Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2144 ระวังตัวด้วย!
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2144 ระวังตัวด้วย!
ตอนที่ 2144 ระวังตัวด้วย!
“พิธีกรรม?”
“ฉันเชื่อว่าอักษรจารึกพวกนี้ถูกจารึกด้วยเลือดสดๆ เป็นไปได้ว่าเมืองนี้ถูกขับออกจากสรวงสวรรค์ตอนที่พวกเขากำลังอยู่ระหว่างการประกอบพิธีกรรมขนาดใหญ่” ตู้ชิงหย่วนแจกแจงการวิเคราะห์ของเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ฮะ…” จางเซวียนใจเต้นตึกตัก
โดยทั่วไป การประกอบพิธีกรรมจะใช้ของล้ำค่าและทรัพย์สมบัติต่างๆเป็นเครื่องบรรณาการ แต่พิธีกรรมบางอย่างที่โหดร้ายจะต้องใช้ชีวิตผู้คนและเลือดสดๆ ถึงจะดำเนินการได้สำเร็จ
ในครั้งนั้น อำมาตย์เฉินหลิงสังหารลูกน้องของเขาไปกว่าแสนคนเพื่อเรียกเทพเจ้าจากมิติเบื้องบนลงมาให้ช่วยเยียวยาอาการบาดเจ็บของเขา
หรือว่า…ใครสักคนกำลังพยายามทำแบบนั้น?
คงจะง่ายเกินไปหากสรุปว่าเหตุการณ์ที่เมืองนี้ถูกขับเกิดขึ้นโดยบังเอิญระหว่างการประกอบพิธีกรรม เป็นไปได้ว่าทั้งเมืองน่าจะถูกสรวงสวรรค์ปฏิเสธหลังจากจับได้ว่าพวกเขาประกอบพิธีกรรมอันโหดเหี้ยม
แต่พิธีกรรมที่ใช้การสังเวยชีวิตย่อมมีพละกำลังมาก ยากจะจินตนาการได้ว่าต้องใช้พลังมากมายมหาศาลขนาดไหนถึงขับทั้งเมืองออกจากสรวงสวรรค์ในระหว่างการประกอบพิธีกรรมได้
“ขอแค่เราเจอจุดศูนย์กลางของพิธีกรรม ก็น่าจะพบต้นกำเนิดของบรรยากาศเสื่อมถอย” ตู้ชิงหย่วนพูด
เธอใช้พลังปราณกวาดเศษอิฐหินดินทรายที่อยู่ในรัศมี 100 เมตร เผยให้เห็นประตูสีดำขนาดใหญ่อยู่ด้านล่าง
“ประตูนี้อยู่บริเวณใจกลางของอักษรจารึก เข้าไปดูข้างในกันเถอะ” ตู้ชิงหย่วนพูดขณะเดินตรงไปผลักประตู
เธอกำลังจะเข้าไป แต่จู่ๆจางเซวียนก็ห้ามไว้
เขาสูดหายใจลึกและเดินเข้าไปก่อน
ดูเหมือนวิหารนี้จะกินพื้นที่บริเวณใต้ดินด้วย ทุกอย่างที่อยู่ด้านบนพังทลายไปหมดแล้ว แต่พื้นที่ด้านล่างยังอยู่ในสภาพดีตลอดหลายปีที่ผ่านมา บ่งบอกว่ามันถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา
ฟิ้ววววว!
ทันทีที่เข้าไป จางเซวียนพลันรู้สึกถึงกระแสดาบฉีนับไม่ถ้วนที่พุ่งเข้าใส่ เขากวัดแกว่งดาบถงซังอย่างว่องไว ปัดป้องกระแสดาบฉีโดยรอบออกไปได้ทั้งหมด
หัวใจเส้นด้ายสอดประสานพันปม!
