Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2095 มันคือโลหิตเทพเจ้าจริง ๆ …
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2095 มันคือโลหิตเทพเจ้าจริง ๆ …
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2095 มันคือโลหิตเทพเจ้าจริงๆ…
“ฆ่าเขาซะ!” จางเซวียนคำราม
แม้ชายวัยกลางคนกับฟู่เฉิงสื่อจะมีบาดแผลฉกรรจ์ แต่ในฐานะนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ หากพวกเขาตั้งตัวติดเมื่อไหร่ ก็จะสร้างความเดือดร้อนเสียหายอย่างหนักได้ในทันที
จางเซวียนจึงเปิดกระสอบอสูรของเขาโดยไม่ลังเล
ฟิ้วววว!
โซ่โลหะที่มีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ลอยละลิ่วเข้าใส่ชายวัยกลางคน รัดร่างของเขาไว้อย่างแน่นหนา
ในเวลาเดียวกัน เต่าหลังดำกับฉลามหมายเลข 3 ก็พุ่งเข้าเล่นงานชายวัยกลางคน ขณะที่ฉลามหมายเลข 1 กับหมายเลข 2 ตรงเข้าขนาบข้างตัวโคลนของจางเซวียนเพื่อจัดการฟู่เฉิงสื่อ
แม้พละกำลังของพวกมันจะลดลงเมื่ออยู่บนพื้นดิน แต่ประสิทธิภาพการต่อสู้ที่เหล่าอสูรสำแดงออกมาก็ยังคงน่าสะพรึงมาก ในชั่วพริบตา รูพรุนที่เปรอะเปื้อนเลือดมากมายก็ปรากฏทั่วร่างของชายวัยกลางคน แขนของเขากระตุกเพราะการถูกโจมตีอย่างรุนแรง
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนชายวัยกลางคนทำอะไรไม่ถูก แต่เขาก็ตั้งตัวติดอย่างรวดเร็วและปล่อยการโจมตีต่อไป ด้วยเจตนาสังหารเข้มข้นที่พวยพุ่งออกจากร่าง เขาสั่งการง้าวให้ตรงเข้าเล่นงานอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้ง 3 ตัวที่รุมล้อมเขาอยู่
แต่โชคร้ายที่การเคลื่อนไหวของง้าวนั้นต้องสะดุดเพราะศพของนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์คนหนึ่งถลันเข้าขวางทาง
ชายวัยกลางคนกำหมัดแน่น เขาเพ่งสมาธิควบคุมง้าวให้มันตรงเข้าจ้วงแทงศพนั้น แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร พลังงานมหาศาลก็ระเบิดออกภายในร่างของศพ
ศพกระเด็นไป คลื่นความสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นทำให้ง้าวกระเด็นไปด้วย มันสั่นสะท้านไม่หยุดอยู่กลางอากาศขณะพยายามตั้งตัวให้ตรงท่ามกลางพายุดุเดือดอันน่าสะพรึง
ง้าวที่มีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์มีพละกำลังมหาศาล แต่พละกำลังจากการระเบิดของนักรบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์เล่นงานจิตวิญญาณของมัน ทำให้เกิดความสับสนชั่วขณะ
ง้าวต้องใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะตั้งตัวให้สมดุลดังเดิม แต่ขณะที่มันกำลังรีบพุ่งไปช่วยชายวัยกลางคน อีกศพหนึ่งก็ปรากฏและระเบิดตรงหน้า
หลังจากการระเบิดอย่างต่อเนื่องของ 3 ศพ จิตวิญญาณของง้าวก็ถึงขีดสุดความทนทานของมันและร่วงลงจากกลางอากาศ ดูเหมือนมันคงหมดสภาพไปสักระยะหนึ่ง
การระเบิดเหล่านี้ไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆต่ออาวุธที่มีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แต่จิตวิญญาณที่อยู่ในนั้นหมดสภาพไปแล้ว จึงไม่เป็นการพูดเกินจริงหากจะกล่าวว่าอาวุธชิ้นนี้ถูกทำลาย
ระหว่างนั้น ชายวัยกลางคนก็ถูกอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ 4 ตัวโจมตีอย่างไม่ลดละ ในที่สุด ด้วยการพุ่งเข้าชนอย่างรุนแรงของเต่าหลังดำ ศีรษะของเขาก็ยุบลงไปในบ่า ร่างของเขาทรุดลงกระแทกพื้นเสียงดังสนั่น
รวมแล้ว นับตั้งแต่เริ่มการต่อสู้จนถึงวินาทีที่ชายวัยกลางคนเสียชีวิต เวลาผ่านไปแค่ 3 อึดใจเท่านั้น
นี่คือวีรกรรมสุดแสนน่าทึ่งที่เอาชนะนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์จากหอเทพเจ้าได้ภายใน 3 อึดใจ แต่จางเซวียนก็ต้องใช้ศพของนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ถึง 3 ตัว, ของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อีก 1 ชิ้น และอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อีก 2 ตัวเพื่อการนี้
จางเซวียนคงเป็นคนเดียวในโลกที่ทำอะไรใหญ่โตเหนือชั้นขนาดนี้ได้!
