉิงหรี่ตา เมื่อตกอยู่ในสภาพแบบนี้ เขาจะเหลือทางเลือกอะไรนอกจากหันหลังกลับแล้วเผ่นหนี
เขาสูญเสียของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ไปแล้ว แขนกับซี่โครงก็แหลกละเอียด อวัยวะภายในก็ได้รับความกระทบกระเทือน ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เขาต้องตายแน่!
พลั่ก!
ยังไม่ทันที่ไป่ซวนเฉิงจะไปได้ไกล เต่าหลังดำก็พุ่งเข้าชนแผ่นหลังของเขาอีกครั้ง ทำให้ไป่ซวนเฉิงล้มลงกระแทกพื้น
“เราต้องเปิดการโจมตีแล้วล่ะ” จางเซวียนโพล่งออกมาขณะปลดปล่อยค่ายกลมิติแล้วพุ่งปราดออกไป
เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวกับผู้อาวุโสเฟิงที่เฝ้าดูสถานการณ์อย่างใจจดใจจ่อรีบออกจากที่ซ่อน
ทั้งคู่รู้ดีว่าหากมัวรีรอ ไป่ซวนเฉิงจะต้องตายแน่ สำนักดาวเจ็ดดวงไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับสำนักป้อมปราการกระจกดำมากนักก็จริง แต่พวกเขาก็ไม่คิดจะปล่อยให้ไป่ซวนเฉิงตาย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่หอเทพเจ้าเพิ่งมีการเคลื่อนไหว
เต่าหลังดำรับรู้ถึงการปรากฏตัวของจางเซวียนกับพรรคพวกทันที แต่มันก็ไม่รีบร้อนเข้าโจมตี มันรอคอยอย่างอดทนเพื่อจะดูว่าพวกนั้นทำอะไร
“เจ้าสำนักคุ่ย ขอรบกวนคุณด้วย” จางเซวียนพูด
“ได้ ไม่ต้องห่วง” เจ้าสำนักคุ่ยพยักหน้าขณะพุ่งปราดออกไปราวสายฟ้าฟาด
เขาถ่ายทอดพลังงานเข้าสู่ฝ่ามืออย่างรวดเร็ว เกิดเป็นกระแสพลังงานเข้มข้นที่ทำให้พื้นน้ำโดยรอบเดือดเป็นฟองต่อเนื่อง ฝูงแมลงเม่าใบไม้สีเงินที่ห้อมล้อมเต่าหลังดำอยู่แตกฮือทันที พวกมันกระจัดกระจายไปคนละทิศทางเมื่อเจอกระแสพลังงานนั้น
ระหว่างการเดินทางสู่ทะเลพลัดดาว เพื่อตอบแทนที่เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวเคยช่วยเขาให้ฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ จางเซวียนได้มอบคำชี้แนะเรื่องเทคนิคการต่อสู้ให้เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวกับคนอื่นๆ แม้จะเป็นเวลาเพียง 2-3 วัน แต่คนเหล่านั้นก็พัฒนาประสิทธิภาพการต่อสู้ได้มาก
มันคือหมู่เมฆสายฟ้าฟาดที่เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวเคยสำแดงมาก่อน แต่คราวนี้แข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างน้อย 2 เท่า สายฟ้าฟาดพุ่งฉิวออกจากฝ่ามือของเขา ดูราวกับเป็นเทพเจ้าสายฟ้า
เมื่อรู้สึกได้ถึงอันตราย เต่าหลังดำรีบหดหัวกลับเข้าไปในกระดองเพื่อซ่อนตัว สายฟ้าจากมือของเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวจึงทำได้แค่ถากผิวกระดองของมันก่อนจะสะท้อนกลับไป
การโจมตีครั้งนี้ไม่อาจสร้างความบอบช้ำภายในให้เต่าหลังดำได้
“เต่าตัวนั้นทรงพลังจริงๆ” จางเซวียนพึมพำ
ไม่เพียงแต่จะเคลื่อนไหวได้ว่องไว มันยังมีกระดองอันใหญ่ที่สะท้อนการโจมตีใดๆก็ตามได้อย่างง่ายดายด้วย เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวไม่ได้อ่อนแอก็จริง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาทำให้มันบาดเจ็บไม่ได้
ในชั่วพริบตา ทั้งสองก็ปะทะกันไปกว่า 10 ครั้ง พละกำลังมหาศาลจากการเผชิญหน้ากันของทั้งคู่ทำให้ทะเลคันฉ่องน้อยเดือดพล่าน ไอน้ำพวยพุ่งขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างต่อเนื่อง
คลื่นความสั่นสะเทือนจากการดวลระหว่าง 2 ผู้เชี่ยวชาญขั้นกึ่งสรวงสวรรค์รุนแรงพอที่จะทำลายทุกสิ่งภายในรัศมีหมื่นลี้จนราบคาบ
ถ้าไม่ใช่เพราะทั้งคู่อยู่ใต้น้ำ การต่อสู้ครั้งนี้จะต้องดึงดูดนักรบมากมายแน่
ผู้อาวุโสเฟิงเฝ้ามองการต่อสู้ด้วยความฉงน เขาอดรู้สึกไม่ได้ว่ามีบางอย่างแปลกๆ เกิดรอยย่นบนหน้าผากของเขา ผู้อาวุโสเฟิงหันไปถามจางเซวียน “ทำไมเต่าหลังดำถึงไม่พุ่งชนเจ้าสำนักคุ่ย?”
