Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2165 การจัดอันดับของเทพเจ้าสวรรค์สร้าง?
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2165 การจัดอันดับของเทพเจ้าสวรรค์สร้าง?
ตอนที่ 2165 การจัดอันดับของเทพเจ้าสวรรค์สร้าง?
“แค่ก แค่ก! ไม่เป็นไร ผมไม่ถือหรอก” จางเซวียนส่ายหน้า
เขาตั้งคำถามอีก 2-3 ข้อ ซึ่งก็โชคดีที่โม่หย่วนเป็นคนตรงไปตรงมาและพร้อมจะแบ่งปันทุกเรื่องที่ตัวเองรู้ ไม่ช้า จางเซวียนก็พอเข้าใจสถานการณ์ในสรวงสวรรค์ได้อย่างคร่าวๆ
แน่นอนว่าสรวงสวรรค์มีผู้เชี่ยวชาญอยู่มากมาย แต่เรื่องนี้มาพร้อมกับความถดถอยครั้งใหญ่…โลกที่เต็มไปด้วยผู้คนที่แข็งแกร่งมักไม่ค่อยใส่ใจระเบียบและกฎหมาย
ในโลกที่มีความเหลื่อมล้ำของพละกำลังอยู่มากมาย ผู้แข็งแกร่งกว่ามักทำอะไรได้ตามอำเภอใจ ขณะที่ผู้อ่อนแอจะต้องเก็บตัวอยู่ภายในพื้นที่ที่ปลอดภัยหลังกำแพงเมือง ไม่กล้าออกไปสำรวจอะไรให้มากนักเพราะเกรงจะต้องเผชิญหน้ากับเหล่ากองโจร
แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับสถานที่ที่อยู่นอกเมืองเท่านั้น หากเป็นภายในเมือง ต่อให้ผู้ที่แข็งแกร่งก็ต้องทำตามกฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับ เพราะเจ้าเมืองแต่ละคนมีพละกำลังและอำนาจสูงสุดในดินแดนที่พวกเขาดูแลอยู่
อย่างเมืองตะวันรอน เจ้าเมืองอู๋ฟังชิงคือผู้เชี่ยวชาญระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้าง เขาขึ้นชื่อเรื่องการมีแขนเหล็กที่ทำให้ปัดป้องการโจมตีจากหอกและดาบได้อย่างง่ายดาย และเคยทำสถิติกำจัดกองโจรถึง 18 กลุ่มได้ด้วยมือเปล่า ทำให้เป็นนักรบที่แข็งแกร่งจนไม่มีใครยับยั้งได้
ประชากรทุกคนที่พำนักอยู่ในเมืองตะวันรอนจะต้องทำตามกฎเกณฑ์ที่เขาตั้งไว้ ใครก็ตามที่ฝ่าฝืน จะต้องรับผลจากการกระทำของตัวเอง
กฎเกณฑ์ที่ตั้งขึ้นโดยผู้ที่แข็งแกร่งกว่าจะต้องได้รับการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ผู้ฝ่าฝืนจะต้องลงเอยด้วยการถูกสังหารและริบรังสีสวรรค์กลับคืน
นี่คือกลไกการทำงานของสรวงสวรรค์ จะเรียกว่าเป็นการรวบอำนาจโดยเบ็ดเสร็จเด็ดขาดก็ไม่ใช่เสียทีเดียว แต่ก็เห็นได้ชัดว่าโลกใบนี้ให้คุณค่ากับความแข็งแกร่งและพละกำลัง
“อาจารย์โม่หย่วน คุณเล่าเรื่องจอมราชันย์พิชิตสวรรค์ให้ฉันฟังอีกหน่อยได้ไหม?” หวังหยิ่งถาม นัยน์ตาของเธอเปี่ยมด้วยความอยากรู้
เธอเองก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ
“จอมราชันย์พิชิตสวรรค์คือนักรบผู้ทรงพลังที่ปรากฏตัวขึ้นเมื่อหลายทศวรรษก่อน เขามีชื่อเสียง ตั้งแต่เมื่อ 40 ปีที่แล้ว หลังจากที่ตัวเขาซึ่งเป็นเทพเจ้าขั้นสูงต่อสู้และเอาชนะเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำถึง 8 คนได้สำเร็จ การต่อสู้ครั้งนั้นทำให้เขาขึ้นเป็นสุดยอดในการจัดอันดับของเทพเจ้าสวรรค์สร้าง” โม่หย่วนอธิบายอย่างตื่นเต้น
เท่าที่เห็น ดูเหมือนเขาชื่นชมยกย่องจอมราชันย์พิชิตสวรรค์อยู่มาก
“การจัดอันดับของเทพเจ้าสวรรค์สร้าง?”
