Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2138 สังหารเธอ?
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2138 สังหารเธอ?
ตอนที่ 2138 สังหารเธอ?
เขาเคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาแล้วตอนที่ปีนป่ายจากโขดหินสมอสวรรค์ขึ้นสู่สะพานเบื้องบน ตอนนั้นเขาก้าวจากมิติหนึ่งไปสู่อีกมิติหนึ่ง ทำให้ศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
จางเซวียนรู้สึกว่าเขาปีนป่ายขึ้นมาในแนวดิ่ง ซึ่งนั่นหมายความว่าหอเทพเจ้าจะต้องอยู่ข้างล่าง แต่เท่าที่เห็นในเวลานี้ ดูเหมือนหอเทพเจ้าจะอยู่เหนือศีรษะของเขา
เขามองไปรอบตัว เห็นห้องโถงขนาดใหญ่แห่งหนึ่งอยู่ด้านล่าง
หรือนั่นคือหอเทพเจ้าของปลอม?
จางเซวียนจดจำได้ในทันที
นั่นคือสถานที่ที่เขาถูกนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ 10 คนเล่นงานพร้อมๆกัน และปรมาจารย์ขงตัวปลอมช่วยชีวิตเขาไว้
“แปลว่าพระราชวัง 2 แห่งนี้เชื่อมโยงถึงกันและกัน…” จางเซวียนพลันเข้าใจ
เสาหินทั้งสองต้นเชื่อมต่อกับด้านบนสุดของหอเทพเจ้าของปลอม เขาเคยคิดว่ามันคงถูกสร้างไว้เพียงเพื่อความสวยงาม แต่กลับกลายเป็นว่าหอเทพเจ้าของปลอมไม่ใช่ปลายสุดของมัน
ถ้าเขาเดินทางต่อไปอีกหน่อย ก็น่าจะเข้าสู่หอเทพเจ้าของจริงได้
ปรมาจารย์ขงน่าจะกลับมาที่นี่…
จางเซวียนตาโต เขารีบปกปิดรังสีของตัวเองไว้ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าสู่หอเทพเจ้าของปลอม
ถ้าเขาคาดเดาไม่ผิด นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่เขาเคยต่อสู้ด้วยในครั้งนั้นล้วนแต่เป็นบริวารของปรมาจารย์ขงตัวปลอม หรือพูดอีกอย่าง หอเทพเจ้าของปลอมก็คือฐานที่มั่นหลักของอีกฝ่าย!
ดูเหมือนปรมาจารย์ขงตัวปลอมจะมุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อพยายามฝ่าด่านวรยุทธหลังจากได้รังสีสวรรค์ไปแล้ว
จางเซวียนรู้ว่าเขาต้องหาทางฉกฉวยรังสีสวรรค์กลับคืนมาให้ได้ ขอแค่เขาฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จ ศัตรูก็จะทำอันตรายเขาไม่ได้อีก
จางเซวียนลัดเลาะกำแพงหอเทพเจ้าของปลอมไปอย่างเงียบๆและเข้าไปในนั้น
บางที พวกหอเทพเจ้าคงคิดว่าไม่มีใครสามารถบากบั่นมาถึงที่นี่ หรือไม่ก็ไม่มีใครกล้าบุกเข้ามา แต่ไม่มีม้าเร็วคอยอารักขาเลย
จางเซวียนสำรวจพื้นที่โดยรอบอย่างระแวดระวัง
พระราชวังนี้กว้างใหญ่ไพศาล จางเซวียนกวาดสายตาไปโดยรอบอย่างรวดเร็วเพื่อหาที่ซ่อนของปรมาจารย์ขง ก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงฝีเท้า 2 ชุด
ชายสองคนพูดคุยกันขณะที่เดินเข้ามา
“หัวหน้าสั่งให้สังหารเธอ!”
ไม่มีคนนอกอยู่แถวนั้น ทั้งคู่จึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าความลับจะรั่วไหล
“สังหารเธอ?”
“ใช่ ก่อนหน้านี้เราต้องการตัวเธอให้มาร่ายมนต์เพื่อเปิดใช้งานแท่นบูชาและประกอบพิธีกรรม แต่ตอนนี้ ขอแค่หัวหน้าของพวกเราได้เป็นเทพเจ้า ก็จะทำทุกอย่างได้โดยไม่ต้องใช้แท่นบูชา ไม่สำคัญแล้วว่าเธอจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่…”
“จริงด้วย ทันทีที่หัวหน้าได้เป็นเทพเจ้า พวกเราจะต้องได้รับรางวัลอย่างงามแน่ ขอแค่เราทำตามคำสั่งของเขา ก็อาจมีโอกาสเข้าถึงระดับนั้นได้เหมือนกัน”
“อย่างนั้นหรือ? งั้นก็รีบจัดการเถอะ!”