รู้ดีว่ามีอันตรายมากมายอยู่ในเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลาย จางเซวียนจึงไม่ยั้งมือ
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
ร่างสีดำจำนวนหนึ่งเลือนหาย กลายเป็นเงามืด
“พวกมันคืออสูรเสื่อมถอยเช่นกัน แต่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าที่เราเคยเจอด้านบน…” ตู้ชิงหย่วนตั้งข้อสังเกตด้วยเสียงแหบพร่า
จางเซวียนพยักหน้า
อสูรเสื่อมถอยเหล่านี้ไม่ต่างจากลำแสงที่อ้อยอิ่งอยู่ในความมืดยามค่ำคืน พร้อมจะงาบเหยื่อที่กล้าเข้ามาในอาณาบริเวณของพวกมัน
ตลอดทางที่ผ่านมา จางเซวียนสังหารอสูรเสื่อมถอยไปแล้วมากมาย ซึ่งพวกมันมีวรยุทธแค่อมตะขั้นสูง แต่ก็น่าประหลาดใจที่กลุ่มที่เขาเพิ่งเจอมีวรยุทธถึงขั้นกึ่งสรวงสวรรค์
ถ้าเป็นคนอื่น คงไม่อาจเอาชีวิตรอดได้ตั้งแต่การโจมตีครั้งแรก ทั้งร่างคงสูญสลายจนเหลือแต่กระดูก
“ดูเหมือนบรรยากาศเสื่อมถอยจะมาจากที่นั่น…” ตู้ชิงหย่วนชี้นิ้วไปอย่างร้อนใจ
จางเซวียนมองตาม เขาเห็นรอยแยกสีดำรวมตัวกันที่บริเวณใจกลางห้องใต้ดิน
จางเซวียนเดินหน้าเข้าไปอย่างระมัดระวัง
มีแท่นบูชาขนาดเล็กอยู่เหนือบริเวณที่เป็นต้นกำเนิดของรอยแยกสีดำเหล่านั้น
“เอ่อ…” จางเซวียนชะงัก
แม้มันจะมีขนาดเล็ก แท่นบูชาอันนี้ก็ไม่ต่างกับแท่นบูชาของตำหนักคว้าดาว ความแตกต่างเดียวก็คือแท่นบูชาที่อยู่ตรงหน้าดูจะมีระดับขั้นสูงกว่า
ถ้าแท่นบูชาที่หวู่เฉินใช้มาจากทวีปที่ถูกลืมและอันที่ตู้ชิงหย่วนใช้มาจากมิติเบื้องบน แท่นบูชาที่อยู่ตรงหน้าเขาก็จะต้องมาจากสรวงสวรรค์!
จางเซวียนดูไม่ออกว่ามันทำจากอะไร แต่ทั้งๆที่ถูกกลบฝังมาหลายพันปี ก็ยังดูไม่ทรุดโทรมสักนิด อันที่จริง มันแทบจะเรืองแสงออกมาเสียด้วยซ้ำ
“หรือว่า…” ตู้ชิงหย่วนกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น
มีเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้เมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายมีแท่นบูชาที่แทบจะเหมือนกันเป๊ะกับของล้ำค่าสำหรับการอารักขาของตำหนักคว้าดาว เรื่องนี้ออกจะทำใจให้เชื่อได้ยาก แต่หลักฐานที่เห็นอยู่ก็นำไปสู่ทิศทางนั้น
น่าจะเป็นอย่างที่เธอได้ฟังจากหัวหน้าตำหนักคว้าดาวคนก่อน เป็นไปได้ว่าประชากรบนเกาะคว้าดาวมีต้นกำเนิดจากสรวงสวรรค์จริงๆ
“สิ่งที่เขาพูดน่าจะเป็นเรื่องจริง…” จางเซวียนพยักหน้ารับ
ในตอนนั้น หลังจาก ‘ช่วยชีวิต’ เขา ปรมาจารย์ขงตัวปลอมก็อธิบายเรื่องต้นกำเนิดของทั้ง 6 สำนักใหญ่ เขาบอกไว้ว่าผู้ที่อาศัยอยู่บนเกาะคว้าดาวนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นเหล่าเทพเจ้าที่ถูกเนรเทศ
เห็นความสับสนของตู้ชิงหย่วน จางเซวียนเล่าเรื่องที่เขาได้ฟังจากปรมาจารย์ขงตัวปลอมให้เธอรับรู้
ตู้ชิงหย่วนส่ายหน้า “ข้อมูลนี้อาจถูกถ่ายทอดกันมาปากต่อปากจากหัวหน้าตำหนักแต่ละรุ่น ฉันไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเป็นจริงได้ แต่คราวนี้…”
