Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2088 หอเทพเจ้า?
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2088 หอเทพเจ้า?
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2088 หอเทพเจ้า?
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณต้องสงบสติอารมณ์ให้ได้ หากจนมุมขึ้นมาก็ไม่ต้องตกใจ ฉันจะคอยช่วย…” ผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่เสริม
ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ รังสีอันทรงพลังก็ปรากฏขึ้นในลานที่อยู่บริเวณหน้าห้อง
ผู้อาวุโสที่ 1 หยุดกึกขณะมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เธอรีบรุนหลังฉู่อิงให้ดึงผ้าคลุมศีรษะขึ้นมา
ทันทีที่ทุกอย่างเรียบร้อย เสียงเรียบเย็นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ไม่ทราบว่าหัวหน้าตู้ตัดสินใจอย่างไร?”
คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาด้วยฝีเท้าหนักแน่น พวกเขามีกันทั้งหมด 5 คน ผู้ที่เดินนำหน้าคือชายหนุ่มเสื้อคลุมสีเทาซึ่งมีวรยุทธล้ำลึกเกินหยั่งราวกับมหาสมุทรอันไร้ขอบเขต แทบไม่อาจประเมินพละกำลังของเขาได้
“พวกนั้น…” จางเซวียนมองกลุ่มผู้มาเยือน เขาตัวสั่นเล็กน้อยด้วยความไม่อยากเชื่อขณะพึมพำ “หอเทพเจ้า?”
เขาเคยต่อสู้กับกลุ่มคนจากหอเทพเจ้ามาแล้ว 2 ครั้ง ทั้งยังสังหารนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ไปอีกหลายคน จึงรู้ซึ้งในคนเหล่านั้นเป็นอย่างดี
ชายทั้ง 5 แผ่รังสีอันเป็นเอกลักษณ์ออกมา ทั้งคมกริบและทำให้ผู้พบเห็นเกิดความไม่สบายใจ แค่มองแวบเดียว ก็แน่ใจได้เลยว่าพวกเขามาจากหอเทพเจ้า
“นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คนหนึ่งกับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์อีกสี่คน…ช่างดาหน้ากันมาดีจริง” จางเซวียนหรี่ตา
เหล่านักรบของหอเทพเจ้ามีพละกำลังเหนือชั้น ถึงขนาดที่แม้แต่นักรบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ของพวกเขาก็มีพละกำลังมากพอจะต้านทานนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั่วไปได้
ดังนั้น จึงประเมินความไร้เทียมทานของชายกลุ่มนี้ได้ไม่ยาก
ต่อให้หัวหน้าตู้อยู่ที่นี่ ก็คงรับมือกับพวกเขาแทบไม่ไหว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเอาชนะพวกเขาไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรที่นี่ก็คือตำหนักคว้าดาว, อาณาเขตของเธอ
เพียงแต่คงต้องเหนื่อยยากไม่น้อยกว่าจะเอาชนะได้สำเร็จ
การสั่งสมพลังของ 6 สำนักใหญ่ตลอดหลายพันปีที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่ไม่อาจสบประมาทได้
ยกตัวอย่างสำนักดาบเมฆเหิน พวกเขามีนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์เพียงคนเดียว คือหานเจี้ยนชิว จึงดูเหมือนว่าจางเซวียนน่าจะเอาชนะพวกนั้นได้โดยง่าย แต่หากเขากล้าบุกรุกสำนักดาบเมฆเหินเมื่อไหร่ ผู้ที่ต้องพ่ายแพ้ก็น่าจะเป็นเขา
ลำพังแค่เจตจำนงเพลงดาบมากมายนับไม่ถ้วนที่ถูกเก็บรักษาไว้ในหอภูมิปัญญาเพลงดาบก็เกินพอจะเล่นงานอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้ง 4 ตัวของเขาแล้ว แถมทั้งสำนักก็ยังได้รับการคุ้มกันจากเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าที่มาจากผู้ก่อตั้งด้วย