ขณะที่พวกเขากำลังเล่นงานชายวัยกลางคน อีกด้านหนึ่ง ฉลามหมายเลข 1, หมายเลข 2 และตัวโคลนก็รี่เข้าใส่ฟู่เฉิงสื่อที่กำลังหมดสภาพ
ฟู่เฉิงสื่อจะมาจากหอนิรันดร์หรือหอเทพเจ้าก็ไม่สำคัญแล้ว เพราะในเมื่อเขาทำร้ายตู้ชิงหย่วน ก็ไม่มีความจำเป็นต้องยั้งมือ
ฟึ่บ!
ตัวโคลนพุ่งเข้าใส่ฟู่เฉิงสื่อและรัดร่างของอีกฝ่ายไว้แน่น ล็อคทุกข้อต่อเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะเคลื่อนไหวไม่ได้
ระหว่างนั้น ฉลามหมายเลข 1 กับหมายเลข 2 ก็ปล่อยการโจมตีอันดุเดือดเข้าใส่ชายชราอย่างต่อเนื่อง จางเซวียนสะบัดข้อมือเพื่อนำดาบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ 7 เล่มออกมา ดาบเหล่านั้นตรงเข้าล้อมชายชราทันที เหมือนมีตาข่ายเงินคลุมร่างของเขาไว้
ซรืดดดดดดด!
กระแสดาบฉีพุ่งเข้าใส่ร่างของฟู่เฉิงสื่อราวห่าฝน ยังไม่ทันจะตั้งตัวติด ร่างของเขาก็ถูกเฉือนเป็นชิ้นๆ เหลือไว้เพียงก้อนเนื้อและเลือดเป็นหย่อมๆบริเวณที่เขาเคยยืนอยู่
จางเซวียนไม่ได้เสียเวลาไปเปล่าๆ เขาเฝ้าดูการต่อสู้ก่อนหน้านี้อย่างถี่ถ้วนและวิเคราะห์จุดอ่อนทั้งหมดของฟู่เฉิงสื่อกับชายวัยกลางคนไว้แล้ว ทำให้สามารถวางแผนเล่นงานนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้งสองคนได้โดยใช้เวลาและเกิดความสูญเสียน้อยที่สุด
เห็นทุกอย่างเป็นไปตามแผน เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก
จางเซวียนชำเลืองมองศพของฟู่เฉิงสื่อ “หมอนี่ทรยศหอนิรันดร์หรือ?”
จากการใช้หอสมุดเทียบฟ้ากับฟู่เฉิงสื่อ ชัดเจนว่าอีกฝ่ายคือผู้อาวุโสของหอนิรันดร์ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมเขาจึงช่วยเหลือชายวัยกลางคนซึ่งเป็นนักรบของหอเทพเจ้า?
พวกเขามีข้อตกลงลับๆบางอย่าง หรือฟู่เฉิงสื่อคือสายลับจากหอเทพเจ้าที่เข้าไปแทรกซึมอยู่ในหอนิรันดร์?
มีความเป็นไปได้ว่าหอนิรันดร์อาจยอมจำนนให้หอเทพเจ้า แต่จางเซวียนไม่คิดว่าโอกาสเกิดเรื่องแบบนั้นจะมีมากนัก เพราะถึงอย่างไรหอนิรันดร์ก็ได้ตัวอักษรคำว่า ‘เทพเจ้า’ มาทั้งหมดแล้ว ไม่มีอะไรจะสั่นคลอนสถานภาพของหอนิรันดร์ในทวีปที่ถูกลืมได้อีก
ไม่มีเหตุผลใดเลยที่หอนิรันดร์จะต้องร่วมมือกับหอเทพเจ้า!