“ทั้งเก้าเวหาจะมีการจัดอันดับของเทพเจ้าสวรรค์สร้าง ซึ่งบอกรายละเอียดและศักยภาพของนักรบแต่ละคนในดินแดนของพวกเขา ผู้ที่ติด 1 ใน 10 อันดับแรกจะได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง ส่วนผู้ที่ติด 1 ใน 3 ก็มีโอกาสที่ในท้ายที่สุดจะได้เป็นราชันย์เทพเจ้า ด้วยเหตุนี้ นักรบมากมายจึงพยายามไขว่คว้าดิ้นรนให้ชื่อของตัวเองติดโผของการจัดอันดับให้ได้ ขอแค่ได้อยู่ใน 10 อันดับแรก ก็จะได้รับทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธชั้นดีที่สุดของสำนักนั้น เป็นหนทางที่นำไปสู่การประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่” โม่หย่วนตอบ
ด้วยความขาดแคลนทรัพยากรของสรวงสวรรค์ สำนักต่างๆและกลุ่มอำนาจส่วนใหญ่จึงเลือกบ่มเพาะเฉพาะนักรบที่มีความปราดเปรื่องเหนือชั้นกว่าใคร ดังนั้น การจัดอันดับดังกล่าวจึงเป็นสิ่งที่นักรบมากมายพยายามสุดตัวที่จะติดโผให้ได้
การจัดอันดับคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้พวกเขาได้ทรัพยากรมากพอสำหรับการยกระดับวรยุทธ
สิ่งนี้เหมือนกับกลไกการทำงานของอาณาจักรคุนฉื่อ
“หลังจากจอมราชันย์พิชิตสวรรค์ก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งของการจัดอันดับเทพเจ้าสวรรค์สร้าง ความก้าวหน้าของเขาก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ภายในไม่ถึง 1 ปี เขาก็เข้าถึงขั้นราชันย์เทพเจ้า หลังจากนั้น กระแสพลังจิตวิญญาณก็ทำให้เขาประสบความสำเร็จในวีรกรรมที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน จน 7 จอมราชันย์พร้อมใจกันยกย่องให้เขาเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ”
“ไม่ถึง 1 ปีหลังจากนั้น เขาเริ่มต้นท้าทายเก้าจอมราชันย์ ตอนแรกทุกคนพากันคิดว่าเขาเสียสติไปแล้ว แต่กลับตรงกันข้ามกับที่ใครๆคิดไว้ เขาเอาชนะการดวลนัดแรกได้ และในทศวรรษต่อมา เขาก็ท้าทายจอมราชันย์คนแล้วคนเล่า ซึ่งเท่าที่ผมรู้ ดูเหมือนจอมราชันย์เพียงคนเดียวที่เขายังไม่ได้ท้าทายก็คือจอมราชันย์แห่งน่านฟ้าใจกลางเสรี พูดกันตามตรงนะ ผลการดวลไม่ได้ถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการก็จริง แต่การที่จอมราชันย์คนอื่นๆยอมรับตัวตนของจอมราชันย์พิชิตสวรรค์ ก็หมายความว่าพวกเขาน่าจะแพ้ดวล” โม่หย่วนกระซิบกระซาบ
แม้จะมีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับเก้าจอมราชันย์เก้าเวหา แต่ซุบซิบให้น้อยเข้าไว้ก็ย่อมดีที่สุด ความประมาทเลินเล่ออาจทำให้เขาต้องแลกด้วยชีวิต
“เขาท้าทายจอมราชันย์ทั้งแปดทีละคน…”
การได้ฟังเรื่องราวทำให้จางเซวียนเลือดพล่าน
สมแล้วที่เป็นปรมาจารย์ขง! ไม่ว่าอยู่ในโลกใบไหน ก็จะตะเกียกตะกายไขว่คว้าจนขึ้นถึงความเป็นสุดยอดจนได้
“ไม่ทราบว่าผมจะขอฟังรายละเอียดของจอมราชันย์แห่งน่านฟ้าใจกลางเสรีอีกหน่อยได้ไหม?” จางเซวียนถาม “ผมอยากรู้ว่าทำไมจอมราชันย์พิชิตสวรรค์ถึงยังไม่ท้าทายเขา”
แม้คนอื่นจะไม่รู้ผลการดวล แต่ในฐานะที่เป็นจอมราชันย์ จอมราชันย์แห่งน่านฟ้าใจกลางเสรีย่อมรู้ดีว่าผลการดวลออกมาอย่างไร จึงออกจะแปลกอยู่สักหน่อยที่เขาไม่ทำอะไรเพื่อเป็นการตอบโต้
หรือว่าจอมราชันย์แห่งน่านฟ้าใจกลางเสรีไม่กล้าสู้กับจอมราชันย์พิชิตสวรรค์ หลังจากรู้ข่าวความพ่ายแพ้ของจอมราชันย์คนอื่นๆ?