นี่คือเหตุผลที่หอเทพเจ้าไม่กล้าบุกเข้าเล่นงาน 6 สำนักใหญ่อย่างบุ่มบ่าม เพราะถึงแม้พวกเขาจะแข็งแกร่งกว่า 6 สำนักใหญ่มาก แต่ก็ไม่อาจแน่ใจว่าจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ง่ายๆ
แน่นอนว่า 6 สํานักใหญ่ก็ไม่ปล่อยไม้ตายของพวกเขาออกมาง่ายๆเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อไม้ตายส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว ถ้าสำนักดาบเมฆเหินแตะต้องหอภูมิปัญญาเพลงดาบ ก็จะเป็นการทำลายมรดกตกทอดของตัวเอง ทำให้ไม่อาจถ่ายทอดความรู้ของเหล่าบรรพบุรุษไปสู่คนรุ่นหลังได้
ด้วยเหตุผลนี้ หากไม่ใช่ช่วงเวลาคับขันจริงๆ ก็ไม่มีใครคิดจะใช้ไม้ตาย
การที่ตำหนักคว้าดาวอยู่รอดได้ทั้งที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีกับอีก 5 สำนักใหญ่ที่เหลือ ก็บ่งบอกชัดว่าพวกเขาย่อมมีไม้ตายเช่นกัน ลำพังแค่ความสามารถในการสื่อสารกับเหล่าเทพเจ้าก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนแล้ว แม้ออกจะดูหลงตัวเองไปสักหน่อยหากจะหวังให้เทพเจ้าลงมาต่อสู้แทน แต่เทพเจ้าก็มอบของล้ำค่าอันทรงพลังให้พวกเขาเป็นการตอบแทนเครื่องบรรณาการที่ได้รับ
“ฉันไตร่ตรองเรื่องนี้แล้ว ออกจะยากอยู่สักหน่อยที่ตำหนักคว้าดาวจะยอมรับคำขอของพวกคุณ” ร่างที่อยู่ใต้ผ้าคลุมศีรษะตอบ
น้ำเสียงของเธอมั่นคงหนักแน่นกว่าเดิม อย่างที่หัวหน้าตำหนักควรจะเป็น
“ยาก?” ชายวัยกลางคนจากหอเทพเจ้าหัวเราะหึๆ “คุณก็รู้นี่ว่าความอดทนของหอเทพเจ้ามีจำกัด ถ้าคุณไม่รีบฉวยโอกาสตอนนี้ ในอนาคตจะต้องเจอกับผลที่ตามมาอีกมากมายนะ”
“อย่างนั้นหรือ? มีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากรู้มากและหวังว่าคุณจะตอบให้กระจ่างได้ หอเทพเจ้าวางตัวสูงส่งเสมอ ไม่เคยเข้ามาก้าวก่ายกิจธุระของทวีปที่ถูกลืม แล้วมันเรื่องอะไรพวกคุณถึงตามล่าตำหนักคว้าดาวของพวกเราในเวลานี้?”
“คุณไม่จำเป็นต้องถามหรอก รู้ในสิ่งที่คุณต้องรู้ก็พอ พวกเราแค่ทำตามคำสั่งของนายท่าน” ชายวัยกลางคนจากหอเทพเจ้าตอบด้วยทีท่าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“อย่าหลอกตัวเองน่ะ หอเทพเจ้าได้สิ่งที่ต้องการเสมอ ต่อให้คุณปฏิเสธเรา เราก็มีอีกหลายวิธีที่จะทำให้บรรลุเป้าหมาย เหตุผลเดียวที่เราให้เวลาคุณพิจารณาเรื่องนี้ก็เพราะไม่อยากทำให้เกาะอันงดงามของพวกคุณต้องนองเลือด ผมขอแนะนำคุณนะว่าอย่าทดสอบพวกเรา”
เกิดความเงียบงันครู่หนึ่งก่อนที่เสียงจากร่างใต้ผ้าคลุมศีรษะจะดังขึ้นอีกครั้ง “ฉันไม่ปฏิเสธหรอกว่าพวกเราไม่มีโอกาสเอาชนะความทรงพลังของหอเทพเจ้าได้เลย แต่ถ้าคุณทำอะไรหนักมือไปล่ะก็ ชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของหอเทพเจ้าจะต้องด่างพร้อย”
“คุณเป็นห่วงพวกเราหรือ?” ชายวัยกลางคนจากหอเทพเจ้าหัวเราะลั่น “ชื่อเสียงน่ะไม่มีความหมายกับคนแบบพวกเราหรอก ต่อให้ไม่มีชื่อเสียง ก็แล้วใครจะกล้าตั้งคำถามหรือแคลงใจในอำนาจของเรา? ตำหนักคว้าดาวอาจมีไม้ตาย แต่อย่าพลาดนะ การที่พวกเราจะเหยียบย่ำพวกคุณให้จมดินน่ะไม่ใช่เรื่องยาก!”
ชื่อเสียงมีความสำคัญก็เฉพาะกับผู้ที่ทัดเทียมกันเท่านั้น สำหรับพวกเขาที่เปรียบเสมือนยักษ์ใหญ่ ทุกย่างก้าวทำให้โลกสั่นสะเทือน ลำพังความเห็นของฝูงมดจะมีความหมายอะไร?
