Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2166 แกคิดจะไปไหน?
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2166 แกคิดจะไปไหน?
ตอนที่ 2166 แกคิดจะไปไหน?
“เด็กพวกนี้ถือว่าไม่เลว” จางเซวียนพึมพำขณะศึกษากระบวนท่าการโจมตีของทุกคนอย่างถี่ถ้วน
เขาเคยคิดว่าบรรดาลูกศิษย์ของโม่หย่วนคงเป็นแค่มือใหม่ โดยเฉพาะอายุของพวกเขาที่ยังน้อย แต่ยุทธวิธีและความยืดหยุ่นที่ทุกคนแสดงให้เห็นบ่งบอกชัดว่าทุกอย่างแตกต่างจากที่เขาคิด
แต่ละคนทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของค่ายกลผนึกกำลังได้เป็นอย่างดีเมื่อสำแดงกระบวนท่าออกมา ทำให้ไม่เปิดช่องว่างใดๆให้หมาจิ้งจอกสลาตันหลุดรอดไปได้ ด้วยเหตุนี้ หมาจิ้งจอกสลาตันจึงหนีไปไหนไม่รอดแม้จะได้เปรียบเรื่องความเร็ว
ก็ไม่แปลกที่โม่หย่วนจะพลั้งปากแสดงอาการดูถูกเหล่าศิษย์สายตรงที่ปรมาจารย์รับไว้ เพราะแค่เฝ้าดูเสิ่นเฉิงกับพรรคพวก ก็เห็นได้ชัดว่านักเรียนของสถาบันตะวันรอนเป็นพวกหัวกะทิ
ไม่ว่าจะเป็นความยืดหยุ่น กาปรับตัว ระยะเวลา หรือสัญชาตญาณการต่อสู้…เสิ่นเฉิงกับคนอื่นๆแสดงออกชัดว่าความสามารถของพวกเขาอยู่ในระดับที่เหนือกว่านักรบธรรมดาสามัญ
“หมาจิ้งจอกสลาตันตัวนั้นไม่น่าหนีรอดไปได้” จางเซวียนตั้งข้อสังเกต
ด้วยความละเอียดถี่ถ้วนของเสิ่นเฉิงกับคนอื่นๆ ไม่มีทางที่พวกเขาจะปล่อยให้หมาจิ้งจอกสลาตันหลุดมือ การต่อสู้ครั้งนี้ถือเป็นอันปิดจ๊อบ
เมื่อรู้ว่าเฝ้าดูต่อไปก็ไม่ได้ประโยชน์ จางเซวียนหันหลังกลับเพื่อไปสมทบกับจ้าวหย่าและคนอื่นๆ แต่หลังจากออกเดินไปได้แค่ 2-3 ก้าว ความคิดหนึ่งก็พลันแวบเข้ามา
ตามความเข้าใจของเขา อสูรส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวอยู่ในอาณาบริเวณจำกัดที่พวกมันยึดถือเป็นดินแดนของตัวเอง นอกจากออกล่าเหยื่อ พวกมันมักไม่ยอมออกนอกอาณาเขตเพราะเกรงจะต้องเสี่ยงอันตราย
เท่าที่ฟังจากโม่หย่วน รังของหมาจิ้งจอกสลาตันน่าจะอยู่ห่างจากที่นี่ออกไปโดยใช้การเดินทางราวครึ่งวัน แล้วทำไมดึกดื่นค่ำคืนแบบนี้…มันถึงยังร่อนเร่ออกมาไกลจากถิ่นของตัวเอง?