เสียงสนทนาค่อยๆห่างออกไป
เปิดใช้งานแท่นบูชาและประกอบพิธีกรรม? พวกนั้นหมายถึงหัวหน้าตู้? จางเซวียนขมวดคิ้ว
เมื่อลองคิดดู ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นตู้ชิงหย่วนก็คือในห้องโถงแห่งนี้ ดูเหมือนเธอจะยังอยู่ที่นี่ และแน่นอนว่าน่าจะกำลังตกอยู่ในอันตราย
เราต้องช่วยชีวิตเธอก่อน แล้วค่อยทำอย่างอื่น จางเซวียนคิดพร้อมกับหรี่ตา
ด้วยการเคลื่อนไหวอย่างว่องไว เขาไปปรากฏตัวตรงหน้าชายทั้งคู่และกวัดแกว่งดาบถงซัง
ประกายเย็นเยียบแผ่ซ่านไปทั่วทั้งห้อง
พลั่ก! พลั่ก!
นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้งสองคนลงไปกองกับพื้นก่อนที่จะทันได้ตอบโต้ จางเซวียนรีบเก็บศพทั้งคู่เข้าสู่แหวนเก็บสมบัติของเขาทันที
เมื่อตอนที่เขายังเป็นแค่นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ ก็สามารถสังหารนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้ด้วยการฟาดฟันเพียงครั้งเดียว ในเมื่อตอนนี้เขาฝ่าด่านวรยุทธและทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จแล้ว การสังหารคู่ต่อสู้ที่มีวรยุทธระดับนั้นก็ไม่ได้เป็นเรื่องท้าทายอีกต่อไป จางเซวียนทำได้ในชั่วพริบตาโดยไม่ก่อให้เกิดคลื่นรบกวนของพลังจิตวิญญาณโดยรอบแม้แต่น้อย
หลังจากกำจัดทั้งคู่แล้ว จางเซวียนก็ปรับเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาให้เป็นหนึ่งในสองคนนั้นและเปลี่ยนเสื้อผ้า ด้วยสิ่งนี้ การปลอมตัวของเขาก็สมบูรณ์แบบ
จางเซวียนตั้งต้นเดินหน้าต่อไป
พระราชวังแห่งนี้กว้างใหญ่มาก แต่มีอยู่ไม่กี่ห้อง จางเซวียนพอคาดเดาได้ว่าตู้ชิงหย่วนถูกกักขังไว้ที่ไหนจากทิศทางที่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้งคู่มุ่งหน้าไป
ไม่ช้าเขาก็มาถึงห้องหนึ่งที่ถูกล็อคไว้ ด้วยการสะบัดข้อมือ จางเซวียนนำกุญแจดอกหนึ่งที่ดึงมาจากนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์และเปิดประตูได้โดยไม่เกิดความยุ่งยากใดๆ
ในห้องนั้น เขาเห็นสุภาพสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ที่ใจกลางห้อง สองมือและสองขาถูกพันธนาการไว้ ทำหน้าที่สกัดกั้นการเคลื่อนไหวของเธอ ผมเผ้าของอีกฝ่ายยุ่งเหยิง สีหน้าอ่อนล้า รังสีที่แผ่ออกมาก็อ่อนระโหยโรยแรงมาก
ดูเหมือนเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส
เห็นเขาเข้าไป ตู้ชิงหย่วนเงยหน้ามอง ดูเหมือนเธอกำลังพยายามสั่นคลอนความมุ่งหมายของปรมาจารย์ขง
“เขาสั่งให้คุณมาฆ่าฉันใช่ไหม?” ตู้ชิงหย่วนตั้งคำถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เธอพอรู้อยู่แล้วว่าชะตากรรมแบบไหนรอคอยเธออยู่
แทนที่จะตอบคำถาม จางเซวียนปิดประตูให้สนิทก่อนจะเดินเข้าไปช้าๆ
“ในเมื่อเขาจงใจทำลายแท่นบูชา ก็หมายความว่าตัวฉันไม่มีค่าอะไรกับเขาแล้ว” ตู้ชิงหย่วนพึมพำ