แถมเวลานี้ปรมาจารย์ขงก็เป็นหัวหน้าคนปัจจุบันของหอนิรันดร์ด้วย
จางเซวียนเคยคิดจะจับเป็นฟู่เฉิงสื่อเพื่อทำการสอบสวน แต่เขาไม่กล้าเปิดช่องโหว่ใดๆเมื่อต้องรับมือกับนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ ถ้าเขาไม่ฆ่าทั้งคู่เสียตอนที่ยังมีโอกาส ก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าพวกเขาจะงัดกลยุทธใดออกมาใช้อีก เขาไม่อาจเสี่ยงกับการปล่อยให้พวกนั้นหนีไปและเปิดเผยตัวตน กับไม้ตายของเขา
รู้ดีว่ามัวแต่ครุ่นคิดก็คงไม่ได้คำตอบ จางเซวียนหันไปมองสุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงซึ่งกำลังได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาประสานมือ “หัวหน้าตู้ชิงหย่วน ผมคือเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวงคนใหม่, หลิวหยาง ขอให้ผมช่วยเยียวยาอาการบาดเจ็บของคุณนะ”
ฟู่เฉิงสื่อเล่นงานอีกฝ่ายอย่างหนัก ซึ่งหากเธอไม่ได้รับการเยียวยาโดยเร็ว ก็มีโอกาสเสียชีวิต
จางเซวียนนำขวดหยกออกมาใบหนึ่ง แต่ขณะที่กำลังจะยื่นให้ สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงก็ชักดาบแล้วชี้ตรงมาที่เขา
“อะไรกัน?” จางเซวียนชะงัก
เขารีบถอย แต่พริบตาต่อมา ร่างของสุภาพสตรีคนนั้นก็สลายกลายเป็นม่านหมอก หายวับไปจากสายตา
รู้ดีว่าเธอกำลังสำแดงศิลปะการเคลื่อนไหวบางอย่าง จางเซวียนตะโกน “หัวหน้าตู้?” แต่สายไปแล้ว สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงไม่อยู่ตรงนั้นอีกต่อไป
“เธอคงกลัวว่าเราจะทำร้ายเธอเหมือนกัน…” จางเซวียนส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
ในเมื่ออีกฝ่ายเพิ่งถูกฟู่เฉิงสื่อแทงข้างหลังทั้งๆที่เธอพยายามปกป้องเขา ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะระแวงจางเซวียนเช่นกัน ต่อให้เขาเพิ่งช่วยชีวิตเธอจาก 2 ผู้เชี่ยวชาญของหอเทพเจ้าก็ตาม
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาคับขันของตำหนักคว้าดาว เธอคงไม่ยอมเสี่ยง
เพราะถึงอย่างไร สำนักดาวเจ็ดดวงก็ใช่ว่าจะมีความสัมพันธ์อันดีกับตำหนักคว้าดาว แต่เขาก็ยัง เสี่ยงอันตรายบุกเข้ามาในเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายเพื่อช่วยชีวิตเธอ แถมยังนำของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ชิ้นหนึ่งกับอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อีก 4 ตัวมาด้วย
คงยากที่เธอจะไม่สงสัย
เพียงแต่…แท่นบูชายังอยู่ที่นั่น
เธอยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องแท่นบูชาไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของอีกฝ่าย แล้วทำไมตอนนี้ถึงทิ้งมันไปดื้อๆ?
จางเซวียนถอนหายใจอย่างจนปัญญา เขาเดินไปหาร่างของชายวัยกลางคนที่เพิ่งถูกสังหารไป รูดแหวนเก็บสมบัติของอีกฝ่าย และแสดงความเป็นเจ้าของแหวนนั้น เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้วจึงเดินเข้าไปพิจารณาแท่นบูชาอย่างถี่ถ้วน
เปลวไฟสีฟ้ายังคงลุกโพลง แผ่รังสีที่ทำให้ผู้พบเห็นต้องตัวสั่น ราวกับมันได้หลอมรวมกับเทพเจ้าจากสรวงสวรรค์
สิ่งนี้ทำให้จางเซวียนขมวดคิ้ว
เท่าที่เขาเห็น สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงกำลังอยู่ระหว่างการประกอบพิธีกรรมตอนที่เธอถูกโจมตี และเธอก็ไม่มีโอกาสประกอบพิธีกรรมต่อให้เสร็จสิ้น พิธีนั้นจึงสะดุดลงทันทีที่เธอหนีไป
แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้ากลับตรงกันข้าม เปลวเพลิงสีฟ้ายังคงลุกโพลงเจิดจ้า เป็นเรื่องที่หาคำอธิบายไม่ได้เมื่อเปลวเพลิงยังคงลุกโชนอยู่แม้ไม่มีเชื้อเพลิงแล้ว
“ดับ!”