อีก 5 สำนักใหญ่ของทวีปที่ถูกลืมต่างก็กล่าวอ้างว่าพวกเขาคือเหล่าเทพเจ้าที่ถูกเนรเทศ และเมื่อเวลาผ่านไป เรื่องโกหกเหล่านั้นก็ได้รับการเชื่อถือเป็นจริงเป็นจัง
ไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่าเรื่องโกหกพวกนั้นแพร่กระจายออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่และเพราะอะไร แต่วันเวลาก็ล่วงเลยไปเนิ่นนานเกินกว่าจะสืบเสาะหาความจริง
แต่ตอนนี้ ทุกอย่างได้กลายเป็นข้อเท็จจริงที่เชื่อถือกันทั่วไปในทวีปที่ถูกลืม ไม่มีใครพยายามตั้งคำถามถึงความถูกต้องของมันอีก
ต่อให้จางเซวียนเปิดเผยเรื่องจริงต่อทุกคนในมิติเบื้องบน ก็คงมีผู้คนเพียงน้อยนิดที่เชื่อถือคำพูดของเขา
แต่ก็นั่นแหละ ตอนนี้เรื่องจริงไม่มีความหมายอีกต่อไป เพราะไม่มีใครในทวีปแห่งปรมาจารย์ที่สามารถเข้าถึงระดับของเทพเจ้า เรื่องโกหกเหล่านั้นจึงไม่ใช่อะไรที่มากไปกว่าคำพูดที่มีไว้ปลอบประโลมจิตใจ
จางเซวียนเดินตรวจรอบๆแท่น แต่ก็ยังไม่พบอะไรผิดสังเกต เขาถอนหายใจอย่างจนปัญญา “ดูเหมือนที่นี่ไม่มีอย่างอื่นนอกจากแท่นบูชา ถึงมันจะถูกวางไว้บริเวณใจกลางพิธีกรรม แต่ก็ไม่น่าจะเป็นต้นกำเนิดของบรรยากาศเสื่อมถอย”
ออกจะแปลกอยู่สักหน่อยที่บรรยากาศของการเสื่อมถอยเบาบางลงทันทีเมื่อมาถึงบริเวณรอบๆแท่นบูชา ถ้าเขาไม่รู้แน่ชัดว่าตัวเองอยู่ในเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลาย คงเข้าใจว่าถูกส่งทะลุมิติกลับไปยังมิติเบื้องบนด้วยวิธีใดสักอย่าง
แต่ตู้ชิงหย่วนเห็นต่างกับจางเซวียน “จะต้องมีเหตุผลที่ทำให้แท่นบูชาถูกวางไว้ที่นี่ ฉันคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงทีเดียวแหละที่รังสีสวรรค์จะอยู่ตรงนี้”
“อย่างนั้นหรือ?”
“ในเมื่อแท่นบูชาอันนี้เหมือนกับที่เรามีในตำหนักคว้าดาว ฉันจะลองดูว่าจะใช้สายเลือดของฉันซึมซับมันได้หรือไม่”
ตู้ชิงหย่วนใช้กระแสดาบฉีเฉือนข้อมือของเธอก่อนจะหยดเลือดลงไปบนรอยแยกสีดำที่อยู่บริเวณรอบๆพิธีกรรม
เลือดสดๆไหลไปตามรอยแยกสีดำนั้น ไม่นานก็กลายเป็นสีแดงก่ำ หลังจากนั้น ค่ายกลก็ดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมา ลำแสงเจิดจ้าพุ่งออกไป
ครืนนนนน!
แท่นบูชาเริ่มสั่นสะท้าน
ตู้ชิงหย่วนหน้าซีด แต่ก็ยังปล่อยให้เลือดไหลเป็นทางจากข้อมือ เมื่อใช้เลือดของเธอเป็นเครื่องบรรณาการ ลำแสงนั้นเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อไหร่ก็ตามที่บาดแผลของเธอเริ่มแห้ง ตู้ชิงหย่วนก็จะใช้เล็บสะกิด เธอสร้างบาดแผลไว้บนข้อมือของเธอถึง 3 รอย
โชคดีที่บริเวณนี้แทบไม่มีบรรยากาศของการเสื่อมถอย ไม่อย่างนั้นเธอคงเหลือแต่กระดูกเสียก่อนที่จะได้ใช้หยดเลือด
ฟึ่บ!
ขณะที่ตู้ชิงหย่วนใกล้หมดความอดทน แท่นบูชาก็สว่างเจิดจ้าขึ้นทันที
จางเซวียนกับตู้ชิงหย่วนเกิดความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคย ก่อนจะรู้ตัวว่าถูกส่งทะลุมิติไปยังอีกพื้นที่หนึ่งที่มืดมิดกว่าเดิม
ทั่วทั้งบริเวณถูกปกคลุมด้วยหมอกหนา บดบังทัศนียภาพ
“ระวังตัวด้วย!”