แท่นบูชาเป็นของล้ำค่าที่เธอซึมซับไว้ จึงเป็นธรรมดาที่จะรับรู้ได้ว่ามันถูกทำลาย
จางเซวียนรู้ว่าเหตุผลที่ปรมาจารย์ขงนำตัวตู้ชิงหย่วนมาก็เพื่อใช้ประโยชน์จากแท่นบูชาของเธอ ดังนั้น เหตุผลเดียวที่ตู้ชิงหย่วนพอจะคิดออกสำหรับการที่ปรมาจารย์ขงปล่อยให้แท่นบูชาถูกทำลายก็คืออีกฝ่ายพบวิธีบรรลุเป้าหมายของตัวเองแล้วโดยไม่ต้องใช้แท่นบูชา
เบี้ยหมากรุกที่ไร้ค่าย่อมถูกเขี่ยทิ้ง
“ไม่นึกเลยว่าฉันจะพบจุดจบแบบนี้…” ตู้ชิงหย่วนมองเหม่อ ความสิ้นหวังปรากฏในดวงตาของเธอ
เธอนึกภาพไม่ออกว่าเมื่อไม่มีเธอแล้วตำหนักคว้าดาวจะเป็นอย่างไร ศิษย์สายตรงของเธอยังไม่พร้อมจะรับผิดชอบภาระของหัวหน้าตำหนักคว้าดาวคนใหม่ และแม้เจียงเหยาจะสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้ว พละกำลังของอีกฝ่ายก็ยังอ่อนด้อยกว่านักรบผู้คร่ำหวอดช่ำชอง
ตำหนักคว้าดาวกำลังตกที่นั่งลำบาก หอเทพเจ้าสมรู้ร่วมคิดกับหอนิรันดร์ และมีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะถอนรากถอนโคน 6 สำนักใหญ่เร็วๆนี้ เพื่อจะได้กุมอำนาจและบงการทั้งทวีปที่ถูกลืม
ความอ่อนแอเพียงเล็กน้อยในช่วงเวลาแบบนี้ย่อมหมายถึงความตาย
ก็เพราะเหตุผลดังกล่าว เธอจึงเลือกไว้ใจและฝากความหวังไว้กับบุคคลที่ไม่มีใครรู้จัก-จางเซวียน เธอหวังว่าชายหนุ่มผู้สามารถสร้างปาฏิหาริย์มากมายจะช่วยปกป้องตำหนักคว้าดาวได้แม้ไม่มีเธออยู่
แต่สุดท้าย เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองตัดสินใจถูกหรือไม่ จางเซวียนจะเต็มใจปกป้องตำหนักคว้าดาวหรือเปล่า?
เธอเกลียดการที่ตัวเองขัดสนจนปัญญาแบบนี้ และยิ่งเจ็บปวดเมื่อนึกภาพโศกนาฏกรรมที่อาจเกิดขึ้นกับตำหนักคว้าดาวที่ปราศจากเธอ
ตู้ชิงหย่วนหลับตาครู่หนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอลุกขึ้นยืน จัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ใช้นิ้วสางผมก่อนจะเสียบปิ่นปักผมให้เข้าที่เข้าทาง
จากนั้นก็จ้องหน้าชายที่เพิ่งเข้ามาและพูดว่า “ต่อให้ฉันต้องตาย ก็ขอตายอย่างมีเกียรติ”
ขณะที่รอให้อีกฝ่ายโจมตี เสียงสุขุมนุ่มลึกก็ดังขึ้น “เราพบกันเป็นครั้งที่สองแล้วใช่ไหม หัวหน้าตู้?”
ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอเปลี่ยนสภาพกลายเป็นชายหนุ่มอายุราว 20 ต้นๆต่อหน้าต่อตา
“จางเซวียน?”
ตู้ชิงหย่วนตัวแข็ง จากนั้นก็เริ่มตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น
เธอได้ยินเรื่องของชายผู้นี้เป็นครั้งแรกจากปากของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ
ในตอนนั้น ตู้ชิงหย่วนรู้สึกว่าเรื่องนี้แสนจะพิลึกพิลั่น ชายหนุ่มจากโลกเบื้องล่างจะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณและกลายเป็นคนรักของเธอได้อย่างไร?