นี่มันขัดกับสิ่งที่ควรจะเป็น
จางเซวียนเก็บความสงสัยไว้ เขาเปิดใช้งานดวงตาหยั่งรู้และพิจารณาหมาจิ้งจอกสลาตันอย่างถี่ถ้วน
ร่องรอยการเคลื่อนไหวมากมายทับซ้อนกันไปมาปรากฏต่อสายตาของเขา จางเซวียนใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อแยกแยะว่ารอยไหนเป็นของหมาจิ้งจอกสลาตัน แล้วก็พลันตาโต
รอยเท้าของมันจางมาก บ่งบอกว่ามันอยู่ระหว่างการไล่ล่าบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งระหว่างการตามล่า มันรับรู้ได้ถึงการปรากฏตัวของเสิ่นเฉิงกับนักเรียนคนอื่นๆ ทำให้หันหลังกลับทันทีและออกวิ่งหนี แต่ก็ช้าไป
จางเซวียนแกะรอยเท้าของหมาจิ้งจอกสลาตันอย่างถี่ถ้วนก่อนที่มันจะออกหนี ไม่ช้าเงามืดก็บดบังร่างของเขา
สิ่งที่ทำให้หมาจิ้งจอกสลาตันยอมออกจากรังและตระเวนร่อนเร่ยามค่ำคืนได้จะต้องเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา จางเซวียนรู้สึกว่าผลการสืบเสาะครั้งนี้ไม่ทำให้เขาผิดหวัง
เขาออกเดินไปอีกครู่หนึ่ง ก่อนสุดท้ายจะหยุดกึก
รอยเท้าของหมาจิ้งจอกสลาตันหยุดลงที่ใจกลางป่าทึบ เป็นไปได้ว่านี่คือจุดที่หมาจิ้งจอกสลาตันรับรู้ถึงการปรากฏตัวของเสิ่นเฉิงกับคนอื่นๆเป็นครั้งแรกและตั้งต้นหลบหนี
จางเซวียนเดินลัดเลาะเข้าไปในป่าทึบอย่างช้าๆขณะศึกษาสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างถี่ถ้วน
พระจันทร์เสี้ยวที่อยู่กลางอากาศไม่ได้ให้แสงสว่างมากนัก แถมยังมีเงาไม้บดบัง ทำให้ทุกอย่างมืดครึ้มกว่าเดิม จางเซวียนพบว่าทัศนวิสัยของเขาแย่ลงเรื่อยๆแม้จะเปิดใช้งานดวงตาหยั่งรู้
สุดท้ายเขาก็มาถึงจุดที่รอยเท้าหยุดลงและตั้งต้นตรวจสอบสภาพแวดล้อมอย่างละเอียด
แต่นอกจากพืชธรรมดาสามัญบางชนิด เขาก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดที่ผิดทาง ไม่มีร่องรอยใดๆบอกเขาได้เลยว่าหมาจิ้งจอกสลาตันกำลังตามหาอะไร
ความแปลกประหลาดนี้ยิ่งทำให้จางเซวียนอยากรู้มากขึ้น
หมาป่าสลาตันคงไม่ยอมเสี่ยงถึงขนาดออกจากรังยามวิกาลเพียงเพื่อไล่ล่าอะไรบางอย่างที่ไม่ได้สลักสำคัญ เพราะฉะนั้นจะต้องมีบางสิ่งอยู่แถวนี้ เพียงแต่เขาต้องหาให้เจอว่ามันคืออะไร
จางเซวียนไม่ได้ใช้หอสมุดเทียบฟ้าเลยตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา และพืชพรรณต่างๆในสรวงสวรรค์ก็แตกต่างจากที่มีในมิติเบื้องบนกับทวีปแห่งปรมาจารย์ เขาจึงระบุสายพันธุ์ของมันอย่างแน่ชัดไม่ได้ แต่ด้วยนัยน์ตาหยั่งรู้ เขาก็ยังพอบอกได้ว่าชนิดไหนปลอดภัยพอจะกินเข้าไปหรือไม่
หรือต่อให้การคาดการณ์ของจางเซวียนผิดพลาด ก็ยังมีผู้ที่มีสภาวะกายพิษแต่กำเนิดอยู่ในกลุ่ม เขาสามารถทดลองกับเธอก่อนได้ ซึ่งถ้าเธอพบว่าพืชชนิดนั้นไม่น่าพอใจ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะกินมันได้โดยไม่เกิดพิษภัยร้ายแรง
จางเซวียนใช้ดวงตาหยั่งรู้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จึงรู้ดีว่ามันมีประสิทธิภาพดีเมื่ออยู่ในสรวงสวรรค์ ถ้าหมาจิ้งจอกสลาตันกำลังตามล่าบางอย่างอยู่จริงๆก็ไม่มีทางที่เขาจะไม่พบร่องรอยของสิ่งนั้น
นั่นทำให้เหลือความเป็นไปได้เพียงข้อเดียว…สิ่งที่หมาจิ้งจอกสลาตันกำลังตามหายังอยู่แถวนี้!
จางเซวียนจึงสำรวจบริเวณโดยรอบต่อไป แต่ก็ยังไม่พบอะไรที่น่าสนใจมากพอ
ถึงตอนนี้ หน้าตาของเขายู่ยี่
เว้นเสียแต่สิ่งที่หมาจิ้งจอกสลาตันตามหาจะบินได้หรือดำดินได้ ก็ไม่มีทางที่เขาจะไม่พบอะไรเมื่อเปิดใช้งานดวงตาหยั่งรู้
แต่ถ้าสิ่งนั้นบินได้ หมาจิ้งจอกสลาตันก็คงไม่มีทางได้มันมา แปลว่ามันอยู่ใต้พื้นดินหรือ?