จางเซวียนรีบป้อนซุปไก่ขวดหนึ่งให้ตู้ชิงหย่วนพร้อมกับยาเม็ดอมตะมหัศจรรย์ สุดท้ายเธอก็ฟื้นตัวจากความอ่อนเพลีย
ดูเหมือนพวกเขาร่วงลงมาอยู่ในถ้ำลึก มีกลิ่นที่ไม่คุ้นเคยอบอวลอยู่ในอากาศ
“เรายังอยู่ในเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายหรือเปล่า?” ตู้ชิงหย่วนตั้งคำถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
จางเซวียนตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ผมก็ไม่รู้ แต่ผมคิดว่าเราน่าจะมาถึงต้นกำเนิดของบรรยากาศเสื่อมถอยแล้วล่ะ”
เขารู้สึกได้ถึงพละกำลังมหาศาลอันน่าสะพรึงที่อบอวลอยู่ในพื้นที่มืดมิดที่พวกเขายืนอยู่
อย่าว่าแต่พละกำลังที่มีอยู่ตอนนี้ จางเซวียนรู้สึกว่าต่อให้เขากลายเป็นเทพเจ้า ก็คงรับมือกับพละกำลังระดับนี้ไม่ไหว
การที่เขารู้สึกถึงความกดดันหนักหน่วงย่อมหมายความว่ามีเทพเจ้าตัวจริงซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางความมืดมิดแห่งนี้ เหมือนกับที่พวกเขาเคยรู้มาก่อน
“ผมหิว ผมหิว ผมอยากกิน…” เสียงเล็กๆดังก้องในหัวของจางเซวียน
มันคือไก่น้อย
“หุบปากเถอะ” จางเซวียนตอบด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
พวกเขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าอะไรสักอย่างที่แสนจะน่าพรั่นพรึง แต่ทั้งหมดที่ไก่น้อยตัวนี้คิดได้คือเรื่องกิน…จะมีอะไรน่าเบื่อน่ารำคาญกว่านี้ได้อีกไหม?
เขาไม่เคยพบเทพเจ้าตัวจริงมาก่อน แต่แม้คนระดับไอ้โหดก็ยังฟื้นคืนชีพได้หลังจากถูกสังหารไปแล้ว ไม่ว่าสิ่งที่รอคอยอยู่ในความมืดแห่งนี้จะตายไปแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่ อีกฝ่ายก็คือผู้ที่เก่งกาจขนาดที่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อย่างตัวเขาก็ไม่อาจเอาชนะได้
“แต่ผมหิวนี่…” ไก่น้อยร่ำร้อง
“กินยาเม็ดอมตะมหัศจรรย์พวกนี้รองท้องไปก่อน” จางเซวียนพูดขณะโยนยาเม็ดอมตะมหัศจรรย์ขวดหนึ่งเข้าไปในกระสอบอสูร
ไก่น้อยเดินเตาะแตะเข้ามาอย่างดีอกดีใจ ก่อนจะเก็บมันไป
เมื่อเห็นว่าตอนนี้ไก่น้อยคงไม่วุ่นวายแล้ว จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินลึกเข้าไปพร้อมกับตู้ชิงหย่วน
ป้ายหินฝังศพขนาดใหญ่ปรากฏตรงหน้า
มีถ้อยคำจารึกอยู่บนนั้น มันแผ่รังสีสง่างามออกมา ทำให้ผู้พบเห็นไม่กล้าเดินเข้าไป
จางเซวียนตั้งต้นพิจารณาป้ายหินฝังศพ
อักษรจารึกบนป้ายหินฝังศพนั้นเหมือนกับที่สะพานเบื้องบน ทำให้แทบไม่เข้าใจความหมายของมัน
“นะ-นี่…”
ตู้ชิงหย่วนที่อยู่ข้างตัวเขาสั่นสะท้านขึ้นมาทันที
“คุณอ่านคำพวกนี้ออกหรือ?” จางเซวียนขมวดคิ้ว
ตู้ชิงหย่วนพยักหน้า สีหน้าซีดเผือด เสียงของเธอสั่นเครือ “มันอ่านว่า…หลุมฝังศพของราชันย์ผู้ไม่มีวันตาย!”
“หลุมฝังศพของราชันย์ผู้ไม่มีวันตาย?” จางเซวียนผงะ
“ว่ากันว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญผู้ทรงพลังที่สุดคนหนึ่งของสรวงสวรรค์ อยู่คู่สรวงสวรรค์กับโลก เขาคือผู้ที่ไม่มีใครสังหารเขาได้ ว่าแต่…เขาตายแล้วจริงๆหรือ?” ตู้ชิงหย่วนแทบไม่เชื่อ
“อยู่คู่สรวงสวรรค์กับโลก?” จางเซวียนหรี่ตา
เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ตู้ชิงหย่วนพูดเป็นความจริงหรือไม่ แต่ลำพังแค่ชื่อของอีกฝ่าย ‘ราชันย์ผู้ไม่มีวันตาย’ ก็บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งและความเก่งกาจของเขาแล้ว
แล้วชายผู้ได้รับการขนานนามว่า ‘ไม่มีวันตาย’ ต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่…
เกิดอะไรขึ้นกับเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายกันแน่?