ตอนที่เต่าหลังดำสู้กับไป่ซวนเฉิงเมื่อครู่นี้ มันใช้การพุ่งเข้าชนอย่างแรงเพื่อเล่นงานอีกฝ่าย แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยว มันกลับเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายตั้งรับ ดูเหมือนจะพยายามปัดป้องการโจมตีของเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวมากกว่า
“คงเป็นเพราะค่ายกลคู่วังวนวารี มันจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม” จางเซวียนตอบและหัวเราะหึๆ
ผู้อาวุโสเฟิงตาโตเมื่อพลันเข้าใจ
เต่าหลังดำเป็นอสูรที่ขี้ระแวงจริงๆ พื้นที่ที่มันเคลื่อนไหวไปมาระหว่างการต่อสู้ครั้งนี้อยู่นอกอาณาเขตของค่ายกล ต่อให้เปิดใช้ค่ายกลตอนนี้ ก็ไม่น่าทำอันตรายมันได้
“ไม่น่าจะใช่นะ…เมื่อครู่นี้มันรอให้ค่ายกลวังวนวารีถูกเปิดใช้งาน เพื่อที่เจ้าสำนักไป่จะได้ติดกับ แล้วมันจะได้สังหารเขา, ไม่ใช่หรือ? ก็น่าจะหมายความว่ามันไม่กลัวค่ายกลใช่ไหม?” ผู้อาวุโสเฟิงตั้งคำถาม
“ก็ใช่ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อครู่นี้มันอาจปล่อยพลังออกมาโดยไม่ต้องคิดอะไร แต่ตอนนี้ทำแบบเดิมไม่ได้แล้วล่ะ” จางเซวียนตอบ
คำตอบนั้นทำให้ผู้อาวุโสเฟิงขมวดคิ้ว
เจ้ายักษ์ใหญ่ตัวนี้ใช้ร่างใหญ่โตของมันพุ่งชนไปทั่ว ไม่ยอมใช้พลังปราณหรือความสามารถด้านอื่น ตัวมันก็น่าจะยังเหลือพละกำลังอยู่มาก…แล้วทำไมผู้อาวุโสหลิวถึงพูดราวกับว่ามันหมดแรง?
“แมลงเม่าใบไม้สีเงินเหล่านั้นเก่งกาจถึงขนาดทำให้ของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์หมดประสิทธิภาพได้ เต่าหลังดำมีความสามารถในการป้องกันตัวก็จริง แต่คุณคิดจริงๆหรือว่ามันจะไม่ได้รับความบอบช้ำสักนิดเมื่อตกเป็นเป้าโจมตีหลักของฝูงแมลงเม่าใบไม้สีเงิน?” จางเซวียนย้อนถาม
แม้ในเวลานี้ก็ยังมีแมลงเม่าใบไม้สีเงินจำนวนมากเกาะติดร่างของเต่าหลังดำ ในเมื่อพวกมันทำได้ถึงขนาดเล่นงานของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ ก็เป็นไปไม่ได้ที่เต่าหลังดำจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลยจากแมลงเม่าเหล่านี้ แม้มันจะเก่งกาจในการป้องกันตัวก็ตาม
“ถ้าอย่างนั้น ทำไมเราไม่เข้าไปร่วมวงล่ะ?”
เมื่อได้ยินว่าเต่าหลังดำเริ่มหมดแรง ผู้อาวุโสเฟิงนัยน์ตาเป็นประกายขณะถอนหายใจอย่างโล่งอก
จางเซวียนโบกมือ “ไม่ต้องรีบร้อน มันถ่วงเวลาอยู่ เราก็ควรทำแบบเดียวกับมัน”
ด้วยความเชื่อใจเต็มที่ในตัวชายหนุ่ม ผู้อาวุโสเฟิงเลิกตั้งคำถามและเฝ้าดูการต่อสู้ต่อไป
ระหว่างนั้น เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวกับเต่าหลังดำปะทะกันไปแล้วกว่า 20 ครั้ง การโจมตีของเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ดุเดือดเกรี้ยวกราดเหมือนตอนแรก ส่วนเต่าหลังดำก็ดูเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย มันอ้าปากหอบหายใจ