ต่อหน้าพละกำลังอันแข็งแกร่ง เสียงของความคลางแคลงใจเหล่านั้นไร้ความสำคัญอย่างสิ้นเชิง
พวกหอเทพเจ้าช่างวางโตอะไรอย่างนี้! จางเซวียนกำหมัดแน่นขณะเฝ้ามองเหตุการณ์จากด้านบน
คำพูดเหล่านั้นระคายหูของเขามาก แต่จางเซวียนก็รู้ดีว่ามีความจริงอยู่ไม่น้อย
เรื่องนี้ทำให้เขานึกถึงชนเผ่าแมนจูในชีวิตเก่า ผู้ที่กล้าไว้ทรงผมตามใจจะไม่อาจรักษาชีวิตของตัวเองไว้ได้ ด้วยพละกำลังมหาศาลที่มี คนเหล่านั้นบีบบังคับให้ดินแดนอาณานิคมยอมรับวัฒนธรรมของพวกเขาด้วย
เห็นได้ชัดว่าหอเทพเจ้ากำลังเจริญรอยตาม
นี่คือโลกที่ความแข็งแกร่งของกำปั้นคือทุกอย่าง!
“พวกคุณคิดจะโจมตีตำหนักคว้าดาวจริงๆหรือ?” ร่างที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมศีรษะนึกไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดนั้น เสียงของเธอสั่นเครือ
“พวกเราไม่ต้องลงมือเองหรอก ทั้งหมดที่ต้องทำก็แค่สังหารคุณผู้เป็นเสาหลักของตำหนักคว้าดาว ผมเชื่อว่าเพียงเท่านี้ ก็มีสำนักอีกมากมายที่ยิ่งกว่าเต็มใจจะปิดจ๊อบให้เพื่อจะได้เข้ามาแทนที่คุณ” ชายวัยกลางคนจากหอเทพเจ้าตอบด้วยเสียงเย็นเยียบ
ถ้าตำหนักคว้าดาวสูญเสียนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ของพวกเขาไป ก็จะค่อยๆหมดสิทธิ์หมดเสียงในเรื่องราวใดๆของโลกใบนี้ ตำหนักคว้าดาวจะถูกบีบบังคับให้ยอมจำนนครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก็จะถึงจุดที่ต้องร่วงลงจากการเป็นกลุ่มอำนาจชั้นนำ
นี่คือความเป็นจริงอย่างง่ายๆ
“คุณ…”
ร่างที่อยู่ใต้ผ้าคลุมศีรษะเงียบกริบ ครู่ต่อมาก็พูดว่า “ฉันเต็มใจที่จะประนีประนอม แต่สิ่งที่คุณร้องขอคือรากฐานของตำหนักคว้าดาวของเรา แม้แต่ตัวฉันก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
“หัวหน้าตู้ตั้งใจจะบอกว่า…”
“ขอเวลาฉันอีกวันหนึ่ง ฉันจะหารือเรื่องนี้กับเหล่าผู้อาวุโสของตำหนัก แล้วพรุ่งนี้จะให้คำตอบที่น่าพอใจกับคุณ” ร่างที่อยู่ใต้ผ้าคลุมศีรษะตอบ
“คุณขอเวลาอีกหนึ่งวันหรือ?” ชายวัยกลางคนจากหอเทพเจ้าคำราม “ต่อให้ผมให้เวลาคุณอีกหนึ่งวัน ผมก็ยังสงสัยอยู่ว่าตัวปลอมอย่างคุณจะมีปัญญาระดมพลหรือเปล่า ผมพูดถูกไหม?”
บึ้มมมม!