จางเซวียนกระดิกนิ้ว แล้วเปลวเพลิงสีฟ้าก็มอดดับ เขาเปิดใช้ดวงตาหยั่งรู้แล้วตรวจสอบแท่นบูชาที่ได้ชื่อว่าสามารถเข้าถึงเทพเจ้า ทำให้แม้แต่หอเทพเจ้าก็พยายามทุกวิถีทางที่จะครอบครองมัน
เมื่อมองเผินๆ แท่นบูชานี้ดูเหมือนกับแท่นบูชาที่อำมาตย์เฉินหย่งเคยใช้เรียกเทพเจ้าจากมิติเบื้องบน มันมีรังสีเก่าแก่โบร่ำโบราณ บ่งบอกว่าเป็นของล้ำค่าดึกดำบรรพ์ที่ถูกส่งทอดกันมาหลายชั่วอายุคน
จางเซวียนยื่นมือออกไปสัมผัสมัน เขาตาโตขึ้นมาทันทีพร้อมกับหัวเราะลั่น
“ไม่น่าเชื่อว่าพวกนั้นถูกหลอก!” จางเซวียนหัวเราะหึๆขณะส่ายหน้า
เขาอยากเห็นว่าแท่นบูชานี้ล้ำค่าขนาดไหน ฟู่เฉิงสื่อกับชายวัยกลางคนถึงยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มันไป แต่แล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ที่พบว่าแท่นบูชานี้เป็นของปลอม
ดูเหมือนฟู่เฉิงสื่อจะแสดงละครไม่เก่งเท่าไหร่
แต่นั่นแหละ เขาต้องยอมรับว่าแท่นบูชาถูกสร้างเลียนแบบได้อย่างแนบเนียน ถึงขนาดที่ดวงตาหยั่งรู้ของเขาก็ดูไม่ออก หากไม่ใช้หอสมุดเทียบฟ้า ก็คงมองไม่เห็นความผิดปกติเช่นกัน
ฉลามหมายเลข 1 เดินเตาะแตะเข้ามาและพูดว่า “นายท่าน มีโลหิตเทพเจ้าเปรอะเปื้อนบนผิวหน้าของแท่นบูชา”
ได้ยินคำนั้น จางเซวียนจ้องดูใกล้ๆ เห็นอักษรจารึกสีแดงก่ำปรากฏจางๆอยู่บนผิวของมัน เขาได้ยินเสียงฮัมจากอักษรจารึกที่ทำให้จิตวิญญาณสั่นไหว
เขานำจี้สีแดงก่ำออกมาและทาบมันเข้ากับอักษรจารึก ซึ่งก็เป็นไปตามคาด จี้นั้นร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีเมื่อสัมผัสกับอักษรจารึก
“มันคือโลหิตเทพเจ้าจริงๆ…” จางเซวียนระบายลมหายใจยาว
ไม่แปลกใจแล้วที่พวกนั้นดูไม่ออกว่าแท่นบูชาเป็นของปลอม ตำหนักคว้าดาวลงทุนถึงขนาดใช้โลหิตเทพเจ้าอันล้ำค่าจัดฉากการประกอบพิธีกรรมเพื่อล่อลวงคนพวกนั้น!
“แต่ถ้าแท่นบูชาอันนี้เป็นของปลอม…แล้วของจริงอยู่ที่ไหน?” จางเซวียนขมวดคิ้ว
ตู้ชิงหย่วนยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากหอเทพเจ้าไม่ให้นำแท่นบูชาของจริงไปได้ เพราะฉะนั้น แท่นบูชาของจริงถูกซ่อนไว้ที่ไหนกัน?
“ช่างมันเถอะ มัวคิดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เรื่องสำคัญที่สุดคือหาตัวหัวหน้าตู้ให้ได้ก่อน เธอคือเงื่อนงำเดียวที่จะนำไปสู่หลัวลั่วชิง…”
จางเซวียนสะบัดข้อมือ เขานำแท่นบูชากับศพของนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้งสองคนใส่เข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ จากนั้น ตัวเขาพร้อมกับอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ 4 ตัวกับตัวโคลนก็มุ่งหน้าไปตามทิศทางที่สุภาพสตรีหน้ากากทองแดงหายตัวไป