“บอกตามตรงนะ ผมไม่รู้หรอก เก้าจอมราชันย์เป็นศูนย์กลางของสรวงสวรรค์ พวกเขาคือจอมราชันย์ที่ไร้เทียมทานที่สุด ทั้งยังลึกลับที่สุดด้วย ข้อมูลของพวกเขามีน้อยมาก ทั้งเพศ อายุ ชื่อ และสมญานามก็ล้วนแต่เป็นความลับ เนิ่นนานจนแทบจำความไม่ได้แล้วที่ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้าไปแตะต้องน่านฟ้าใจกลางเสรี และนั่นคือข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุดในเรื่องพละกำลังของจอมราชันย์”
ถึงตอนนี้ โม่หย่วนพลันรู้สึกตัวว่าพูดมากไป เขายิ้มแหยๆ จากนั้นก็โบกมือ “คุยกันแค่นี้ก็พอ พวกเราเป็นแค่มนุษย์ตัวเล็กๆของสรวงสวรรค์ กิจธุระของเก้าจอมราชันย์เก้าเวหาน่ะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราหรอก พวกเราเปลี่ยนแปลงอะไรก็ไม่ได้ อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ดีกว่า ตกลงไหม?”
“ได้” รู้ดีว่าคงไม่ได้ข้อมูลใดๆจากโม่หย่วนแล้ว จางเซวียนจึงหยุดพูด
ทุกคนเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ไม่ช้าบรรดาลูกศิษย์ของโม่หย่วนก็เริ่มม่อยหลับ ศีรษะพิงหน้าผา แม้แต่โม่หย่วนก็หลับตา ดูไม่ออกว่าเขาหลับไปแล้วจริงๆหรือเปล่า
เหลือแต่จางเซวียนกับเหล่าศิษย์สายตรงของเขาที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่กับพื้น ดูเหมือนกำลังเพ่งสมาธิ ให้กับการฝึกฝนวรยุทธ
พลังจิตวิญญาณที่นี่เบาบางมาก การฝึกฝนวรยุทธจึงเป็นไปได้ยาก แต่ทุกคนก็ไม่อยากเสียเวลา
ล่วงเข้าเที่ยงคืน จางเซวียนกำลังจะลุกขึ้นยืนและบิดขี้เกียจสักหน่อย ก็พอดีกับที่ต้องตัวแข็ง
“ฮะ?”
ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง เขาหันขวับไปยังทิศทางหนึ่งพร้อมกับขมวดคิ้ว
โม่หย่วนก็ลืมตา
เพราะต้องแบกความรับผิดชอบหนักอึ้งในการปกป้องลูกศิษย์ จึงไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ตัวเองหลับ โม่หย่วนตรวจตราสภาพแวดล้อมอย่างถี่ถ้วน จากนั้นก็ตาโตด้วยความตื่นเต้น
เห็นทีท่าของโม่หย่วน จางเซวียนส่งสายตาตั้งคำถาม
“ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด มันน่าจะเป็นสิ่งที่ลูกศิษย์ของผมกำลังตามหาในการปฏิบัติภารกิจ, หมาจิ้งจอกสลาตัน!” โม่หย่วนอธิบายขณะลุกพรวด
จางเซวียนขมวดคิ้วหนักขึ้นอีกเมื่อได้ยินคำตอบนั้น เขาไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับสรวงสวรรค์ จึงแน่นอนว่าไม่มีทางรู้ว่าอสูรชนิดนั้นคืออะไร
โม่หย่วนอธิบายพร้อมกับหัวเราะหึๆ “มันเป็นอสูรสวรรค์ระดับเทพเจ้าขั้นต่ำ ความสามารถในการ โจมตีและป้องกันตัวของมันต่ำกว่ามาตรฐาน แต่มีความว่องไวเหนือชั้น เลือดและแก่นอสูรของมันมีองค์ประกอบของลม ทำให้นักรบที่ได้กลืนกินเข้าไปสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วลื่นไหล ภารกิจนี้มีความเสี่ยงต่ำ แต่ก็ท้าทายไม่น้อย จึงเหมาะสมกับนักเรียน จากการสืบเสาะของผม รังของมันน่าจะอยู่ห่างจากที่นี่โดยใช้การเดินทางราวครึ่งวัน แต่ดูเหมือนตอนนี้เราจะโชคดี!”