ทันทีที่ประโยคนั้นสิ้นสุด กระแสดาบฉีก็ระเบิดออกมา ฉีกผ้าคลุมศีรษะออกเป็น 2 ส่วน เผยให้เห็นร่างของฉู่อิง
“คุณ…”
เมื่อรู้ตัวว่าถูกจับได้ ฉู่อิงตัวสั่นด้วยความกลัว
เธอเคยคิดว่าการปลอมตัวของเธอแนบเนียนพอจะตบตาอีกฝ่ายแล้ว แต่ดูเหมือนคนจากหอเทพเจ้าจะไม่หลงกล
“คุณสงสัยหรือว่าผมรู้ได้อย่างไรว่าคุณเป็นตัวปลอม?” ชายวัยกลางคนคำราม
ฉู่อิงได้แต่กำหมัดแน่นขณะจ้องชายที่อยู่ตรงหน้าเธออย่างหวาดวิตก ผู้อาวุโสจ้าวเยว่ก็ตัวแข็งด้วยความพรั่นพรึง
“เมื่อวานนี้ ตอนที่หัวหน้าตู้บอกว่าจะให้คำตอบกับผมในวันรุ่งขึ้น ผมก็รู้แล้วว่าพวกคุณคิดอะไรอยู่ คุณเห็นพวกเราเหล่านักรบจากหอเทพเจ้าเป็นคนโง่ใช่ไหม?” ชายวัยกลางคนคำราม
“ผมก็แค่เล่นไปตามน้ำเพื่อดูว่าคุณจะไปได้ไกลแค่ไหน แต่พูดก็พูดเถอะ ต้องยอมรับว่าน่าประทับใจมาก แม้จะอายุยังน้อย แต่ก็ปลอมตัวเป็นตู้ชิงหย่วนได้ดี ผมดูออกว่าคุณต้องใช้ความพยายามมากทีเดียว!”
“ถ้าคุณรู้ตั้งแต่แรก แล้ว…” ฉู่อิงถึงกับผงะ
ในเมื่อพวกเขารู้ความจริงตั้งแต่แรก ทำไมถึงยอมต่อเวลาให้อีกหนึ่งวันเพื่อต่อรองเรื่องนี้? ทำไมถึงยืดเวลาให้ตำหนักคว้าดาวแทนที่จะใช้กำลังเข้าแย่งชิงของล้ำค่า?
“ง่ายนิดเดียว ผมต้องการให้คุณมอบของล้ำค่าให้ผมด้วยมือของคุณเอง พวกเรารู้ว่าตู้ชิงหย่วนเดินทางออกไป และได้ส่งกองกำลังของเราไปจัดการเธอ เป็นไปได้ว่าหัวหน้าของคุณน่ะ ป่านนี้คงถูกจับตัวไว้ หรือไม่ก็ถูกฆ่าตายไปแล้ว” ชายวัยกลางคนตอบ
“เหตุผลที่เรายังอยู่ที่นี่ก็เพื่อเล่นงานพวกคุณให้แพ้ราบคาบ คุณคิดจริงๆหรือว่าลูกไม้เสร่อแบบนั้นจะใช้กับพวกเราได้?”
ฉู่อิงกับผู้อาวุโสจ้าวเยว่หน้าซีดเผือด ทั้งคู่ถอยกรูดไปโดยไม่รู้ตัว
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง…ก็หมายความว่าหัวหน้าตู้ของพวกเขาตกอยู่ในอันตรายแล้วใช่ไหม?
เมื่อเห็นว่าคำพูดใดๆก็ไม่จำเป็นในช่วงเวลาแบบนี้ ขายวัยกลางคนโบกมือและสั่งการ “จับพวกเขาให้หมด!”
นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ทั้ง 4 คนที่อยู่ด้านหลังตบเท้าออกมาทันที
“คุ้มกันผู้อาวุโสที่ 1!”
อีกด้านหนึ่ง ผู้อาวุโสที่มีวรยุทธอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์สิบกว่าคนก็บุกเข้ามาจากทุกทิศทาง
3 นาทีให้หลัง ผู้อาวุโสทั้งหมดของตำหนักคว้าดาวต่างนอนแผ่อยู่กับพื้น ทุกคนหมดสภาพ
แม้จะเป็นนักรบอมตะขั้นสูง แต่เหล่านักรบจากหอเทพเจ้าทรงพลังกว่าผู้อาวุโสทั่วไปของแต่ละสำนักมาก พวกเขาไม่อาจเทียบชั้นกันได้ ผลการต่อสู้จึงคาดเดาได้ตั้งแต่เริ่ม
ในเวลาเดียวกัน ฉู่อิงกับผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่ก็ถูกจับตัวไว้
“นำตัวพวกเขากลับไปด้วย คงจะดีที่สุดถ้าเราจับตัวตู้ชิงหย่วนได้ แต่ต่อให้ไม่สำเร็จ เราก็จะใช้สองคนนี้เป็นตัวประกันเพื่อบีบให้เธอยอมแพ้!” ชายวัยกลางคนสั่งการก่อนจะหันหลังกลับ
ระหว่างนั้น จางเซวียนขับเคลื่อนพลังปราณของเขาอย่างช้าๆขณะเตรียมการจะช่วยคนของตำหนักคว้าดาวจากเงื้อมมือของหอเทพเจ้า