จางเซวียนจ้องดูพื้นดินแห้งผากที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา แต่ก็ไม่มีร่องรอยการถูกขุด ขณะที่กำลังสับสน สายตาของเขาก็พลันสะดุดที่หญ้าป่าชนิดหนึ่งซึ่งมีใบสีเขียวสดเรียวยาวราวกับใบมีด
หญ้าป่าชนิดนี้ไม่ได้ดูแปลกแยกจากสภาพแวดล้อมโดยรอบ แต่จางเซวียนรู้สึกได้ถึงบางอย่างทันที เขาสำรวจพื้นที่นี้เพื่อเสาะหาหญ้าป่ามาอย่างน้อยก็ 10 ครั้งแล้ว แต่ไม่เคยเห็นหญ้าป่าที่มีใบเรียวยาวราวกับใบมีดมาก่อน
ถ้ามันอยู่ตรงนี้มาตลอด เขาคงเก็บมันไปนานแล้ว ไม่มีทางที่จะปล่อยให้ยังอยู่ถึงตอนนี้
จางเซวียนจึงเดินเข้าไปสัมผัสต้นหญ้า
วิ้งงง!
หนังสือเล่มหนึ่งปรากฏในหัวสมองของเขา
“หญ้าโบราณอสูรเขียว เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดพิเศษที่สามารถเปลี่ยนสภาพกลับไปมาได้อย่างอิสระระหว่างอสูรกับหญ้าที่มีใบเรียวยาว คุณสมบัติทางยาของมันคือความสามารถในการบ่มเพาะจิตวิญญาณ หากผสมกับเลือดของอสูรม่าหยาง ยาที่ได้จะมีอานุภาพในการยกระดับจิตวิญญาณของเทพเจ้าให้เข้าสู่ระดับของเทพเจ้าสวรรค์สร้าง ข้อ 1: มีคุณสมบัติเป็นพิษร้ายแรง เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ หากถอนพิษไม่ได้ ต่อให้จิตวิญญาณของผู้นั้นจะแข็งแกร่งขึ้นอีกมากภายใต้อานุภาพการบ่มเพาะของมัน แต่ร่างกายของเขาจะค่อยๆเสื่อมสภาพเพราะผลของยาพิษ ข้อ 2: เป็นสมุนไพรที่หายากมากในสรวงสวรรค์…”
จางเซวียนตาโต
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาใช้หอสมุดเทียบฟ้าได้ คงถูกอีกฝ่ายหลอกตาไปแล้ว
มันดูไม่ต่างอะไรกับหญ้าทั่วไป ถึงขนาดที่แม้ใช้ดวงตาหยั่งรู้ก็บอกความแตกต่างไม่ได้
สิ่งนี้เหมือนถั่งเช่าในชีวิตเก่าของเขา ในฤดูหนาวมันจะมีสภาพเป็นหนอน ส่วนในฤดูร้อนจะกลายเป็นพืช และขึ้นชื่อเรื่องคุณสมบัติทางยา
โชคดีเหลือเกินที่บังเอิญมาเจอทรัพย์สมบัติล้ำค่าแบบนี้ ลำพังแค่อานุภาพของมันที่ยกระดับจิตวิญญาณจากเทพเจ้ามาเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างก็เกินพอจะบ่งบอกถึงคุณภาพของฤทธิ์ยาแล้ว
ไม่น่าแปลกใจที่หมาจิ้งจอกสลาตันยอมฝ่าอันตรายยามค่ำคืนออกมาเพื่อตามหามัน
ส่วนคุณสมบัติที่มีฤทธิ์เป็นยาพิษ ในฐานะนักรบที่ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทียบฟ้า เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา
เมื่อรู้คุณค่าของพืชที่อยู่ตรงหน้า จางเซวียนก็ไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือ เขายื่นมือออกไปคว้ามันทันที
หญ้าโบราณอสูรเขียวดูจะรู้ว่าจางเซวียนตั้งใจจับตัวมัน มันกระโจนพรวดขึ้นจากพื้นดินและพุ่งออกไป การเคลื่อนไหวของมันรวดเร็วเสียจนเหมือนมีกระแสลมกรรโชกพัดผ่าน
“แกคิดจะไปไหน?”