หลังจากอธิบายให้จางเซวียนฟัง โม่หย่วนหันไปกระซิบกระซาบลูกศิษย์ของเขา “เสิ่นเฉิง อู๋เฉียวเฉี่ยว ตื่นได้แล้ว!”
แม้เด็กวัยรุ่นเหล่านี้จะผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว แต่ในฐานะนักรบระดับเทพเจ้า พวกเขายังคงมีความระแวดระวังต่อสภาพรอบตัวแม้ยามหลับ เมื่อได้ยินเสียงเรียกของท่านอาจารย์ ต่างคนต่างรีบลุกขึ้นและสลัดความงุนงงออกไป เพียงไม่กี่อึดใจก็เตรียมตัวพร้อมสำหรับการต่อสู้
“มีอะไรหรือ อาจารย์โม่หย่วน?” ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวที่ชื่อเสิ่นเฉิงตั้งคำถามด้วยความสงสัย
“ฟังเอาเองเถอะ” โม่หย่วนพูดขณะชี้นิ้วไป
เสิ่นเฉิงเงี่ยหูฟังครู่หนึ่งก่อนที่นัยน์ตาจะวาววับด้วยความตื่นเต้น “มันคือหมาจิ้งจอกสลาตันใช่ไหม?”
“ใช่” โม่หย่วนพยักหน้า
“เยี่ยมเลย ดูเหมือนวันนี้ภารกิจของพวกเราคงสำเร็จแน่!” เสิ่นเฉิงอุทานอย่างตื่นเต้น เขาลุกพรวดและร้องเรียกเพื่อนร่วมทีม “ทุกคน เตรียมพร้อม! เราจะทำตามแผนที่วางไว้!”
“ได้สิ” ทุกคนกระซิบกระซาบก่อนจะพุ่งออกไปอย่างเงียบเชียบ
การเคลื่อนไหวของพวกเขาถูกวางแผนมาอย่างดี ไม่มีอะไรขาดเกิน ทุกอย่างเงียบกริบ
เห็นภาพนี้ จางเซวียนพยักหน้า
สมกับที่เป็นอัจฉริยะของสรวงสวรรค์ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกคนเป็นนักรบที่มีทักษะพอตัว ถึงจะมีวรยุทธแค่ระดับเทพเจ้าขั้นต่ำ แต่ประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่ประมาทได้
“น้องจาง ระหว่างนี้พวกคุณพักรอที่นี่ก่อน ผมจะออกไปคอยดูพวกเขา” โม่หย่วนพูดและหัวเราะหึๆ ก่อนจะรีบตามลูกศิษย์ของเขาไป
“จ้าวหย่า ฝากดูแลศิษย์น้องและท่านพ่อท่านแม่ของผมด้วยนะ เดี๋ยวผมกลับมา” จางเซวียนสั่งการจ้าวหย่าก่อนจะตามไป
เขารู้สึกว่าหากได้เห็นกับตาว่าลูกศิษย์ของโม่หย่วนจับตัวหมาจิ้งจอกสลาตันด้วยวิธีไหน ก็จะเป็นโอกาสให้เขาได้ประเมินประสิทธิภาพการต่อสู้โดยเฉลี่ยของนักรบทั่วไปในสรวงสวรรค์
เพราะอาการบาดเจ็บของจางเซวียนยังไม่หายดี จึงทำได้แค่ติดตามโม่หย่วนกับบรรดาลูกศิษย์ไป กว่าจะไปถึง เสิ่นเฉิงกับคนอื่นๆก็ตีวงล้อมหมาจิ้งจอกสลาตันไว้แล้ว
หมาจิ้งจอกสลาตันเป็นอสูรขนาดเล็ก ดูออกว่าไม่ได้แข็งแกร่งสักเท่าไหร่ ความได้เปรียบเดียวที่มีก็คือความเร็ว