แต่ไม่ช้าตู้ชิงหย่วนก็ได้รับเสียงเรียกจากอำมาตย์เฉินหย่ง จึงลงไปยังโลกเบื้องล่างด้วยตัวเอง เธอได้พบกับชายหนุ่มเป็นครั้งแรกในตอนนั้น ซึ่งก็ไม่เห็นความน่าประทับใจใดๆในตัวเขา แต่การตัดสินใจของเขาทำให้เธอพอใจ จึงพาหวู่เฉินกลับขึ้นมายังมิติเบื้องบนและเยียวยารักษาอีกฝ่าย
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ได้ข่าวว่าจางเซวียนมาถึงทวีปที่ถูกลืม และภายในเวลาไม่กี่วัน ก็กลายเป็นเจ้าสำนักดาบเมฆเหิน ไม่มีคำไหนจะบรรยายความอัศจรรย์ใจของเธอตอนที่รู้ข่าวนั้นได้
เธอเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมชายหนุ่มถึงเข้าตาเทพเจ้าแห่งวิญญาณ
ตู้ชิงหย่วนตั้งใจเดินทางไปเยือนสำนักดาบเมฆเหินเพื่อขอพบจางเซวียน แต่เขาออกจากสำนักไปแล้ว เธอทิ้งหวู่เฉินไว้ที่สำนักดาบเมฆเหินก่อนจะกลับมาที่ตำหนักคว้าดาวตามลำพัง
หลังจากนั้นไม่นาน เหล่านักรบของหอเทพเจ้าก็บุกตำหนักคว้าดาวและเรียกร้องให้เธอส่งมอบแท่นบูชาให้พวกเขา รู้ดีว่าไม่อาจรับมือกับอีกฝ่ายได้ ตู้ชิงหย่วนจึงทิ้งเจตจำนงไว้ก่อนจะหลบหนีไปพร้อมกับแท่นบูชา ใครจะไปคิดว่าหัวหน้าขงคนนั้นจะหาตัวเธอพบ?
สุดท้ายเธอก็ถูกจับและนำตัวมากักขังไว้ที่นี่
ตู้ชิงหย่วนคิดว่าที่นี่คงเป็นจุดจบของเธอแล้ว ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะได้เห็นจางเซวียนที่ปลอมตัวเป็นหนึ่งในนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ของที่นี่
ชายหนุ่มยิ้มให้ จากนั้นก็ชักดาบออกมาและพูดว่า “หัวหน้าตู้ ผมขอรบกวนให้คุณถอยไปก้าวหนึ่ง”
รู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาของการรำลึกอดีตและซักไซ้เรื่องราวใดๆ ตู้ชิงหย่วนจึงถอยไปก้าวหนึ่งและยกแขนขึ้น
ชายหนุ่มสูดหายใจลึก จากนั้นก็กวัดแกว่งดาบ
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
เกิดเสียงเคร้งจากการกระทบกันของโลหะ 4 ครั้ง
พันธนาการที่ร้อยรัดข้อมือและข้อเท้าของเธอร่วงลงไปกองกับพื้น
แม้พันธนาการเหล่านั้นจะไม่ใช่ของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แต่การที่มันสามารถกักขังนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ไว้ได้ก็หมายความว่ามีความแข็งแกร่งไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้น จางเซวียนก็ใช้พละกำลังของเขาทำลายมันได้อย่างง่ายดาย
หลังจากตัดโซ่ ชายหนุ่มยื่นขวดหยกใบหนึ่งให้เธอ “ดื่มเสีย!”
ตู้ชิงหย่วนรีบเปิดจุกขวดหยกและดื่มสิ่งที่อยู่ในนั้นลงไป ครู่ต่อมาก็ตาโตด้วยความประหลาดใจ
เธอรู้ดีว่าตัวเองบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน และในเมื่ออายุขัยของเธอก็ใกล้สิ้นสุดเต็มที จึงคิดว่าวรยุทธของตัวเองคงเสียหายเป็นการถาวรแน่ ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีพลังชีวิตมากพอจะฟื้นคืนสภาพเดิมได้อีก แต่น้ำเพียงขวดเดียวสามารถเยียวยาอาการบาดเจ็บทั้งหมดของเธอจนหายดีและกลับมีพละกำลังดังเดิม
ตู้ชิงหย่วนมองจางเซวียนอย่างอัศจรรย์ใจ แต่อีกฝ่ายส่ายหัวและพูดว่า “ไม่มีเวลาอธิบายนะ ตามผมมา!”
“ได้” ตู้ชิงหย่วนพยักหน้า