เหตุผลเดียวที่ก่อนหน้านี้จางเซวียนต้องลำบากลำบนแม้กระทั่งจับกระต่ายสักตัวก็ไม่ได้ก็เพราะเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส พลังงานและความสามารถทุกอย่างลดลงไปหมด แต่หลังจากอิ่มแปล้กับอาหารเย็นมื้อใหญ่ ก็ได้พละกำลังกลับคืนมาไม่น้อย ถ้าในสภาพนี้เขายังจับไม่ได้แม้แต่หญ้าต้นหนึ่ง คงไม่อาจสู้หน้าใครได้อีก
ในชั่วพริบตา เขาก้าวพรวดออกไปทีเดียว 8 เมตรและยื่นมือออกไป
พลังงานสวรรค์ระเบิดออกจากปลายนิ้วของเขาและถักทอเข้าด้วยกัน เกิดเป็นตาข่ายแน่นหนา
หัวใจเส้นด้ายสอดประสานพันปม!
ด้วยประสิทธิภาพของศิลปะเพลงดาบที่เหนือชั้นกว่าแม้แต่ศิลปะเพลงดาบเทียบฟ้า หญ้าที่มีใบเรียวยาวราวกับใบมีดก็ถูกจับไว้อย่างรวดเร็ว
จางเซวียนหยิบหญ้าโบราณอสูรเขียวขึ้นมาและถ่ายทอดพลังจิตวิญญาณของเขาเข้าไป เพียงครู่เดียวก็รู้สึกได้ถึงพลังงานบ่มเพาะที่ไหลกลับเข้าสู่จิตวิญญาณของเขา ทำให้อบอุ่นซาบซ่านไปทั้งตัว
ด้วยความพอใจกับผลการออกล่าวันนี้ จางเซวียนใช้ตาข่ายกระแสดาบฉีอีกอันหนึ่งคลุมหญ้าโบราณอสูรเขียวไว้เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะไม่มีโอกาสหลบหนี ก่อนจะใช้เสื้อตัวหนึ่งห่อไว้อีกชั้น
วรยุทธของจิตวิญญาณของเขาในเวลานี้อยู่ในระดับเทพเจ้าขั้นต่ำ ถ้าเขาสามารถยกระดับมันขึ้นไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้าง ก็มั่นใจว่าจะสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเทพเจ้าสวรรค์สร้างคนอื่นๆได้!
หลังจากเก็บสมุนไพรไว้อย่างมิดชิดแล้ว จางเซวียนก็รีบกลับสู่จุดรวมพลบริเวณที่จ้าวหย่ากับคนอื่นๆรออยู่ เมื่อมาถึง ก็เห็นโม่หย่วนกับลูกศิษย์ของเขากลับมาแล้ว มีหมาจิ้งจอกสลาตันอยู่ในมือ มันดิ้นรนต่อสู้สุดกำลัง แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงชะตากรรมได้
เป็นอย่างที่จางเซวียนคิดไว้ พวกนั้นจับตัวหมาจิ้งจอกสลาตันได้โดยแทบไม่มีปัญหาอะไร
เขาเดินเข้าหาอีกฝ่ายและยิ้มให้ “ยินดีด้วย พวกคุณปฏิบัติภารกิจสำเร็จแล้ว!”
“น้องจาง คุณไปไหนมา?” โม่หย่วนถาม
เขาออกจะแปลกใจเล็กน้อยเมื่อกลับมาแล้วไม่พบจางเซวียน
“ผมอยากเห็นว่าพวกคุณจับตัวหมาจิ้งจอกสลาตันอย่างไร เมื่อครู่นี้จึงตามไป แต่บังเอิญตามไม่ทันและหลงทางไปครู่หนึ่งตอนที่พยายามคลำทางกลับมา” จางเซวียนพูด
“คุณนี่ทึ่มจริงๆ อุตส่าห์หลงทางได้ทั้งที่ระยะทางก็ใกล้แค่นี้!” สาวน้อยคนหนึ่งที่เป็นลูกศิษย์ของโม่หย่วนมองจางเซวียนด้วยสายตาเหยียดหยาม
คนพวกนี้เกือบทำให้กลุ่มของเธอปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จ หากพวกเขาแข็งแกร่งก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายโง่เง่าเสียจนเพียงแค่ระยะทางสั้นๆก็ยังหลง มันเรื่องอะไรพวกเธอถึงต้องยุ่งเกี่ยวกับคนหัวขี้เลื่อยแบบนี้?
ที่สำคัญกว่านั้น ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่เสิ่นเฉิงก็สนใจเธอมาตลอด แต่กลับไม่เหลียวแลเธออีกเลยตั้งแต่แม่สาวสองสามคนนั่นปรากฏตัว แค่คิดเรื่องนี้ก็ทำให้เธอโมโหเดือด